Bloggang.com : ใจรัก Jairuk Channel : เมนูอาหารโพเพท้ส(ใช้ลดความอ้วนก็ได้จ้า)

เมนูอาหารโพเพท้ส(ใช้ลดความอ้วนก็ได้จ้า)

จะใช้เป็นสูตรไดเอทลดความอ้วนก็ได้ดีด้วยนะ เพราะตัวดิฉันเองลดไปเกือบสิบกิโล

ท่านใดต้องการลดน้ำหนัก ใช้สูตรโพเพทัสจู๊สนี้ก็สามารถลดน้ำหนักได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ได้สารอาหารสูงพลังงานสูงและลดได้อย่างถาวรไม่กลับมาอ้วนอีก ให้ทำอย่างเคร่งครัด 6 เดือนต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ภายในหนึ่งเดือนแรกตามมาตรฐานน้ำหนักจะลดลงได้ 5-10 กก. ต่อเดือนจากนั้นมันก็จะลดลงไปเรื่อยๆ จนถึงขีดสุดของร่างกายที่จะรับได้ช่วงเวลานั้นหุ่นคุณก็จะกลับมาฟิตและเฟิร์มเหมือนเดิมอีกครั้ง ผู้ป่วยบางรายลดได้สูงถึง 25 กก.ภายใน 3 เดือนผิวพรรณจะขาวสดใสน้ำหนักลงมากเท่าใดก็จะไม่เหี่ยวไม่ย่นหรือเพลียช่วยให้ผู้ที่มีไขมันสะสมกลับมามีหุ่นกระชับสัดส่วนลดลงทั้งตัวไม่ใช่ลดลงเฉพาะที่และที่สำคัญไม่ขาดสารอาหารแน่นอนครับ

วิธีการทำน้ำโพเพทัสดื่ม

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=imaginer&month=11-2011&date=02&group=6&gblog=367

วิธีปฏิบัติตน และการทานอาหารในวันที่ไม่ได้ดื่มโพเพทัสจู๊ส

https://www.morgangaiyasit.com/forum/viewtopic.php?id=160

เราจะปฏิบัติตนอย่างไร ขอให้ทำตามสูตรต่อไปนี้ครับ (ทานได้ 2 มื้อ ต่อวัน)

อาหารมื้อที่ 1 ของวัน คือชั่วโมงที่ 5 นับจากตื่นนอน ให้ทานข้าวโอ๊ต ชงกับน้ำร้อน (hot oatmeal) จำนวน 4-5 ช้อนโต๊ะ หรือทานข้าวโอ๊ตกับอาหารหลากหลายภายใต้ทฤษฎีโพเพทัส 1 จาน

อาหารมื้อที่ 2 ของวัน คือ ชั่วโมงที่ 12 นับจากตื่นนอน
คือ ทานข้าวโอ๊ต กับ กับข้าวหลากหลายในทฤษฎีโพเพทัส 2 - 5 จาน มื้อนี้จะใหญ่กว่ามื้อที่ 1 หน่อย แต่ยังไงก็ทานแค่พออิ่มนะครับ

ผู้ที่รักษาตนเอง ตามทฤษฎีโพเพทัส จะต้องมีข้อควรปฏิบัติในการเลือกทานอาหารในวันที่ไม่ได้ดื่มด้วยครับ หรือกรณีของผู้ที่ไม่สามารถปั่นน้ำโพเพทัสจู๊สทานได้ ก็ต้องยึดหลักการทานอาหารวันละ 2 มื้อนี้เช่นกัน เราทาน 2 มื้อเพียงเพื่อให้ระบบ

