Keep Memories Alive in my Diary
ITALY 7 DAYS IN MEMORY ... อิตาลี .. กลมกล่อมนุ่มละมุนยิ่งนัก

    ...


ไปยุโรปครั้งแรกไปประเทศไหนดี ?
เป็นคำถามที่ผมเคยตั้งคำถามไว้นานมาแล้วสมัยยังพึ่งหัดเที่ยวใหม่ๆ ...

และตอนนี้ก็ยังมักมีคนรอบข้างมาถามคำถามนี้เหมือนกันว่าเลือกไปที่ไหนดี ...

จริงๆตัวผมเองก็ยังไปมาไม่กี่ประเทศในยุโรป ..

คำแนะนำที่ผมมักจะให้แก่นักท่องโลกหน้าเก่าหน้าใหม่
นั่นคือ หาแรงบันดาลใจจากภาพถ่ายซะ กรี้ดที่ไหน ฟินรูปไหน นั่นแหละ ไปที่นั่นก่อนเลย ..
ไปตอนที่ยังมีแรง มีเวลา ไม่มีโอกาสไปก็หาโอกาส สร้างมันขึ้นมา ... จบน่ะ


เอ้า... คุณชั้นหก พูดเท่ไปนั่น ฟันธงมาให้เลยได้มั้ยไปที่ไหนดี ?


งั้น ถ้าคุณชอบให้ชี้นำ ...


ขอแนะนำ อิตาลี ละกันครับ 
เพราะผมกำลังรีวิวอิตาลีทริป 5555+



อิตาลีมีความกลมกล่อมทั้งสถาปัตยกรรมโคตรสวยกับธรรมชาติที่โคตรงาม
ซึ่งในพื้นที่ประเทศทรงรองเก้าบูทนี้ก็มีความหลากหลายครับตั้งแต่ตอนเหนือที่ติดกับเทือกเขาสวย 
ไปตอนกลางที่ทุ่งสวยๆ อย่างแคว้นทัสคานี่ แล้วก็ตอนใต้ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร 

อิตาลีมีหมู่บ้านเล็กๆ เก๋ไก๋สไลเดอร์ เยอะมาก และจุดเด่นอีกอย่างคือเป็นประเทศติดทะเล
ทำให้มีเมืองท่า เมืองชายฝั่งสวยๆอีกนับไม่ถ้วน ...

กระนั้นอย่าเถียงเลยว่าไม่จริงงงงง ...  เชิญดูรูปจากผมก่อน 555+


.

การไปอิตาลีรอบนี้ ได้ผู้สนับสนุนการเดินทางเป็นสายการบิน Air France ครับ 
โดยเราจะไปแวะต่อเครื่องกันที่ปารีสก่อนจะบินไปลงที่โรมกันครับ ... 

นี่เป็นครั้งที่สองของผมสำหรับการบินกับ Air France  
สองปีก่อนใช้บริการเดินทางไปฝรั่งเศส ประทับใจเป็นอย่างดีครับ

ตอนนี้ Air France ได้ปรับปรุงเลาจน์ใหม่ครับ ... 
นอกจากตั๋วที่นั่งระดับ Business Class แล้ว 
ตอนนี้ที่นั่ง Premium Economy และ Economy สามารถมาเข้าเลาจน์ได้ครับ
แค่จ่ายเงินเพิ่ม 1,000 บาท เท่านั้น สนใจติดต่อเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์เช็คอินได้เลยครับ

แค่นี้ก็สามารถมานั่งเกร๋ๆ ใช้บริการต่างๆในเลานจ์ได้เต็มที่ ตั้งแต่ไวไฟอินเตอร์เนต 
เครื่องดื่ม ขนมนมเนยอาหารต่างๆรวมทั้งห้องน้ำห้องอาบน้ำให้บริการได้ ..



ท่านที่ไม่เคยใช้บริการเลาจน์อาจจะไม่คุ้นว่าเลาจน์อยู่ตรงไหน 
พอตรวจ ตม. ผ่านเข้าไปแล้ว 

ยังไงลองสังเกตป้ายบอกทาง Airlines Lounge เอาไว้ครับ 


.


อาหารและเครื่องดื่มต่างๆ พร้อมให้บริการทั้งวันครับ ...
สามารถหิ้วท้องมาพึ่งที่นี่ได้ก่อนขึ้นเครื่องเลยครับ 



.


ในที่สุดก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง รอบนี้ผมนั่งแบบ Premium Economy ครับ ..

ตอนนี้หลายสายการบินก็หันมาทำที่นั่งระดับกลางระหว่าง Business Class กับ Economy Class ครับ
ไว้รองรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายจากการเดินทางไฟล์ทยาวๆ แต่ไม่อยากจะต้องจ่ายในราคาแพงเกินไป 

ซึ่งจุดเด่นของ Premium Economy ของแอร์ฟรานซ์เท่าที่ผมสัมผัสได้เลยอย่างแรก
คือ เบาะที่นั่งพรีเมียมกว่าครับ สอดรับกับรูปร่าง นั่งไฟล์ทยาวๆ เมื่อยน้อยกว่า
สำหรับรูท กทม ไปยุโรปต้องมีเบาๆ สิบชั่วโมงอยู่แล้วตรงนี้สบายขึ้นเยอะเลยครับ

พื้นที่ที่วางขากว้างกว่ามาก มีที่พักขา และที่สำคัญแบ่งสัดส่วนกับคนข้างๆ
เป็นอย่างดี มีมุมส่วนตัวมากขึ้นกว่า Economy Class ธรรมดาเยอะเลยครับ


..

