กุมภาพันธ์ 2558

1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
Singapore so Fun --> สะพายเป้ แบกกล้อง ถามทาง สุดมันส์
เที่ยวสิงคโปร์ตั้งแต่ ตุลาคม 2555 จริงๆตั้งใจว่าจะไม่รีวิว เพราะเที่ยวแบบเหนื่อยมากกก ร้อน กล้องหนัก ปวดไหล่ เพลีย เป็นเหุผลที่ทำให้ขี้เกียจถ่ายรูปมาก 4วัน3คืน ในสิงคโปร์ รูปในกล้องมีไม่ถึง 500 รูป แต่กลับมาดูรูปอีกรอบก็พอมีรูปที่พอดูได้อยู่นี่นา เลยจัดรีวิวซะหน่อย เผื่อว่าบางอย่างจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆได้บ้าง

งั้นไม่รอช้าเลยละกันค่ะ ขอรูปเปิดรูปแรกที่ Marina Bay Sand
เป็นรูปสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย และได้ใช้ขาตั้งกล้อง



เดินทางไฟลต์เช้าค่ะ มาถึงสิงคโปร์ก็ก่อนเที่ยง แวะเข้าที่พักก่อน
โรงแรมใช้ได้ค่ะ สะอาด เราแค่เมลจองกับทางโรงแรม ไม่ต้องมัดจำเลย
มาถึงแค่ยื่นพาสปอร์ต จ่ายตังค์ แค่นี้เรียบร้อย ไม่มีปัญหา
" Beach Hotel" Beach Road อยู่ใกล้แถว บูกิสค่ะ ใกล้รถไฟใต้ดิน น่าจะแถวบูกิส จังชั่นอย่าว่ากันนะคะ ถ้าบอกผิด เพราะว่ามันนานมากกกกกกจริงๆค่ะ
ภาพนี้คือซอยโรงแรม แต่โรงแรมอยู่หัวถนนเลย สะดวกมาก เดินทางไป Marina Bay ตึก Suntec แป๊บๆ



ห้องพักที่เราได้ อยู่ห้องริมพอดี โชคดีมาก เห็นวิวต่างๆนานๆ
ห้องสะอาด มีน้ำดื่มให้ ตู้เย็น ทีวี ตู้เสิ้อผ้า เก้าอี้นั่งเล่นในห้อง ฝักบัว น้ำอุ่น ราคาน่าคบหาซะด้วย



ส่วนแผนที่นะคะ ลง MRT บูกิสค่ะ เดินทะลุออกมาหลังบูกิสจังชั่น
แล้วข้ามถนน North Bridge จากนั้นเข้าซอย Liang Seah St. เดินสุดซอยค่ะ หัวถนนจะเป็นโรงแรมที่เราพัก



เชคอินเรียบร้อย สถานที่แรกที่ตั้งใจไว้คือ Marina Bay Sand ตามหา สิงโตทะเล๊ ทะเล ทริปนี้เดินทางโดยรถไฟใต้ดินซะส่วนใหญ่ การคมนาคมสะดวกสบายดีค่ะ





ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 10 ชีวิต จองตั๋ว โรงแรม หาข้อมูลเอง
แต่ก็ยังมิวายกางแผนที่มั่วทางกันมากมาย ถามทางภาษาจีน ภาษาอังกฤษ วิ่งวุ่นกันไปหมด อันนี้เดาๆกันเอาเองว่าไปลงที่สถานี Esplanade



เดินมั่วทางมาเรื่อยจนโผล่ประตูทางออก เจอตัว S เบ้อเริ่มเลย มีริบบิ้นสีชมพูเขียนว่า Service เหมือนให้นักท่องเที่ยวหยิบได้มาเป็นของที่ระทึก เราก็หยิบซะทุกสี ทุกคำเลยทีเดียวเชียว





และแล้วเราก็ถึง Marina Bay จะเดินไกลไปไหน รถไฟฟ้าแต่ละสถานี เหนื่อยก็เป็นนะคะ



เป็นการเดินทางมาเมืองลอดช่องครั้งแรกของ จขกท และผองเพื่อน ได้เจอซะที Merlion



ถึงจะเหนื่อยและปวดไหล่เพราะแบกกล้องหนักๆ จนไม่อยากถ่ายรูป
แต่เจอฟ้าขาวๆแบบนี้ก็เศร้าเหมือนกันนะเนี่ย แดดไม่มี ฟ้าไม่เปิด เหมือนฝันร้ายของนักเดินทาง



