+-+-+-+ หลังเกมกับโปรตุเกส อยากจะกล่าวถึงทีมชาติอิตาลีสักหน่อย ก่อนลุยศึกยูโร 08 ... +-+-+-+
เมื่อคืนได้มีโอกาสดูเกมอุ่นเครื่องอีกนัดหนึ่งของทีมชาติอิตาลี (ก่อนลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้าย ในช่วงเดือนมิถุนายน) โดยเชิญทีมชาติโปรตุเกสมาอุ่นแข้งด้วย เกมนัดนี้เล่นกันที่สนามกลาง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็ถือว่าเป็นการไปเก็บบรรยากาศก่อนศึกยูโร 08 จะเริ่มละกัน และผลการแข่งขันก็ออกมาน่าประทับใจแฟนบอลอัซซูรี่พอสมควร โดยอิตาลีสามารถเอาชนะโปรตุเกสไปได้ 3 - 1 โดยได้ประตูจาก โทนี่, ปีร์โล่ และ กวายาเรลล่า ส่วนโปรตุเกส ตีไข่แตกได้จาก กวาเรสม่า ...
โดยในการอุ่นเครื่องนัดนี้ โดนาโดนี่ ได้เรียกนักเตะทีมชาติอิตาลีมาทั้งหมด 20 คน คือ
Portieri: Amelia (Livorno), De Sanctis (Siviglia)
Difensori: Barzagli (Palermo), Cannavaro (Real Madrid), Cassetti (Roma), Grosso (Lione), Materazzi (Inter), Oddo (Milan), Zambrotta (Barcellona)
Centrocampisti: Ambrosini (Milan), Aquilani (Roma), De Rossi (Roma), Perrotta (Roma), Pirlo (Milan), Semioli (Fiorentina)
Attaccanti: Borriello (Genoa), Di Natale (Udinese), Palladino (Juventus), Quagliarella (Udinese), Toni (Bayern Monaco)
แต่เซมิโอลี่ ปีกจากฟิออเรนติน่า และมาเตราซซี่ กองหลังจากอินเตอร์เกิดอาการบาดเจ็บ จึงได้ถอนตัวออกไป และโดนาโดนี่ก็ได้เรียกกัมเบรินี่ กองหลังจากฟิออเรนติน่ามาเสริมเพิ่มเพียงคนเดียว โดยเกมนี้มีผู้เล่นหน้าใหม่ที่ติดทีมชาติอิตาลีเป็นครั้งแรกอยู่ 1 คน ก็คือ มาร์โก บอร์ริเอลโล่ กองหน้าดาวรุ่งฟอร์มร้อน จาก เจนัว และอีกหลายคนที่หายจากอาการบาดเจ็บ อิล ชีที โดนาโดนี่ ก็ได้เรียกกลับมาติดทีมอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น มาเตราซซี่, เด ซานช์ติส, คาสเซตติ และอาควิลานี่ ส่วนที่บาดเจ็บไป และไม่ติดทีมชุดนี้ก็มี บุฟฟ่อน, คิเอลลินี่ และกัตตูโซ่ บวกกับต๊อตติ และเนสต้า 2 ผู้เล่นที่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปแล้ว ทำให้อิตาลีชุดนี้จึงเป็นการผสมผสานระหว่างผู้เล่นตัวเก๋าที่มีประสบการณ์ในการคว้าแชมป์โลก เมื่อปี 06 กับผู้เล่นดาวรุ่งหน้าใหม่ ที่มีความสด และกระหายในการลงสนาม ...
