Keep Memories Alive in my Diary

[Life&Travel #19] . . ." เชียงใหม่ " . . . พอดีคำ กำลังดี . . . . .

...

สวัสดีครับ ทุกท่าน

นิตยสาร Life & Travel นี้ ผมตั้งใจเป็นแม็กกาซีนออนไลน์
สำหรับคนรักการท่องเที่ยว อยากให้เป็นทั้งคู่มือการเที่ยวแบบง่ายๆ
ตรงไปตรงมา ดีไม่ดีก็ว่ากันไปตามที่เห็น

พร้อมเป็นทั้งสมุดภาพบันทึกความทรงจำ
และเป็นทั้งแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้ออกเดินทาง

เช่นเคย ... ถ้าชอบ Life &Travel แวะไปกด Like ให้กำลังใจกันได้ครับที่



นอกจากจะไม่พลาดทุกการอัพเดทของ Life & Travel
ยังมีข่าวสารการท่องเที่ยวที่น่าสนใจด้วยน่ะครับ



Life & Travel ฉบับที่ 19 นี้เป็นงานเขียนแบบรวมมิตรจากทริปไปเยือนเชียงใหม่ในจำนวน 3 ครั้งเมื่อช่วงปีที่แล้ว
เป็นการไปยือนเชียงใหม่ในระยะเวลาที่ไม่ห่างกันมากแบบไม่ได้คาดคิดมาก่อน


เป็นทริปที่เหนื่อยสุดๆแต่ได้เห็นได้ พบ ได้เจออะไรที่เป็นประสบการณ์ชั้นดีมากมาย
บางมุมหลายคนอาจจะคุ้นตา และก็มีอีกหลายมุมที่หลายคนก็น่าจะยังไม่เคยเห็นเช่นกัน


งานเขียนอาจจะไม่ได้ต่อเนื่องกันหมด ... หลากรสชาติบนความกลมกล่อม



เชิญรับชมไปช้าๆ ครับ ...



01 ...


หันมามองดูนาฬิกาแล้วยังเช้าอยู่ ....

เหมาะเหลือเกินที่จะหากาแฟรสชาติเยี่ยมสักแก้วช่วยปลุกเราจากความง่วง
Libernard Cafe เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม

เพียงขับเลยจากออฟฟิศของ Northwheels เพียงไม่กี่อึดใจ
บนถนนท่าแพ สังเกตป้ายร้านในซอยเล็กๆ ซ้ายมือเป็นที่ตั้งของ
ร้านกาแฟที่ดังระดับโลก

ที่บอกว่าดังระดับโลกเพราะถูกแนะนำไว้ในหนังสือ Lonely Planet
จากนักท่องเที่ยวทั้งหลายที่การันตีว่ากาแฟที่อร่อยในเชียงใหม่ถูกเสิร์ฟร้อนๆ ในร้านนี้นี่เอง




02 ...

ว่ากันว่ากาแฟที่อร่อยในแต่ละแก้วต้องมาจากความพิถีพิถันของคนชง
เช่นเดียวกับ พี่ป๋องเจ้าของร้านกาแฟแห่งนี้ที่พิถีพิถันการชงกาแฟทุกแก้ว

เรามารบกวนพี่ป๋องกันแต่เช้าตรู่ ...

ในช่วงปลายน้าฝนเช่นนี้
นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ค่อยเยอะ ร้านกาแฟก็จะเปิดช่วงสายๆ


แต่กระนั้น พี่ป๋องก็ไม่ปฏิเสธนักเดินทางจากเมืองกรุง
และเสิร์ฟกาแฟร้อนๆรสละมุนให้เรากระปรีกระเปร่าขึ้นมาจนได้




03 ...

นอกจากกาแฟที่โดดเด่น
เราไม่อยากให้คุณพลาดลิ้มรสแพนเค้กสูตรพิเศษของร้าน
ที่ทำจากแป้งทำเองทอดด้วยอุณหภูมิพอเหมาะ

อร่อยจนคุณอาจจะต้องสั่งเพิ่มอีกจานเลยทีเดียว




04 ...

สลัดความง่วงและความขี้เกียจ ออกไปจากตัวได้
เลือดลมก็สูบฉีดพร้อมออกเดินทางต่ออีกครั้ง

วันนี้เรามีโปรแกรมเดินทางกันหลายที่ในจังหวัดเชียงใหม่
เมื่อนัดเจอกับเพื่อนเจ้าถิ่นคนเชียงใหม่ ล้อรถก็เริ่มหมุน


จุดหมายแรกของเราในยามเช้านี้คือ วัดสวนดอก ...
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัดอารามหลวงที่สวยงามในตัวอำเภอเมืองเชียงใหม่




วัดสวนดอก เป็นพระอารามหลวงที่สำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่
ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองนัก ด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่สร้างขึ้นอย่างสวยงาม

อีกทั้งยังมีพระพุทธรูปองค์สำคัญของเชียงใหม่ประดิษฐานอยู่
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้คนมากมายพากันไปกราบไหว้อย่างไม่ขาดสาย
นอกเหนือจากที่วัดสวนดอกจะเป็นวัดสำคัญคู่เมืองเชียงใหม่แล้ว
ในบริเวณวัดยังเป็นที่ประดิษฐานของกู่บรรจุอัฐิเชื้อพระวงศ์เจ้านาย
ฝ่ายเหนือต้นตระกูล ณ เชียงใหม่อีกด้วย

แต่เดิมวัดสวนดอกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้ากือนา กษัตริย์ล้านนาองค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์มังราย

ระหว่างปี พ.ศ.1898 - 1928 พระองค์ทรงมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก
จึงได้อัญเชิญพระมหาสุมนเถระจากเมืองสุโขทัยมาอยู่ที่เมืองเชียงใหม่
ในปี พ.ศ.1914 พระเจ้ากือนาทรงสร้างวัดบุปผาราม หรือ วัดสวนดอกใน
อุทยานป่าไม้พยอมเพื่อเป็นที่จำพรรษาของพระสุมนเถระ
จากนั้นพระองค์จึงโปรดฯให้สร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ที่พระมหาสุมนเถระได้อัญเชิญมาจากสุโขทัย
โดยประดิษฐานไว้ที่วัดบุปผารามและวัดพระธาตุดอยสุเทพ
วัดสวนดอกจึงเป็นศูนย์กลางของศาสนานิกายลังกาวงศ์หรือเรียกว่า
"นิกายวัดสวนดอก" เนื่องจากพระสุมนเถระได้บวชเรียนมาจากสำนักของพระมหาสวามีอุทุมพรที่เมืองเมาะตะมะ ในรามัญประเทศ