โซนนี้จะอยู่ตรงกลางระหว่างชั้น Business กับ ชั้น Economy น่ะครับ 

แบ่งสัดส่วนชัดเจน จำนวน 32 ที่ มีพื้นที่กว้างกว่าเดิม 40 % 
ยืดแข้งยืดขาได้สบายขึ้น แถมยังออกแบบใหม่ให้เรียบหรูดูดีขึ้นผิดหูผิดตา 

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในระดับใกล้เคียงกับชั้นธุรกิจ 
เช่น จอและหูฟังคุณภาพสูง, ที่ชาร์จแบตโน๊ตบุ๊ค, ช่องเสียบ USB 
ขึ้นมาก็จะมี  ชุด Travel Kit ที่อัดแน่นด้วยสิ่งของจำเป็นในการเดินทาง
ไว้ให้เราด้วย พร้อมกับมีเมนูอาหารที่จะเสิร์ฟบนเครื่องให้เราได้ทราบ

และเลือกได้ว่าจะกินอะไรครับ เรียกว่าบริการต่างๆก็จะพรีเมียมกว่าชั้น Economy ขึ้นมาพอสมควรเลยครับ ... 

อิ่มตลอดทาง หลัับสบายทุกนาที







สิ่งที่ผมประทับใจตั้งแต่การบินครั้งก่อนกับแอร์ฟรานซ์คือ การเสิร์ฟไวน์แบบไม่ต้องร้องขอเลยครับ

ด้วยเป็นประเทศผลิตไวน์ พีี่ท่านเลยให้เราดื่มกันแบบไม่อั้น และแลดูจะยินดีมากถ้าเราขอเพิ่มด้วยครับ 555+

ไฟล์ท Long haul แบบนี้ 12 ชั่วโมง จะเสิร์ฟอาหารสองรอบครับ ... 
ผมออกเดินทางจาก กรุงเทพตอน11 โมง ครับ ก็จะเป็นอาหารเที่ยงและอาหารเย็นพอดี ...




ดูหนัง กิน .. ดื่ม ... เมา .. หลับ ... สลับกันไปมาแบบนี้อยู่สามรอบ 

ในที่สุดก็ถึงปารีสราวห้าโมงเย็น ....

ก่อนจะต่อเครื่องที่ สนามบิน CDG ไปลงที่โรม 
ออกจากเครื่องแล้วดู Connecting Flight ไว้น่ะครับ
เพราะกระเป๋าเราจะเช็คทรูไปที่โรมแล้ว ไปรอที่เกทได้เลย 

ถ้ากลัวจะงง ตรงทางออกจากเครื่องบินจะมีเคาเตอร์อยู่ 
ถามเค้าก็ได้ครับว่าไฟล์ทเราไปเกทไหนต่อ ....

....

ถึงโรมก็ค่อนข้างดึกครับ สามสี่ทุ่มได้ ซึ่งจากสนามบิน Fiumicino  ...
จะต้องนั่งรถไฟเข้าตัวเมืองไปอีกน่ะครับ ดูป้าย Treno เอาไว้ 
เดินไกลเหมือนกันครับจากตรงรับกระเป๋าออกไปยังสถานีรถไฟ Leonardo Express 
ไปลงสถานี Termini ราคา 14 ยูโร ออกทุกครึ่งชั่วโมง ซื้อตั๋วได้ที่เครื่องตรงชานชลาได้เลย
หรือถ้าร้านขายของชำยังไม่ผิดก็ซื้อกับคนขายได้ครับ

มาอิตาลีแรกๆ อาจจะต้องปรับความรู้สึก ปรับอารมณ์ของภาษาหน่อยครับ 
เพราะจะมีภาษาอิตาเลียนมาให้เราเห็นคู่ไปกับอังกฤษตลอด บางจังหวะเริ่มมึนเหมือนกัน  .... 555+



แม้จะเดินทางนานหน่อยแต่ก็ถือว่าไม่ได้ลำบากอะไรมากครับ ขาไปแรงยังดี 555

แอร์ฟรานซ์ก็ปล่อยโปรไปยุโรปมาบ่อยๆ ลองตามข่าวในเฟซบุคไว้ก็ดีครับ 
รูทไปยุโรปแม้บางเส้นไม่ได้บินตรงแต่ถ้าได้ราคาสวยๆ สองหมื่นกว่า
มาก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆครับ 


แวะเข้าไปดูโปรโมชั่นและกิจกรรมได้ที่


ทีนี้ก็จะได้เวลาเที่ยวในอิตาลีละครับ 
เป็นยุโรปรอบสามของผม และเป็นอิตาลีครั้งแรกด้วย ...

