ลาวใต้ในวันฝนพรำ (ปากเซ-ปากซอง-ดอนเดด)
การเที่ยวช่วงหน้าฝนคงไม่ค่อยสนุกนัก โดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายภาพ ในวันฟ้าหม่น อารมณ์เที่ยวก็คงจะหดหายไปด้วย แต่เราก็เลือกให้ฝนหยุดตก วันที่เราวางแผนจะเที่ยวไว้แล้วไม่ได้ ดังนั้น The tour must go on!!!ตลอดทริปนี้ของผมถ่ายรูปได้น้อยมาก เนื่องจากเจอฝนเกือบตลอด บางครั้งทนไม่ไหวก็ต้องเอากล้องออกมาถ่ายตอนที่ฝนตกอยู่ การเที่ยวลาวใต้ครั้งนี้ถือเป็นการเที่ยวแบบ Backpack ในต่างประเทศครั้งแรกของผม มีคนบอกผมว่า ประเทศลาวเหมาะสำหรับฝึกหัดการเที่ยวแบบ Backpack ในต่างแดนที่สุด เพราะว่า ใกล้ ประหยัด ปลอดภัย และคนที่นี่ยังจิตใจดีอีกด้วยผมเดินทางไปลาวใต้วันที่ 14 ตุลาคม 2553 โดยทางรถยนต์ผ่านด่านทางช่องเมก ถึงช่องเมกประมาณ 4 โมงเย็น ฟ้าครึ้มตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ตัวเมืองอุบลฯ มาจะถึงช่องเมกสิ่งแรกที่ประทับใจเมื่อย่างเท้าเข้าสู่เมืองลาว คือ ป้ายโมษณา 3G เห็นแล้วอยากใช้ขึ้นมาทันทีเป้าหมายแรกคือ "ปากเซ" ความจริงปากเซ ถ้าอ่านเป็นภาษาไทย ก็น่าจะเป็น "ปากเช" เพราะภาษาลาวไม่มีตัว ช.ช้าง เหมือยไทย ตัว ช.ช้าง ในไทยทุกคำก็จะอ่านเป็นเสียง ซ.โซ่ ทั้งหมด ทางหลวงจากช่องเมกไปเมืองปากเซ มีอยู่เส้นทางเดียวคือ คือทางหลวงหมายเลข 16Wการเดินทางไปปากเซนั้นไม่ยากเย็นนัก ปัจจุบันมีรถทัวร์โดยสารจากเมืองอุบลฯ ไปยังปากเซ และช่องเมก-ปากเซ หรือใครจะขับรถไปเองก็ได้ แต่มีค่าใช้จ่ายในการนำรถเข้าประเทศแต่ทริปนี้ผมเหมารถตู้ไปกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ไปด้วยกันถนนหนทางระหว่างไปปากเซ ยังเป็นถนนสองเลนส์ แต่ทางดีทีเดียว ระหว่างทางจะเห็นวัว ควาย และแพะ มาเดินบนถนน เป็นระยะๆ คนที่นู่น นิยมบีบแตรให้สัญญาณกันขณะขับรถ แต่ที่เมืองไทย บางคนอาจจะคิดว่าการบีบแตรเป็นการด่าได้ T_Tระหว่างทางผมคิดว่า ทำไมมอ'ไชค์ที่นี่ชอบวิ่งสวนเลนส์จังเออลืมไปที่นี่มันวิ่งเลนส์ขวานี่หว่า >_<สภาพภูมิประเทศระหว่างทาง ก็จะเป็นทุ่งนา และภูเขาเป็นส่วนใหญ่เมื่อเดินทางมาถึงสะพานแขวนข้ามแม่น้ำโขง แสดงว่ากำลังจะถึงเมืองปากเซ แล้วตอนเดินทางไปถึงที่นั่น เป็นเวลาเย็นๆ พอดี เลยมีคนมาวิ่งอยู่หลายคนเป้าหมายแรก คือโรงแรมเอราวัณ โรงแรมหรูในเมืองปากเซบรรยากาศที่โรงแรมนี้ดีมากๆ ด้านหลังเป็นภูเขา และแม่น้ำโขงภายในห้องพักก็ดูดีทีเดียว ห้องพักสะอาดนอนสบายผ้าที่พับอยู่บนเตียง เขาตั้งใจพับให้เป็นช้างนะ >_<โรงแรมยามค่ำคืนหลังจากนั้น ก็กำลังหิวได้ที่ เลยไปหาอะไรกินกัน อาหารมื้อแรกเป็น อาหารลาวที่แพริมน้ำ รสชาติใช้ได้หลายอย่างเลย น่าเสียดายไม่ค่อยได้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเท่าไหร่ เพราะฝนตกหนัก ราคาอาหารมื้อแรก ประทับใจมากๆ 503,000 กีบเสร็จจากข้าวเย็น ก็ไปหาซื้อซิมการ์ดกันราคาซิมการ์ดระบบอะโหล ของลาวเทโลคอม ราคา 40 บาท