ปูชนียวัตถุที่สำคัญในวัดสวนดอกได้แก่ พระเจ้าเก้าตื้อ สร้างในสมัยของ
พระแก้วเมืองมา หรือ พระเจ้าศิริธรรมจักรพรรดิราช หล่อด้วยทองสำริด
ฝีมือช่างล้านนาและสุโขทัย ปางมารวิชัยใช้ทองคำมีน้ำหนัก 9 ตื้อ
พระพุทธปฏิมาค่าคิง เป็นพระประธานในวิหารหลวง

สร้างในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช หล่อด้วยทองสำริดขนาดเท่าพระองค์ของพระเจ้ากือนา พระเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ สร้างในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งพระสุมนเถระนำมาจากสุโขทัย ตัวเจดีย์เป็นศิลปะลังกาวงศ์ผสมกับศิลปะล้านนา

เจดีย์อนุสาวรีย์บรรจุอัฐิครูบาศรีวิชัย สร้างเมื่อปี พ.ศ.2490 กู่บรรจุอัฐิเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่และเจ้านายฝ่ายเหนือ ต้นตระกูล ณ เชียงใหม่
สร้างประมาณ พ.ศ.2450 ธรรมาสน์แบบล้านนา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2474
และซุ้มประตูวัดจำนวน 3 ซุ้ม เป็นซุ้มทรงปราสาทแบบล้านนาสร้าง
เมื่อครั้งที่ครูบาศรีวิชัยบูรณะวัดสวนดอกเมื่อปีพ.ศ.2474



06 ...

จุดประสงค์หลักของการมาที่วัดสวนดอก
ก็เพื่อจะมาลิ้มรสอาหารเพื่อสุขภาพของ "ร้าน พันพรรณ" ครับ

ร้านอาหาร “พันพรรณ” : เปิดมุมมองใหม่กับเมนูเด็ดมังสวิรัติเพื่อชีวิตที่ยั่งยืน

ร้านอาหารมังสวิรัติพันพรรณ... เป็นการต่อยอดมาจากศูนย์การเรียนรู้พันพรรณ
โดยเป็นร้านขายอาหารและเครื่องดื่มที่เมนูเกือบทั้งหมดในร้าน
ทำมาจากผลิตผลเกษตรอินทรีย์

พูดไปแบบนี้อาจดูไม่น่าเป็นอาหารที่น่าจะเชื้อเชิญให้ไปลิ้มลอง
แต่อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจจนกว่าจะได้ลองชิมสักครั้ง



07 ...

เมนูทุกจานถูกปรุงแต่งหน้าตาและรสชาติให้ถูกปากคนทั่วไป
ใช้วัตถุดิบที่สะอาดปลอดสารพิษ หลายๆวัตถุดิบทางร้านก็ทำเอง เช่น เต้าหู้ น้ำสลัด

มีอาหารจานเด็ดที่พ่อครัวคิดขึ้นมาป็นพิเศษด้วย
เช่น เย็นตาโฟซอสบีทรูท ยำผักกูดที่ใช้ผักพื้นบ้านหายาก

ลองหาโอกาสมานั่งกินในบรรยากาศรมรื่นสบายๆ ดู ...
ได้ทั้งคุณค่าทางโภชนาการและดีต่อสุขภาพ
จนหลายคนติดอกติดใจเป็นลูกค้าประจำไปแล้ว
ที่สำคัญราคาไม่แพงอย่างที่คิดด้วย



08 ...

ยังไม่ทันจะไปไหนไกล ท้องเราก็เริ่มแน่น
เรากางแผนที่และสรุปกันได้ว่าในวันที่อากาศดีเช่นนี้
มาเชียงใหม่แล้วจะไม่ไปขึ้นดอยสุเทพก็กระไรอยู่
ถือซะว่าเป็นการเดินย่อยชมวิวด้วย


และแน่นอนว่า ต้องไม่ลืมแวะสักการบูชา อนุสาวรีย์ท้าวครูบาศรีวิชัยบริเวณทางขึ้นดอยสุเทพด้วย

และใช้เวลาราวไม่เกิน 20 นาที ขับแบสบายๆขึ้นดอย
เราก็ได้ขึ้นมาสัมผัสอากาศดีๆ ชมวิวสวยๆ บนวัดพระธาตุดอยสุเทพ



09 ...

พระธาตุดอยสุเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านเมืองเชียงใหม่มาช้านาน
ตอนนี้บูรณะเสร็จสมบูรณ์ ยามต้องแสงแดดแรงๆ สะท้อนสีทองอร่ามงดงามเป็นยิ่งนัก

10 ...

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์เม็งราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการะบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง พร้อมกับทำทักษิณาวัตรสามรอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น ด้วยเหตุนี้จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าใน บริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น ในปี พ.ศ. 2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้ทรงโปรดฯให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ



11 ...


ช่วงเย็นเราขับรถกันเรื่อยเปื่อยริมเส้นแม่น้ำปิง
ไปเตะตากับอาคารสีชมพูหลังหนึ่ง มีป้ายติดว่า เวียงจุมออน

จำได้ว่ารุ่นพี่คนนึงบอกว่าชาอร่อยและมีหลากหลายมาก
ไม่รอช้าที่จะเลี้ยวรถเข้าไปทันที วันนี้แขกของร้านพอหนาตา

เราขอสั่งเซ็ท High Tea ซึ่งเสิร์ฟพร้อมชาเวียงจุมออนสูตรพิเศษของร้านมา
และเมื่อได้ดื่ม ก็ไม่ผิดหวังในรสชาติของชาที่อร่อย หอมและสดชื่น

จริงๆ นั่งจิบชารสเลิศพลางชมวิวแม่น้ำปิง
พร้อมกับปล่อยสมาธิไปกับหนังสือเล่มโปรด
ที่หยิบติดมือมาจากบ้านด้วยทำเอาเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง
ในร้านผ่านไปเร็วเหลือเกิน

หันมามองอีกทีพระอาทิตย์ก็เริ่มคล้ายต่ำลง ....



