พระอภิธรรมคืออะไร?


คัดลอกจากหนังสือเรียน"อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย"มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



...........หลังจากที่สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้วพระองค์ได้ทรงแสดงธรรม
โปรดเวไนยสัตว์เป็นเวลายาวนานถึง ๔๕พรรษา คำสอนที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ทั้งหมด
รวบรวมได้ ๘๔,๐๐๐พระธรรมขันธ์ เรียกว่า พระไตรปิฎก ซึ่งบรรจุคำสอนและเรื่องราว
ของพระพุทธศาสนาไว้โดยละเอียด แบ่งออกเป็น ๓ปิฏก หรือ ๓หมวด ด้วยกันคือ

๑. พระวินัยปิฏก
๒. พระสุตตันตปิฏก
๓. พระอภิธรรมปิฏก





...........พระวินัยปิฏก หรือเรียกสั้นๆว่า พระวินัย เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับศีลหรือสิกขาบท
(บทบัญญัติ) ตลอดจนพิธีกรรมและธรรมเนียมของสงฆ์ อันเป็นกฏระเบียบที่พระภิกษุสงฆ์
และพระภิกษุณีสงฆ์จะต้องปฏิบัติ รวมถึงพุทธประวัติบางตอน และประวัติการทำสังคายนา
มีทั้งสิ้น ๒๑,๐๐๐พระธรรมขันธ์ แบ่งออกเป็น ๕คัมภีร์ เรียกโดยย่อว่า อา. ปา. มะ. จุ. ปะ.
(หัวใจพระวินัย) ได้แก่

๑. คัมภีร์อาทิกัมมิกะ ว่าด้วยอาบัติปาราชิก สังฆาทิเลส อนิยต และต้นบัญญัติ ในสิกขาบทต่างๆ
๒. คัมภึร์ปาจิตตีย์ ว่าด้วยอาบัติปาจิตตีย์ ซึ่งเป็นอาบัติอย่างเบา
๓. คัมภีร์มหาวรรค ว่าด้วยพระพุทธประวัติตอนปฐมโพธิกาล และพิธีกรรมทางพระวินัย
๔. คัมภีร์จุลวรรค ว่าด้วยพิธีกรรมทางพระวินัยต่อจากมหาวรรค ตลอดจนความเป็นมาของภิกษุณี และประวัติการทำสังคายนา
๕. คัมภีร์ปริวาร ว่าด้วยข้อเบ็ดเตล็ดทางพระวินัย




...........พระสุตตันตปิฏก หรือเรียกสั้นๆ ว่า พระสูตร เป็นหมวดที่ประมวลพระธรรมเทศนา คำบรรยาย-
ธรรม และเรื่องเล่าต่างๆ อันยักเยื้องตามบุคคล และโอกาส เป็นธรรมที่แสดงโดยใช้สมมุติโวหาร
คือยกสัตว์ บุคคล กษัตริย์ เทวดา เป็นต้น มาแสดง มีคำสอนทั้งสิ้น ๒๑,๐๐๐พระธรรมขันธ์ แบ่งออกเป็น
๕นิกาย เรียกโดยย่อว่า ที. มะ. สัง. อัง. ขุ. (หัวใจพระสูตร) ได้แก่

๑. ทีฆนิกาย ประกอบด้วย พระสูตรขนาดยาว จำนวน ๓๔สูตร
๒. มัชณิมนิกาย ประกอบด้วย พระสูตรขนาดปานกลาง จำนวน ๑๕๒สูตร
๓. สังยุตตนิกาย ประกอบด้วย พระสูตรที่จัดเป็นหมวดหมู่ เรียกว่า สังยุตต์ มีชื่อตามเนื้อหา
เช่น เกี่ยวกับแคว้นโกสล เรียกว่า โกสลสังยุตต์ เกี่ยวกับมรรค เรียกว่า มรรคสังยุตต์ มีจำนวน ๗,๗๖๒สูตร
๔. อังคุตตรนิกาย ประกอบด้วย พระสูตรที่จัดหมวดหมู่ตามจำนวนข้อของหลักธรรม เรียกว่า
นิบาต เช่น เอกนิบาต ว่าด้วยหลักธรรมที่มีหัวข้อเดียว จนถึงหลักธรรมที่มี ๑๑หัวข้อ ที่เรียกว่า
เอกาทสกนิบาตในนิกายนี้มีจำนวนพระสูตร ๙,๕๕๗สูตร
๕ ขุททกนิกาย ประกอบด้วยภาษิตเบ็ดเตล็ด ประวัติและนิทานต่างๆ นอกเหนือจากที่จัดไว้-
ในนิกายทั้ง ๔ข้างต้น แบ่งออกเป็นหมวดได้ ๑๕หมวดคือ