เกมนัดนี้ก็เหมือนเกมอุ่นเครื่องทั่วไป ที่ไม่ได้เล่นกันแบบจริงจังถึงขนาดที่ต้องใส่กันไม่ยั้ง ต่างฝ่ายต่างดูเชิง ค่อยๆ หาโอกาสในการลำเลียงบอลเข้าสู่เขตโทษของคู่แข่ง เพียงแต่อิตาลีดูจะทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะในจังหวะสวนกลับ และก็โชคดีที่ได้ประตูขึ้นนำก่อนที่เกมในครึ่งแรกจะจบลง จึงทำให้ครึ่งหลังลงมาเล่นได้ง่ายขึ้น ยิ่งได้ประตูที่ 2 ตามมาอย่างรวดเร็ว ก็ยิ่งเข้าทางอิตาลี ที่ถนัดในการตั้งรับอยู่แล้ว เกมรุกของโปรตุเกสทำได้แค่ขึงอยู่หน้ากรอบเขตโทษ แต่ไม่ผ่านการลงมาตั้งรับของกองหลังอิตาลีเลย กวาเรสม่าและโรนัลโด้ อาศัยความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวที่มีอยู่ลากผ่านตัวประกบคนแรกไปแล้ว แต่อิตาลีก็จะมีตัวซ้อนคอยเก็บกวาดได้ตลอด จนสโคลารี่ต้องเอานานี่ลงมาเพิ่มความเร็วในเกมรุกอีกคน จึงเป็นที่มาของประตูตีไข่แตกของโปรตุเกส ...
นักเตะอิตาลีหลายคนโชว์ผลงานออกมาได้ดี เกมรับที่มีคันนาวาโร่บัญชาการ ยังคงแข็งแกร่งอยู่มาก ทั้งบาร์ซาญี่และกัมเบรินี่ เมื่อได้มาเล่นคู่กับคันนาวาโร่ ก็ยกระดับมาตรฐานของตัวเองขึ้นมาได้ ส่วนกองกลาง แม้จะขาดกัตตูโซ่ไป แต่อัมโบรซินี่ก็ทดแทนได้อย่างไม่บกพร่อง ส่วนปีร์โล่ก็เล่นได้เด่นมาก ผมยกให้เขาเป็น MOM ของเกมนัดนี้เลย นอกจากยิงประตูได้แล้ว ยังควบคุมจังหวะบอลในแดนกลาง และลงมาช่วยในเกมรับตลอดทั้งเกม อิตาลีต้องคิดหนักแล้ว หากจะหาใครขึ้นมาเพื่อทดแทนเขา ในเวลาที่เขาเลิกเล่นทีมชาติ เพราะเขาได้สร้างมาตรฐานไว้สูงจริงๆ ...
อีกคนที่อยากกล่าวถึง คือ ปัลลาดิโน่ ไอ้หนุ่มน้อยหนึ่งเดียวจากค่ายม้าลายที่ติดทีมชาติในเกมนี้ ช่วงต้นเกมดูเขาจะยังไม่เข้าถึงระบบและความเร็วในการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม แต่พอจับจังหวะถูกแล้ว เกมรุกทางฝั่งขวาของอิตาลีก็ดูมีสีสันและวูบวาบขึ้นมามากทีเดียว มีจังหวะการจ่ายตัดหลังแบ็ค จ่ายทะลุช่องให้ดิ นาตาเล่ได้ยิงเต็มๆ ถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ผ่านการป้องกันของริคาร์โด้ หากโดนาโดนี่ยังคงให้โอกาสเขาอีก ผมว่าเขาน่าจะขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติได้ไม่ยากเลย แต่ก่อนอื่น อยากให้รานิเอรี่ให้โอกาสเขาลงสนามในเกมระดับสโมสรให้มากกว่านี้อีกหน่อย ไม่เช่นนั้นฟอร์มเก่งที่มีอยู่ อาจจะหลุดหายไปอย่างรวดเร็วก็เป็นได้ ...
