Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

ณ จุดเริ่มต้น ของคน(จะ)รักกัน # 2

รวันดารับอาสามาดูสถานที่จัดงานแต่งกับวิราศินี.ที่จะมีขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ความจริงแล้ววันนี้วิราศินีมีนัดมาดูสถานที่กับว่าที่เจ้าบ่าว แต่ฝ่ายชายดันมีประชุมด่วนเข้ามาก่อนเสียก่อน หลังจากพูดคุยและเดินดูรายละเอียดของสถานที่แล้ว สองสาวก็พร้อมใจกันไปนั่งทานขนมเค้กของทางโรงแรมเพื่อรอว่าที่เจ้าบ่าวของเพื่อนมารับไปแจกการ์ดแต่งงานด้วยกัน 
                หลังจากแยกย้ายกับว่าเพื่อนรวันดาตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปทำงานของตนเองต่อ แต่ขับรถออกมาจากโรงแรมได้ไม่ไกลหญิงสาวก็เห็นสวนสาธารณะที่ดูร่มรื่นจึงเปลี่ยนใจเลี้ยวรถเข้าไปข้างในเพื่อมองหาไอเดียคิดพล็อตเรื่องนิยายเรื่องใหม่ รวันดาปล่อยอารมณ์ไปตามธรรมชาติก้าวเท้าเดินเรื่อยเปื่อยจนไม่รู้ว่าตนเองเดินเข้ามาในเขตที่ได้มีการถ่ายแฟชั่นของนิตยสารฉบับหนึ่งเข้า ภาพหญิงสาวตัวเล็กผมซอยสั้นเดินอมยิ้มอย่างสบายอารมณ์ผ่านเข้ามาในเลนส์กล้อง ทำให้ภาสกรตากล้องหนุ่มที่กำลังเลือกมุมในการถ่ายรูปเห็นเข้าก็สะดุดตาจนอดไม่ได้ที่จะรัวกดชัตเตอร์เก็บภาพไว้ หญิงสาวไม่รู้ตัวซักนิดว่าตนเองกำลังถูกแอบถ่ายรูป   
 


 “นี่คุณ เข้ามาได้ไงเนี่ย กำลังทำงานอยู่ครับ ” เสียงหนึ่งในทีมงานดังขึ้นเอะอะโวยวายจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว 
                
“ขอโทษค่ะ” เมื่อรู้สึกตัวรวันดาก็รีบกล่าวคำขอโทษขอโพยที่ทำให้คนอื่นเสียงงานเพราะตน 
                 
“ไม่เป็นไรครับ ” ภาสกรเงยหน้าขึ้นมารับคำขอโทษจากหญิงสาว พร้อมกับส่งรอยยิ้มคืนกลับไปให้ 
                 
ภาสกรรู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาวตัวเล็กที่ตนเองแอบถ่ายรูปมาและเกิดความประทับใจในตัวหญิงสาวทันที แม้เธอจะเดินห่างไปไกลแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังคงส่งสายตามองตาม จนได้ยินเสียงทีมงานบอกว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว ชายหนุ่มจึงได้หันกลับมาสนใจกลับการถ่ายรูปของตนเองต่อ
                 
หญิงสาวส่งยิ้มกลับไปให้ชายหนุ่มเช่นกัน เมื่อเห็นว่าตนเองเองยังยืนขวางที่ขวางทางคนอื่นอยู่ก็รีบเดินออกมา ถ้าเธอหันหลังกลับไปมองก็จะเห็นว่าชายหนุ่มที่เธอส่งยิ้มไปให้ยังคงมองตามหลังเธออยู่ไม่วางตา เธอรู้สึกคุ้นหน้าชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังขาตั้งกล้องแต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก 
                ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เห็นคนอื่นเขาเดินกันมาเป็นคู่ทำให้รวันดาอดที่จะอิจฉาคนอื่นไม่ได้ที่มีคนมาเดินเคียงข้าง ต่างจากตนเองที่ต้องเดินอยู่คนเดียวไร้คนเคียงข้างเหมือนคนอื่นๆ เมื่อเห็นม้านั่งเหล็กดัดใต้ร่มว่างอยู่เธอจึงเดินตรงไปนั่งใต้ร่มไม้แอบดูคนอื่นไปเรื่อยเปลื่อยไม่รู้ว่านานเท่าไหร่


“เทวดาเจ้าขา ทำไมคนที่ดีๆอย่างดิฉันถึงไม่มีแฟนกับใครเขาเสียทีเจ้าค่ะ” เมื่อไม่รู้จะคุยกับใคร รวันดาก็เริ่มที่จะบ่นกับฟ้ากับดินถึงความอาภัพความรักของตน
               