12 ...

ได้ลองเลียบๆ เคียงๆ ถามพนักงาน
ก็ได้ความว่าร้านนี้เกิดจากด้วยความชื่นชอบการจิบชาเป็นกิจวัตรรวมกับความหลงใหลในมนตราแห่งดินแดนวัฒนธรรมอย่างอินเดีย ของเจ้าของ

สองอย่างนี้รวมกันได้อย่างลงตัวเป็นร้านขายชาที่โดดเด่นทั้งความเก๋ไก๋ในการตกแต่งร้านและชาที่ไม่เหมือนใคร

ที่เวียงจุมออนมีชาหลากหลายรสชาติให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลอง
กวาดสายตาดูเมนูคร่าวๆไม่น่าจะต่ำกว่า 40 เมนูกันเลยทีเดียว

แต่ถ้ายังเป็นมือใหม่หัดชิมชา ขอแนะนำ เป็นชาเวียงจุมออน
ชาสูตรพิเศษของร้าน ที่จะช่วยทำให้คุณสดชื่นในยามบ่ายขึ้นมาทันที
ซึ่งใครได้ชิมแล้วถูกอกถูกใจก็สามารถซื้อหาติดไม้ติดมือกลับไปชงเองที่บ้านก็ได้ด้วยนะ



13 ...

ค่ำคืนนี้ผมฝากฝันไว้กับ บ้านหน้อยนอนม่วน ...
เกสเฮาส์ เล็กๆที่แสนน่ารักในคอนเซ็ปเรียบง่าย และอบอุ่นในภาพเก่าๆที่คุ้นตาในอดีต



14 ....

ที่นี่เป็นเกสเฮาส์เล็กๆ ที่จะทำให้คุณหลงรักโดยไม่รู้ตัว ผมเชื่อเช่นนั้น
เพราะก่อนเดินทางก็เจอที่พักที่นี่โดยบังเอิญในอินเตอร์เนต

และเมื่อไปพัก ผมก็ตกหลุมรักไปก่อนใครหลายช่วงตัว ...


บ้านหน้อยนอนม่วนเป็นบ้านที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของชาวเชียงใหม่รอบนอก
เพื่อให้แขกที่เข้ามาพักได้รับรู้และสัมผัสกับความเป็นอยู่แบบบ้านๆ
ผ่าน "เรื่องเล่าบนชานไม้และใต้ถุนบ้าน"



15 ...

ห้องพักราคาไม่แพงครับ ราคาพันนิดๆ
กับขนาดของห้องพักที่ถือว่ากว้างขวางไม่อึดอัด ...


ไม่รู้สิ ผมบรรยายออกมาไม่ถนัดนัก ...
ที่นี่มีกิมมิก ที่สื่ออกมาเยอะ และต้องอมยิ้มเมื่อได้สั้มผัส
ไม่เชื่อลองไปเซิชดูที่เว็บไซท์ได้ครับ
ภายในห้องก็ใช้โทนสีขาว สะอาดตา สิ่งอำนวยความะดวกมีมาให้ครบ



16 ...

การตกตแงก็จะเป็นการประยุกต์เอาของใช้เก่าๆ ที่เราอาจจะทิ้งไปมาตกแต่ง



17 ...

บ้านหน้อยนอนม่วนไม่เน้นความหรูหรา
แต่จะทำให้คุณฉงนกับไอเดียการตกแต่งและอดจะอมยิ้มออกมาอย่างไม่อายคนข้างๆ

สรุปแล้วจุดเด่นของบ้านหน้อยนอนม่วนคือรูปแบบของที่พักที่เป็นกันเอง
ผสมกับงานศิลปะที่ไม่มีรูปแบบตายตัวและคาดคะเนไม่ได้

ที่สำคัญที่นี่อบอุ่นมากเสียด้วยสิ ...



18 ...

เช้าวันที่สอง เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืด
จุดหมายปลายทางคือดอยอินทนนท์


ใช้ความเร็วไม่มากนัก .... ราว 1 ชั่วโมงก็ถึงทางขึ้นดอย

ที่นี่มีจุดแวะเที่ยวหลายจุด ครั้งนี้เราแวะกันเที่ยวที่ แม่กลางหลวง ซึ่งมีไฮไลท์คือทุ่งนาขั้นบันได

แม้ฟ้าจะค่อนข้างขมุกขมัวแต่ความสวยงามของทุ่งนาสีเขียว
ก็ทำเอาเราต้องกดชัตเตอร์กันไม่หยุดเลยทีเดียว

สำหรับการเดินชมทุ่งนาเราควรระมัดระวัง
ไม่เดินย่ำลงไปในทุ่งนาโดยตรงเพราะอาจจะทำให้นาข้าวเสียหายได้ครับ



19 ...

เราเทเวลาให้ทุ่งนากันพักใหญ่ๆ

ก็ขับขึ้นดอยอินทนนท์กันต่อ

สำหรับการขับรถขึ้นเขาต้องใช้ทักษะการขับขี่มากกว่าปกติ
บางช่วงจำเป็นจะต้องใช้เกียร์ต่ำ เพื่อให้เครื่องยนต์มีแรงส่ง
และเลี่ยงการแซงในที่ขับขันหรือทางโค้ง
แค่นี้ก็ทำให้การเที่ยวของเราปลอดภัยจากอุบัติเหตุแล้ว



20 ...

ก่อนถึงยอดดอยอินทนนท์ เราแวะกันที่พระธาตุนภเมทินีดล
และพระธาตุนภพลภูมิสิริ ที่สร้างถวายในหลวงและราชินี
ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ


ตรงนี้มีจุดชมวิวสวยๆแบบไกลสุดสายตาด้วย
ถ้าโชคดีมาในวันฟ้าเปิดหลายคนได้รูปสวยๆกลับบ้านไปแน่ๆ

แต่วันนี้ ...โชคดูจะยืนคนละฝั่งกับเราแฮะ



21 ...