ซื้อบัตรเติมมูลค่าโทร ไปอีก 200 บาทมี 3G จริงๆ ด้วย !!! แต่น่าเสียดาย ไม่ได้ทดลองใช้ 3G เนื่องจากไม่สามารถตั้งค่าเองได้ ต้องเข้าไปให้ที่ศูนย์ตั้งค่าให้ แต่ไม่มีเวลาไปที่ศูนย์ T_T ค่าโทรศัพท์จากลาวกลับมาไทย ราคา 14 บาทต่อนาทีตื่นมาเช้าวันใหม่ หลังจากจัดการกับอาหารเช้าของโรงแรมเสร็จ อร่อยจนลืมถ่ายรูปเก็บไว้ ก็มาถ่ายรูปกันก่อนออกเดินทาง เป้าหมายแรกของวันนี้ น้ำตก "ตาดฟาน"ระหว่างทางไป ฟ้าครื้มตลอด มีฝนประปรายน้ำตกตาดฟาน (ตาดคือน้ำตก ฟานคือชื่อของสัตว์ป่าชนิดหนึ่งคล้ายๆเก้ง) น้ำตกตาดฟานหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำตกดงหัวสาว น้ำตกตาดฟานแห่งนี้เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของประเทศลาว ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 200 เมตร บรรยากาศโดยรอบขอบน้ำตกตาดฟาน เป็นสภาพอากาศชื้น หนาวเย็นตลอดปี เป็นเส้นทางสู่เมืองปากซอง เมืองแห่งขุนเขาและไร่กาแฟ เป็นแหล่งปลูกพืชเศรษฐกิจ ที่ส่งออกของประเทศ น้ำตกตาดฟานเป็นน้ำตกที่ เกิดจากการไหลมารวมกัน ของสายน้ำของภูเขา 2 ลูกซึ่งไหลตลอดทั้งปีรอบๆ น้ำตกตาดฟานจะเต็มไปด้วยป่าไม้นานาพันธ์อันสมบูรณ์เขียวขจี อันสดสวยและงดงามของธรรมชาติลำเนาไพร เป็นเสห่ห์ป่าเขาธรรมชาติต่อแขกผู้มาเยือนได้ชื่นชม และภายในบริเวณดังกล่าวยังมีตาดฟานรีสอร์ท ใกล้ชิดติดขอบน้ำตกตาดฟาน ล้อมรอบไว้สำหรับท่านที่ชอบสถานที่พักผ่อนแบบรีสอร์ท อีกหนึ่งรีสอร์ทที่ท่านพักแล้วจะไม่ผิดหวัง กับรีสอร์ทที่แวดล้อมธรรมชาติน้ำตกป่าเขาลำเนาไพรของลาวใต้ อ้างอิง: //www.earththaitravel.com/content.php?trip=laos&topic=tadfaneวันที่ไปอากาศไม่ค่อยดีฝนตกตลอด แต่ก็ต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย เสียดายไหน ๆ ก็มาแล้วจากน้ำตกตาดฝาน โชเฟอร์ก็พาพวกเราไปที่ตาดอีตู้ น้ำตกที่นี่สวยมาก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปเลย ฝนตกหนัก น้ำตกที่นี่มีชื่อเล่นที่ชาวลาวเรียกกัน คือน้ำตกขาอ่อนสาวลาว เพราะว่าจะไปดูน้ำตกต้องเดินบันไดขึ้นลง รวม 300 กว่าขั้น ไอตอนลงก็ไม่เท่าไหร่ แต่ไอตอนขึ้น ทำเอาขาอ่อนจนต้องสาวลาว กันเลยทีเดียวลองดูภาพยืม จากตาดอีตู้ได้ที่นี่ //323f.multiply.com/photos/album/48/48#photo=88หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวเที่ยงที่น้ำตกผาส่วม อาหารอร่อยมากฝนตกหนักมาก เอากล้องออกมาถ่ายไม่ไหว ดูภาพอาหารไปก่อนน้ำตกที่นี่สวยมาก แต่ถ่ายรูปไม่ได้ลองดูภาพประกอบได้ที่นี่//323f.multiply.com/photos/album/48/48#photo=101หลังจากนั้นมีบางส่วนกลับเมืองไทย และบางส่วน รวมทั้งผม เดินทางต่อไปยังเกือบใต้สุดของลาว "ดอนเดด" คือเป้าหมายของเราเพื่อจะไปค้างคืนที่นั้นหนึ่งคืนการเดินทางต่อ คนขับรถตู้พาไปส่งที่ท่ารถปากเซ หลัก 8 หรือ กิโล 8 คนละที่กับท่ารถในเมืองปากเซ เพื่อขึ้นรถ 3 แถวต่อไปบ้านนากะสังรถ 3 แถว