และนี่คงจะเป็นการล่องเรือ ชมเมือง ชมวิวต่างๆ แต่พวกเราไม่ได้ขึ้นค่ะ



อีกมุม ฝั่งเอสพลานาดค่ะ



วันแรกที่สิงคโปร์ยังไม่ทันค่ำเลย คิดว่าเดินกันไปแล้วซัก 3-4 กิโลได้
นั่งพักจนได้ที่แล้ว อากาศเย็นๆเริ่มมาแล้วละ



เมื่อแสงอาทิตย์หมดลง แสงไฟสวยๆก็มาทดแทน สวรรค์ของคนชอบถ่ายภาพละสินะ



ะพาน Helix ทางเดินเชื่อมต่อระหว่าง Esplanade กับ Marina Bay Sand
สะพานนี่กว้างมากค่ะ พื้นที่ประเทศนี้มีจำกัดมากๆ คนที่อยากออกกำลังกาย ไม่มีที่จะวิ่ง ก็ต้องมาวิ่งกันบนสะพาน คิดไปแล้วอยู่เมืองไทยนี่มีความสุขที่สุดเลย ที่เที่ยวสวยๆเยอะจน ชีวิตนี้ก็ไปไม่ทั่ว



เดินจากฝั่งเอสพลานาดมา ถึงมาริน่า เบย์ แซนด์ ถึงซะทีไกลมากกกก เป็นกิโล 2 กิโล ที่นี่มีทุกอย่างพร้อมไม่ว่าจะเป็น โรงแรม จุดชมวิวแต่เราไม่ได้ขึ้นไปเพราะต้องเสียค่าใช้จ่าย Shopping สินค้าแบรนด์ดัง และที่สำคัญสวรรค์ของนักเล่น คาสิโน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้พวกเราเข้าค่ะ เพราะอายุไม่ถึง แค่ 15 กันเอ๊งงงง



มีทุกแบรนด์นะจ๊ะ สวรรค์นักช๊อป



Good night Singapore คืนที่ 1 ด้วยภาพนี้ค่ะ
ภาพแอบเบลอเพราะไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องเลยค่ะ ไม่ไหวจะแบก หนักเกิ๊นนน
ฝั่งนู้นที่เห็นลิบๆ เป็นที่ตั้งของโรงแรม 5 ดาวหลายแบรนด์
ราคาแพง แต่ได้เสพสุขกับวิวของอ่าวมาริน่า ถ้าเราได้พักที่นี่เจอไฟสวยๆแบบนี้ คงไม่อยากข่มตานอน คงจะนั่งกินลมชมวิวกันทั้งคืน



วันที่ 2 ใน สิงคโปร์ แพลนของเราคือ เกาะเซนโตซ่า และ Universal
วันนี้เราเดินทางโดยรถบัสประจำทางไปลงที่ Vivo City (ถ้าจำไม่ผิด อิอิ)



เดินขึ้นไปบนห้างค่ะ เพื่อที่จะไปนั่งรถรางไปเกาะเซนโตซ่า





ถึงแล้วค่ะ Merlion ตัวใหญ่ที่สุดอยู่ที่นี่ เกาะเซนโตซ่า ใหญ่กว่าตัวที่พ่นน้ำที่ อ่าวมาริน่าค่ะ



ของที่ระลึกน่ารักๆ และมุมถ่ายรูปเก๋ๆ



Resort World Sentosa ค่ะ







สถานีต่อไป Universal Studio ใครไม่ถ่ายกะลูกโลกนี้แสดงว่ามาไม่ถึงที่นี่แน่ๆ



เจ้า Merlion นี่มีอยู่ทั่ว ตัวนี้คงจะเป็นตัวที่สวย และสีสันสวยงสมที่สุด ยืนนื้มอยู่หน้า Universal



ร้านลูกกวาดหวานๆ Candylicious สีสวยมากๆ เป็นเมืองที่ตกแต่งด้วยสีสันมากๆเลยค่ะสิงคโปร์





ซื้อบัตรเรียบร้อยแล้วก็รอเข้าไปมันส์กันได้เลยจ้าาาาา





เข้าไปก็เจอรถขายเครื่องดื่ม แด๊งแดงงงง อิอิ



ร้านขายของที่ระลึก มีอยู่ตลอดถนนเส้น Hollywood ^^





เครื่องเล่นชิ้นแรกที่เราเลือกเล่นกันคือ รถไฟเหาะเบาๆ
จากนั้นนั่งรถไฟเข้าไปในเมืองอียิปต์
เมืองแห่งความมืดดดดดดด





