Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ณ จุดเริ่มต้น ของคน(จะ)รักกัน # 6

                สองทุ่มครึ่งเสียงรถของภาสกรก็แล่นเข้ามาในบ้าน ภายในห้องนั่งเล่นที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาของพ่อแม่และน้องนุชสุดท้อง จะขาดก็แต่พลพลพี่ชายคนโต 
เมื่อได้ยินเสียงรถที่คุ้นเคยดีพัชชาก็หันไปมองตามเสียงทางหน้าต่างเมื่อเห็นเป็นรถของพี่ชายคนรองจริงก็รีบวิ่งออกไปดักรอพี่ชายถึงประตูทางเข้าบ้าน เพราะตอนนี้เธอและคุณนาราต่างก็อยากจะรู้ใจจะขาดอยู่แล้วว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปกับพี่ชายของเธอคือใคร ชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหน จะให้เธอเอาความสงสัยนี้ไปถามพี่ชายคนโตที่น่าจะรู้เรื่องดีกว่าก็ไม่ได้เพราะวันนี้พี่ชายของเธอต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงรับรอง และคนที่น่าจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นเจ้าตัวที่ตกเป็นข่าว ภาสกรดับเครื่องยนต์ลงจากรถยังไม่ทันปิดประตูก็เห็นพัชชาออกมายืนต้องรับถึงปากทางเข้าบ้าน ไม่ต้องเอ่ยถามเขาก็รู้ได้โดยทันทีว่าน้องสาวจะต้องอยากรู้เรื่องข่าวที่ออกมาแน่นอน ทุกครั้งที่มีข่าวในลักษณะนี้ออกมาก็จะมีแม่น้องสาวสุดที่รักของเขานี่แหล่ะที่เป็นคนออกหน้าคาดคั้นเอาความจริงจากเขาจนได้
 
                “อยากรู้เรื่องข่าวละซิ รีบวิ่งออกมารับหน้าอย่างนี้นะ” ภาสกรดักทางน้องสาวก่อนที่อีกฝ่ายจะทันอ้าปากถาม 
                “แหมพัชก็แค่อยากรู้ว่าคนนี้ตัวจริงหรือเปล่าแล้วเป็นใครเท่านั้นเอง” พัชชาส่งค้อนกลับไปให้พี่ชายข้อหารู้ทันเธอ 
                “พี่ก็เห็นเราอยากรู้เรื่องของทุกคนที่เป็นข่าวกับพี่นั่นแหละ” พูดจบก็เดินผ่านหน้าน้องสาวเข้าไปภายในห้องนั่งเล่น 
                “พัชก็อยากจะรู้บ้าง ว่าคนที่จะมาเป็นแฟนของพี่ภาสเป็นคนยังไง แล้วที่สำคัญจะเข้ากลับพวกเราได้หรือเปล่า” 
                “ไม่ใช่พัชคนเดียวซักหน่อยที่อยากรู้ คุณแม่ก็อยากรู้ด้วยเหมือนกัน จริงมั้ยค่ะ” พูดจบก็หันไปหาเสียงสนับสนุนจากมารดาอีกหนึ่งแรง หวังเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ภาสกรยอมพูดออกมาเสียที เมื่อเห็นมารดาพยักหน้าก็ยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ 
                สุดท้ายเมื่อทนสายตากดดันจากทั้งมารดาและน้องสาวไม่ไหวเขาจึงต้องเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ทั้งสาวคนฟัง เมื่อฟังภาสกรเล่าจบพัชชาก็ออกอาการปากค้างทันที ส่วนอีกสองคนที่เหลือต่างก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมา เพราะต่างก็เคารพการตัดสินใจของลูกทุกคน ทั้งคุณพิทักษ์และคุณนาราไม่เคยบังคับหรือว่ากีดกันที่บุตรชายจะมีความรักกับใคร ขอเพียงให้เธอคนนั้นเป็นคนดีและทุกอย่างอยู่ในสายตาอยู่ในการรับรู้ของท่านก็เพียงพอ 