ทานอะไรกันได้บ้างในวันที่ไม่ได้ดื่ม หรือ ในทุกวันหากคุณผู้อ่านไม่ได้ดื่มโพเพทัสจู๊ส อาหารที่ว่าต้องทำมาจากผักผลไม้ที่อยู่ในสูตรโพเพทัสและพืชผักบางชนิดเท่านั้น ทานข้าวโอ๊ตกับอาหารที่ทำจากเนื้อปลาทะเลน้ำลึก เท่านั้น เช่น ปลาทู, ปลาแซลมอน, ปลาซาบะ, ปลาอินทรี, ปลาเก๋า, ปลาทูน่า,ปลาตาเดียว, ปลากระพง, ปลาข้าวสาร, ปลาฮามาจิ เป็นต้น เอาเป็นว่าให้เป็นปลาทะเลครับ (ห้ามปลาน้ำจืด ห้ามปลาชิ้งฉ่างเพราะทำให้ไตทำงานหนัก) หรือเลือกทานเนื้อไก่ก็ได้ครับ เอาตรงบริเวณสันในไก่ เนื้อปลากับเนื้อไก่จะนำมา ผัด แกง ต้มทอด ยำ ต้มยำ ต้มจืด ตุ๋น นึ่ง ปิ้ง ย่าง ลาบ น้ำตก สเต็ก ฉู่ฉี่ หรือทำสลัดก็ได้ทั้งนั้น อนุโลมให้ทานกุ้งได้ไม่เกิน อาทิตย์ละ 4 ตัว ปูทานได้นานๆ ครั้งแต่ต้องหายจากโรคก่อนครับ สำหรับเนื้อหมู, เนื้อวัว, ปลาหมึก และหอยต่างๆ ก็ห้ามทานครับ น้ำเต้าหู้ น้ำนมถั่วเหลืองอนุโลมให้ดื่มได้เพียงอาทิตย์ละ 2-3 แก้ว ส่วนเต้าหู้ไข่และไข่ไก่ทานได้สูงสุดอาทิตย์ละ 2-3 ฟอง ปรุงอาหารให้หลากหลายโดยใช้ผักต่างๆ ที่อยู่ในสูตรโพเพทัสมาปรุงอาหารสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จะได้ไม่จำเจแต่ยังอยู่ในทฤษฎีในร่างกายได้ทำงานเท่านั้น แต่จะได้พลังงานสู่ระดับเซลล์หลักๆ จากอากาศในกระบวนการนั่งกระตุ้นคลื่นเซลล์ครับ

ผักที่อนุโลมให้ทานได้นอกเหนือผักที่อยู่ในสูตร มีดังนี้ผักสลัดทุกชนิด ผักกาดขาว ผักกาดแก้ว ผักปวยเล้ง ผักตำลึง ผักชีลาว ผักชีฝรั่ง (ยกเว้นผักชีไทย) ถั่วแขก ถั่วพู ถั่วลันเตา ต้นหอม ต้นกระเทียม ต้นลีก กวางตุ้งจีน ดอกกระหล่ำ กระหล่ำปลี มะละกอดิบ ใบกระเพรา ใบโหระพา เห็ดฟาง เห็ดเข็มทอง เห็ดออรินจิ(เห็ดหอม และสาหร่ายทานได้เล็กน้อยนานๆ ครั้ง) นอกจากที่กล่าวมานี้ไม่ควรทาน

ผักที่ห้ามเด็ดขาดคือ ผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักคะน้า ถั่วงอก ถั่วฝักยาว ฟัก บวบ แตงกวา ผักยอดมะระ ผักหวาน และผักชะอม ผักพื้นบ้าน ผักที่ทานกับน้ำพริก ผักที่หายากส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรไม่ควรทาน เช่นใบย่านาง ใบชะพลู ผักแพรว ใบชะมวง หางหงส์ ผักติ้ว ผักกระโดน ใบกุยช่าย ใบแมงลัก ใบบัวบก ดอกกระเจี๊ยบ ดอกโสน ดอกขจร ดอกอัญชัญ หัวไชเท้า มันแกว มันสำปะหลัง เห็ดหูหนู มะพร้าว ยอดมะพร้าว กะทิ สะตอ มะรุม หน่อไม้สด ผักโขม ยอดกระถิน ผักกระถิน กะหล่ำปม เม็ดบัว แป๊ะก๊วย ฟักทองห้ามทานเพราะเป็นแป้งมาก ยกเว้นในอาหารเด็กทานได้บ้าง แต่อย่ามากครับ ส่วนเนยแข็ง ถ้าหายแล้ว นาน ๆ ทานได้
สำหรับเครื่องเทศหรือเครื่องปรุงรสบางชนิดอนุโลมให้ใช้ในการประกอบอาหารได้ครับเช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ซอสถั่วเหลือง ซีอิ้วขาว(ห้ามซีอิ้วดำ) น้ำปลาแท้ เต้าเจี้ยว ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกไทย พริกขี้หนู มะนาว น้ำมันหอย น้ำพริกเผา น้ำตาลนำมาปรุงอาหารได้ ควรเลี่ยงของเค็มหน่อยก็ดีครับ ห้ามใช้เกลือจะดีกว่า

