นายน้ำฟ้าโหมดหนีป่าเขา สู่ความหรูหราห้าดาวริมน้ำเจ้าพระยา The Peninsula Bangkok
เพนนินซูล่าหกโมงสิบ ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นนิดนึงนายน้ำฟ้าขี่มอไซค์ไปจอดใต้สะพานสาทรที่เดี๋ยวนี้ใครก็เรียกว่าสะพานตากสิน เดินแบกขาตั้งขึ้นสะพานมากางเหนือน้ำ มุมมองย้อนศรสู่ทิศเหนือทอดตาไปยังโรงแรมหรูหราคลาสสิคริมแม่น้ำเจ้าพระยาแท่งสูงๆทางซ้ายนั่น บ่ายนี้ผมมีนัดรับเชิญเข้าไปเดินเล่นในตึกแท่งนั้นล่ะและเข้าพักหนึ่งคืนด้วย แหมนัดตั้งบ่ายเห่อมายืนมองแต่เช้า
เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อกลางปีก่อน แซงค์ ชายคาตะวัน เพื่อนเฟซ แท็กภาพมาสองภาพ เราก็ตามไปดู ดูแล้วเราก็ Like ด้วยความอิจฉาตาร้อนและคอมเมนท์ไปว่า " หูยยยย อิจฉาจิงเบย หากแม้นชาตินี้นายน้ำฟ้ามีวาสนาได้พักในอัครสถานแห่งนี้สักครั้งคงไม่เสียชาติเกิด "หลังจากนั้นไม่นานคนของทางโรงแรมแห่งนี้ก็ประสานมา คุณน้ำฟ้าคะ ได้ข่าวว่าคุณเคยบอก ว่าคุณอยากมีประสบการณ์พักกับโรงแรมเพนนินซูล่าของเรา ถือเป็นเกียรติและขอเรียนเชิญค่ะ !!!
หา!จริงเหรอ ว่าแต่ว่าคุณก็รู้นะว่าผมรีวิวเป็นแต่ป่าแต่เขา โรงแรมรีสอร์ทอะไรไม่เค๊ย เรารู้ค่ะ โรงแรมของเราก็มีป่านะคะ อยากให้คุณน้ำฟ้าได้มาเห็นจัง มาพักแล้วประทับใจอย่างไรก็ไปบอกเล่าเก้าสิบตามสไตล์คุณน้ำฟ้าเถอะค่ะ อย่าเรียกว่ารีวิวเลย
และตอนนี้ ผมก็ได้พาตัวเองมานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว มุมหนึ่งของห้องอาหาร The River Cafe & Terrace โซนติดน้ำนั่งชมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาลมโชยเย็นสบาย
วู้วู้ เห็นผมป่าวนั่งอยู่ฝั่งทางนี้
ยังครับยัง ผมล้อเล่นหน่ะ ผมยังยืนมองรร.อยู่ฝั่งตรงข้ามอยู่เลย Peninsula Pier Loungeท่าเรือส่วนตัวของรร. อย่างที่บอกไว้นัดผมหน่ะอยู่ตอนบ่ายๆ แต่ไหนๆวันนี้ก็วันหยุดแล้วนี่นาถือโอกาสมามองโรงแรมต้องแสงแดดอุ่นๆยามเช้า ยลโรงแรมจากมุมมองไกลๆ คงไม่เสียหลาย ประสาคนชอบถ่ายรูปนิ
How to Reach it:โรงแรมเดอะเพนนินซูล่ากรุงเทพ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีใกล้สะพานตากสิน การเดินทางสบาย เข้าถึงสะดวกไม่ว่าจะทางรถยนต์ส่วนตัว หรือนั่งรถไฟฟ้าBTS ลงสถานนีตากสินแล้วต่อเรือบริการของทางโรงแรมที่จอดรอบริการฟรีอยู่ที่ท่าเรือสาทรและท่าเรือของรร.ในซอยเจริญกรุง42/1 ไปไม่ถูกจิ้มพิกัดเข้าสู่ Google Maps เลือกพาหนะแล้วสั่งนำทางโลด . ..> N13.723043 E100.511169The Peninsula Bangkok Hotel333 ถ.เจริญนคร คลองสาน กรุงเทพฯ 10600 Tel: (66-2) 8612888