ถัดจากสองพระธาตุไม่ไกล
เราก็มาถึงจุดสูงสุดของประเทศบนยอดดอยอินทนนท์

ถ้าไม่มีถนนตัดขึ้นมา คิดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้ขึ้นมายืนบนนี้แน่ๆ
ขณะเดินชมบรรยากาศรอบๆ ก็มีฝนบางๆ ตกมาไม่ขาดสายยิ่งเพิ่มความชุ่มฉ่ำและชุ่มชื้นยิ่งนัก



22...

ใช้เวลาสัมผัสความสวยงามและสูดอากาศดีๆ เข้าปอดอยู่พักใหญ่ๆ
เราก็ค่อยๆลงจากดอยอินทนนท์

ฝากไว้นิด สำหรับนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ๆ เวลาไปที่ยวตามอุทยาน
เราจำเป็นต้องเคารพ กฎ กติกา และสถานที่ หากมีป้ายเตือนต่างๆ
เราก็ควรจะเชื่อฟัง นอกจากนี้ ขยะต่างๆ ก็ควรจะทิ้งให้ถูกที่ครับ
เพื่ออุทยานของเราจะได้สะอาดและน่าเที่ยวกันตลอดไป

ส่วนการขับรถขึ้น-ลงดอยนั้น มือใหม่อาจจะกลัวกันบ้าง
แต่รถยนต์ในปัจจุบัน สามารถไปได้ทุกที่ที่ถนนตัดไปครับ
เพียงแต่ต้องรู้จักรถ และรู้จักทางที่เรากำลังจะเดินทางไป

• หมั่นสังเกตและปฏิบัติตามป้ายจราจรเตือนอันตราย เช่น โค้งอันตราย ลดความเร็ว หรือเขตห้ามแซง
• การลงเขาไม่ควรเหยียบเบรกค้างต่อเนื่องเป็นเวลานานเบรกอาจไหม้ได้ ให้ใช้วิธีเหยียบหนักๆ เป็นระยะๆ แทน หรืออาจจะใช้เกียร์ต่ำช่วยเบรค
• สิ่งสำคัญที่สุดคือ เช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้งโดยเฉพาะระบบเบรคและช่วงล่าง



23 ...

ลงจากดอยอินทนนท์เรากลับเข้าเมืองอีกครั้ง
เพื่อนคนสนิท แนะนำร้านกาแฟอีกร้านให้นั่งเล่นคลายความเหนื่อยจากการเดินทางในครึ่งวันเช้า

ร้านนี้ชื่อว่า กาแฟสถาน ..Cafe Sathan

ร้านี้ตั้งอยู่ในซอย สุขเกษม ถนน นิมมานเหมินทร์
เป็นมุมเล็กๆ ที่พร้อมเป็นเพื่อนคนรักกาแฟยามบ่าย

จากแรงบันดาลใจและความชื่นชอบดื่มกาแฟของเจ้าของที่ลงขันกัน 3 คน กลายมาเป็น ร้านกาแฟชื่อเท่ๆ ที่มีจุดเด่นตรงรูปแบบการตกแต่งร้าน

ที่มีมุมให้เลือกนั่งยามบ่าย 3 มุม 3 สไตล์ คือ โมเดิร์น วินเทจ และคลาสสิค

ผสมกันอย่างลงตัวและกล่มกล่อมเหมือนรสชาติของกาแฟที่เสิร์ฟในร้าน

แม้จะดูตกแต่งแบบมีสไตล์มากแบบนี้แต่บรรยากาศของร้านก็สบายๆกันเอง
เหมือนนั่งเล่นอยู่บ้าน นั่งร้านนี้ไม่ต้องเกร็งสั่งกาแฟสักแก้ว
หยิบหนังสือมาสักเล่มก็เพียงพอแล้ว



24 ...

ร้านนี้อาจจะไม่โดดเด่นในเรื่องของรสชิกาแฟที่นุ่มละมุน แต่เห็นจะเป็น
ไอเดียของการแบ่งโทนของร้านเป็นสามแบบ ลดความจำเจให้กับผูมาเยือนมากกว่า

ถ้าโชคดีไปกิน อาจจะเจอเจ้าหนูน้อยตัวนี้ต้อนรับด้วยก็ได้



25 ...

ใช้เวลานั่งอ่านหนังสือ นั่งเล่นในร้านกาแฟสถานจนเย็น
ท้องก็เริ่มหิว ทริปนี้เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่เราจะไม่ปล่อยให้ท้องว่างนานนัก


มื้อเย็นวันนี้ .. เรายอมขับรถกันออกไปนอกตัวเมืองไกลนิดนนึง
เพื่อจะไปนั่งกินข้าวกันในบรรยากาศสบายๆเหมือนบ้านที่ร้าน 90/9
ออกเสียงว่า ไนท์โอไนท์ .... ร้านอาหารที่น้อยคนนักจะรู้จัก



25 ...

ใช้เวลานั่งอ่านหนังสือ นั่งเล่นในร้านกาแฟสถานจนเย็น
ท้องก็เริ่มหิว ทริปนี้เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่เราจะไม่ปล่อยให้ท้องว่างนานนัก


มื้อเย็นวันนี้ .. เรายอมขับรถกันออกไปนอกตัวเมืองไกลนิดนนึง
เพื่อจะไปนั่งกินข้าวกันในบรรยากาศสบายๆเหมือนบ้านที่ร้าน 90/9
ออกเสียงว่า ไนท์โอไนท์ .... ร้านอาหารที่น้อยคนนักจะรู้จัก



27 ...

ร้านนี้อยู่ที่ อ.สันผีเสื้อครับ
วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ เลียบแม่น้ำ สังเกตป้ายเลขที่บ้านใหญ่ๆ 90/9 ก็จะเจอครับ แต่ไปครั้งแรกอาจจะหาร้านยากหน่อยยังไงลองดูแผนที่ในเว็บของร้านดูนะครับ

ผมชอบบรรยากาศของโต๊ะในสนามหญ้ามากๆครับ

ด้วยร้านนี้อยู่นอกเมืองและค่อนข้างลับตา คนก็จะไม่เยอะ
โต๊ะที่มานั่งก็จะไม่เยอะ
ดังนั้นจะให้ความรู้สึกของดินเนอร์แบบ exclusive มากๆ
ถ้ามาในวันที่ฟ้าเปิด อากาศดี ... รับรองว่าได้เห็นดาวระยับอยู่เต็มท้องฟ้าครับ
เพราะวันที่ผมไปกินนี้ก็เห็นมากับตา เป็นร้านอาหาร Unseen ที่อยากจะแนะนำให้ลองไปกิน รสชาติอาหารก็ถือว่าใช้ได้ครับ ราคาสมเหตุสมผลดี

ออเดิร์ฟของวันนี้คือ พล่าแซลมอน และปาท่องโก๋จักรพรรดิ์ ...
ส่วนเมนคอร์สไม่มีรูปครับ ลืมถ่ายมาฝาก



เป็นมื้อเย็นอีกมื้อที่มีความสุขมากๆ
อาหารรสเยี่ยมกับบรรยากาศที่แสนโรแมนติก ...