                “ทำไมซื้อหวยไม่ถูกนะ” คุณนาราหันไปมองทางบุตรสาว เพราะไม่เข้าใจว่าลูกสาวหมายความถึงอะไร 
                “ก็ผู้หญิงในรูปนี้ไงค่ะคุณแม่ ที่พัชบอกคุณแม่ว่าคุ้นๆแต่ไม่แน่ใจนะค่ะ” 
                “คือย่างนี้ค่ะคุณแม่ พี่วาวคนนี้ไงค่ะที่เป็นนักเขียนที่ใช้นามปากกาว่าวับวาว นักเขียนในดวงใจของพัชไงค่ะ” พัชชารู้สึกดีใจมากที่คนที่เธอรักทั้งสองคนกลายเป็นคนรักกันได้ ด้วยความที่รู้จักรวันดามานานหลายปีทำให้เธอพอมั่นใจได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนน่ารัก นิสัยดี และที่สำคัญสามารถเข้ากับเธอและครอบครัวของเธอได้แน่นอน พัชชาคะยั้นคะยอถ้าวันไหนเขาจะไปหารวันดาอีกให้พาตนเองไปด้วย ด้วยความที่อยากจะทำเซอร์ไพร์ เธอแน่ใจว่ารวันดาไม่รู้แน่นอนว่าภาสกรและเธอเป็นพี่น้องกัน 
                เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ได้ขัดขวางหรือมีท่าทีไม่ชอบพอต่อรวันดาก็ทำให้เขาเบาใจ ที่ความรักของเขาและเธอจะราบลื่นไม่มีปัญหากับคนในครอบครัว ตลอดเวลาสามเดือนที่เขาและเธอเริ่มคบหาดูใจกันเหตุผลที่เขายังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องนี้กับคนในครอบครัวเพราะเขาอยากจะแน่ใจก่อนว่าเมื่อบอกออกไปแล้วทุกอย่างจะเป็นไปในทางที่ดี อย่างที่เขาหวังไว้เขาก็อยากจะพาเธอมาแนะนำให้รู้จักกับทุกคนในครอบครัวเขาให้เร็วที่สุด ใจจริงก็อยากจะพามาพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำถ้าเขาไม่ติดต้องไปทำงานที่ภาคใต้เป็นเวลาถึงสามสี่วัน 

                ภาสกรแยกออกมาจากห้องนั่งเล่นได้ก็รีบโทรหารวันดาทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้บอกเธอเรื่องที่จะต้องเดินทางไปถ่ายถ่ายภาพแฟชั่นรับลมร้อนที่ทะเลทางภาคใต้ วันนี้เขามัวแต่ห่วงเธอจึงทำให้ลืม โดยที่ไม่ได้เล่าเรื่องที่ทุกคนในครอบครัวอยากจะเจอเธอ เพราะเขาอยากจะบอกเธอเองตอนอยู่ต่อหน้ากันมากกว่า เขาอยากรู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรถ้าเขาจะพาเธอมาทำความรู้จักกับครอบครัว 
                ตลอดระยะเวลาสามวันที่เขามาทำงานอยู่ที่นี่ ถึงแม้จะไม่ได้เจอหน้าค่าตากันแต่เขาก็หมั่นโทรหาเธอทุกครั้งที่มีเวลา บางครั้งรวันดาก็โทรหาเขาบ้าง ทำให้เขามีกำลังใจทำงานจนเสร็จก่อนเวลาถึงหนึ่งวัน ทีมงานทุกคนจึงมีความเห็นว่าจะอยู่พักผ่อนต่ออีกสองวันซึ่งตรงกับวันเสาร์อาทิตย์พอดี ส่วนเขาแม้จะถูกขอร้องให้อยู่แต่ก็หาเหตุผลมาอ้างจนสามารถกลับมาก่อนได้ แต่ก็ยังได้รับสายตาที่บ่งบอกว่ารู้ทันของเมกอัพอาร์ติสสาว(เทียม) เมธีหรือเมนี่หนึ่งในทีมงานของนิตยาสารที่เขาทำงานอยู่ ภาสกรเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพฯในตอนหัวค่ำ วันนี้ตอนที่โทรหารวันดาเขาไม่ได้บอกเธอว่าจะเดินทางกลับมาก่อน ด้วยอยากทำให้เธอประหลาดใจเล่น 