เอาล่ะ อารัมภบทมาตั้งนานหมุนนาฬิกามาตอนบ่ายเลยดีกว่า ไปกับครับเพ่น้อง
จากดาวล้านดวงบนยอดดอย สู่โรงแรมริมน้ำหรูหราห้าดาว
นัดน้องเหมียวไว้บ่ายสองหน้าล็อบบี้ เจอกันปุ๊บน้องก็จูงพามาหาของกินเล่นในห้องอาการThe Lobby ป๊าด มีเชพ 2 คนมาต้อนรับแนะนำความอร่อยเสร็จสรรพ ที่นายน้ำฟ้าจำฝังลิ้นอร่อยไม่รู้ลืมคือ มาการอง อร่อยจนตกใจรสชาติมันมหัศจรรย์จริงๆ
เสร็จจากถ่ายภาพรถโบราณน้องเหมียวคนงามตัวแทนโรงแรมก็พาชมรอบๆเร่ิมจากริมแม่น้ำ ห้องอาหารเดอะริเวอร์ คาเฟ่ แอนด์ เทอร์เรส โซนอาหารชมวิวริมแม่น้ำ วิวกรุงเทพตรงนี้สวยจริงๆ ฝั่งตรงข้ามมองเห็นตึกสูงสวยหรูริมเรียงรายริมน้ำมากมาย ดูทำเลแล้วคิดถึงเทศกาลลอยกระทง ปีใหม่ บริเวณน่านน้ำแถบนี้จะคึกคักมาก มีเรือประดับไฟแล่นไปมา มียิงพลุกันขนานใหญ่ถ้าได้มานั่งกินอาหารอร่อยๆและกินลมชมวิวตรงนี้ต้องวิเศษแน่ๆ
ถัดจากโซนเทอร์เรสของเดอะรีเวอร์คาเฟ่ก็จะเป็นบาร์ บาร์ริมน้ำกับโซฟาน่านั่ง
The River Bar
เห็นแล้วอยากสั่งอะไรมาจิบแล้วนั่งลง relax สักพักเลยครับ แต่ว่าไม่ได้สิ ยังๆ ต้องเดินชมกันให้ทั่่วๆก่อนไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีอะไรมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง
เห็นข้างหลังบาร์นั่นร่มครึ้มด้วยแมกไม้คุณเหมียวเลยบอกว่านั่นแหละๆใต้ร่มไม้นั้นมีห้องอาหารสไตล์เรือนไม้ไทยซ่อนอยู่ ว่าแล้วก็ไปดูกัน ประตูทางเข้าอยู่ข้างบาร์เป็นซุ้มไม้โบราณสวยเชียว ห้องอาหารไทย " ทิพย์ธารา " ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มไม้มีต้นไทรต้นใหญ่ๆ ตกแต่งโดยรอบด้วยเรือนไทยและสวนหย่อมอันร่มรื่นแบกพื้นที่เป็นสันส่วนเหมือนโลกส่วนตัว บรรยากาศเหมาะจัดปาร์ตี้สังสรรค์มากๆเลยล่ะครับ
คุณน้องเหมียวเห็นผมติดใจเรือนไทยเลยกระแอมบอกว่าไปดูสไตล์จีนบ้างดีกว่า หา! นี่ยังมีอีกเหรอ ใช่แล้วๆ โรงแรมเพนนินฯยังมีห้องอาหารสุดหรูหราสไตล์จีนๆ นั่นคือ
ห้องอาหาร " เหม่ยเจียง "