คืนนี้เลยหลับฝันดี
เก็บแรงไว้สำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น
ที่รอเราอยู่ในอีกอำเภอนึง ...





ปีนี้เป็นอีกปีที่อากาศของโลกเราจะค่อนข้างแปรปรวน
เราจะทำได้เพียงแค่ต้องปรับตัวตามเพื่อความอยู่รอดหรือเปล่า

ก็ยังเป็นคำถามที่ยังรอคำตอบต่อไป ...



ผมคิดพลางในขณะที่ล้อรถค่อยๆ หยุดหมุน
ใช้เวลาจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่เกินชั่วโมงดี

ผมก็มายืนอยู่ที่ บ้านดิน “พันพรรณ”
ห้องเรียนธรรมชาติที่ถูกซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ของ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

ผมมีนัดกับ พี่โจน จันได ผู้ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ “พันพรรณ”
ที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคนได้ตระหนักถึงความสุขของชีวิตที่แท้จริง และวิถีชีวิตเรียบง่ายที่ยั่งยืน



“พันพรรณ” คือ สวนเกษตรอินทรีย์แห่งหนึ่งใน อ.แม่แตง


ถามว่าที่นี่มีอะไรดีพอจะให้เราต้องบอกกล่าว ...

ก็ต้องบอกว่า “พันพรรณ” เป็นมากกว่าสวนผักแบบทั่วไป
ทีนี่เป็นทั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านแบบดั้งเดิม
และที่สำคัญคือเป็นห้องเรียนธรรมชาติที่สอนให้รู้จักการมีชีวิตแบบพึ่งตนเอง (Self-Reliance)

ชีวิตที่เรียบง่ายสวนกระแสบริโภคนิยมถูกถ่ายทอดสู่ผู้ที่แวะมาชม
ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นเดือน ทั้งการสร้างอาหารเอง การทำเกษตรอินทรีย์
การดูแลร่างกายด้วยวิถีธรรมชาติ การสร้างบ้านดินอยู่ด้วยตัวเอง

ทั้งหมดถูกสอนผ่านการลงมือปฏิบัติจริงให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
โดยอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า “การมีชีวิตเป็นเรื่องง่าย” ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนก็กำลังมองหาวิถีชีวิตแห่งความสุขเช่นนี้อยู่





“ชีวิตควรจะ ง่าย เบา สบาย ....ถ้าชีวิตมันยาก คือผิดแล้ว เป็นสิ่งไม่ปกติ”
– โจน จันได

....................................................

ชั้นหก : จุดเริ่มต้นของ “พันพรรณ” มาจากตรงไหน?พี่โจน : จริงๆ เราเริ่มต้นมาจากการทำบ้านดิน และเห็นว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการเก็บเมล็ดพันธุ์จึงหาที่ดินเล็กๆ เพื่อจะเป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ดีๆ พันธุ์ดังเดิมพื้นเมืองก็เลยมาได้ที่ ใน อ.แม่แตงนี้ ....คนที่สนใจได้ข่าว ชอบแนวคิดก็ขอมาอยู่มาเรียนรู้ด้วย ก็เลยกลายมาเป็นแบบที่เห็นนี่ในปัจจุบัน กว่า 7 ปี ได้แล้ว อยู่กันแบบง่ายๆ แบบพอเพียง


ชั้นหก: พี่โจนเรียนทำบ้านดินมาจากไหน? พี่โจน : จริงๆ ไม่ได้เรียน ....แต่ไปเห็นบ้านดินของพวกอินเดียนแดงที่นิวเม็กซิโก ก็เลยกลับมาลองทำเองซึ่งก็พบว่าง่ายมากๆ ....หลายคนไม่ต้องเรียนก็ทำได้น่ะ ยิ่งถ้ามีพื้นฐานกับดินและทรายมาก่อน สร้างง่ายมาก... ใช้ดินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ทรายล้วนหรือดินเหนียวล้วนทำได้หมด




ชั้นหก : ความท้าทายของการตั้งพันพรรณ? พี่โจน : จริงๆ ก็ท้าทายตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้มองว่าหนักหนา.... อย่างแค่ซื้อที่ดินตรงนี้ ตอนแรกชาวบ้านก็ขำว่าซื้อทำไม มันปลูกอะไรไม่ได้หรอก เป็นที่ลูกรังเนินเขา ...แต่เราเชื่อเรามั่นใจว่าทำได้ ขอให้มีดินมีน้ำ ทุกอย่างเปลี่ยนได้ และก็เปลี่ยนได้จริงๆ 3 ปีที่ผ่านมาเราปลูกหญ้าคลุมดินและคอยตัดไม่ให้ดินถูกแสงแดดทำลายจุลินทรีย์ไป พอมาถึงวันนี้ปลูกอะไรก็ขึ้น ชาวบ้านเค้าก็เริ่มเชื่อเราตามไปด้วย

ส่วนในเรื่องแนวคิดการใช้ชีวิตง่ายๆ พอเพียงแบบนี้มันก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนหรอกมันเป็นทางเลือกหนึ่งของการใช้ชีวิต เราไม่สามารถไปบังคับใครให้มาใช้ชีวิตแบบนี้ได้ทุกคน เราแค่เพียงสามารถบอกกับเค้าได้ว่า มันมีทางเลือกอีกทางนึงน่ะ ที่ใช้ชีวิตแล้วมี “ความสุข” น่ะ ถ้าสนใจก็ลองมาเรียนรู้ดู




