Bloggang.com : INDYINDARE.IC :

REVIEW ::: '' ประสบการณ์ ONE DAY MAKEOVER วันเดียว ก็ดูดีได้ '' @PRUKSA CLINIC

ฮาโหลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน
วันนี้แป้งจะมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมวันเดย์เมคโอเวอร์กับพฤกษาคลินิค
สถานที่จัดงานในวันที่ 1 กันยายน 2555 คือที่พฤกษาคลินิก สาขาอารีย์ (ซอยพหลโยธิน 7)ค่ะ
โดยงานจะเเบ่งเป็นสองพาร์ทคือ พาร์ทแรกจะเป็นการบรรยายข้อมูลของตัวยา Dysport
และอีกพาร์ทคือ การเมคโอเวอร์ โดยคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงค่ะ. :))

โดยผู้ประสานงานโดยตรงคือทีมงานจากทาง Nuffnang Thailand ทีมเอเจนซี่ที่น่ารัก Smiley

<<== เอาล่ะ เรามาเริ่มเล่าเรื่องราวประสบการณ์อันแสนประทับใจกันเลยดีกว่า ==>>
กิจกรรมในวันนั้นจะเน้นความสำคัญไปที่การปรับรูปหน้าและลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
ด้วยเทคนิค Dermolift (เดอร์โมลิฟ) สารเติมเต็มชนิดฉีด (Filler)
การร้อยไหม (Thread lifting)และการผลัดผิวทางการแพทย์ (Dermo Peeling) ค่ะ.

ในงานจะเปิดตัวคุณหมอที่จะมาให้ความรู้และเคล็ดลับรวมไปถึงวิธีการแก้ไขรูปหน้าของเรา
ว่าเราเหมาะที่จะทำอะไรและใช้สารฉีดตัวไหนบ้างที่ดีที่สุดและให้ผลนานที่สุดค่ะ
คุณหมอในวันนั้นที่มาเป็นวิทยากรให้ความรู้และเมคโอเวอร์กับสาวๆคือ..
นพ. ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล คุณหมอเป็นแพทย์เชียวชาญด้านการปรับโครงสร้างใบหน้า
ด้วยเทคโนโลยี เป็นแพทย์ผู้ฝึกสอนให้แพทย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ซึ่งในปัจจุบันเป็นแพทย์ประจำพฤกษาคลินิกค่ะ.

คุณหมอบอกว่าโบท็อกซ์ตัวนี้ จะช่วยทำให้หน้าใสขึ้น. ลดความมันช่วง T-ZONE,
ริ้วรอยลดลง. และช่วยดูแลผิวชั้นลึกของเราให้ด้วยยยยย"
:: ได้ยินแค่นี้ก็กริ๊ดสลบแล้วค่ะ :: Smiley

คุณหมอบอกว่าอัตราส่วนลักษณะรูปหน้าที่สวยคือ (Golden Ratio) 1.618 : 1 : 1.618

คุณหมอน่ารักและเป็นกันเองมากๆ ทั้งๆที่เพิ่งกลับมาจากเกาหลีตอนกลางคืน เช้าก็ต้องมาบรรยายต่อ
หลังจากที่ทำความรู้จักกันพอสมควรแล้วเราก็ได้รับแฟ้มเอกสารข้อมูลของตัวยา
ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและช่วยแก้ไขรูปหน้าบริเวณกล้ามเนื้อกรามให้เรียวได้รูปด้วยการฉีดสาร
ที่ชื่อว่า Botulinum toxin-A /โบทูลินั่มท็อกซิน จากอังกฤษ(เป็นสารลดเลือนริ้วรอยชนิดฉีด)
มีต้นกำเนิดตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1986

..
..

ตัวยาที่คุณหมอจะใช้กับเราที่คลินิคในครั้งนี้จะใช้ตัวยา Dysport® 500 Units ในกิจกรรมนี้ค่ะ.
((“Dysport® 500 Units ; Faster onset, Longer duration with Natural look”))
ซึ่งดิสพอต® 500 ยูนิตตัวนี้มันมีความสามารถเยอะมากที่จะช่วยลดเลือนริ้วรอย
ได้อย่างเป็นธรรมชาติเห็นผลเร็วกว่า เรียบเนียนนานกว่า และอยู่ได้นานกว่า”
..
..

โบทูลินั่มท็อกซินจากอังกฤษมั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัย
เพราะใช้เทคโนโลยีการผลิตชั้นสูงในการ สกัดตัวยาจากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum
(คลอสทริเดียม โบทูลินั่ม) จนมีความบริสุทธิ์สูง ทำให้มีคุณลักษณะแตกต่างจากยี่ห้ออื่นทั่วไป
ในท้องตลาด เพราะผลิตด้วยนวัตกรรม Lyophyllisation(ไลโอฟิลไลเซชั่น)
หรือการทำให้ตัวยาแห้งโดยความเย็นอย่างรวดเร็ว ไม่ทำลายตัวยา ซึ่งเป็นสารประกอบโปรตีน
(ที่เสื่อมสภาพได้ง่ายด้วยความร้อนจากการทำให้แห้งด้วยเทคโนโลยีแบบเดิมๆ)
ผลดี คือ ประสิทธิภาพยา และ ความคงตัวของยาที่ดีกว่ายี่ห้ออื่น