                เช้าวันเสาร์ขณะที่เขากำลังเดินลงมาจากชั้นบนก็ต้องแปลกใจที่เห็นพัชชาตื่นนอนแต่เช้ามานั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น เขาจึงเปลี่ยนทิศทางที่จะเดินไปห้องอาหารมาหาน้องสาวแทน พอบอกว่าวันนี้จะไปหารวันดาอีกฝ่ายก็ทำท่าดีใจออดอ้อนขอไปด้วยคน แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าวันนี้เธอไม่อยู่ แตงที่ออกมาเปิดประตูให้บอกว่าวันนี้รวันดาออกไปซื้อของข้างนอกไม่แน่ใจว่าเมื่อใดจะกลับเขาและพัชชาจึงขอตัวกลับออกมาก่อน   
               
หลังจากออกจากบ้านของรวันดาเขาและพัชชาก็มาเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้า พัชชาพาเขาเดินมาจนถึงร้านหนังสือร้านใหญ่เพราะต้องการหาซื้อหนังสือไปทำรายงานเพิ่มเติม พัชชาหยิบหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้มาให้เขาดูเพื่อช่วยตัดสินใจว่าสมควรเลือกเล่มไหนดี เมื่อเลือกได้แล้วก็ไปจ่ายเงินเพราะตอนนี้ท้องของทั้งคู่เริ่มร้องประท้วงหาข้าวกลางวันแล้ว 
                ภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเลือกซื้อหนังสือตั้งแต่เข้ามาจนจ่ายเงินออกไปแล้วตกอยู่ในสายตาของรวันดาตั้งแต่แรก ภาพใบหน้าของภาสกรที่คอยส่ายหัวทำตาดุใส่หญิงสาวที่เธอจำได้ดีว่าคือใคร เมื่อสาวน้อยทำท่าจะออกนอกเรื่องจากหนังสือที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อ และภาพที่เขาเดินจูงมือพัชชา ออกมาจากมุมหนังสือนิยายทำให้รวันดาเข้าใจผิดที่เขาบอกว่าจะต้องเดินทางไปทำงานเกือบหนึ่งอาทิตย์ แต่วันนี้เธอจำได้เป็นวันที่สี่เท่านั้น แต่เขากลับมาอยู่ที่นี่กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ เมื่อเห็นคนทั้งคู่เดินออกไปไกลแล้วรวันดาก็เดินออกจากร้านเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านทันที เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องโกหกเธอด้วย ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่รู้จักกันมาเขาก็เทคแคร์ดูแลเธอดี แต่ถ้าเขาจะมีคนรักอยู่แล้วจะมายุ่งเกี่ยวกับเธอทำไม หรือเหตุผลที่เขาไม่อยากจะมีข่าวกับเธออาจจะเพราะว่าไม่อยากให้น้องพัชชารู้อาจเป็นได้ คิดได้ดังนั้นรวันดาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บแปลบในช่องอกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นนำเข็มมาทิ่มหัวใจเธอเลยน้ำตาพานจะไหล พัชชาขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถได้ก็เดินก้มหน้าก้มตาขึ้นห้องไปทันทีโดยไม่หยุดฟังแตงที่กำลังจะบอกอะไรบางอย่าง 
                หลังจากกลับไปส่งพัชชาที่บ้าน เพราะน้องสาวต้องรีบกลับไปทำรายงานใหม่หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนว่าไฟล์งานที่ส่งให้มีปัญหาและงานก็ต้องส่งภายในวันพรุ่งนี้ ทำให้เขาต้องกลับมาส่งน้องสาวก่อนที่จะได้กลับไปหารวันดาอีกรอบ ภาสกรขับรถมาถึงหน้าบ้านรวันดาก็ได้รับคำบอกเล่าจากแตงว่าหญิงสาวกลับมาถึงนานแล้ว แต่มีอาการแปลกๆไม่พูดกับใครเลย ตั้งแต่กลับมาถึงก็อยู่แต่บนห้องยังไม่ลงมาข้างล่าง ภาสกรเดินตามแตงเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นหลังจากที่แตงบอกว่าจะขึ้นไปตามรวันดามาให้ แต่สุดท้ายวันนี้เขาก็ไม่ได้เจอเธอจนได้ เมื่อแตงลงมาบอกว่ารวันดาปวดหัวอยากนอนพักผ่อน ไม่อยากเจอให้เขากลับไปก่อน 
                “แตงอย่าลืมหายาให้คุณวาวทานนะ ถ้าอาการไม่ดีก็โทรบอกฉันได้ตลอดเวลา จะได้พาไปหาหมอ” หันไปสั่งแตงเสร็จภาสกรก็ออกมาจากบ้านของรวันดา วันนี้เขาอุส่าจะมาทำเซอร์ไพร์ที่เขากลับมาก่อนกำหนดและเรื่องของพัชชา แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้เจอแม้กระทั่งหน้า 