“ถ้าคนข้างบนมีจริง ช่วยดลบันดาลให้มีคนดีๆเข้ามาในชีวิตลูกซักคนนะเจ้าค่ะ สาธุ” วรันดาทำเป็นรากเสียงยามในตอนท้าย หวังให้คนที่อยู่เบื้องบนรับคำขอของเธอเสียที แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนที่อยู่เบื้องบนจะรับรู้ในคำขอของเธอหรือจะเป็นเพราะฟ้าฝนหลงฤดูกาลกันแน่ ที่ทำให้อากาศที่แจ่มใสเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมากลายเป็นมืดครึ้ม และฝนที่ไม่มีเคล้ามาก่อนก็เทลงมาอย่างไม่ให้ตั้งเนื้อตั้งตัวกันเลย 
                
 เมื่อฝนลงเม็ดจากเบากลายเป็นหนักขึ้นทำให้รวันดาต้องหาที่หลบฝนใหม่แทนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตนอยู่ เมื่อเห็นป้ายบอกแผนที่ภายในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีกันสาดน่าจะหลบฝนได้เธอก็ไม่รีรอที่จะออกวิ่งไปหลบอยู่ตรงนั้นทันที หญิงสาวพยายามที่จะทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อจะได้หลบน้ำฝนที่สาดกระเด็นเข้ามาโดน ซักพักก็มีชายหนุ่มวิ่งเข้ามาหลบฝนกับเธอด้วยเธอจึงเขยิบไปอีกฝั่งเพื่อนจะได้ให้เข้าหลบฝนด้วยอีกคน สายลมแรงที่พัดผ่านได้พัดเอาสายฝนจากเบื้องนอกเข้ามาโดนคนทั้งคู่จนเสื้อฝ้าเริ่มชื้นไปด้วยละอองน้ำฝนที่ถูกสาดเข้ามา รวันดาพยายามกอดตัวเองเพื่อให้คลายจากความหนาวของสายฝนในกลางเดือนพฤศจิกายนเช่นนี้ ภาพหญิงสาวตัวเล็กผมซอยสั้นยืนกอดตัวเองด้วยความหนาวทำให้อีกหนึ่งหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกันอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเบี่ยงตัวไปบังฝนให้เธอแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ชายหนุ่มกำลังจะหันไปยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอแต่แล้วแม่สาวตัวเล็กก็โผลเข้ามากอดแขนเขาเต็มกำลัง เนื้อตัวสั่นจากความกลัวเสียงฟ้าที่คำรามอยางดัง ตามมาด้วยสายฟ้าแลบฟ้าร้องอีกชุดใหญ่ กว่าจะรู้ตัวแขนภาสกรก็ถูกหญิงสาวตัวเล็กกอดอย่างแน่นขึ้น เจอเหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ภาสกรจึงทำได้แค่ยืนนิ่งๆให้เธอกอดอยู่อีกพักใหญ่กว่าสาวเจ้าจะรู้สึกตัว เมื่อเสียงฟ้าร้องคำรามเริ่มเบาเสียงลง เมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังกอดคนอื่นอยู่ แถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก ทำให้รวันดารีบปล่อยมือและขยับตัวออกห่าง 
               
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” รวันดารีบกล่าวขอโทษชายหนุ่มโดยไม่เงยหน้ามองแม้แต่น้อยด้วยความอับอายในการกระทำของตน 
                
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มรีบกล่าวตอบกลับมาเพราะรู้ว่าเธอทำลังอายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ
                  รวันดามองผ้าเช็ดหน้าที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างงงและเงยหน้ามองเจ้าของผ้าเช็ดหน้าที่ส่งยิ้มมาให้น้อยๆเพื่อไม่ให้เธอเขินอายไปมากกว่านี้ เธอยังคงมองค้างอยู่ที่ใบหน้าของเขาไม่ได้ยื่นมือรับผ้าเช็ดหน้าที่ถูกส่งมาให้ 
                
“รับไปเถอะครับ คุณเปียกหมดแล้ว”
                
“ขอบคุณค่ะ เอ๊ะ! คุณตากล้องเมื่อกลางวันนั่นเอง” 
                 
“ภาสกรครับ หรือคุณจะเรียกว่าภาสเฉยๆก็ได้” ภาสกรกล่าวคำแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ 
                 
“รวันดา วาวค่ะ” เมื่อได้ยินขาแนะนำชื่อตนเองเธอจึงต้องแนะนำชื่อตนเองเช่นกันเพื่อความไม่น่าเกลียดจนเกินไป ไม่ได้รู้สึดอึดอัดที่ต้องบอกชื่อของตนเองกับภาสกร 
                
“ขอบคุณนะค่ะสำหรับผ้าเช็ดหน้าแล้วก็ขอโทษอีกครั้งสำหรับเหตุการณ์เมื่อกี้นะค่ะ” 
                 