ก็คือ 2 แถวบ้านเรา แต่มีเก้าอี้เสริมอยู่ตรงกลางด้วยผมมีโอกาสได้ใช้บริการแถวที่สาม เนื่องจาก แถวที่ 1 และ 2 มีคนนั่งหมดแล้ว ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง กว่าจะถึงปลายทาง นั่งกันปวดก้นเลยทีเดียว ค่ารถ 150 บาท ระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร (รถที่นี่วิ่ง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง >_<)รถโดยสารที่นี่ดีอย่าง คือไม่จอดรับผู้โดยสารรายทาง แต่จะจอดให้ซื้อของข้างทางตลอดทาง จึงใช้เวลาเดินทางนานหน่อย เวลาจอดให้ซื้อของ ก็จะมีแม่ค้าขายไก่ย่าง ฝักบัว ฯ ประมาณ 10 กว่าคน แห่กันมาแย่งกันขาย ปีนขึ้นมาขายในรถที่มีคนนั่งอยู่เต็มคัน จนไก่ย่างแทบจะทิ่มหน้ากันเลยทีเดียว :)ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่า มีรถตู้โดยสารนั่งสบายๆ แอร์เย็นฉ่ำ จากท่ารถเมืองปากเซ ไปยังบ้านนากะสัง ในราคา 180 บาท แต่ก็มันดี :)เมื่อถึงบ้านนากะสัง ต้องนั่งเรือข้ามไปยังดอนเดด เพื่อไปหาที่พักที่นั่นได้ที่พักที่โรมแรมสุกสัน ที่พักที่นี่ก็มีหลายแบบ หลายราคา มีทั้งเป็นบ้านเดี่ยว และเป็นห้องแถว ผมเข้าพักแบบห้องแถว ราคา 200 บาทต่อคืน หารสามคน ตกคนละ 60 กว่าบาท!!ตื่นมาตอนเช้า ก็หาอาหารกินกันก่อนกินข้าวริมน้ำโขง อากาศดี๊ดีเสร็จจากอาหารเช้า ก็ไปเช่าจักรยานคันละ 40 บาท เพื่อปั่นไปยัง น้ำตกหลี่ผีระยะทางจากที่พักไปน้ำตก ก็ประมาณ 5 กิโล แต่ทางลูกรังและแฉะมาก ระยะทางจึงเหมือนยาวซัก 10 กิโลเมตรพวกเรารีบปั่นไป และปั่นกลับ เพราะนัดเรือกลับฝั่งไว้ตอน 10 โมงเช้า แต่ตอนนั้นเป็นเวลา 9 โมงแล้ว ต้องใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 1 ชั่วโมงเล่นเอาเหนื่อยกันเลยทีเดียวกว่าครึ่งชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงน้ำตกหลี่ผีทริปนี้เที่ยวน้ำตกหลายที่ แต่ไม่สวยซักที่ เพราะเที่ยวผิดฤดู น้ำตกจะมีสภาพเหมือนน้ำป่าเชี่ยวกราดมีป้ายห้ามว่ายน้ำด้วยนะ ใครจะกล้าลงไปว่าย จริงมั๊ยปั้นจักรยานกันมากว่าครึ่งชั่วโมง เพื่อดูน้ำตกแค่ 5 นาทีก็ต้องรีบปั่นกลับ เพราะกลัวไม่ทันเรือ แต่ผมเห็นทุ่งนาแถวนั้นก็อดถ่ายรูปไว้ไม่ได้ จบจากน้ำตกหลี่ผี เราก็นั่งเรือกลับฝั่ง และไปต่อกันที่น้ำตกที่คนลาวว่าสวยที่สุด "น้ำตกคอนพะเพ็ง" แต่เที่ยวผิดฤดูภาพที่เห็นก็เลยแบบนี้หลังจากนั้นเราก็นั่งรถจากบ้านนากะสังไปยังท่ารถเมืองปากเซ เพื่อนั่งรถทัวร์กลับเมืองอุบลทริปนี้ทำให้เห็นว่าบ้านเมืองลาว ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงมากไปอยู่นั่นมองดูน้ำโขงไหล รู้สึกเหมือนเวลามันเดินช้าลง จนแทบจะหยุดนิ่งไม่มีรถติด มลพิษน้อย ผู้คนพูดเพราะ จิตใจดี อาหารอร่อยลาวใต้ เหมาะสำหรับคนที่อยากหนีความวุ่นวายในไทยเพื่อไปชาร์ตแบตมากๆRecommended!!iamtaeyทริปนี้รูปน้อยมากๆ เที่ยวคราวหน้า จะพยายามถ่ายรูปให้เยอะๆครับโปรดติดต่อ blog ต่อไป Taipei Trip ครับ ^^