ชั้นหก: ก้าวต่อไป พันพรรณ ที่คิดเอาไว้? พี่โจน : จริงๆ ไม่ได้คาดหวังมากอะไรมาก ตอนนี้ที่นี่เป็นที่ให้คนมาเรียนรู้ ได้ฝึกที่จะทดลองใช้ชีวิตแบบพึ่งตนเอง มันเป็นแบบนี้และก็อยากให้เป็นแบบนี้ต่อไป ใครมีความตั้งใจจริงก็ลองมาเรียนรู้ดู



ชั้นหก : พี่โจนอยากจะฝากอะไรกับนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันไหม ?พี่โจน : อืม....ถ้าท่องเที่ยวอะไรที่มันยั่งยืนได้ อะไรที่มันเกิดการพัฒนาตัวเอง จิตใจ และสิ่งแวดล้อม จะทำให้การท่องเที่ยวไม่สูญเปล่า พวกเที่ยวแบบสำมะเลเทเมา เปลี่ยนที่กินเหล้า ถ้ามุมถ่ายรูปได้ก็กลับ แบบนั้นมันสูญเปล่าน่ะ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ..... ถ้าสามารถมาเที่ยวแบบโฮมสเตย์ได้ ได้มาเห็นชาวบ้าน ได้มาลองใช้ชีวิต ผมว่าจะเป็นสิ่งที่ดีมาก

คนกรุงควรจะได้ลองมามีโอกาสเห็นว่าสิ่งที่เรากำลังบริโภคกันในแต่ละวันมันมีที่มายังไง ปลูกกันยังไง ...ไม่งั้นเราจะไม่รู้ว่ากำลังกินอะไร ชาวบ้านเค้ากินสิ่งที่เค้าขายไหม? เค้าก็ขายอย่างเดียว รู้แบบนี้เราจะได้หันมาใส่ใจกับสุขภาพและเลือกกินมากขึ้น ตอนนี้สองฝ่ายไม่รู้จักกันเลย...



พี่โจนเล่าไปพลางพาเราเดินชมรอบๆศุนย์พันพรรณ
ที่เห็นในรูปก็จะเป็นห้องเก็บเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ
เมล็ดพันธุ์เหล่านี้เป้นเมล็ดที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่าดีและสามารถเป็น
ต้นพันุธ์ที่ดี ซึ่งก็มีรชาวบ้านจำนวนไม่น้อยมาขอที่ศูนย์นำไปเพาะปลูกต่อ



หลังจากจบบทสนทนาที่เข้มข้นด้วยข้อคิดดีๆ

เราได้มีโอกาสเดินไปดูการทำบ้านดินกันแบบใกล้ชิด
และก็ต้องทึ่งกับกระบวนการสร้างที่ไม่ยากอย่างที่คิด

นอกจากนี้ยังแข็งแรงทนทานดั่งที่พี่โจนบอกเอาไว้
เราใช้เวลาอยู่กับพันพรรณครึ่งวัน อาจจะเป็นเวลาที่ไม่นานัก

แต่หากชีวิตคือการเรียนรู้
ขอบคุณพันพรรณที่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกเยอะ : )



ทางผ่านเข้าไปยังศูนย์พันพรรณจะเป็นทุ่งนาใน หมู่บ้านแกน อ.แม่แตงครับ
บริเวณนี้เป็นอีกพื้นที่ที่มีการทำนากันเป็นพื้นที่กว้าง
แทบไม่อยากจะนึกเลยว่า ถ้ามาในช่วงที่นาข้าวกำลังเขียวขจีจะสวยงามแค่ไหน




ที่เห็นนาข้าวถูกเกี่ยวไปนั้น ... ทั้งหมดถูกเอาไปกองไว้ที่มุมมนึง
เพื่อรอการตีข้าวคัดเอาเมล็ดข้าวเปลือกออกมาอีกที
มุมตรงนี้เป็นอีกแรงบันดาลใจให้ผมได้ทำรีวิวเรื่องชาวนาไปใน Life & Travel ฉบับที่ 1 สามารถตามไปชมกันได้ในลิงค์เก่าๆ

ความรู้สึกตอนที่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น กลับรู้สึกว่าตัวเอง ตัวเล็กลงไปเลยครับ
พลังชีวิตและจิตวิญญาณที่เรามีเทียบไม่ได้สักนิดกับชาวนาเลย





รถของเราเคลื่อนตัวอีกครั้ง เป้าหมายคือดอยอ่างขางครับ
เวลามีไม่เยอะมากนัก แต่หัวใจมันร้องอยากจะไปยล ดอกนางพญาเสือโคร่ง

ระยะทางร่วมร้อยกิโลที่ต้องผ่านทางชันอันดับต้นๆของไทยเลยถูกมองข้ามไป



รู้สึกว่าเนื้อหาในช่วงที่ผ่านมาจะเข้มข้นด้านสาระไปหน่อย
เดี๋ยวชมภาพกันแบบสบายๆ ไม่บรรยายละกันครับ




หลายคนวิตกกังวลเรื่องการขับขึ้นดอยอ่างขาง
นี่เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกันครับ

ทางขึ้นอ่างขางมีสองทาง ... ใกล้แต่ชัน กับชันน้อยหน่อย แต่ไกลกว่า
แน่นอนผมเลือกใช้ทางที่ชันน้อยแต่ยอมขับไกลกว่า
แล้วก็พบว่า นี่มันชันน้อยแล้วเหรอเนี่ย ... - -'

เป็นเส้นทางที่ต้องเปิดหน้าต่างขับตลอดทาง และลุ้นตลอดทาง
แต่ด้วยที่มีประสบการณ์ขับขึ้นดอยมาหลายครั้ง
เลยเอาตัวรอดไปถึงสถานีธรรมชาติดอยอ่างขางได้สบายๆ



แต่โชคไม่ดีเท่าไหร่ครับ มีงานเข้ามาแบบกระทันหัน
ทำให้เวลาบนดอยอ่างขางนั้นสั้นนัก จำเป็นต้องลงกลับไปที่ตัวเมืองเชียงใหม่
เลยได้รูปบนอ่างขางน้อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย




ดอกนางพญาเสือโคร่งก็รูสึกยังบานไม่เต็มที่เท่าไหร่
แต่อากาศบนนั้นนี่ถือว่าเย็นๆ กำลังดีครับ ยังไม่หนาวมากด้วยละ




นี่ก็ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่จะได้กลับขึ้นไปอีกรอบ
อยากมีประตูสารพัดสถานที่ของโดเรม่อนจังครับ
พอดอกบานปุ้บ เราก็เปิดประตูไปเดินชมได้เลย 555+



ชมบรรยากาศไปเรื่อยๆละครับ



เล่นคู่สีสักหน่อย




บรรยากาศยามเย็นระหว่างทางกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่




วันสุดท้ายของทริปเชียงใหม่ เรายังคงตื่นกันแต่เช้า จุดหมายปลายทางวันนี้คือ ม่อนแจ่ม ถ้าเป็นเมื่อสัก 2-3 ปีก่อน ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูใครหลายคน
มาในช่วงปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวรู้จักม่อนแจ่มเยอะขึ้น ..