Dysport เป็นโบทูลินั่มท็อกซินชนิดเดียวในท้องตลาดที่มีขนาด500ยูนิตยังไม่มีสินค้าเลียนแบบ
สามารถใช้ทดแทนยี่ห้อเดิมๆ ได้ที่ความแรงในการรักษาเท่าๆกันเท่ากับ 2 ขวดของยี่ห้อเดิม
ในราคาที่ย่อมเยากว่าถึง 25-40 %. แล้วยังเป็นสินค้าคุณภาพสูงจากอังกฤษมีความบริสุทธิ์สูง
ผ่านงานวิจัยทางการแพทย์ทั้งใน และต่างประเทศ เรื่องประสิทธิภาพ และความปลอดภัย
มายาวนานกว่า 30 ปี. เป็นที่ยอมรับทั่วยุโรปมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ ในด้านประสิทธิภาพการลดเลือน
ริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังเห็นผลเร็ว และ ยาวนานกว่า. เป็นผู้นำนวัตกรรมการลดเลือน
ริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติด้วย เทคนิค “ Dermolift® ” (เดอร์โมลิฟ®) ที่ทำให้การจัดเรียงตัว
ของคอลลาเจนในชั้นผิวหนังดีขึ้นมันจะช่วยยกกระชับใบหน้าให้เรียวเล็ก และลดเลือนริ้วรอย
ไปพร้อมๆกัน. ซึ่งแพทย์ส่วนใหญ่ที่เลือกใช้ เพราะลดเลือนริ้วรอยได้ละเอียด,เรียบเนียนสวยงามกว่า
ทั้งริ้วรอย เล็กและใหญ่ ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง และมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส ลดเหงื่อ
ที่ออกบริเวณหน้าผาก และขมับ พร้อมไปกับการลดเลือนริ้วรอย. มั่นใจได้ว่าตัวยาตัวนี้ได้รับผ่าน
การรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา EU และ ประเทศไทยมาแล้วด้วยค่ะ. ^____________^

:: ความปลอดภัยและประโยชน์ของ Dysport ::

=> ใช้ฉีดรักษาริ้วรอย และลดปริมาณเหงื่อในจุดที่ไม่พึงปรารถนา
ใช้ได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะริ้วรอยบนในหน้า ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง

=> กลไก คือ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่รัดผิวหนังให้เป็นรอยพับ รอยยับ รอยย่นให้อ่อนแรง
ริ้วรอยต่างๆจะแลดูจางลง แถมยังช่วยลดกรามจากการคลายกล้ามเนื้อพยุงกรามได้อย่างดี

=> ส่วนเรื่องกลไกการลดเหงื่อ คือ ตัวยาจะไปช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อให้ลดลง
ทำให้ลดเหงื่อ และปัญหากลิ่นตัวได้อีกด้วย.

=> ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลเพราะแต่ละคนจะมีการแสดงอารมณ์บนใบหน้า
ที่แตกต่างกัน ทิศทางและขนาดของกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ต่างกัน
ส่วนใหญ่จะเห็นผลภายใน 2-7 วัน และอาจคงสภาพอยู่ได้นาน 3-8 เดือน
ในขณะที่การใช้ลดเหงื่อก็ให้ผลที่แตกต่างในแต่ละบุคคลเช่นกัน

=> ความปลอดภัย ทางการแพทย์ยอมรับว่าให้ใช้ได้ในเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 2 ขวบ
เพื่อการรักษาโรคบางชนิด แต่ส่วนใหญ่อายุที่ใช้ยาได้อย่างปลอดภัย

=> เกิดผลข้างเคียงน้อย คือ อายุ ตั้งแต่ 15-50 ปี เพราะความแข็งแรงและมวลของกล้ามเนื้อ
ยังมีอยู่มาก และส่วนใหญ่ริ้วรอยของคนกลุ่มนี้ก็เกิดจากการทำงานมากเกินปรกติ
ของกล้ามเนื้อบนใบหน้า

=> ปัจจุบัน มีวิธีใหม่ในการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า นวัตกรรมการลดเลือนริ้วรอย
อย่างเป็นธรรมชาติด้วย เทคนิค “ Dermolift® ” (เดอร์โมลิฟ®)
ที่ทำให้การจัดเรียงตัวของคอลลาเจนในชั้นผิวหนังดีขึ้น
ช่วยยกกระชับใบหน้าให้เรียวเล็กและลดเลือนริ้วรอยไปพร้อมๆกัน

=> สามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่นๆในการลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และปลอดภัย เช่นใช้ร่วมกับครีมบำรุงผิวลดเลือนริ้วรอย Kinerase

=> สารเติมเต็มชนิดฉีด (Filler) การร้อยไหม (Thread lifting)
การผลัดผิวทางการแพทย์ (Dermo Peeling) หากเป็นวิธีอื่นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
การดูแล หลังจากการฉีด โบทูลินั่มท็อกซิน จากอังกฤษ (สารลดเลือนริ้วรอยชนิดฉีด)
**ควรนั่ง หรือ ยืนพัก แต่ไม่ควรนอนราบเป็นเวลา 4 ชั่วโมง**