ปัญหาแรกที่ผมคิดว่านักเดินทางจะเจอเวลาไปประเทศไหนครั้งแรกในยุโรป
คือ งงกับเส้นทางของรถไฟ ทั้ง Subway และ Intercity ... 
วันแรกนี่จะมึนมากกก แต่อยู่ไปสักสองสามวันจะเริ่มคุ้นเคย

เทคนิคง่ายๆคือ ... หาสถานีที่จะไปก่อน จากนั้นดูว่ารถไฟวิ่งไปทางไหน แล้วขึ้นให้ถูกฝั่ง 
ตั๋ว Subway ของอิตาลีนั้นนอกจากตู้กดแล้วก็จะขายตามร้านบุหรี่ของจุกจิก tabacchi ครับ 
บางจังหวะคนเยอะๆซื้อกับร้านนี่เร็วกว่าซื้อเครื่องเยอะ ...



จริงๆ แรกเริ่มเดิมที ผมตั้งใจจะไปอิตาลีสักสองอาทิตย์ครับ 
เป็นแกรนด์ทริป ไล่ตั้งแต่เหนือไปจนอิตาลีตอนใต้
กะว่ามารอบเดียวแล้วไม่มาอีกเลย 555+ แต่เลื่อนทริปไปมา จนคิวงานชนกันไปหมด 

เหลือวันว่างช่วงปลาย ตุลาคมเพียง 8 วัน ครับ 
หักลบวันเดินทางไปเหลือวันที่เที่ยวเพียง 7 วัน แบบเน้นๆ

ก็จัดรูทใหม่ ตัดไปหลายเมืองที่อยากไป ....
ปักธงไว้สองเมืองหลักที่อยากไปมากๆ ก่อนคือ ฟลอเรนซ์และเวนิสครับ
พอได้สองเมืองนี้ก็ปิดหัวท้ายด้วยโรมและมิลาน 

ซึ่งจบทริปแล้วก็โอเคมากๆกับเวลาที่มี ประทับใจฝุดๆครับ

Day 01 : Rome
Day 02 : Rome - Florence
Day 02 : Florence
Day 03 : Florence 
Day 04 : Venice
Day 05 : Venice - Milan
Day 06 : Milan



01 ROMA
มาอิตาลี ครั้งแรก ใจคอจะไม่มาค้างที่โรมสักคืนก็ดูจะใจแข็งไปหน่อยเหมือนมาเที่ยวไทยไม่มานอนกรุงเทพ หรือไปฝรั่งเศสแล้วไม่นอนปารีสสักคืน มันทำไม่ได้จริงๆ ... 

(จริงๆไฟล์ทมาถึงดึก ยังไงก็ต้องนอน 555+ ) ... 

สองวันในโรมผมว่ากำลังดีน่ะครับ แม้จริงๆผมว่าต้องให้เวลาสักสามวันครับ
นี่ผมไม่ได้ไปเยี่ยมชมวาติกันด้วย เพราะเวลาไม่พอคงเอาไว้เก็บรอบหน้า ...



ผมไปเที่ยวมาช่วงปลายตุลาคมจริงๆคือสิ้นเดือนเลยละครับ กำลังจะเข้าหน้าหนาวแล้ว

ดังนั้นฟ้าที่ยุโรปจะมืดเร็วมากๆครับ ห้าโมงก็เริ่มมืดแล้ว เวลาเที่ยวในแต่ละวันนี่จะน้อยลงไปเยอะเลย

รอบก่อนผมไปฝรั่งเศสช่วงเดือนกรกฎาคมฟ้ามืดสี่ทุ่ม เวลาเที่ยววันนึงเยอะมากไปได้หลายที่ 
บ่ายๆกลับไปนอนที่โรงแรมตื่นมายังเที่ยวได้อีกเยอะเลย  




พอเวลามีน้อยเลย แทนที่จะรีบเที่ยว เลยปล่อยเลยตามเลย 555+ ไม่เร่งรีบ 
เดินเล่นชมเมืองแบบนวยนาดต่อไปตามแบบฉบับ 

ก็มีอยู่สามสี่มุมที่ตั้งใจไว้คือ โคลอสเซียม โรมันฟอรัม โซนน้ำพุเทรวี่แล้วก็บันไดสเปน 
ย่านมือใหม่มาแรกพบอิตาลีว่างั้น .... อา น้ำพุเทรวี่ปิดซ่อมอยู่น่ะครับ ผมไม่ได้เช็คข่าวไป
เดินดุ่มๆหน้ามันๆ ไปถึงสะเทือนใจอย่างแรงครับ 5555+ 
ปี2015 นี่เสร็จช่วงไหนลองเช็คอีกทีน่ะครับ ...

Subway ต่อเที่ยว 1.5 ยูโร , 1 Day = 6 ยูโร ครับ




ถ้าจะเอามุมสูงย่านโรมันฟอรัม เอาโคลอสเซียมมุมสูงสวยๆนั้น 
แนะนำให้ขึ้นไปจุเชมวิวตรงมิวเซียมmuseo centrale del risorgimento ครับ 

ออก Subway Coloseum แล้วเดินไปทางขวาเลียบโรมันฟอรัมไปเรื่อยจุดถึงแยกใหญ่ๆ 
เป็นอาคารสีขาว เสียค่าขึ้นลิฟท์ไปดาดฟ้าได้ ก็แนะนำมาช่วงเย็นๆชมอาทิตย์ตกดินได้เลย




วันรุ่งขึ้นผมออกเดินทางไปยังฟลอเรนซ์ครับ เมืองหลวงของแคว้นทัสคานี่ ...