ใครก็ตามที่ได้ลองแวะมาเที่ยวที่นี่ จะต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า
ม่อนแจ่ม คือสวรรค์น้อยๆ บนยอดดอย นี่เอง





ม่อนแจ่มคือพื้นที่บนสันเขา บริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย อำเภอแม่ริม

ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย
เมื่อคุณได้มายืนอยู่บนแม่แจ่มจะพบว่าตัวคุณเล็กลง
และถูกธรรมชาติที่กว้างใหญ่ห้อมล้อมไว้ด้วย
วิวแบบพาโนรามาอันกว้างไกลจากทั้งสองด้าน




เป็นมุมสวยๆ ที่เดินทางจากตัวเมืองได้ง่ายมากๆ
ขับรถขึ้นไม่ยาก ใช้เวลาไม่นานก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศดีๆ ข้างบนนี้





อย่างที่ทราบกัน ที่นี่มีบริการเต็นท์ค้างคืนด้วย
ถือเป็นเต็นท์ที่น่ามาพักครับ ค่อนข้างเป็นระเบียบและสะอาดมากๆ
โดยเค้าจะตั้งเต็นท์ไว้เป็นขั้นบนไดลาดลงไปตามสันเขา
ดังนั้นจึงเห็นวิวสวยๆ จากหน้าเต็นท์ของตัวเองได้เลย




มีเพื่อนๆ รีวิวกันไปเยอะแล้ว
ผมก็ไม่รู้จะบรรยายอะไรเหมือนกันนะเนี่ย
หน้าหนาวนี้ หลายคนคงมองม่อนแจ่มเป็นอีกจุดหมายปลายทาง




นอกจากนี้แม่ครัวม่อนแจ่มจะใช้วัตถุดิบที่มาจากผลผลิตของท้องถิ่น
ในการปรุงอาหารทุกจานเองด้วย ผักและผลไม้ที่นี่สดมาก

มีเมนูหลากหลายให้เลือกกันไม่น้อย โดยเฉพาะไข่ยูเอฟโอ
ที่เสิร์ฟยามเช้า พลางจิบกาแฟร้อนๆ ชมวิวสวยๆเบื้องหน้า
เชื่อเถอะว่า นี่มันสวรรค์ชัดๆ




วิวด้านหลังจะเป็นวิวของการทำไรทำนาแบบขั้นบันไดครับ
เป็นการจัดการด้านพื้นที่ทำการเกษตรที่ชาญฉลาดของมนุษย์




เป็นอีกสถานที่ที่คนรักการถ่ายภาพคงมีความสุข
หันไปทางไหนก็มีแต่ของสวยๆงามให้ถ่ายภาพกันตลอด



กระทู้นี้จัดเต็มปล่อยรูปเยอะเป็นพิเศษ
หวังว่าคงจะมีความสุขกับการรับชมเช่นกัน





ใช้เวลาอยู่บนม่อนแจ่มอยู่นานสองนาน
อย่กจะหยุดเวลาเอาไว้บนนี้มากๆ ... มีความสุขจริงๆครับ
อยากให้เพื่อนๆก้าวออกจากบ้านท่องเที่ยวเยอะๆ ไปสัมผัสด้วยตัวเอง


เวลาช่างผ่านไปเร็วเสียเหลือเกินสำหรับการมาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้
ที่นี่มีร้านอาหารอร่อยให้ชิ้มกันไม่เบื่อ ผู้คนใจดี น่ารัก และมีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ มากมายให้ได้สัมผัส

ผมไม่แปลกใจ ถ้าใครหลายคนจะหลงรักเชียงใหม่ได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับผมที่มาเที่ยวครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ๆ ....
วันหลังจะมาเยี่ยมอีกน่ะ




ลากันด้วยรูปนี้ครับ ... กระทู้นี้เป็นการดองรีวิวที่นานที่สุดแล้วมั้งครับ
รูปย่อเสร็จตั้งแต่ต้นปีแล้ว 555+

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมครับ
ขอบคุณทุกกิฟ ทุกโหวต และทุกคอมเม้นท์ หวังว่าจะช่วยคลายเครียดได้บ้าง

ข้อมูลในกระทู้รีวิวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเนื่องจาก
เป็นการเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ที่นานมาแล้วหลายเดือน
ยังไงรบกวนเช็คกับข้อมูลของทางร้านที่ปรากฏอีกครั้ง


พบกันใหม่ ไม่นานเกินรอครับ
รีวิวในบอร์ดภาพใหญ่ๆ จุใจตามลิงค์นี้ครับ
//www.pantip.com/cafe/blueplanet







 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2554
10 comments
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2554 15:27:49 น.
Counter : 13703 Pageviews.

 

 

โดย: papisong 13 พฤศจิกายน 2554 15:46:10 น.  

 

กึ้ดเติงหาบ้านแต๊ๆเจ้า

 

โดย: สาวหน้าใส 13 พฤศจิกายน 2554 19:12:54 น.  

 

ถ่ายภาพสวยจังค่ะ อยากไปเชียงใหม่จัง

 

โดย: mungkood 13 พฤศจิกายน 2554 19:54:35 น.  

 


 

โดย: Kavanich96 14 พฤศจิกายน 2554 8:05:32 น.  

 

แวะมาชมค่ะ

 

โดย: นู๋ที 14 พฤศจิกายน 2554 10:27:25 น.  

 

แวะมาชมค่ะ

 

โดย: นู๋ที 14 พฤศจิกายน 2554 10:27:25 น.  