=> ห้ามประคบร้อน ซาวน่า ไอออนโต โฟโน หรืออยู่ในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปรกติ
ประมาณ 7-14 วัน , ห้ามนวดคลึง บริเวณที่ฉีด เว้นแต่แพทย์จะแนะนำ

=> มีความคุ้มค่ากว่า ด้วยประสิทธิภาพยา ที่ลดริ้วรอยทั้งเล็กและใหญ่ ตื้นและลึก
ได้แลดูเรียบเนียนกว่า / เห็นผลเร็วกว่า / คงสภาพได้นานกว่า
แถมยังแลดูเป็นธรรมชาติมากกว่า

..
..
..

:: ข้อดีของ Dysport ::

=> สามารถใช้รักษารอยย่นต่างๆที่เกิดจากการแสดงสีหน้าได้ผลดี
โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมเลย.

=> ใช้เวลาในการฉีดแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น!! ไม่ต้องพักฟื้น!!

=> ไม่ต้องเสียเงินมากมายไปกับค่าผ่าตัด หรือต้องเจ็บปวดแผลหลังผ่าตัด.
ไม่ต้องกังวลกับรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดด้วย.
ที่สำคัญปลอดภัยจากอาการแทรกซ้อนรุนแรงค่ะ.

=> ใช้ยาในปริมาณที่น้อยมาก และใช้เข็มที่มีขนาดเล็กที่สุดในการฉีด.
ตอนฉีดจะรู้สึกเหมือนแค่มดหรือยุงกัด

=> เห็นผลเร็วมาก. ไม่กี่วันก็รู้สึกเลยว่าริ้วรอยหายไป.
(บางคนก็ภายใน 24 ชั่วโมงก็มี)

=> ใช้ได้ผลดีเท่ากันทั้งผู้หญิงและผู้ชายค่ะ.

=> นำไปใช้ร่วมกันกับคอลลาเจน / ฟิลเลอร์ / หรือเลเซอร์ได้.

..
..
..

:: NOTE ::
- การฉีด BTA จะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนมาเท่านั้น
- ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์ หรือหญิงที่ให้นมบุตร.
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการทำงานของประสาทกล้ามเนื้ออ่อนแรง

..
..
..

:: คำแนะนำในการปฏิบัติตัวของผู้ที่ได้รับการฉีด Botulinum toxin-A ::

ก่อนฉีด

1. สอบถามข้อมูลจากแพทย์ เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง
2. ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันตามปกติ ทำจิตใจให้สบาย
3. ไม่รับประทานยาแอสไพริน ยาขยายหลอดเลือด หรือยาป้องกัน
การแข็งตัวของหลอดเลือดก่อนได้รับการฉีด 7 วัน
4. เช็ดเครื่องสำอางออก ล้างหน้าให้สะอาด
5. ประคบด้วยความเย็น หรือทายาชาบริเวณที่จะฉีดเพื่อลดอาการปวด

หลังฉีด

1. ใช้สำลีกดห้ามเลือดบริเวณที่ฉีดเบาๆ
2. ประคบด้วยความเย็นบริเวณที่ฉีดอีกครั้งเพื่อลดอาการปวด หรือบวม
3. ไม่ขัด ถู คลึง นวด บริเวณที่ฉีด หรือใบหน้า หลังได้รับการฉีด 4 ชม.
เพื่อป้องกันยาแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ
4. ไม่ทำทรีทเมนต์ต่างๆ กับใบหน้า เช่น ซาวด์น่า ไอออนโต โฟโน
หลังได้รับการฉีด 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันยาแพร่กระจายไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ
5. ไม่นอนราบหลังการฉีด 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันยาแพร่กระจายไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่น
6. สามารถล้างหน้า ทาครีม ทาแป้ง แต่งหน้า ได้ตามปกติ
7. พยายามแสดงสีหน้าบ่อยๆ เช่น ถ้าฉีดบริเวณรอยตีนกาให้ยิ้มบ่อยๆ,
ถ้าฉีดบริเวณรอยย่นขมวดคิ้ว ให้ขมวดคิ้วบ่อยๆ, ถ้าฉีดบริเวณหน้าผาก ให้เลิกคิ้วบ่อยๆ
เพื่อให้ยาอยู่เฉพาะจุดที่ฉีด ไม่กระจายไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการประมาณ 30 นาที.

..
..
..