                สามทุ่มคงยังไม่ดึกเกินไปที่เขาจะโทรหาเธอ เขาอดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อรู้ว่าเธอไม่สบาย แต่เมื่อไม่ได้รับโทรศัพท์จากแตงก็พอจะเบาใจได้บ้างว่าเธอคงจะไม่เป็นอะไรมาก ภาสกรหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้หัวเตียงขึ้นมาและกดหมายเลขที่เขาจำได้ขึ้นใจกดโทรออกรอสายแต่ก็ไม่มีคนรับสาย เขาลองกดโทรออกอีกครั้งแต่ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม ภาสกรกดวางสายเดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วง รอเว้นช่วงซักพักเขาก็กดโทรออกใหม่แต่คราวนี้รวันดาปิดโทรศัพท์ไปแล้ว ภาสกรพยายามโทรออกหาเธออีกหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เขาจึงยอมวางสาย     


                สี่วันมาแล้วที่เขาติดต่อรวันดาไม่ได้เลย แม้ภายในใจจะเป็นห่วงหญิงสาวเพียงใด แต่งานในภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็ทำให้เขาไม่สามารถปลีกตัวไปหาเธอที่บ้านได้ ภาสกรเดินวนไปวนมาภายในสวนหย่อมของชั้นผู้บริหาร วันนี้เขาต้องเข้ามาประชุมด่วนที่บริษัท แต่การตัดสินใจก็ยังคงถกเถียงหาข้อสรุปที่ลงตัวยังไม่ได้ เขาเลยถือโอกาสออกมาเข้าห้องน้ำระหว่างที่รอคณะกรรมการคนอื่นหาลือกันอยู่ เมื่อออกมาจากห้องประชุมเขาก็พยายามกดโทรศัพท์หารวันดา สัญญาณโทรศัพท์ดังอยู่ซักพักก็ตัดเข้าสู่ระบบฝากข้อความอัตโนมัติ ภาสกรพยายามติดต่อหาเธออีกสองครั้งแต่ก็ไม่มีคนรับสายเหมือนเดิมจึงตัดใจปิดโทรศัพท์มือถือเดินเข้าห้องประชุมต่อ ถ้าไม่ติดว่าเขาจะต้องไปประชุมต่อเวลานี้เขาอาจจะไปยืนอยู่หน้าบ้านของหญิงสาวแล้ว 
                 เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมเธอถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์เขา ใจหนึ่งก็กลัวว่าเธอจะไม่สบายหนัก แต่เมื่อโทรไปหาที่บ้านกลับได้รับแต่คำตอบที่ว่าเธอไม่อยู่ ความรู้สึกเขาบอกว่าเธอกำลังหลบหน้าเขาอยู่ แต่จะด้วยเหตุผลประการเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำอย่างนั้น ทั้งที่เมื่อสองวันก่อนเขาและเธอยังโทรศัพท์คุยกันด้วยดี 