“ฝนเริ่มซาแล้ว ผมว่าเราออกจากที่นี่กันดีกว่านะครับ เริ่มมืดอากาศเย็นลงแล้วด้วย เดี๋ยวคุณจะไม่สบาย” ภาสกรชวนออกนอกประเด็นเพราะไม่อยากจะพูดอะไรให้เธออายมากกว่านี้ แสงแดดเพียงน้อยนิดของยามเย็นทำให้เห็นเธอหน้าแดงเพียงใดเมื่อเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งคู่เดินลัดเลาะไปตามต้นไม้เพื่อป้องกันละอองฝนที่ยังตกอยู่ปรอยๆ เสาไฟส่องทางภายในสวนเริ่มทำหน้าที่ให้แสงสว่างส่องทางอีกครั้ง จากการที่ฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้บรรยากาศที่เริ่มจะมืดเร็วอยู่แล้วในต้นฤดูหนาวมืดเร็วกว่าเดิม ทั้งคู่เดินคุยกันไปเรื่อยไม่เหมือนคนที่พึ่งจะรู้จักกันเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจนออกมาถึงลานจอดรถของทางสวนสาธารณะ   
 


ฮัดชิ่ว ฮัด.. ฮัดชิ่ว!! รวันดาเริ่มจามออกมาหลายต่อหลายครั้งจากการที่โดยละอองฝนบวกกับภูมิแพ้ที่เธอเป็นอยู่ เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงยิ่งทำให้เธออาการกำเริบได้ง่ายกว่าปกติ 
               
“ผมว่าคุณเริ่มไม่สบายแล้วแหละครับ คุณจอดรถไว้ตรงไหนเดี๋ยวผมเดินไปส่ง” รวันดาชีไปยังจุดที่ตนเองจอดรถไว้และเดินนำหน้าเขาไป 
               
“คุณรีบกลับบ้านอาบน้ำอุ่นแล้วก็กินยากันไว้ดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะเป็นอะไรหนัก” 
               
“ค่ะ ขอบคุณนะค่ะคุณภาส วาวขอตัวก่อนนะค่ะ” เมื่อเดินมาถึงรถรวันดาก็รีบขอตัวขับรถออกไป ภาสกรมองตามรถนิวบิทเทิลสีเหลืองคันเล็กของรวันดาออกสู่ถนนสายหลักไปแล้วจึงเดินกลับไปที่รถของตัวเองอีกฝั่งหนึ่งของลานจอดรถ 


เมื่อกลับมาอยู่ในรถคนเดียว ภาสกรก็ได้แต่อมยิ้มนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอจะจำเขาได้บ้างมั้ยนะ หลังจากพยายามครุ่นคิดว่าเคยเจอเธอที่ไหนสุดท้ายเขาก็คิดออกแล้วก็พลันให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอ ครั้งแรกที่เจอกันตอนนั้นเขาจำได้ว่าเธอใส่แว่นสายตา แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ใส่มันแล้วจึงทำให้เขาเสียเวลาคิดแล้วคิดอีกอยู่นานว่าคุ้นหน้าเธอจากไหน รู้สึกว่าระหว่างเขาและเธอเจอกันเมื่อไหร่ก็จะต้องมีอะไรให้ประทับใจอยู่เรื่อย แต่ที่เขาไม่รู้คือหญิงสาวก็คิดว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจเหมือนกันถึงแม้ว่าจะมีความอับอายจากการกระทำของเธอปะปนอยู่ด้วยก็ตาม  


การจราจรช่วงหลังเลิกงานยิ่งมีฝนที่ตกลงมาด้วยยิ่งทำให้การจราจรเป็นอัมพาตเข้าไปอีก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่รวันดาจะฝ่าการจราจรที่ติดขัดกลับถึงบ้านได้ในเวลารวดเร็ว กว่าจะฝ่าการจราจรจากสายหลักมาเข้าซอยหมู่บ้านตนเองได้ก็กินเวลาไปชั่วโมงกว่าๆได้ รวันดาขับรถเข้าไปจอดได้ก็รีบลงจากรถเดินขึ้นห้อง แต่ก็จามออกมาระหว่างทางจนทำให้คุณแม่บ้านที่ดูแลอยู่อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้   
 


“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” รวันดากำลังนั่งเป่าผมให้แห้งหันไปมองก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออกโดยฝีมือป้าพิม แม่บ้านวัยกลางคนที่ดูแลเธอและบ้านหลังนี้ 


“ป้าทำข้าวต้มไว้ให้คุณวาวแล้วนะค่ะ จะให้ป้ายกขึ้นมาให้หรือคุณจะลงไปทานข้างล่างค่ะ” นางพิมเอ่ยถามนายสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนด้วยความรักและความเอ็นดูคุณหนูที่นางเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก 