สร้างได้อลังการ สมราคาค่าเข้ามากๆ



หลังจากออกจากแดนอียิปต์ที่โหดร้าย จขกท เวียนหัวมากกกก อ้วกกกกกค่ะ ฮ่าๆๆๆ เพลียจิตกับตัวเองมากมาย เพื่อนๆก็เล่นไป เล่นต่อไป แต่เรานั่งเฝ้าเพื่อน เนื่องจากอาการเวียนหัวอย่างหนักหน่วง แค่เดินยังจะไม่ไหว นับประสาอะไรกับถ่ายรูป เพราะฉนั้นทั้งทริปที่ Universal การถ่ายรูปเป็นอันสิ้นสุด ฮ่าๆๆ





จนได้เวลาทานข้าวกลางวัน เราทานกันที่ศูนย์อาหาร ราคามหาโหด แต่ไม่มีทางเลือก



ถ้าจำไม่ผิดเป็นเส้นๆ กับน้ำกะทิเหมือนขนมจีนน้ำยา ในความรู้สึก ขนมจีนบ้านเราอร่อยกว่าเยอะะะะ



อยู่กันจนค่ำมืด หมดสนุกแล้วละที่ Universal Studio



ก่อนที่เราจะกลับที่พัก ได้ไปชม Crane dance
พอออกจาก Universal เดินไปไม่ไกล ก็เจอแล้วค่ะ แสดงเวลาสามทุ่มตรง
เป็นการแสดงระบำเกี้ยวพาราสีของนกกะเรียนเหล็กยักษ์ พร้อมแสงสีเสียง และมัลตืมีเดียที่อลังการมากกกกกกก



ความสูงของนกประมาณ 30 เมตร ตอนที่ชมอยู่ ฝนปรอยๆด้วย ห่วงกล้องมากๆ



ภาพที่ตัวนกจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆค่ะ ตามจังหวะเพลง สวยงามมาก ที่สำคัญชมฟรีค่ะ



เที่ยวทั้งวันก็มีหิวบ้างอะไรบ้าง ส่วนมากช่วงเย็นเราฝากท้องไว้กับร้านแาหารแถวโรงแรม
ซอยที่พักเราอาหารไม่แพง แถมยังมีร้านเยอะมากกกกค่ะ สบายกระเป๋ากันไปเลยราคาน่าคบหามากๆ 3-4 เหรียญแค่นั้งเอง ถือว่าหาได้ถูกมากๆแล้วในสิงคโปร์ บรรยากาศซอยนี้แตกต่างจากช่วงเช้ามากๆ เช้าๆเงียบเหงา ร้านรวงยังไม่เปิด พอค่ำๆ คนเลิกงาน แทบไม่มีที่จะเดิน รถสปอร์ตหรูๆจอดเต็มซอยไปหมด



เช้าวันที่ 3 ที่สิงคโปร์ ตื่นเช้าๆไป China town กะว่าจะไปหาอะไรอร่อยๆกิน



ถนนย่าน China town ประดับประดาไปด้วยโคมสวยๆ ทำให้ดูเป็นจี๊น จีน สมกับย่านนี้จริงๆค่ะ



ตั้งใจว่าจะมาทานข้าวมันไก่ร้าน Tian Tian ที่ศูนย์อาหาร Maxwell แต่.....ปิดปรับปรุง บร๊ะ !!!! อะไรจะเหมาะเจาะปานนั้น คนที่นี่ตื่นสายเนอะ 8-9 โมง ร้านยังไม่อยากจะเปิดกันเล้ย จริงๆเชียว ถ้าอย่างนั้นเข้าวัดไปไหว้พระอย่างที่ตั้งใจไว้ก่อนละกัน



วัดเขี้ยวแก้ว ที่ย่าน China town มากราบไหว้เพื่อความเป็นศิริมงคลกับชีวิต








ปิดท้ายย่าน China town ด้วยแสงแดดอ่อนๆ กับตอนเช้าๆละกันนะจ๊ะะ



จากนั้นนั่งรถไฟไปต่อที่ Little India ค่ะ
ลงจากรถไฟ ปุ๊บ ได้กลิ่นเครื่องเทศปั๊บ เหมาะแล้วที่เป็นอินเดียเล็กๆ



เดินตามหาอาคารสีสวยๆกันก่อนที่จะไปซ๊อปปิ้งที่ มุสตาฟา แหล่งรวมของฝาก และสินค้าราคาถูก