               
หลังจากการประชุมที่แสนยาวนานหาข้อสรุปที่ลงตัวได้แล้ว ภาสกรหันไปพูดกับพลพลอีกนิดหน่อยก็ขอตัวกลับก่อน ตอนนี้จิตใจของเขาแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คอยแต่จะพะวงไปถึงรวันดาทุกเวลา ภาสกรขับรถฝ่าการจราจรที่อยู่ในช่วงเวลาเลิกงานที่ไม่เป็นใจให้กับเขามากนัก ไม่ว่าจะเลี่ยงออกไปเส้นทางไหนสภาพของทั่วท้องถนนในช่วงเวลาเลิกงานขณะนี้ก็เหมือนกันหมด ทุกคนต่างมีจุดมุ่งหมายที่จะเดินทางกลับถึงบ้านอย่างเร็วที่สุด เขาเคยได้ยินคนพูดว่าประเทศไทยมีแต่ประชากรที่ยากจนแต่เวลานี้เขาไม่อยากจะเชื่อเลยซักนิด เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบแต่รถยนต์ส่วนบุคคลอยู่เต็มท้องถนนไปหมด ไม่ว่ารัฐบาลจะพยายามก่อสร้างถนนให้เพิ่มมากขึ้นเพียงใดก็ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งานของคนใช้รถใช้ถนนในเวลาเร่งด่วนอย่างนี้เสียที กว่าจะฝ่าการจราจรที่แออัดมาถึงบ้านหญิงสาวได้เขาก็ต้องเสียเวลาอยู่บนท้องถนนเกือบสองชั่วโมง ภาสกรขับรถมาจอดที่หน้าประตูบ้านรวันดาได้ก็เดินลงไปกดกริ่งท้างประตูรั้ว สายตาก็มองเลยเข้าไปด้านในเห็นรถของเธอจอดอยู่ในโรงจอดก็พอเบาใจ ว่าอย่างไรวันนี้เขาจะได้เจอได้พูดคุยกับเธอให้รู้เรื่องเสียที หลังจากที่ต้องทนอึดอัดมาสองวันเต็ม 
                “สวัสดีค่าคุณภาส” แตงวิ่งมาถึงประตูหน้ารั้วเห็นว่าเป็นภาสกรก็รีบยกมือไหว้ 
                “มาหาคุณวาวหรือค่ะ วันนี้คุณวาวไม่อยู่ค่า” 
                “แต่ผมเห็นรถก็จอดอยู่นี่” ภาสกรเบือนหน้าไปทางที่รถคันเล็กของเจ้าของบ้าน 
                “ค่า แต่คุณวาวเดินทางไปต่างจังหวัดกับที่ทำงาน อีกสองสามวันค่ะกว่าจะกลับ” แตงมองตามสายตาของภาสกร และแจงชายหนุ่มไปตามที่ได้รับคำสั่งมาจากเจ้านายสาวเจ้าของบ้าน สุดท้ายแล้ววันนี้เขาก็มาเสียเที่ยวอีกตามเคย ทั้งที่อุส่ารีบมาหาเธอทันทีที่การประชุมจบลงแต่สุดท้ายกลับต้องพบกับความผิดหวัง แตงมองตามชายหนุ่มที่เดินคอตกกลับไปที่รถของตัวเองก็ได้แต่สงสาร เธอเองก็ไม่รู้อะไรมากมาย จะให้ขัดคำสั่งเจ้านายก็จะใช่ที่เมื่อเจ้านายเธอสั่งมาให้บอกเขาอย่างนั้นเธอก็ต้องบอกไปเช่นนั้น ทั้งที่ความจริงก็อยากจะบอกว่ารวันดาไม่ได้ไปไหนจริงๆแต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆนายสาวจึงไม่อยากพบหน้าภาสกรเสียอย่างนั้น 