“เดี๋ยววาวลงไปทานข้างล่างเองค่ะป้า ป้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยยกขึ้นมาให้วาว” 


“งั้นเดี๋ยวป้าให้นางแตกมันตั้งโต๊ะให้เลยนะค่ะ” 


“ค่ะป้า วาวขอเป่าผมอีกแปบเดี๋ยวจะลงไปนะค่ะ”   
 


“ป้าพิมไปนอนก่อนก็ได้นะค่ะ สามทุ่มกว่าแล้ว เดี๋ยววาวให้แตงเก็บของพวกนี้เองค่ะ” รวันดาลงมานั่งทานข้าวต้มได้นิดเดียวก็อนุญาติให้คุณป้าแม่กลับไปนอน ไม่ต้องมาคอยอยู่ดูและเธอเหมือนทุกวัน 


“ป้าต้องคอยดูคุณวาวกินข้าวกินยาก่อนค่ะ ถึงจะไปนอนได้” นางพิมพูดดักคอด้วยรู้ดีที่นายสาวอนุญาติให้ไปนอนเพราะเหตุผลอะไร มีหรือที่นางจะไม่รู้จักนิสัยของคุณหนูที่นางเลี้ยงมาแต่เด็ก 


“โถ ป้าพิมขา วาวโตแล้วนะค่ะ วาวดูแลตัวเองได้” 


“ก็โตแล้วไงค่ะ ป้ายิ่งต้องห่วง ถ้าป้าไม่เฝ้า คุณวาวก็จะไม่ยอมกินยาอีกตามเคย นางแตงหรือค่ะจะกล้าสั่งให้คุณของป้ากินได้” รวันดาก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มไปหน้ามุ่ยไปด้วยโดยขัดใจ จะให้เธอทำอะไรก็ได้ไม่มีบ่นเลย แต่ถ้าจะให้เธอกินยาถ้าไม่มีรายการบังคับให้กินก็ไม่มีทางซะหล่ะ 


คุณแม่บ้านละอ่อนอกอ่อนใจส่ายหน้ากับคุณหนูของนางที่ทำหน้าฝืนใจกินยาที่มีสายตาขู่บังคับจากนางเสร็จก็เดินหน้ามุ่ยขึ้นห้องไปทันที รวันดาเข้าห้องมาได้ก็กระโดดขึ้นเตียงทำการลื้อกระเป๋าหาโทรศัพท์ทันที เพื่อโทรหามารดาอย่างที่เคยทำเป็นประจำ หลังจากวางสายแล้วสายตาเธอก็สะดุดกับผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงิน และเหตุการณ์ในวันนี้ก็เล่นเข้ามาในสมอง เหมือนได้ดูภาพยนตร์ฉายเรื่องราวอย่างชัดเจน ตั้งแต่ตอนที่เธอเดินไปผ่านหน้ากล้องของเขามาถึงตอนที่เธอผวาเข้าไปกอดเขาตอนที่ฝ้าร้องเสียงดัง รู้สึกว่าใบหน้าร้อนวูววาบเลือดไหลเวียนสูบฉีดอย่างแรงไม่ต้องส่องกระจกเธอก็รู้ว่าหน้าตัวเองต้องแดงอย่างมากแน่ๆ ตอนที่กอดเขาไว้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยที่มีเขาอยู่ใกล้ๆอย่างแปลกประหลาด ทั้งที่เธอกับเข้าก็ไม่ได้รู้จักกัน ไม่ใช่สิตอนนี้เธอรู้จักเขาแล้ว ‘ภาสกร’   
 


“น่าอายจริงๆเลยยัยวาวเอ๋ย อยู่ดีๆก็ไปกอดเขาหน้าตาเฉย” เมื่อคิดถึงเหตุการณ์วันนี้และครั้งแรกที่เธอกับเขาเจอกันที่งานหนังสือเมื่อต้นเดือนตุลาที่ผ่านมาก็ยิ่งทำให้เธออับอายมากยิ่งขึ้น เขาจะจำผู้หญิงที่เขาช่วยไม่ให้ล้มในการสัปดาห์หนังสือได้บ้างมั้ยนะ ถ้าจำได้แล้วเขาจะรู้มั้ยนะว่าผู้หญิงคนนั้นกับเธอคือคนๆเดียวกัน รวันดายิ้มอยู่กับผ้าเช็ดหน้าแล้วก็รีบลุกไปเปิดน้องกระปุกโน๊ตบุ๊คคู่ใจเพื่อพิมพ์พล็อตเรื่องใหม่ที่เธอพึ่งคิดได้สดๆร้อนๆ 




 

Create Date : 20 มกราคม 2553
0 comments
Last Update : 20 มกราคม 2553 16:55:54 น.
Counter : 229 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sosine
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




cursor
Friends' blogs
[Add sosine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.