[รูปนี้พยายามเบลอชื่อแบรนด์ถุงเสื้อผ้าที่เพิ่งช็อปปิ้งมาค่ะ
ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าจะยกถุงขึ้นมาทำไม 5555 ]

หลังจากที่ได้ฟังการบรรยายจากคุณหมอจบเรียบร้อยแล้ว
ทีมงานและสื่อมวลชน เหล่าบรรดาเซเลปบริตี้ บล็อกเกอร์ทุกคนก็เดินไปลงทะเบียน
และให้สื่อมวลชนถ่ายรูปเดี่ยวเพื่อนำรูปไปทำเป็นของที่ระลึกให้ค่ะ.
ซึ่งวันนั้นคนเยอะมากๆ ตื่นตาตื่นใจจริงๆเลย มีแต่คนสวยๆ เราไม่สวยก็ได้แต่ยืนมองใจเต้นตุ่บๆ 55

พี่วา (Aiwa.com) เจ้เอ๋ (A Princess) และอิชั้น(indyindare.com)
โพสตัวอ้วนๆใส่กล้อง ฮ่าๆๆ สนุกสนานกันไปค่ะ.
ตากล้องและทีมงานที่มางานน่ารักกันทุกคนเลย ^_^

ปรกติก็จะถ่ายรูปตัวเอง ใช้ขาตั้งกล้องบ้าง ถือถ่ายตัวเองบ่อยๆ
ไปงานแบบนี้เจอตากล้องมืออาชีพหรือไม่มืออาชีพ
อินทุภาก็ยังไม่ชินเลยค่ะ >< ใจสั่นๆ เกร็งๆ พยายามบีบตัวอวบอ้วนให้ดูเพรียวที่สุด
เท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ อิอิ 5555 Smiley

..
..

ก่อนที่เราจะเข้าไปพบกับคุณหมอให้ปฎิบัติการปรับรูปหน้า
ก็จะมีทีมงานของทางคลินิคสอบถามว่าเราจะแก้ไขจุดไหนบนใบหน้าบ้าง
หรือจะรอไปถามคุณหมอเพื่อให้คุณหมอตัดสินใจก็ได้ อันนี้แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะเลือกแบบไหน
แต่แป้งเองไม่เคยมีประสบการณ์ฉีดโบท็อกซ์หรือร้อยไหมมาก่อนก็เลยต้องรอปรึกษาคุณหมอค่ะ
(ตอนแรกหมอจะฉีดลดขนาดกราม ไปๆมาๆ หมอบอกว่าคงต้องฉีดทั้งหน้านะ. จัดเต็มเลยนะ!!)
หมอน่ารักมากๆค่ะ จัดเต็มให้จริงๆ แป้งก็ไม่ปฎิเสธเลยด้วย ฮาๆ Smiley

เมื่อคุณหมอวิเคราะห์ให้เราเรียบร้อยแล้วว่าเราควรจะต้องทำจุดไหนบนหน้าบ้าง.
ทางผู้ช่วยคุณหมอก็จะป้ายยาชา (ที่แป้งไม่ค่อยรู้สึกชาเลยยยยยย 5555)
ยาชาจะเป็นครีมสีขาวข้นๆนะคะ ป้ายๆแล้วจะรู้สึกว่ามันเย็นๆเกาะผิวเลย
ตอนแรกไม่คิดว่าจะหมอจะจัดให้เยอะก็เลยไม่ได้คลีนหน้าค่ะ แค่ป้ายยาชาเฉยๆ
แต่ตอนทำก็ไม่เจ็บนะคะเพราะทางผู้ช่วยคุณหมอประคบเย็นตลอด มันชาตรงนี้นี่เอง 55

ระหว่างป้ายยาชาแล้ว ก็รอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 10-30 นาทีค่ะ.
ออกมานั่งในห้องโถงตรงโซนต้อนรับด้านนอก เพราะด้านในตากล้องและดาราเซเลปเยอะสุดๆ

ทีมงานน่ารักทุกคนเลย ประทับใจมากๆเลยค่ะ ไม่อึดอัด ผ่อนคลาย เป็นกันเองมาก Smiley

และแล้วก็ถึงคิวของเราแล้วล่ะ ตื่นเต้นมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ Smiley

ผู้ช่วยคุณหมอจะจัดคิวให้เข้าไปทำการปรับรูปหน้ากับคุณหมอครั้งละ 3 คนเท่านั้น
แต่จะมีบรรดาสื่อมวลชนและทีมงานจากภาคต่างๆมาคอยเก็บข้อมูลและเก็บภาพกันเยอะมากๆค่ะ
ทำให้บรรยากาศที่ดูน่ากลัว หรือที่กังวลกลายเป้นผ่อนคลายไปเลยทันทีเพราะเพื่อนเต็มห้องเลย 55
แต่พอถึงเวลาจะโดนจิ้มจริงๆ แค่เห็นคุณหมอจับเข็มฉีดยาก็ขนลุกแล้ววววว ><

บรรยากาศตอนกำลังเตรียมการค่ะ.

ขนลุกเลยทีเดียว......

ผู้ร่วมทริป(ฉีดโบท็อกซ์ เมคโอเวอร์ในรอบนี้กับแป้งคือ พี่วา และพี่เอ๋ค่ะ ^0^)

คนแรกที่จะฉีดคือ .... แป้งเองค่ะ >0< ตื่นเต้นมาก มือเย็นเฉียบ เกร็งไปหมด
ตอนแรกก็กลัวเจ็บนะคะ เกิดมานอกจากฉีดวัคซีนตอนเด็กก็มีเมื่อสองปีที่แล้วผ่าตัดใหญ่(ไส้ติ่ง)
แล้วก้ครั้งนี้ที่จะโดนเข็มฉีดยาจิ้มที่ผิวหนังอีกครั้ง.