                รวันดายืนแอบดูชายหนุ่มอยู่ข้างหน้าต่างห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นภาสกรขับรถออกไปแล้วก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาด้วยหน้าตาที่หมองเศร้าเช่นเดิม มือที่ถือรีโมตก็กดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้สนใจว่ามีรายการใดน่าสนใจบ้าง นางพิมที่แอบยืนสังเกตการอยู่ก็ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจแทนคุณหนูของนาง 
                “ป้า” นางพิมที่แอบยืนมองนายสาวหันไปมองที่มาของเสียง 
                “เรียกทำไมของเองนางแตง” 
                “คุณวาวเธอเป็นอะไรนะป้า หนูเห็นเธอเศร้าๆซึมๆมาสองสามวันแล้วนะ” 
                “เรื่องของเจ้านายเอ็งจะอยากรู้ไปทำไม” 
                “ป้าไม่ไปถามคุณเธอหน่อยล่ะ เพื่อเธอจะมีอะไรไม่สบายใจ” 
                “เอ็งก็ทำงานของเอ็งไปเหอะ ไม่ต้องไปอยากรู้เรื่องของคนอื่นเขาหรอก” 
                “จะว่าไปฉันก็สงสารคุณภาสแกนะป้า มากี่รอบๆก็ไม่ได้เจอคุณวาวซะที เมื่อกี้ตอนที่หนูออกไปบอกว่าคุณวาวไปต่างจังหวัดนะ หน้าแกนี้เศร้าจนหนูยังอดสงสารไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าคุณแกโกรธอะไรถึงไม่ยอมเจอคุณภาส” มือที่กำลังเก็บกวาดล้างของในห้องครัวแต่ปากก็ยังคงพร่ำพูดเรื่องที่คาใจออกไปจนนางพิมยังอดคิดตามคำพูดไม่ได้ ตั้งแต่วันที่นางพิมเห็นภาสกรมาหาคุณหนูของนางพร้อมกับหญิงสาวอีกคน เย็นวันนั้นนางก็จับสังเกตได้ว่าคุณหนูของนางดูซึมๆไป หรือว่าเรื่องที่ทำให้คุณหนูของนางต้องมานั่งซึมเศร้าอยู่อย่างนี้จะเป็นเพราะเรื่องของคุณภาสกรกับผู้หญิงคนนั้น 

               
“พี่ภาสเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ ทำไมหน้าตาเครียดจัง” พัชชาที่เข้ามานั่งเล่นอยู่ในห้องของพี่ชายเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะน้อยครั้งที่จะได้เห็นพี่ชายคนรองมีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดนี้ 
                “ไม่มีอะไรหรอก” 
                “พัชไม่เชื่อหรอกค่ะว่าไม่มีอะไร รู้มั้ยค่ะว่าหน้าตาพี่ภาสมันบอกออกมาจนหมดแล้วว่ามีเรื่องไม่สบายใจ” 
                “รู้ดีจริงนะเรา” ภาสกรเอื้อมมือไปโยกหัวน้องสาว 
                “ถ้าพี่ภาสยังไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรนะค่ะ” พัชชาส่งยิ้มเป็นกำลังใจไปไห้พี่ชาย 
                “ว่าแต่เมื่อไหร่พี่ภาสจะพาพัชไปเจอพี่วาวอีกล่ะค่ะ วันก่อนก็ไม่ได้เจอ” พัชชาพยามยามพาพี่ชายออกนอกเรื่อง แต่หารู้ไหมว่าเรื่องที่ตนพูดถึงเพื่อพยายามพาพี่ชายออกจากความเครียดกับเรื่องที่ทำให้พี่ชายของเธอต้องมานั่งหน้าเครียดอยู่ตอนนี้กลับเป็นเรื่องเดียวกัน จากหน้าตาที่พอจะมีรอยยิ้มอยู่บ้างกลับกลายเป็นเศร้าทันตาเห็นของภาสกรทำให้พัชชาเกิดความสงสัยว่าต้องเกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่ชายของเธอกับพี่วาวแน่นอน 
                “พี่ภาสมีปัญหาอะไรกับพี่วาวหรือเปล่าค่ะ” ด้วยความที่ไม่เก็บข้อสงสัยไว้นาน พัชชาจึงตัดสินใจเอ่ยถามพี่ชาย 
                “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ภาสกรตอบหน้าเศร้า เพราะเขาก็ไม่รู้อะไรจริงๆ 
                “อ้าว” 
                “ไม่อ้าวหรอก พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆพี่วาวของพัชถึงพยายามหลบหน้าพี่ โทรไปก็ไม่รับสาย ไปหาที่บ้านก็ไม่อยู่” 
                “พี่ภาสแน่ใจนะค่ะว่าไม่ได้ไปทำอะไรให้พี่วาวโกรธหรือเข้าใจผิด” ภาสกรส่ายหัว เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าไม่ได้ทำอะไรให้เธอโกรธแน่นอน เพราะตั้งแต่กลับจากใต้มาเขาก็ยังไม่เจอหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมีปัญญาอะไรไปทำให้เธอโกรธได้






Create Date : 25 มกราคม 2553
Last Update : 26 มกราคม 2553 19:24:03 น. 0 comments
Counter : 214 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sosine
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




cursor
Friends' blogs
[Add sosine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.