อาหารหรือกับข้าวขอแนะนำเช่น ผัดกระเพราไก่หรือกุ้ง, สุกี้, ต้มยำปลา, ต้มยำไก่, แกงเขียวหวานไก่หรือกุ้ง, ผัดเปรี้ยวหวาน, แกงส้ม, แกงเลียง, สลัดผักกับปลา ไก่ หรือกุ้ง, สเต็กปลา, สเต็กไก่, ไก่ย่าง, ลาบไก่,ส้มตำ (ห้ามใส่ปูดองหรือปลาร้า) ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ตุ๋น ทานได้อาทิตย์ละ 2-3 ฟอง, ผัดผักรวม, ผัดบร็อคโคลี่กุ้ง, ต้มจืดเต้าหู้ไข่, ต้มจืดผักกาดขาว, ยำปลาทู, ไก่สะเต๊ะ, ฉู่ฉี่ปลา, น้ำพริกปลาทู, น้ำพริกลงเรือ, ผัดไทไร้เส้นใส่ดอกกระหล่ำแทน, มัสมั่นไก่, แกงกระหรี่ไก่, ปลาทอด(ปลาทะเล) เป็นต้น น้ำมันที่ใช้ในการทอด ใช้อะไรก็ได้ครับ เพราะนานๆ ให้ทานสักหน ส่วนเครื่องแกงที่เขานำมาทำแกงต่างๆ ก็อนุโลมให้ทานได้ตามที่กล่าวมา พยายามอย่านอกเหนือที่แนะนำเพื่อผลดีต่อตัวเอง

สิ่งที่ห้ามทานโดยเด็ดขาดในทฤษฎีโพเพทัส ได้แก่ แป้งเชิงเดี่ยวทุกชนิด ได้แก่ ข้าวทุกชนิด หรืออาหารทุกชนิดที่ทำมาจากข้าว ถั่วเขียว ข้าวโพด ผงบุก ลูกเดือย โปรตีนเกษตร ขนมปัง เค้ก ก็ห้ามทานด้วยครับ ยกตัวอย่างเช่น ห้ามทานพาสต้า สปาเก็ตตี้ วุ้นเส้น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวที่ทานได้ คือ ข้าวโอ๊ต เท่านั้น และให้งดการดื่มนม ชา กาแฟ น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ซุปไก่สกัด รังนก ช็อคโกแล็ค ขนมหวานทุกชนิด ไอศครีม และผลไม้ไทยทีมีรสหวานทุกชนิด รวมถึงฝรั่ง ชมพู่ แคนตาลูป กล้วยทุกชนิด สาลี่ ลูกพลับ มะม่วง ขนุน ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มังคุดเป็นต้น พวกสุดท้ายที่ห้ามคือบรรดาสมุนไพรทุกชนิดยาจีน ยาปฏิชีวนะ ยาฉีด ยาทา ยาหยอด รวมทั้งอาหารเสริมต่างๆ เช่นวิตามิน

และที่ผมแนะนำให้ทานข้าวโอ๊ต เหตุผลก็เพราะสูตรโพเพทัสเป็นสูตรสากลใช้ได้ทั่วโลก ผักผลไม้ ในสูตรส่วนใหญ่มีทุกประเทศรวมทั้งไทยมีจำหน่ายมานานแล้ว และที่สำคัญผมเน้นการรักษาโรค เพราะว่าข้าวโอ๊ตมีแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญมากมายหลายชนิด ไม่เพียงแต่ให้พลังงานแต่ยังมีปริมาณน้ำตาลต่ำ กากใยไฟเบอร์สูง ข้าวโอ๊ตยังราคาถูกหาซื้อได้สะดวก มีขายทุกประเทศ และที่สำคัญข้าวโอ๊ตทำให้อยู่ท้องได้นาน 4-6 ชั่วโมงเลยทีเดียวเพราะอยู่ในรูปแบบของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ฉะนั้นจะทำให้อยู่ท้องและระบบการย่อยในลำไส้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ การทานข้าวโอ๊ตที่ถูกต้องควรทานกับน้ำร้อนเท่านั้น ห้ามทานกับนม ห้ามใส่น้ำตาล เกลือ หรือน้ำผึ้งแต่เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับข้าวโอ๊ต อนุโลมให้ใช้น้ำซุปไก่ร้อนๆ ชงก็ได้

เมนูอาหารที่ดิฉันทำทานแทนอาหารทั่วไป
(ลิ้งค์สูตรอาหารประยุกต์ส่วนผสมเอาจ้า)

ข้าวโอ๊ตแบบกระป๋อง