มาเสียเวลากับแป้งเยอะนานกว่าสิบนาทีเพราะตอนแรกทางผู้ช่วยแค่ทายาชาและไม่คลีนหน้าให้
ทำให้ต้องเสียเวลาคลีนหน้าอีกครั้งก่อนฉีดจริงค่ะ. หมอมือเบามากๆ และพูดเพราะ
ทำให้เราผ่อนคลายค่ะ. หมอจะบอกให้กัดฟัน / ปล่อย / กัดฟัน / ปล่อย ....
เพื่อเป็นการเกร็งกล้ามเนื้อที่จะฉีดเจ้า Dysport ลงไปที่กล้ามเนื้อ.
คือการฉีดลงไปที่กล้ามเนื้อคุณหมออธิบายในข้างต้นตอนบรรยายไว้ว่า
จะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อที่ใหญ่ที่มันเป็นปัญหาทำให้หน้าเราใหญ่หรือบาน
เราก้จะฉีดลงไปที่กล้ามเนื้อส่วนนั้น มันจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นของเราอ่อนแรงลง
วิธีที่คุณทำคือ คลำดูก้อนเนื้อบริเวณกรามข้างที่ให้เรากัดฟันกราม. ถ้ามันเป็นก้อนก็ฉีดที่ก้อนนั้น.
ซึ่งสาเหตุจะมีหลายสาเหตุค่ะ. เช่นชอบเคี้ยวอาหารข้างเดียว. กรามใหญ่ข้างเดียว
นอนกัดฟันกรามบ่อยๆ. เคี้ยวอาหารนานเกินไป. เป็นต้น

การทำงานของ Dysport คือไปลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กและบางลง
คุณหมอบอกว่าจะเห็นผลหลังจากฉีดไปแล้วประมาณ 1 เดือน.
และหน้าเราจะเข้าที่เล็กลงที่สุดประมาณ 3 เดือนหลังจากฉีด.
และจะทำให้หน้าของเราเรียวอยู่ได้นานหลายเดือน อยู่ที่วินัยการดูแลตัวเองด้วยนะคะ
บางคนก็อยู่ได้ 3-4 เดือน. บางคนก็อยู่ได้ 6 เดือน บางคนก็นานถึง 1-2 ปีเลยทีเดียวค่ะ.

:: ปัญหาของแป้งที่คุณหมอวิเคราะห์แล้วจะต้องทำในส่วนใดบนใบหน้า(ใหญ่ๆ)บ้าง คือ... ::
1. หน้าผาก :: เวลาแสดงอารมณ์มากๆ จะมีรอยย่นที่หน้าผาก. ต้องลบรอยย่น.
2. กราม :: กล้ามเนื้อกรามทั้งสองข้างใหญ่ ต้องลดขนาดลง.
3. เหนียง(เนื้อข้างแก้ม) :: เนื้อข้างแก้ม(หรือกราม)มีเยอะมาก (555555)
ต้องร้อยไหมกระชับใบหน้า.
4. หางตา :: เริ่มมีริ้วรอยตีนกา. ต้องลดริ้วรอย.
5. ระหว่างหัวคิ้ว :: ชอบขมวดคิ้วเวลาแสดงอารมณ์โดยไม่รู้ตัว. ต้องลบรอยย่น.

อันดับแรกคือ " ฉีดลดขนาดกล้ามเนื้อกรามให้บางหรือเล็กลง "
เจ็บมากมั้ย? ... ไม่เจ็บค่ะ คุณหมอมือเบามากกกกกกกกกกกก แทบไม่รู้สึกเลย
และผู้ช่วยก็ประคบเย็นตลอด มันทำให้ผิวบริเวณนั้นชามากเลย ไม่เจ็บเลยค่ะ .
(ในรูปนี่เหมือนเจ็บมาก แต่ความจริงคือมันเกร็งไปเอง 5555)

ต่อมา คือ " ฉีดลบรอยย่นที่หน้าผาก. หางตา. และระหว่างคิ้ว "
ตรงนี้ช่วงที่ฉีดที่หางตาไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ค่ะ หน้าผากก็เจ็บนิดหน่อย แต่ระหว่างคิ้วก็เจ็บบ้าง
โดยรวมแล้วรับไหวค่ะเพราะคุณหมอมือเบามากจริงๆ ต้องยอมรับในฝีมือเลยและทำงานเร็วมากด้วย.