อยากไปมานานมากกกก นอนอยู่นี่สองคืนเลย 
เสียดายควรจะมาช่วงก่อนหน้านี่สักสองสามเดือนต้นไม้ใบหญ้าจะได้ฟูฟ่องแบบรูปที่เคยเห็นตามหนังสือ 

จริงๆถ้ามากันหลายคนผมว่าเที่ยวแคว้นทัสคานี่ควรจะเช่ารถขับออกไปนอกเมือง
ไปถ่ายพวกทุ่งสวยๆ มีบ้านหลังน้อยอยู่ตามเนินเขาแบบนั้นน่ะครับ






นั่งรถไฟจากโรมไปครับ ซื้อตั๋ว ที่เครื่องในสถานี Roma Termini เลยไม่ยากเท่าไหร่ มีเมนูภาษาอังกฤษให้ครับ และเมืองใหญ่ๆก็มีเมนูชัดเจนครับ เค้าจะเขียนว่า Firenze ก็เลือกเวลา เลือกที่นั่ง ทริปนี้ผมไมไ่ด้จองอะไรล่วงหน้าเลยครับ ไปแบบชิลๆ อยากย้ายเมืองตอนไหนก็ลากกระเป๋าไปซื้อตั๋วเลย คิดเอาเองว่ากำลังเข้าหน้าหนาวนักท่องเที่ยวไม่น่าเยอะ 555+  

อ้อ 1 .. ตรงแถวที่ตู้ขายตั๋ว จะมีพวกคนเข้ามาคอยช่วยเราซื้อตั๋วน่ะครับ ถ้าเราดูเป็นนักท่องเที่ยวและดูทำท่าทางเงอะๆเงิ่นๆ 555+ พวกนี้จริงๆไม่ได้หลอกเรา แต่จะขอทิปเวลาซื้อเสร็จ 
อันนี้ยืนดูพฤตติกรรมอยู่พักนึงครับ ... ถ้าอ่านภาษาอังกฤษออกก็ไล่ๆไปก็ได้ครับ ไม่ต้องกลัว

อ้อ 2 .. ซื้อตั๋วแล้วก่อนขึ้นอย่าลืมไป Validate ตั๋วกับเครื่องเขียวๆตรงเสาแถวๆชานชลาน่ะครับ คือจริงๆก็ไม่โดนตรวจตลอดทริป แต่เจ้าหน้าที่ก็ให้ไปทำก่อนจะขึ้นครับ สอดตั๋วเข้าไปที่ช่องมันก็จะตื้ดๆๆๆ เสร็จวิ่งขึ้นรถไฟไป ...


.
02 FLORENCE / FIRENZE
เมืองหลวงของแคว้นทอสคาน่า .. ต้นกำเนิดศิลปะวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ที่สำคัญของอิตาลีและของโลก มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและถือเป็นเมืองเก่าที่อุดมไปด้วยงานศิลปะสวยๆให้ได้ดูชมครับ
มีเวลาควรค่าจะมานอนสักคืนน่ะครับ อาจจะใช้เป็นเมืองหลักที่เอาไว้เที่ยวเมืองอื่นๆเช่น Lucca , Pisa หรือ Sienna ก็ได้ครับ ...



Piazza del Duomo
ในทุกเมืองจะต้องมีโบสถ์ใจกลางเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนมาตั้งแต่นมนานครับ
โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆในยุโรป ขอแนะนำให้เริ่มจากโบสถ์นี่แหละครับ 
ส่วนใหญ่จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเยอะ คึกคักที่สุด .. 

สำหรับ ดูโอโม่ของเมืองฟลอเรนซ์นี้ยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้างมากกกกก
หนังสือ Lonely Planet Italy บอกว่าถ้าจะดูสถาปัตยกรรมสวยๆในอิตาลีนั้นมีดังนี้ครับ
- Duomo, Milan 
- Duomo, Florence 
- Piazza Del Miracoli, Pisa 
- Colosseum, Rome 
- Basilica di San Marco, Venice

LP ลิสต์มา นี่ ผมค่อนข้างโชคดีครับ คือเป็นเมืองที่ไปมาในทริปนี้ทั้งหมด 
และได้ไปดูมาด้วยตาทั้งหมดเลยในทริปเดียว ซึ่งต้องยอมรับว่างดงามและมีเอกลักษณ์ 
มีประวัติศาสตร์อันยาวนานทั้งหมดครับ 





.
Ponte Vecchio เป็นสะพานหินทรงโค้งที่ข้ามแม่น้ำ Arno ว่ากันว่าสร้างมาตั้งแต่ยุคโรมันรุ่งเรือง
ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ทั้งถูกทำลาย ทั้งผ่านน้ำท่วมก็มีการซ่อมแซมกันมาเรื่อย 
เป็นสะพานที่ไม่ถูกทำลายในยุคสงครามโลกครั้งที่สองในขณะที่สะพานอื่นในฟลอเรนซ์ถูกทำลายไปเกือบหมด

ปัจจุบันสองข้างทางของสะพานจะเป็นร้านขายของที่ระลึกขายอัญมณีต่างๆ 
รวมถึงงานศิลปะที่ถือเป็นสินค้าหลักๆของเมืองฟลอเรนซ์นี้ 