เหม่ยเจียงเป็นห้องอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งระดับชั้นนำในกรุงเทพฯ เพื่อนชาวบล็อกแกงค์ยอดนักชิมคุณปรัซซี่ก็เคยมาลิ้มลองอาหารที่นี่แล้วน้า คลิกไปชมที่คุณปรัซซี่รีวิวได้ มี 2 บล็อก | รีวิวเหม่ยเจียง ตอนที่1 | รีวิวเหม่ยเจียง ตอนที่2 | รับรองว่าเห็นแล้วน้ำลายหยดติ๋งๆ อิอิ เหม่ยเจียงออกแบบตกแต่งหรูหรามีระดับ ได้เชพจากเมืองจีนมาเป็นเชฟประจำด้วย ฝีมือเชฟคนนี้เคยปรุงอาหารขึ้นถวายพระบรมราชวงศ์มาแล้วหลายพระองค์ รวมถึงบุคคลสำคัญๆจากต่างประเทศอีกหลายท่าน นอกจากเมนูอาหารจีนกวางตุ้งแบบดั้งเดิมแล้วก็ยังมีติ๋มซำอร่อยๆอีก
อ้าวเกือบเพลินจนพลาดชมอาทิตย์ตก น้องเหมียวรีบพากดลิพท์อย่างเร็วรี่ขี้นมาชั้น 37 ไขกุญแจเข้าไปห้อง The Terrace Suite พอเปิดประตูห้องออกมาเท่านั้นแหละนายน้ำฟ้าอ้าปากค้าง ห้องพักไรว้าใหญ่โตมโหฬาร น้องเหมียวบอกพี่พี่มาทางนี้ห้องนี้มีเฉลียงชมวิว โอ้โหย ดวงอาทิตย์กำลังใกล้แตะขอบฟ้าแล้ว สวยจังเลยวิวมุมสูงระฟ้าผ่านยอดตึกแบบนี้ ชอบ
มีจากุชชี่ด้วยดูสิ โห โหย สวรรค์ชัดชัด อยากเปิดน้ำโดดตูมลงแช่อ่าง นอนจิบเบียร์เย็นฉ่ำชมตะวันตกดิน วิว180องศาเลยเนี่ยเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาสองฟาก มุมสูงๆสวยจังเลย โย่ว
The Terrace Suite พื้นที่ขนาด 190 ตรม.ที่ประกอบด้วยห้องโถงขนาดใหญ่แยกย่อยด้วยห้องนอนสุดกว้างขวาง ห้องประชุม/ทานอาหาร และดาดฟ้าที่มีทั้งอ่างจากุชชี่วิวมุมกว้างเตียงสนามและปิคนิคโซน ภายในตกแต่งหรูหรามีระดับมาก อุ๊ยนั่น มีกล้องดูดาวด้วย ส่องดาวบนดินเพลินแน่ๆ น้องเหมียวแอบกระซิบข้างหูบอกราคาห้อง สนนราคาค่าพัก 85,000 บาทต่อคืนครับ ขอร้องจ๊ากก่อน จ๊ากกกกก
ภายในแยกห้องนอนออกเป็นสัดส่วน ห้องนอนใหญ่มากกระจกสองชั้นพื้นจรดเพดาน ควบคุมม่านด้วยไฟฟ้า เพลินวิวแม่น้ำชมความงามเมืองอมรฝั่งกรุงเทพ สวยจริงๆให้ดิ้นตาย ลืมบอกไปว่าอาคุงกล่องก็มาด้วย แกตื่นเต้นกะห้องและวิวมากๆ แถมไปนั่งส่องกล้องดูดาวมองสาวอยู่เป็นนานสองนาน
อ่างน้ำวนชมวิวแม่น้ำ เห็นสะพานตากสินด้วย เอ๋ คนข้างล่างจะเห็นเราอาบน้ำรึเปล่าน้า ห้องน้ำหรูหราด้วยหินอ่อน ไปดูอีกห้องนึง Dining & Boardroom ห้องรับประทานอาหารที่ดัดแปลงเป็นห้องประชุมโต๊ะกลมได้ เฟอร์ไม้สักอย่างดีเรียบหรูนุ่มลึก
ไปกันต่อครับ น้องเหมียวพาลงลิฟท์มาชั้นที่ 25 คราวนี้มาดูห้องราคา 35,000 บาท ป๊าด ปาดน้ำตาเพราะว่าราคานี้ซื้อเลนส์เกรดโปรได้เลยนะเนี่ย อิอิ ห้องนี้ชื่อว่า Grand Deluxe Suite พื้นที่ใช้สอย 75 ตรม. แบบนี้มีทั้งหมด 50 ห้องตกแต่งแตกต่างกันไปแต่แปลนเหมือนกัน คือเดินเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่นใหญ่ๆ วิวแม่น้ำ มีห้องนอนแยกเป็นสัดส่วนต่างหาก