สุดท้ายคือ " ร้อยไหมกระชับรูปหน้า "
ฟังจากประสบการณ์ของพี่ๆหลายคน ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ็บมากกกกกก
ตอนนั้นยอมรับว่างงๆเพราะไม่รู้ว่าต้องร้อยไหม พอคุณหมอพูดว่า "เรามีเนื้อข้างแก้มเยอะ มีเหนียง
ร้อยไหมเลยแล้วกันเนอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว" ตอนนั้นก็ตกปากรับคำให้หมอทำไปเลย
พออีกวินาทีนึกได้ว่าพี่ๆเค้าบอกเจ็บมากนี่นาาาา แว๊กกกกกกกกก ใจสั่นสุดๆ ทำหน้าแหยทันที
ตากล้องก็มือไวมาก กดชัตเตอร์รัวยิกๆๆๆๆๆ รูปเราแต่ละรูปนี่แบบว่า ... นึกว่าอึ่งอ่างที่ไหน 555
แต่วินาทีนั้นคือเราแทบไม่รู้สึกเลยว่าหมอแทงเข็มลงไปตอนไหน *0*
" คุณหมอมือเบาเหมือนไม่ได้ทำ " กล้าพูดเต็มปากเลยว่า " แทบไม่รู้สึกอะไรเลย "
ที่เกร็งเพราะหมอบอกอยู่นิ่งๆนะครับ อ่ะใกล้เสร็จแล้วๆ ... คือเราได้ยินเสียงหมอพูดแบบนี้ตลอด
ใจมันเริ่มผ่อนคลายละ แต่ก็ไม่กล้าลืมตา แค่หรี่ๆตามองคนรอบๆห้อง(ตากล้องเยอะมากกกกก)
ไม่ถึงสามนาทีได้มั้ง คุณหมอพูดว่า " อ้าววววววววววววว เสร็จแล้ววครับ เรียบร้อยละ"
หมอทิ้งท้ายว่า ถ้ามีปัญหาอะไรให้มาหาหมอ และอีกประมาณสองอาทิตย์อัพเดทให้หมอดูด้วย.

หืออออออออออออออออออออออออ เร็วมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ทั้งหมดหน้านี่ไม่ถึงสิบนาทีเลยค่ะ สุดยอดไปเลย กรี๊ดดดดดดดด
แล้วก็ลุกเดินออกไปแบบมึนๆ Smiley

ซักพัก... น้ำแข็งที่เค้าประคบไว้มันเริ่มหายชา เอ้าาาา เจ็บง่ะ T____T! บ๊องมาก 55555
แต่ก็เจ็บแค่ประเดี๋ยวประด๋าวค่ะ แป๊บเดียวก็หาย.

เราเป็นบล็อกเกอร์คนแรกที่ทำเสร็จ. พอออกมาปุ๊บ ทุกคนที่นั่งลุ้นอยู่ด้านนอกก็ถามความรู้สึกกัน.
ซึ่งจริงๆมันก็เจ็บนะคะ แต่เจ็บแบบว่าแป๊บเดียวก็หายแล้ว. เหมือนโดนมดกัดจริงๆ
ครั้งแรกมักจะลุ้นอย่างนี้ทุกคนรึเปล่าไม่รู้นะคะ แต่แป้งตื่นเต้นกับครั้งแรกของแป้งมากๆ
เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดจริงๆ ถ้าเทียบกับครั้งแรกของคนอื่นๆรอบตัวที่เคยทำแล้วมาเล่าให้แป้งฟัง
แป้งเคยกลัวกับการทำอะไรกับร่างกายตัวเองมาก แต่ไม่ถึงกับแอนตี้นะคะ แต่แค่ไม่กล้า
แต่ครั้งนี้แป้งลองสอบถามข้อมูลมาแล้ว ทางคุณหมอก็น่าเชื่อถือ และทางคลินิคก็มีความ
น่าเชื่อถือมากอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไม่นานค่ะที่จะตกลงรับปากจะมาร่วมเวิร์คช็อปเมคโอเว่อร์ในครั้งนี้.

พอออกมานั่งพักผ่อนซักพัก ก็มีทีมงานเอาของที่ระลึกที่เป็นรูปที่เราเพิ่งถ่ายตอนเข้างานมาให้ค่ะ
เซอร์ไพรส์มากกกกๆเลย สวยมาก เก๋และดูดีมากๆค่ะ ได้ใจเราไปเต็มๆเลยสำหรับงานนี้ ^_^

เท่านี้ยังไม่พอ คุณหมอก็ให้ครีมบำรุงไซส์ทดลองมาหนึ่งชุดของ " Kenerase '' ค่ะ.
ตัวนี้เป็นครีมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยเช่นกันค่ะ. แป้งลองใช้แล้วก็ยังไม่ค่อยเห็นผลนะคะ
แต่ผิวมันตึงๆมันเหมือนเคลือบผิวให้เติมเต็มมากยิ่งขึ้นประมาณนั้นเลย.