บรรยากาศยามเย็นนี้อากาศดีมากมายครับ ไม่หนาวจนเกินไป ฟ้าสีสวย
เล่นเอาเพลิดเพลินทั้งสูดอากาศดีๆและได้ถ่ายรูปสวยๆเก็บใส่เมมโมรีการ์ดเอาไว้



จริงๆเท่าที่เดินดูจะมีโรงแรมสวยๆที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Arno เลยเหมือนกันน่ะครับ
แต่ราคาห้องก็จะสูงพอสมควรก็แลกกับการเกิดหน้าต่างห้องมาเจอวิวสวยๆ แบบนี้ครับ




.

the Uffizi .. walk to the Renaissance
ว่ากันว่าฟลอเรนซ์คือต้นกำเนิดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา หรือเรเนอซองส์ที่เราคุ้นหูกันอย่างดี
ศิลปิน จิตรกร ชื่อดังต่างมาพำนักอยู่ที่นี่และสร้างสรรค์งานศิลป์ชิ้นเอกมากมายจนนับไม่ถ้วน

ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจ หากที่นี่จะมีพิพิธภัณฑ์ทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง
งานศิลป์ชิ้นเอกมากมายตั้งตระหง่านแบบให้เห็นกันง่ายๆ 
หันซ้ายหันขวาก็ต้องได้เจอรูปปั้น เข้าสักชิ้น ..

และถ้าอยากเสพแบบเน้นๆก็ต้องตีตั๋วเข้าชมที่ Galleria Degli Uffizi ครับ ... 
ซึ่งหาไม่ยาก เดินต่อลงมาทางตอนใต้ของ Duomo ได้เลย ...

ภาพด้านบนเป็นฝั่งทางออก Corridor ที่ติดกับแม่น้ำครับ 
มุมนี้สวยงามมากๆในยามเย็นที่แสงอาทิตย์ทอแสงทองใส่  
เลี้ยวขวาเส้นตรงนี้เดินกันได้ยาวๆ เลียบแม่น้ำผ่านทางเดินริมน้ำไปยัง Ponte Vecchio ต่อได้เลย


.

.
จริงๆ ย่านใจกลางเมืองของฟลอเรนซ์นี่เดินถึงกันหมดครับ ผมว่าไซส์ของเมืองตรงนี้กำลังดีครับ 
ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป เดินเล่นกำลังสนุก นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควรก็คึกคักไปอีกแบบ 
ร้านรวง ร้านอาหารต่างๆ มีให้เลือกกิน เลือกช็อปปิ้งเยอะแยะ ในช่วงเย็นๆบริเวณจตุรัสของเมือง
ก็ถูกเปลี่ยนเป็นตลาดนัดกลางแจ้งด้วย สั่งพวกสเต็ก พวกปิ้งย่างมากินกับเบียร์เย็นๆ ก็มีความสุขสุดๆครับ


.




สำหรับจุดชมวิวยอดนิมยมที่ฟลอเรนซ์ก็ต้องเป็นที่นี่ครับ 
Piazzale Michelangelo (Michelangelo Square) ผมเรียกว่าเนินมิเชลแองเจลโล่ 555+
ผมใช้การเดินๆๆๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวก็เดินกันขึ้นมาครับ

ยามเย็นการเลือกมาชมวิวตรงนี้เป็นอะไรที่เพอร์เฟคที่สุดแล้วครับ ไปตามรอยกันได้ครับ ...






เอาบรรยากาศในตัวเมืองฟลอเรนซ์มาฝากครับ ...
ประทับใจกับความลงตัวของเมืองมากครับ เดินสนุก มีอะไรให้ดู ให้ถ่ายรูป มีมุมสวยๆให้นั่งเล่นเยอะดี มีโอกาสแวะมาเที่ยวกันน่ะครับ นอนค้างสักคืนสองคืน ได้ยิ่งดีครับ




.



Pisa

จากฟลอเรนซ์ซึ่งเป็นศูนย์กลางแคว้นทัสคานี่ เราสารารถนั่งรถไฟไปเที่ยวในเมืองรอบๆได้ง่ายมากครับ นั่งไปไม่เกินชั่วโมงหรือสองชั่วโมงก็ถึงเมืองดังๆ ทั้งเซียนน่า หรือปิซ่า ...
ตอนแรกว่าจะไม่มาละครับ แต่คิดไปคิดมา มาดูสิ่งสถาปัตยกรรมระดับโลกสักหน่อยจะเป็นไรไป


.
และโชคดีที่แล้วอากาศดีมากกกกกก ตัวหอเอนเลยยิ่งสวยมากกทวีคูณขึ้นไปอีกครับ
ถ่ายรูปแล้วก็มีความสุขล้ำไปใหญ่ สามารถขึ้นไปชมวิวบนหอเอนได้น่ะครับ ก็จะจำกัดจำนวนคนต่อรอบ


.
.


..