...........๑) ขุททกปาฐะ แสดงบทสวดเล็กๆ น้อยๆ โดยมากเป็นบทสวดสั้นๆ
...........๒) ธรรมบท แสดงคาถาพุทธภาษิต ประมาณ ๓๐๐คาถา
...........๓) อุทาน แสดงพระพุทธดำรัสที่เปล่งอุทานเป็นภาษิตโดยมีเนื้อเรื่องประกอบตามสมควร
...........๔) อิติวุตตก แสดงคำอ้างอิงว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนั้นอย่างนี้
...........๕) สุตตนิบาต เป็นหมวดที่รวบรวมพระสูตรเบ็ดเตล็ดไว้ด้วยกัน
...........๖) วิมานวัตถุ แสดงเรื่องราวของผู้ได้วิมาน และแสดงเหตุที่ทำให้ได้วิมานด้วย
...........๗) เปตวัตถุ แสดงเรื่องราวของเปรตที่ได้ทำบาปกรรมไว้
...........๘) เถรคาถา แสดงภาษิตต่างๆ ของพระอรหันตสาวก
...........๙) เถรีคาถา แสดงภาษิตต่างๆ ของพระอรหันตสาวิกา
...........๑๐) ชาดก เป็นหมวดที่ประมวลคาถาธรรมภาษิตเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตชาติของพระพุทธองค์
...........๑๑) นิทเทส เป็นหมวดที่ว่าด้วยเรื่องของการนิทเทส (การชี้แจง, การแสดง, การจำแนก)
แบ่งเป็นมหานิทเทส และจุลนิทเทส
...........๑๒) ปฏิสัมภิทามรรค กล่าวถึงการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความมีปัญญาอันประเสริฐ
...........๑๓) อปทาน หมวดนี้จะกล่าวถึงอัตตชีวประวัติของพระพุทธองค์ และพระอรหันตสาวก และอรหันตสาวิกา
...........๑๔) พุทธวงศ์ แสดงประวัติของอดีตพระพุทธเจ้า ๒๔พระองค์
...........๑๕) จริยาปิฏก แสดงเรื่องราวการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้า




...........พระอภิธรรมปิฏก หรือเรียกสั้นๆว่า พระอภิธรรม เป็นหมวดที่ประมวลพุทธพจน์อัน-
เกี่ยวกับหลักธรรมที่เป็นวิชาการว่าด้วยเรื่องของปรมัตถธรรมล้วนๆ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อกล่าวถึงบุคคลใด
บุคคลหนึ่ง ทางพระอภิธรรมถือว่าบุคคลนั้นไม่มี มีแต่สิ่งซึ่งเป็นที่ประชุมรวมกันของ จิต เจตสิก รูป เท่านั้น
ดังนั้น ธรรมะ ในหมวดนี้จึงไม่มีเรื่องราว ของบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ซึ่งเป็นสิ่งสมมุติเข้ามา
เกี่ยวข้องด้วยเลย

...........พระอภิธรรมปิฏกมีอยู่ทั้งสิ้น ๔๒,๐๐๐พระธรรมขันธ์ แบ่งออกเป็น ๗คัมภีร์เรียกโดยย่อว่า
สัง. วิ. ธา. ปุ. กะ. ยะ. ปะ. (หัวใจพระอภิธรรม) ได้แก่