เท่านั้นยังไม่พอ ทางคุณหมอยังให้อาหารเสริมควบคุมน้ำหนักมาให้ลองทานด้วย
แต่แป้งยังไม่เริ่มทานเลยค่ะ เอาไว้ลองแล้วได้ผลยังไงจะมาบอกเล่าเก้าสิบกันแน่นอนจ้า :))

ทั้งนี้ทั้งนั้นแป้งรู้สึกประทับใจจริงๆที่ได้มีโอกาสมา MakeOver ในครั้งนี้
มันเป็นความรู้สึกที่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่น่าประทับใจมากจริงๆ
ทั้งคุณหมอ, เหล่าดาราที่ให้ความเป็นกันเอง น่ารักมากๆ
รวมถึงสื่อมวลชน ช่างภาพทุกคน. ทีมงานจากนัฟแนงประเทศไทย
แป้งขอบคุณทุกคนมากๆค่ะที่ทำให้แป้งมีประสบการณ์ชีวิตที่น่าจดจำอีกหนึ่งเรื่อง ^_^
ขาดไม่ได้เลยที่จะต้องกล่าวถึงคือ คุณหมอใช้เทคนิตต่างๆผสมผสาน มาใช้ร่วมกันหลายๆอย่าง
ทั้ง Dysport / เลเซอร์ / ร้อยไหม และแนะนำให้ใช้เวชสำอางค์และอาหารเสริมที่ดีให้อีกด้วย

" ขอบคุณมากๆค่ะ ขอบคุณจากใจจริงๆ "

เรามาดูหลังจากที่แป้งได้ทำไปเพียงประมาณ 3-4 ชั่วโมงกันค่ะ. =>>

เชื่อมั้ยว่ากลับบ้านในสภาพแบบนี้เลย ไม่แต่งหน้าเพิ่มใดๆทั้งสิ้นค่ะ เท่มาก อิอิ
หลังฉีดไปแค่สามถึงสี่ชั่วโมง หน้าก็ยังโอเค ที่รู้สึกได้ทันทีหลังฉีดไปครึ่งโมงเอง คือ หน้าผากค่ะ
นอกนั้นก็แค่ยังรู้สึกเจ็บรอยเข็มเล็กๆเท่านั้น. เวลาอาบน้ำก้ล้างหน้าปกติ แต่นวดมากไม่ได้เลย
ยิ่งช่วงกรามนี่ปวดมากกกก ล้างหน้าทีต้องเบามือที่สุดจริงๆ
ถ้าเผลอไปโดนตรงโซนที่โดนฉีดนี่เจ็บปวดไปหลายนาทีเลยเชียว ><
ในรูปนี่วงรอยเข็มที่พอจะมองเห็นได้นะคะ บางจุดก็ไม่มีรอยไม่มีแผลอะไรเลย แทบจะมองไม่เห็นค่ะ

คุณหมอบอกว่า หลังฉีดใหม่ๆ ให้ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยนะ

== >> งั้นแป้งจะย้ำให้อีกครั้ง..ดังนี้ <<==
คำแนะนำ หลังฉีด ในการปฏิบัติตัวของผู้ที่ได้รับการฉีด Botulinum toxin-A
1. ใช้สำลีกดห้ามเลือดบริเวณที่ฉีดเบาๆ
2. ประคบด้วยความเย็นบริเวณที่ฉีดอีกครั้งเพื่อลดอาการปวด หรือบวม
3. ไม่ขัด ถู คลึง นวด บริเวณที่ฉีด หรือใบหน้า หลังได้รับการฉีด 4 ชม.
เพื่อป้องกันยาแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ
4. ไม่ทำทรีทเมนต์ต่างๆ กับใบหน้า เช่น ซาวด์น่า ไอออนโต โฟโน หลังได้รับการฉีด 4 ชั่วโมง
เพื่อป้องกันยาแพร่กระจายไปยัง กล้ามเนื้อบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ
5. ไม่นอนราบหลังการฉีด 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันยาแพร่กระจาย
ไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ
6. สามารถล้างหน้า ทาครีม ทาแป้ง แต่งหน้า ได้ตามปกติ
7. พยายามแสดงสีหน้าบ่อยๆ เช่น ถ้าฉีดบริเวณรอยตีนกาให้ยิ้มบ่อยๆ,
ถ้าฉีดบริเวณรอยย่นขมวดคิ้ว ให้ขมวดคิ้วบ่อยๆ,
ถ้าฉีดบริเวณหน้าผาก ให้เลิกคิ้วบ่อยๆ เพื่อให้ยาอยู่เฉพาะจุดที่ฉีด
ไม่กระจายไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการประมาณ 30 นาที

นี่คือภาพที่ส่งไปให้กับทีมงานในช่วงแรกๆที่รับปากว่าจะมาเวิร์คช็อปกิจกรรมนี้ค่ะ
แป้งถ่ายไว้ก่อนไปเมคโอเวอร์แค่เดือนเดียวค่ะ. จะเห็นได้ว่าถ้าแสดงอารมณ์หนักๆนี่หน้าผากชัดมาก!
และแก้มก็เนื้อเยอะ บานออกเรื่อยๆตลอด...และอีกหลายจุดที่คุณหมอจิ้มๆๆๆไม่ยั้งเลย *0*
((ตกใจกันใช่มั้ยคะ? แป้งยังตกใจตัวเองเลย 555555555))