03 VENICE 

ถ้ามาอิตาลีครั้งแรกแล้วไม่ได้มาเวนิส  กลับถึงเมืองไทยคงคาใจมากถึงมากที่สุด
เลยบรรจุไว้ในโปรแกรมว่ายังไงก้ต้องมาให้ได้
ยอมมานอนบนเกาะด้วยเลยเพื่อจะได้ถ่ายรูปได้เต็มอิ่ม



เวนิสนั้นแอบกว้างกว่าที่คิดไว้เยอะเหมือนกันครับ

ถือเดินเล่นรอบเกาะนี่ต้องมีวันนึงได้เลยครับ เพราะร้านรวงเยอะมากกกกกกก

เดินไปหยุดดูไป เพลิดเพลินตา และที่สำคัญคือ ซอกซอยเยอะมากกกกกกกก
เดินแล้วถ้าไม่คู่กับแผนที่ไปด้วยมีหลง ไปออกอีกฝั่งแน่นอนครับ
.


Murano ... ถ้าพอจะมีเวลาครึ่งวัน แนะนำต่อเรือด่วน บรู้นๆ 
ไปเที่ยวสองเกาะเล็กที่สวยมากๆอย่าง มูราโน่ และบูราโน่ ครับ ..

การเดินทางในเวนิสจะใช้เรือดเป็นหลัก อันนี้มีหลายสายมาก อยู่ที่เราจะไปขึ้นตรงไหน
เพราะมีหลายท่าขึ้นด้วยเช่นกัน ถามเจ้าหน้าที่ได้ว่าเราจะไปมูราโน่ ให้ขึ้นเบอร์อะไรครับ 
เรือมีวิ่งตลอด ตรงท่าเรือจะมีป้ายบอกเวลาที่เรือกำลังมาด้วย สะดวกสบายครับ



Burano เกาะเล็กๆที่ไม่ไกลจากเกาะหลัก นั่งเรือไปราวชั่วโมงนึงได้ครับ
เกาะนี้เป็นปลายทางที่ตั้งใจจะมาให้ได้ถ้ามาอิตาลีครับ อัดอั้นใจ คาใจมานานหลังจากเห็นรูปตามเว็บ
สีสันแนวลูกกวาดแสนน่ารัก ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ปัจจุบันก็เป็นจุดท่องเที่ยวที่คนมากันเยอะ

การจะเดินทางไปนั้นต้องไปต่อเรือที่ท่าเรือที่เกาะ Murano ครับ
ดูตามหมายเลขของเรือไปตามทางก็จะเจอครับ หรือไม่ก็ถามพนักงานได้ครับ



บูราโน่เป็นเกาะเล็กๆ เดินสักชั่วโมงก็น่าจะครบรอบ ...
แต่ไม่แนะนำให้เดินเยอะครับ นั่งพัก นั่งกินลมชมวิวบ้าง เห็นบางทีคนเที่ยวแบบโฉบๆ แชะๆ แล้วก็ไป

ลองเลือกมุมที่สะดุดตา ทอดอารมณ์ให้สุกอยู่ตรงนั้นบ้างจะได้เก็บความทรงจำไว้ชัดๆ


.


.
ใครไปช่วงเย็นแบบผม (ซึ่งแนะนำเลยถ้าไปค้างที่เวนิสและมีเวลาเยอะ )
ลงจากเรือแล้วเดินไปอีกฝั่งของเกาะเลยครับ เป็นฝั่งตะวันตก ซึ่งเงียบสงบมากกกกกก
และบรรยากาศยามเย็นดีมากกกก เดือน ตุลาคม เป็นก่อนเข้าหน้าหนาว อุณหภูมิราวสิบปลายๆ กำลังดีเลย


.


ของที่ระลึกที่แสนน่ารักครับ ... ชอบมากๆซื้อติดกลับบบ้านมาเหมือนกันครับ
เดินๆดูร้านที่ขายบนเกาะบูราโน่นี่จะเป็นงานแฮนเมดน่ารักๆ พวกผ้า พวกสร้อย 
รวมไปทั้งงานสลักไม้สวยๆครับ สามารถมาละลายทรัพย์กันได้ที่นี่เลย ...



ส่วนใหญ่เราจะเห็นแต่ภาพช่วงกลางวันแดดดีๆ ของหมู่บ้านสีลูกกวาดนี้ เพราะคนมักจะมาบ่ายๆกัน


แต่ผมนี่เดินชิลแบบไม่เร่งรีบ มาอยู่ตั้งแต่เย็นๆ จนเกือบๆ ทุ่มได้ครับ 
เป็นวันที่มาดูพระาอทิตย์ตกน้ำ บนเกาะ ซึ่งสวยงามมและโรแมนติกมากกกกกกกกก 
มากจริงๆครับ อากาศดี น้ำทะเลก็เรียบ เงียบสงบๆ แบบหาดูได้ยาก อากาศดีลงตัวไปหมด ...


.