บ่ายแล้ว หิวแล้ว หาอาหารยากเหลือเกินย่านนี้ มองไปทางไหนก็มีแต่แบบนี้
เลยจำเป็นต้องทานนน ร้านอาหารอินตะระเดี้ย อินตะระเดีย ข้าวหมกไก่เอย โรตีเอย รสชาติไม่ต้องพูดถึง สามคำ สวัสดีค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ



ยังค่ะ ยังช๊อปไม่จุใจ เอาของไปเก็บที่ห้อง แล้วไปลุยต่อที่ I.O.N Orchard Road ย่านช๊อปปิ้งเลยค่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ห้าง ห้าง ห้าง และห้าง ช๊อปปิ้งของแบรนด์เนม และแล้วแกงค์สาวๆก็หอบ Charles&Kieth แบรนด์ดังของสิงคโปร์ กันคนละสามสี่ใบ

เรื่องอะไรจะมาซื้อที่เมืองไทย ซื้อที่นี่ถูกกว่าเยอะะะะ





ค่ำคืนสุดท้ายที่สิงคโปร์แล้วละสิ หาความโชคดีเข้าตัวก่อน
ไปสัมผัสน้ำพุแห่งความโชคดี ที่เชื่อว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดในโลก



Fountain Wealth หรือน้ำพุแห่งความโชคดี อยู่ระหว่างตึกซันเทคทั้ง 5
โดยเชื่อว่าให้เดินสัมผัสน้ำพุสามรอบแล้วอธิษฐาน



ระหว่างเดินกลับไปขึ้นรถไฟกลับโรงแรม ทองสวยๆสักเส้นมั๊ย



สามวันร่างแหลกค่ะ เดินเยอะมาก กินกันอย่างประหยัด
เพราะฉนั้นมื้อสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทยขอแบบเปรมๆหน่อยนะคะ
ข้างๆโรงแรมที่เราพักมีบุฟเฟ่ คล้ายชาบูบ้านเรา ราคา 20$ ต่อหัว
จัดเต็มอิ่มเอมกันไปเลย อาหารทะเลสดมากกกกกกกกกกก อาหารเยอะ
กุ้ง หอย ปู ปลา หมึก ตัวใหญ่จริงๆ คุ้มค่ามากๆ

หน้าโรงแรมที่พักจะมีร้านบุฟเฟ่ต์อยู่ติดๆกัน2-3 ร้านค่ะ เปิดช่วงเย็นนะคะ
ช่วงกลางวันจะเปิดเป็นร้านขายข้าว ก๋วยเตี๋ยวทั่วไปค่ะ ร้านที่เราทานสังเกตุง่ายๆจาน ชาม จะเป็นสีแดงค่ะ เพื่อนเราที่ไปทานมาบ่อยๆบอกว่าลองมาหมดแล้ว ร้านนี้เริ่ดสุดในบรรดาร้านแถบนี้ค่ะ



โต๊ะไม่มีที่จะวางแล้วนะจ๊ะ การจราจรหนาแน่นมากๆ



จบแล้วค่ะทริปสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน สนุกมาก เหนื่อยมาก มั่วมาก ฮ่าๆๆๆ
ปิดท้ายด้วยรูปนี้ค่ะ ตื่นตี4.30 แบกกล้องและขาตั้งกล้อง(เป็นช็อตเดียวที่ได้ใช้ขาตั้งกล้อง) นั่งรถเมล์ไปดูวิวสวยๆสงบๆที่ อ่าวมาริน่ากับเพื่อนสาวอีก 2 คน ส่วนอีก 7 คนที่เหลือสลบค่ะไม่ยอมตื่น และก็สมกับการที่ได้ตื่นเช้าจริงๆ เงียบ ไม่วุ่นวาย สวย มองเห็นทั้ง Marina Bay Sand และ Singapore Flyer
สวยงามมากๆ หวังว่ารีวิวนี้คงจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆได้บ้างนะค่ะ







Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2558 21:27:25 น.
Counter : 2848 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลาเต้ปั่นเย็นๆ
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



สวัสดีค่ะ ลาเต้ปั่นเย็นๆ คุณครูสอนภาษาจีน
ผู้หญิงที่ชอบท่องเที่ยว ถ่ายรูป รีวิว บูทีคโฮเทล น่ารักๆ มีสไตล์ ดีไซน์ที่เอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง หลงใหลในแฟชั่นชิคๆ Nikon และ Liverpool ติดตามรีวิวของเราได้ที่นี่ Bloggang และ Pantip สิงอยู่ห้อง Blueplanet
ค้นหาได้เลยค่ะ KEYWORD ลาเต้ปั่นเย็นๆ