 

ถ่ายรูปสวยมากๆ ค่ะ

 

โดย: ติน IP: 124.121.177.204 5 ธันวาคม 2554 18:39:11 น.  

 

รับสมัคร นักเรียน นักศึกษา หรือพนักงานประจำ

ที่ต้องการหารายได้เสริม

แบบPast-time รายได้ 5000-10000 บ/ด
แบบFull-time รายได้ 10000-20000 บ/ด

คุณสมบัติของผู้ที่สนใจ !!
- ชาย/หญิง ที่มีเวลาและสนใจในการทำงาน
- สามารถใช้คอมพิวเตอร์ Internet พื้นฐานได้
- อายุตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไป
- ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์
FULL-TIME 20,000 บาทขึ้นไป / เดือน

คิดรายได้ให้เราทุกวันและโอนเงินผ่าน ATM ทุกวันพฤหัส 1 เดือนโอน 4 ครั้ง ดูรายละเอียดก่อนได้นะคะ
อยากเป็นวัยรุ่นที่ First Class มีเงินใช้สอยอย่างไม่ขาดสาย

สามารถตอบโจทย์ชิวิตของคุณได้

คุณเองก็สามารถประสบความสำเร็จอย่างเราได้
โอกาสที่ดีมาถึงคุณแล้ว สนใจกรอกข้อมูลเพื่อรับรายละเอียด(รับจำนวนจำกัด)
//www.thefirst-one.com/clients/join/031885

 

โดย: กัญญารัตน์ IP: 124.120.76.80 16 ธันวาคม 2554 3:05:17 น.  

 

ถ่ายรูปได้สวยงามมากค่ะ สันผีเสื้อเป็นตำบลค่ะ ไม่ใช่อำภอ เขียนบรรยายได้ดี น่าอ่านค่ะ

 

โดย: Noi IP: 182.53.224.188 5 เมษายน 2555 13:47:23 น.  

 

บรรยายเรื่องได้น่าสนใจดีจัง ภาพสวยมากๆ

 

โดย: พันไม้ IP: 122.154.73.12 14 มีนาคม 2556 15:48:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


the Sixth Floor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ theSixthfloor Studio ครับ

บทความและภาพถ่ายทั้งหมดในบล็อคนี้
สงวนลิขสิทธิ์หากถ้าต้องการนำไปใช้หรือ
เผยแพร่เพื่อการศึกษาหรือการกุศล
ก็ยินดีครับแต่ก็ขอความกรุณาติดต่อผม
เพื่อให้ทราบรายละเอียด

สำหรับท่านที่ต้องการติดต่อเรื่องบริการ
ด้านการถ่ายภาพสามารถติดต่อโดยตรง
ได้ด้วยเช่นกันครับ

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านแวะมาเยี่ยมชม
บล็อคของผมครับ
q( ^o^ )p
Click to





count web site traffic
Visitor


■ L&T 01 .. รอยยิ้มปนคราบน้ำตา บนท้องนาแห่งชีวิต ..
■ L&T 02 .."เชียงคาน" เวลายังคงเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความสุข ..
■ L&T 03 .. ผืนน้ำจรดขอบฟ้า ตะวันลับตาที่ Hilton Pattaya Hotel ..
■ L&T 04 .. นอนฟังเสียงสายน้ำคลอเคลียที่ Bamboo Hut Resort@ทองผาภูมิ ..
■ L&T 06 .. สโลโมชั่นชีวิตในวันที่เร่งรีบ ณ Anantara Bangkok Sathorn ..
■ L&T 07 .. ความสุขในมุมเล็กๆที่ Mimosa Resort & Spa @ Koh Samui ..
■ L&T 08 .. ออกไปลอยคอกลางทะเล ที่ มก.สุรินทร์ และ เกาะตาชัย ..
■ L&T 09 .. ความอบอุ่นถักทอบนความทรงจำสีจางที่ Villa Nalinnadda เกาะสมุย ..
■ L&T 10 .. บรรยากาศสบายๆที่ the Baths Medi Cottage Resort @ Cha-Am ..
■ L&T 11 .. สูดหายใจพร้อมรับ"ดับเบิ้ล"ประสบการณ์ที่ W Retreat @ Koh Samui . .
■ L&T 12 .. เหยียบไปบนพื้นทรายคลอเสียงคลื่นที่ Rasananda Resort เกาะพะงัน ..
■ L&T 13 ..ปัดฝุ่นความทรงจำที่ Cape Panwa Hotel ภูเก็ต#Day 1 ..
■ L&T 14 .. เก็บรอยยิ้มจากเกาะปันหยี เติมเต็มความสุขที่ Le Meridien เขาหลัก ..
■ L&T 15 .. สะกดทุกสายตา เวลาหมุนช้าที่ Villa Maroc @ Pranburi ..
■ L&T 16 .. จินตนาการแห่งที่สุดของการสร้างสรรค์ ณ Casa de La Flora Resort ..
■ L&T 17 .. ลำปาง ปลายทางแห่งความสุข ..
■ L&T 18 .. สัมผัสมะลิงามที่เบ่งบานในวันหยุด Malisa Villa Suite @ Phuket ..
■ L&T 19 .. " เชียงใหม่ " . . . พอดีคำ กำลังดี . . . . .
■ L&T 20 .. มิอาจคลาดสายตาจากความงามของ the Baray Villa @ Phuket ..
■ L&T 21 .. Siam Kempinski Hotel เพชรเม็ดงามใจกลางมหานคร ..
■ L&T 23 .. เกาะตาชัย . . . จะไปด้วยกันรึเปล่า ?..
■ L&T 24 .. Ramada Resort Khaolak กับวันสบายริมหาดเขาหลัก ...
■ L&T 28 .. สงขลา ... เวลาใหม่ในขวดโหลใบเดิม ...
■ L&T 29 ... เนปาล Endless Journey ตอนจบ
■ L&T 31 ... ซีอาน กองทัพทหารดินเผาแห่งจิ๋นซีฮ่องเต้
■ L&T 32 ... เดินเล่นใน "สุโขทัย" เนิบช้าและทรงคุณค่า
■ L&T 33 ... ยุโรปครั้งแรก "เนเธอร์แลนด์ และอัมสเตอร์ดัม
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
13 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add the Sixth Floor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.