สำหรับท่านที่เลือกนอนบนเกาะเวนิส 
ข้อดีมากๆเลยคือจะมีเวลาดื่มด่ำกับเมืองแห่งคลองนี้ในยามค่ำคืน และยามเช้าแบบผู้คนไม่เยอะ 

ร้านอาหารก็จะเห็นมาตั้งโต๊ะตั้งเก้าอี้ริมน้ำ ก็เลือกนั่งกินบรรยากาศไปได้ด้วยเลยครับ .. 
อากาศเย็นๆนี่ ผมเห้นจะมีไวน์ต้มขายด้วยน่ะครับ แก้วละไม่กี่ยูโร
กินเพิ่มความอุ่นในร่างกายได้ดีเลยครับ








หากนอนบนฝั่งเกาะเวนิส .. ยังไงซะ ตอนเช้าต้องยอมง่วงแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาเช้าให้ได้ครับ
แล้วออกไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ฝั่ง San Marco เป็นอะไรที่สวยงามมากยิ่งถ้าเป็นวันที่อากาศดีๆครับ

ตรงนั้นก็เป็นที่ตั้งของวิหาร Basilica di San Macro ด้วยครับ อลังการงานสร้างอีกแล้ว
จุดเด่นอยู่ที่การสร้างอาคารล้อมรอบขนาดใหญ่แล้วเว้นตรงกลางเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่



ยามเช้าที่เวนิสผู้คนก็ยังไม่เยอะมาก เหมือนเป็นเมืองส่วนตัวเลยครับ
แดดเช้าก็ค่อยๆทอแสงออกมา เพิ่มความอบอุ่นให้กับเราได้อย่างดี ...

มีเรือสำราญหลายลำที่จะล่องทะเลไปออกอิตาลีตอนใต้ไปถึงกรีซก็จะมาขึ้นกันที่นี่ด้วยครับ





เวนิส มีเสน่ห์มากล้น เป็นอีกเมืองที่มีโอกาสจะต้องกลับมาอีกสักครั้งแน่นอนครับ



04 MILANO
เมืองใหญ่อีกเมืองที่น่าจะไปเดินเที่ยวสักวันสองวันครับ ... 
จะไปช็อบปิ้งหรือจะไปเดินถ่ายภาพก็เอนจอยทั้งคู่เลย




ผมมีเวลาอยู่ที่มิลานครึ่งวันได้ครับ ... เวลามีไม่เยอะก็ต้องมาที่ดูโอโมกลางเมืองเท่านั้น

มีรุ่นพี่เคยบอกว่าอลังการงานสร้างมากๆ และพอมาเห็นด้วยตาก็เป็นจริงครับ งดงามจริง
ถือเป็นวิหารที่สร้างด้วยหินอ่อนแบบสถาปัตยกรรมโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก นั่ง Subway Duomo ขึ้นมาก็อยู่ตรงหน้าเลยครับ ...




.
สามารถเดินเข้าไปชมด้านในได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดครับ ใครมีแรงเหลือก็สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ครับเสียค่าขึ้นอีกพอสมควร ก็จะได้วิวมิลานมุมสูง ... วันนั้นผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่
เลยขอนั่งเล่นอยู่รอบๆวิหารดูบรรยากาศผู้คนครับ ... มีการแสดงเปิดหมวกให้เราได้ดูกันเป็นระยะๆ


.

.

.


ถือเป็นพรีวิวออเดิร์ฟแบบน้ำจิ้มที่คัดสรรมาให้ดูแบบเพลินๆบรรยายไม่หนักมากเกินไป

น่าจะเป็นแรงบันดาลให้กับท่านที่กำลังจดๆจ้องๆ เลือกจะไปไหนเป็นประเทศแรกในยุโรปดี

คือจริงๆแต่ละประเทศก็มีมุมสวยงามแตกต่างกันมากๆ ครับ ... ส่วนตัวไม่ค่อยจะสนับสนุน
แบบ 8 วัน 4 ประเทศแบบที่ทัวร์จัดเท่าไหร่ สักสองประเทศที่ติดกันนั่งรถไฟข้ามได้แบบนี้กำลังดีและได้เต็มอิ่มกว่าครับ 

ลองถามใจ หรือหาแรงบันดาลใจดูว่าเราจะเอาอะไรเป็นที่ตั้ง ...

อยากไปเห็นไอเฟลสักครั้ง เอ้าา ... ไปฝรั่งเศส

อยากไปดูแมนยูเตะ อ้าววววไปอังกฤษ

ถ้าเป็นแบบผมที่เห็นรูปบ้านสีสวยๆที่ บูราโน่ แล้วปักธงว่าต้องไปให้ได้ ก็ทำให้มันเกิดให้ได้ครับ

ยังไงไปยุโรปก็น่าจะง่ายกว่าไปปักธงบนดวงจันทร์ อย่าให้อะไรมาปิดกั้นการเดินทางเราได้
เพราะประสบการณ์และความทรงจำดีๆจะอยู่กับเราไปอีกนานเท่านาน ...

words + photograph by the Sixth Floor 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝาก FB / IG ไว้ติดตามผลงานภาพถ่ายและการเดินทางต่างๆด้วยครับ






Create Date : 09 มีนาคม 2558
Last Update : 10 มีนาคม 2558 13:52:57 น. 5 comments
Counter : 6124 Pageviews.

 
ไปมาแล้วรอบนึงชอบมาก กำลังจะไปอีกรอบเดือนเมษานี้ค่ะ เข้ามาดูรีวิวแล้วปลื้มปริ่มมาก มันสวยจริง ๆ รีวิวสุดยอดรูปสวยมาก ถ่ายเองคงห่างไกล เก็บภาพไว้ในในสมองแล้วกัน


โดย: Pooky Ladawan IP: 49.230.196.205 วันที่: 11 มีนาคม 2558 เวลา:9:15:21 น.  