ชอบที่สุดก็มุมนี้ โซฟานุ่มข้างเตียงชิดผนังกระจกพื้นจรดเพดานสัดส่วนแยกยื่นไปนอกห้องมองเห็นวิวสองด้านกว้างไกล
ถัดมาอีกห้อง Grand Deluxe มีทั้งหมด 96 ห้อง พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 43-50 ตรม. ลักษณะที่แตกต่างจากห้อง Suite คือห้องนอนกับห้องนั่งเล่นไม่แยกกัน รวมกันเป็นห้องเดียวเลย ก็ถือว่ากะทัดรัดลงมาหน่อย ให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นสำหรับคนชอบห้องที่ไม่ใหญ่นักนะครับ บรรยากาศวิวแม่น้ำเช่นเคย สนนราคา 18,000 บาทต่อคืน
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว น้องเหมียวพาชมห้องไปสามห้องท้องเริ่มหิว แสงสีน้ำเงินไม่ค่อยมีให้ถ่ายแล้วด้วย พวกเราเลยขอลงมาดินเนอร์กันก่อนล่ะครับ
เราทานบุฟเฟต์กันครับ เป็นบุฟเฟต์นานาชาติหัวละ 1,800 บาท งานนี้อภินันทนาการ โอ้ย ลาภปากหน่ะสิ เลือกตักไม่ถูกผมก็เลยเน้นไปพวกซูชิ นายน้ำฟ้าไม่ใช่กูรูอาหารดังนั้นแต่ละอย่างเลยเรียกไม่ค่อยถูกนะฮว้าบ ดูกันเอาเองละกัน อิอิ
สามทุ่มกว่าแล้ว หลังดินเนอร์กันจนอิ่มเสวนากันจนดึก ก็ถึงเวลาพักผ่อนจริงๆ กันเสียที นายน้ำฟ้าเช็คอินขึ้นห้องเอาตอนเกือบสี่ทุ่ม เล่นเอาเมื่อยขบไปทั้งตัวแล้ว ขณะนี้ผมยืนพักผ่อนชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ชั้น 14
Balcony Room
ห้องนี้มีเนื้อที่ใช้สอยขนาด 45 ตรม. จุดเด่นเลยก็คือเป็นห้องประเภทมีระเบียง เลยได้ชื่อว่า Balcony นั่นเอง ห้องBalcony นี้มีทั้งหมด 36 ห้อง ชั้น 4-23 สนนราคาค่าห้อง 16,000 บาทต่อคืน
ช่วงเวลาพักผ่อนเต็มเหนี่ยวครับหลังจากนั่งชมวิวแสงสีเมืองกรุงอยู่ตรงระเบียงเป็นชั่วโมงผมก็ย้ายร่างไปนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างฟังเพลงคลาสสิคเพราะๆที่คอนโทรลภาพและเสียงได้จากรีโมทกันน้ำฝังไว้ข้างอ่าง หายเมื่อยล้าแล้วก็พาร่างตัวเองขึ้นเตียงซุกตัวในผ้าห่มหนานุ่มหลับไปกับเตียงดูดวิญญาณ อิอิ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้รอชมแสงทไวไลท์จับขอบฟ้ายามเช้า โดยกดปุ่มเปิดม่านไฟฟ้าได้ที่ข้างเตียง วะว้าว อรุณสวัสดิ์กรุงเทพฯ
ตู้เย็นเล็ก ซ่อนอยู่ข้างๆโต๊ะทำงาน เปิดมาของเพียบ มีรายการของฟรีกับของไม่ฟรีวางไว้ให้ดู ไหนดูราคาเป็นขวัญตาหน่อยซิ >>ราคาของในตู้เย็น