ในส่วนของผู้รักษาประตู อเมเลีย ลงเล่นเป็นตัวจริงแทนที่ของบุฟฟ่อน ในนัดนี้และแสดงผลงานออกมาได้อย่างน่าชมเชย จังหวะเสียประตูหมดสิทธิ์ในการป้องกันจริงๆ นอกนั้นไม่มีจังหวะไหนเลยที่นักเตะโปรตุเกสจะส่งบอลผ่านมือเขาไปได้ (จริงๆ แล้วก็ต้องชมกองหลังอีกนั่นแหละครับ ที่บีบและไม่เปิดพื้นที่ให้กองหน้าและตัวทำเกมของโปรตุเกสได้มีโอกาสยิงง่ายๆ เลย) จึงถือเป็นเรื่องโชคดีของอิตาลี (อาจจะไม่เกี่ยวกับโชคก็ได้ เพราะอิตาลีก็ผลิตผู้รักษาประตูฝีมือเยี่ยมออกมาทุกยุคสมัยอยู่แล้ว) ที่แม้บุฟฟ่อนจะบาดเจ็บลงเล่นไม่ได้ แต่อิตาลีก็ยังคงมีทั้ง อเมเลีย, เด ซานช์ติส และอับเบียติ รอคอยโอกาสในการลงโชว์ฝีมืออยู่ดี จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วงเลยว่าใครจะเป็นมือ 1 ในทีมชาติ เพราะไม่ว่าใครจะลงทำหน้าที่ แฟนบอลก็วางใจได้ในระดับนึงอยู่ดี (แม้ว่าถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน บุฟฟ่อนจะตีตราจองเอาไว้แน่นอนก็ตาม) ...
โดนาโดนี่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่ปิดโอกาสในการติดทีมชาติไปเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้าย (ยูโร 2008) ของนักเตะหลายๆ คน ที่ไม่ติดทีมในเกมอุ่นเครื่องนัดนี้ ไม่ว่าจะเป็น เดล ปิเอโร่, ยาควินต้า, คาสซาโน่ หรือจิลาร์โน่ ไปซะทีเดียว เขายังคงติดตามฟอร์มของนักเตะอิตาลีที่อยู่ในข่ายที่สามารถติดทีมชาติได้ทุกคน เพราะระยะเวลายังคงเหลืออีกถึง 4 เดือนก่อนที่จะประกาศรายชื่อส่งไปให้ยูฟ่า และอิตาลีเองก็ยังคงมีเกมอุ่นเครื่องอยู่อีก 2 นัดด้วยกัน เขาจะพิจารณาอย่างดีที่สุดว่าใครเหมาะสมที่จะติดทีมไปสวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย ...
ซึ่งเดี๋ยวไว้รอใกล้ๆ ช่วงเดือนพฤษภาคม ผมจะมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง เพราะตอนนี้ผมก็คงพูดเหมือนโดนาโดนี่เช่นกัน เพราะนักเตะอิตาลีที่มีโอกาสจะติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลยูโร 2008 มีอยู่ในข่ายไม่น่าจะต่ำกว่า 40 คนเลยทีเดียว แต่การที่จะตัดเหลือเพียง 23 คน คงต้องตามดูกันยาวๆ ต่อไป ...
Forza Italia Forza Azzurri !!! ...
ป.ล. 1 เข้าใจและมั่นใจว่าคงไม่มีใครเข้ามาคอมเมนท์ แต่อยากพิมพ์ เพราะจะเอาไว้เป็นข้อมูล ... ป.ล. 2 เมื่อวานเสียดายกับทีมชาติไทยมาก ที่มาพลาดในครึ่งหลังให้กับญี่ปุ่น (เชียร์ทีมชาติอิตาลี แต่ก็รักทีมชาติไทยนะครับ) ... ป.ล. 3 วันนี้พิมพ์น้อย ไม่ค่อยมีเวลา ...
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2551 14:06:47 น. |
Counter : 1121 Pageviews. |
|
|
|
อ่านจบแล้วเลยเข้ามาคอมเม้นท์ครับ
เหมือนคอลัมน์วิจาร์กีฬาครับ ผมชอบฟุตบอลครับ
เชียร์อิตาลีด้วยครับ
น่าสงสารทีมไทยที่แพ้ญี่ปุ่น ยอมรับว่าไทยเป็นรองญี่ปุ่นมาก ๆ แต็ก้น่าเสียดายนะครับ เพราะช่วงต้น ๆ ครึ่งแรกเล่นได้ดีเหมือนกัน แต่ยังเอาใจช่วยว่านัดต่อ ๆ ไป ทีมไทยน่าจะเล่นได้ดีขึ้นครับ
อิอิ