 
งามหลาย... คงไม่ได้ไป ขอตามชมในนี้แทนแล้วกันครับ


โดย: Ariawah Auddy วันที่: 18 มีนาคม 2558 เวลา:12:05:43 น.  

 
สวยจังค่ะ ตรงประเด็นดีค่ะ ชอบที่ไหนไปที่นั่น
ปัญหาคือพอไปแล้ว มันไม่ใช่อยากที่เคยคิดนี่สิคะ เงิบเลย


โดย: mariabamboo วันที่: 19 มีนาคม 2558 เวลา:12:57:32 น.  

 
รูปสวยมากๆค่ะ


โดย: Oliver Villa วันที่: 8 เมษายน 2558 เวลา:17:13:49 น.  

 
ภาพเวนิสสวยงามมากค่ะสงวนลิขสิทธ์ไหมค่ะ


โดย: Venice Home IP: 91.121.134.213 วันที่: 17 กรกฎาคม 2558 เวลา:12:57:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

the Sixth Floor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ theSixthfloor Studio ครับ

บทความและภาพถ่ายทั้งหมดในบล็อคนี้
สงวนลิขสิทธิ์หากถ้าต้องการนำไปใช้หรือ
เผยแพร่เพื่อการศึกษาหรือการกุศล
ก็ยินดีครับแต่ก็ขอความกรุณาติดต่อผม
เพื่อให้ทราบรายละเอียด

สำหรับท่านที่ต้องการติดต่อเรื่องบริการ
ด้านการถ่ายภาพสามารถติดต่อโดยตรง
ได้ด้วยเช่นกันครับ

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านแวะมาเยี่ยมชม
บล็อคของผมครับ
q( ^o^ )p
Click to





count web site traffic
Visitor


■ L&T 01 .. รอยยิ้มปนคราบน้ำตา บนท้องนาแห่งชีวิต ..
■ L&T 02 .."เชียงคาน" เวลายังคงเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความสุข ..
■ L&T 03 .. ผืนน้ำจรดขอบฟ้า ตะวันลับตาที่ Hilton Pattaya Hotel ..
■ L&T 04 .. นอนฟังเสียงสายน้ำคลอเคลียที่ Bamboo Hut Resort@ทองผาภูมิ ..
■ L&T 06 .. สโลโมชั่นชีวิตในวันที่เร่งรีบ ณ Anantara Bangkok Sathorn ..
■ L&T 07 .. ความสุขในมุมเล็กๆที่ Mimosa Resort & Spa @ Koh Samui ..
■ L&T 08 .. ออกไปลอยคอกลางทะเล ที่ มก.สุรินทร์ และ เกาะตาชัย ..
■ L&T 09 .. ความอบอุ่นถักทอบนความทรงจำสีจางที่ Villa Nalinnadda เกาะสมุย ..
■ L&T 10 .. บรรยากาศสบายๆที่ the Baths Medi Cottage Resort @ Cha-Am ..
■ L&T 11 .. สูดหายใจพร้อมรับ"ดับเบิ้ล"ประสบการณ์ที่ W Retreat @ Koh Samui . .
■ L&T 12 .. เหยียบไปบนพื้นทรายคลอเสียงคลื่นที่ Rasananda Resort เกาะพะงัน ..
■ L&T 13 ..ปัดฝุ่นความทรงจำที่ Cape Panwa Hotel ภูเก็ต#Day 1 ..
■ L&T 14 .. เก็บรอยยิ้มจากเกาะปันหยี เติมเต็มความสุขที่ Le Meridien เขาหลัก ..
■ L&T 15 .. สะกดทุกสายตา เวลาหมุนช้าที่ Villa Maroc @ Pranburi ..
■ L&T 16 .. จินตนาการแห่งที่สุดของการสร้างสรรค์ ณ Casa de La Flora Resort ..
■ L&T 17 .. ลำปาง ปลายทางแห่งความสุข ..
■ L&T 18 .. สัมผัสมะลิงามที่เบ่งบานในวันหยุด Malisa Villa Suite @ Phuket ..
■ L&T 19 .. " เชียงใหม่ " . . . พอดีคำ กำลังดี . . . . .
■ L&T 20 .. มิอาจคลาดสายตาจากความงามของ the Baray Villa @ Phuket ..
■ L&T 21 .. Siam Kempinski Hotel เพชรเม็ดงามใจกลางมหานคร ..
■ L&T 23 .. เกาะตาชัย . . . จะไปด้วยกันรึเปล่า ?..
■ L&T 24 .. Ramada Resort Khaolak กับวันสบายริมหาดเขาหลัก ...
■ L&T 28 .. สงขลา ... เวลาใหม่ในขวดโหลใบเดิม ...
■ L&T 29 ... เนปาล Endless Journey ตอนจบ
■ L&T 31 ... ซีอาน กองทัพทหารดินเผาแห่งจิ๋นซีฮ่องเต้
■ L&T 32 ... เดินเล่นใน "สุโขทัย" เนิบช้าและทรงคุณค่า
■ L&T 33 ... ยุโรปครั้งแรก "เนเธอร์แลนด์ และอัมสเตอร์ดัม
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 มีนาคม 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add the Sixth Floor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.