๑. คัมภีร์ธัมมสังคณี ว่าด้วยธรรมะที่ประมวลไว้เป็นหมวดเป็นกลุ่ม เรียกว่า กัณฑ์ มีทั้งหมด ๔ กัณฑ์ คือ
...........๑) จิตตวิภัตติกัณฑ์ แสดงการจำแนกจิตและเจตสิก เป็นต้น
...........๒) รูปวิภัตติกัณฑ์ แสดงการจำแนกรูป เป็นต้น
...........๓) นิกเขปราสิกัณฑ์ แสดงธรรมที่เป็นแม่บท (มาติกา) ของ ปรมัตถธรรม
...........๔) อัตถุทธารกัณฑ์ แสดงการจำแนกเนื้อความตามแม่บทของปรมัตถธรรม
๒. คัมภีร์วิภังค์ ว่าด้วยการจำแนกมาติกาในคัมภีร์ธัมมสังคณี ทั้งติกมาติกา ๒๒หมวด และทุกมาติกา
๑๐๐หมวด โดยแบ่งเป็น ๑๘วิภังค์ เช่น ขันธวิภังค์ จำแนกขันธ์, อายตนวิภังค์ จำแนกอายตนะ,
ธาตุวิภังค์ จำแนกธาตุ, สัจจวิภังค์ จำแนกสัจจะ, อินทริยวิภังค์ จำแนกอินทรีย์,
ปฏิจจสมุปบาทวิภังค์ จำแนกปฏิจจสมุปบาท, สติปัฏฐานวิภังค์ จำแนกสติปัฏฐาน เป็นต้น
๓. คัมภีร์ธาตุกถา ว่าด้วยคำอธิบายเรื่องขันธ์๕ อายตนะ๑๒ และธาตุ๑๘ โดยนำมาติกาของคัมภีร์
นี้จำนวน ๑๐๕บท และมาติกาจากคัมภีร์ธัมมสังคณีจำนวน ๒๖๖บท (ติกมาติกา ๖๖บท
ใน๒๒หมวด และทุกมาติกา ๒๐๐บท ใน ๑๐๐หมวด) มาแสดงด้วยนัยต่างๆ (จำนวน ๑๔นัย)
เพื่อหาคำตอบว่าสภาวธรรมบทนั้นๆ สงเคราะห์เข้าได้กับขันธ์เท่าไร เข้าได้กับอายตนะเท่าไร
และเข้าได้กับธาตุเท่าไร เข้าไม่ได้กับขันธ์เท่าไร เข้าไม่ได้กับอายตนะเท่าไร และเข้าไม่ได้
กับธาตุเท่าไร
๔. คัมภีร์ปุคคลบัญญัติ ว่าด้วยการบัญญัติ (การประกาศ แสดง หรือชี้แจง) ในเรื่อง ๖เรื่อง คือ
(๑) ขันธบัญญัติ การบัญญัติเรื่องขันธ์ (๒) อายตนบัญญัติ การบัญญัติเรื่องอายตนะ
(๓) ธาตุบัญญัติ การบัญญัติเรื่องธาตุ (๔) สัจจบัญญัติ การบัญญัติเรื่องสัจจะ
(๕) อินทริยบัญญัติ การบัญญัติเรื่องอินทรีย์ (๖) บุคคลบัญญัติ การบัญญัติเรื่องบุคคล
๕. คัมภีร์กถาวัตถุ ว่าด้วยการโต้วาทะเพื่อชี้แจงแสดงเหตุผลให้เห็นว่า วาทกถา (ความเห็น) ของ
ฝ่ายปรวาที (พวกภิกษุในนิกายที่แตกต่างไปจากเถรวาท ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช)
จำนวน ๒๒๖ กถาล้วนผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากพระพุทธพจน์ดั้งเดิมที่ภิกษุฝ่ายเถรวาทยึดถือ
ปฏิบัติอยู่ วิธีการโต้วาทะใช้หลักตรรกศาสตร์ที่น่าสนใจมาก นับเป็นพุทธตรรกศาสตร์
ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งมีในคัมภีร์นี้เท่านั้น
๖. คัมภีร์ยมก ว่าด้วยการปุจฉา-วิสัชนา สภาวธรรม ๑๐ หมวด ด้วยวิธีการยมก คือการถาม-ตอบ
เป็นคู่ๆ ซึ่งเป็นวิธีการเฉพาะของคัมภีร์ยมก
...........สภาวธรรม ๑๐หมวด ได้แก่ (๑) หมวดมูล (สภาวธรรมที่เป็นเหตุ) (๒) หมวดขันธ์ (๓) หมวดอายตนะ (๔) หมวดธาตุ (๕) หมวดสัจจะ (๖) หมวดสังขาร (๗) หมวดอนุสัย (๘) หมวดจิต (๙) หมวดสภาวธรรมในกุสลติกะ เรียกสั้นๆว่า หมวดธรรม (๑๐) หมวดอินทรีย์
...........สภาวธรรม ๑๐หมวด นี้ ทำให้แบ่งเนื้อหาของคัมภีร์ยมกออกเป็น ๑๐ยมก เรื่อกชื่อตามหมวดสภาวธรรมที่เป็นเนื้อหา คือ (๑) มูลยมก (๒) ขันธยมก (๓) อายตนยมก (๔) ธาตุยมก (๕) สัจจยมก (๖) สังขารยมก (๗) อนุสยยมก (๘) จิตตยมก (๙) ธัมมยมก (๑๐) อินทริยยมก
๗. คัมภีร์ปัฏฐาน ว่าด้วยการจำแนกสภาวธรรมแม่บท หรือ มาติกา ทั้ง ๒๖๖บท (๑๒๒หมวด)
ในคัมภีร์ธัมมสังคณี โดยอำนาจปัจจัย ๒๔ประการ มี เหตุปัจจัย เป็นต้น เพื่อให้เห็นว่าสภาวธรรม
ทั้งหลายปรากฏเกิดขึ้น ตามเหตุ ตามปัจจัยทั้งสิ้น มิได้เกิดจากการบงการของผู้ใด แต่เป็น-
ไปตามกฏของธรรมชาติ ที่เรียกว่า จิตตนิยาม กรรมนิยาม และธรรมนิยาม