มาชมห้องน้ำกันบ้าง จัดเต็มจริงๆ ขอถ่ายแบบมุมมอง 180องศามาให้เพื่อนๆชมกันนะครับ ที่ติดใจที่สุดคือนอนแช่น้ำชมทีวีได้ ฟักบัวในห้องอาบน้ำสะใจมาก แล้วก็ประทับใจเจ้ากระจกเงาครึ่งทรงกลม illuminated shaving & make-up มันหมุนโยกเข้ามาใกล้ๆหน้าแล้วตกใจ 555 หน้าใหญ่ขึ้นเท่าครึ่งในบันดล โห ไม่เคยเห็นใบหน้าตัวเองชัดๆขนาดนี้มาก่อนเลย ฮวี่
ก่อนผลักประตูเข้าห้องน้ำด้านซ้ายมือจะเป็นห้องแต่งตัว เดินเข้าห้องแต่งตัวทางซ้ายก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าด้านหน้าเป็นกระจกเงาเก้าอี้และในลิ้นชักมีไดร์ฟเป่าผม ตรงมุมมีร่มกันแดดฝนเสียบอยู่มุมด้านขวาเป็นม้านั่งbuild-in ผนังข้างทางเข้าซ่อนตู้นิรภัยไว้เก็บของ อันนี้เรียกว่าหาตั้งนานกว่าจะเจอ
ตรงข้ามห้องแต่งตัว มีประตูข้างฝาเปิดออกมาเจออุปกรณ์พวกที่ช่วยใส่รองเท้า ที่ขัดรองเท้า แล้วก็มีไฟฉายฉุกเฉินที่หยิบออกมาปุ๋บไฟติดปั๊บ เออเข้าทีดีแฮะ
สายแล้ว วันนี้เช้าจะลงไปถ่ายรถโบราณต่ออีกหน่อยเพราะว่าเมื่อวานนี้ขบวนรถมาไม่ครบ พวกเค้าไม่มีตำรวจนำทาง แถมต้องฝ่าการจราจรตอนเย็นกันอีกทั้งให้ขบวนมากันช้าจนรอไม่ไหว วันนี้จะไปเก็บภาพให้ครบคิดว่าคงยังจอดโชว์อยู่ข้างล่าง แต่ละคันสวยๆทั้งนั้นเลย
และกว่าจะสาละวนถ่ายรถจนอิ่มดูเวลาก็ปาไปสิบโมงเศษ โอยอาหารเช้ายังมีอยู่รึเปล่าน้า ว่าแล้วนายน้ำฟ้าก็ขอตัวเวลาส่วนตัวไปหามื้อเช้าลงท้องด่วนจี๋กันก่อนล่ะ
เอาล่ะครับ ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้กับบล็อกรีวิวที่พักครั้งแรกของนายน้ำฟ้า ขาดตกสิ่งสำคัญอะไรไปก็ฝากคำแนะนำไว้ได้ครับ รีวิวนี้ยังไม่สมบูรณ์มากนักเนื่องจากนายน้ำฟ้ามือใหม่ป้ายแดงเคยรีวิวแต่ป่าดงพงไพร อีกอย่างเวลาจำกัดมากทำให้ถ่ายภาพมาไม่เต็มที่
โอกาสนี้ขอขอบคุณทางโรงแรมเพนนินซูล่า และ คุณเหมียว มาศสุภา ธรรมมะ E-Commerce Manager ที่ให้เกียรติเชื้อเชิญน้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา มาสัมผัสประสบการณ์สุดหรูครั้งนี้ด้วยครับ ขอบคุณฮับ โย่ว
ฝากคอมเม้นท์ไว้เป็นกำลังใจหรือทิ้งร่องรอยให้รู้ว่าท่านมาเยี่ยมเยือนเรา น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา นะค้าบ ^___^
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2556 |
|
126 comments |
Last Update : 4 มิถุนายน 2556 15:18:51 น. |
Counter : 13673 Pageviews. |
|
|
|