เรามาดูผลกันดูว่าผ่านไป 13 วัน เกือบจะครบสองอาทิตย์มีอะไรเปลี่ยนแปลงมั๊ย?
:: คำตอบคือ ::
1. หน้าผากตึงไวมากกกกกก เป็นจุดแรกที่เห็นผลไวที่สุดสำหรับแป้งเลยค่ะ
2. หางตาที่มีรอยตีนกาเล็กๆ ก็ค่อยๆลดหายไป จนตึง(เช่นกัน)
3. บริเวณทีโซน ที่ปกติหน้าจะมันขั้นเทพ ตอนนี้มันน้อยลงเยอะมากๆ
4. หน้าใสขึ้น ไม่ได้คิดไปเอง แต่รอยสิวดำๆมันจางลงจริงๆ สังเกตได้จากไม่ค่อยหยิบคอนซีลเลอร์
5. ผิวใต้กรามสองข้างกระชับขึ้น มีคนทักมากขึ้นเรื่อยๆว่าหน้าเล็กลง เกือบจะ V shape เลย ><
6. กล้ามเนื้อกรามเล็กลง เล็กอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ แต่ช่วงอาทิตย์แรกๆแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย
อาจจะเป็นเพราะจิตเราตกไปเอง กังวลว่ามันจะไม่ได้ผล 555 แต่สุดท้าย ความใจเย็นเท่านั้นค่ะ
จะทำให้เรามีความสุขกับผลลัพธ์แห่งความรอคอยที่ได้รับกลับมา ^_________^

ดูกันอีกชัดๆ ตอนไม่แต่งหน้า กับ แต่งหน้า.
แป้งใช้แค่แป้งฝุ่นก็เอาอยู่แล้วจริงๆค่ะ
ณ จุดนี้คือพอใจกับผลโบท็อกซ์และร้อยไหมมากๆ
แถมคุณหมอยังบอกอีกนะคะว่า ใครที่เป็นไมเกรน
สมัยก่อน การแพทย์เค้าจะนิยมฉีดเพื่อลดไมเกรนได้ด้วยค่ะ.
แป้งว่ามันเวิร์คมากๆที่ปัจจุบันนี้สามารถนำมาปรับใช้ได้ขนาดนี้
หน้าแป้งแทบจะไม่เปลืองรองพื้น หรือแป้งผสมรองพื้นเลย
ไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ. มีแต่ผลในแง่บวกมากกว่าแง่ลบ
เพียงแต่ติดอยู่นิดเดียวคือ เวลาแป้งยิ้ม ปกติตาแป้งจะต้องหยีเป็นสระอิเลย
ตอนนี้กล้ามเนื้อที่ฉีดมันตึงมาก ยิ้มแล้วมันเกร็งๆ มันไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ค่ะ
ยังกังวลแค่ตรงนี้เอง. ยังไม่ค่อยชินกับการยิ้มแล้วตานิ่งๆ 55555

รูปก่อนทำ หน้าเต็มมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก 5555
ถ้าเทียบกับรูปหลังทำ(รูปล่าง) จะเห็นชัดเลยว่าช่วงกรามเรียวขึ้น ดูหน้ายาวขึ้น ไม่กลมๆแป้นๆแล้ว.

รูปเซ็ทนี้คือพยายามยิ้มให้เหมือนเดิมมากที่สุด อยากให้ตามันหยีๆเหมือนเดิม
แต่พอถ่ายเสร็จแล้วจะบอกว่าเมื่อยหน้ามากๆ T___________T

และหากเพื่อนๆคนใดสนใจ
ตัว Dysport จะมีราคาเริ่มต้น 1,800 – 5,000 บาท ต่อจุดที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย
สามารถติดต่อได้ตามคลินิก และแผนกผิวหนัง ในโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไป
ให้ถามหา Dysport (ดิสพอต) ฉลากเขียวนะคะ รับรองว่าขวดเดียวเอาอยู่แน่ๆ Smiley

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทางพฤกษาคลินิกที่จัดกิจกรรมดีๆในครั้งนี้ขึ้นมานะคะ
และขอบคุณทาง นัฟแนงประเทศไทยที่ส่งทีมงานที่น่ารักและมีคุณภาพ
คอยดูแลพวกเราบล็อกเกอร์ที่แสนจะยุ่งเหยิงอิรุงตุงนังให้สงบเสงี่ยมได้
ขอบคุณที่คอยใส่ใจเราแทบจะทุกวินาทีมากๆค่ะ
ขอบคุณทีมงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้
ขาดไม่ได้เลย สำคัญที่สุดคือ คุณหมอ นพ. ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล
ที่เนรมิตรูปหน้าให้ได้รูปสวยและถูกใจที่สุดดดดดดดดดดดด

"ขอบคุณจากใจค่ะ"

INDYINDARE.PAENG

[[ www.indyindare.com ]]

Create Date : 16 ตุลาคม 2555

2 comments

Last Update : 16 ตุลาคม 2555 17:25:23 น.

Counter : 12187 Pageviews.

น้องแป้งรีวิวละเอียดม๊ากกกกก หน้าเล็กลงได้รูปขึ้นเยอะเลยจ้า เห็นผลสุดๆ

โดย: กระต่ายลอยคอ 16 ตุลาคม 2555 20:44:37 น.

เห็นเข็มแล้วเสียวจี้ดเลย

โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ 16 ตุลาคม 2555 22:48:42 น.