...........สรุปแล้ว พระอภิธรรมก็คือ ธรรมะหมวดที่๓ ในพระไตรปิฏก ที่สอนให้รู้จัก
ธรรมชาติอันแท้จริง ที่มีอยู่ในตัวเรา และสัตว์ทั้งหลาย อันได้แก่ จิต เจตสิก รูป และรู้จักพระนิพพาน
ซึ่งเป็นจุดหมายอันสูงสุด ในพระพุทธศาสนา


...........ธรรมชาติทั้ง๔ คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน นี้รวมเรียกว่า ปรมัตถธรรม

...........หากแปลตามศัพท์ คำว่า อภิธัมม หรือ อภิธรรม แปลว่าธรรมอันประเสริฐ,
ธรรมอันยิ่ง, ธรรมที่มีอยู่แท้จริงปราศจากสมมุติ

...........เนื้อความในพระอภิธรรมเกือบทั้งหมด จะกล่าวถึง ปรมัตถธรรมล้วนๆ
โดยไม่มี บัญญัติธรรม (สมมุติโวหาร) เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจไว้ในเบื้องต้นก่อนว่า
ปรมัตถธรรม และ บัญญัติธรรม นั้นต่างกันอย่างไร




Create Date : 05 กรกฎาคม 2551
Last Update : 5 กรกฎาคม 2551 16:10:53 น. 0 comments
Counter : 1252 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

iam_vy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ทำบุญวันละคลิก...


ทำบุญวันละคลิก...


ทำบุญวันละคลิก...












สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใด ของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับการอนุญาต จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด










Pretty Quotes, Dress Up Games, Cartoon Dolls from Dolliecrave.com





Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
5 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add iam_vy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.