ผ่านไปพักใหญ่ จบแบบไม่จบ! กับการแบนหนังไทย เรื่องเชคสเปียร์ต้องตาย shakespearemustdie ด้วยเหตุผลหลักที่อ้างว่า คือ ความแตกแยกต่อสามัคคีของคนในชาติ จึงมีมติให้คงเรต ‘ห’ ห้ามฉายและจัดจำหน่ายในราชอาณาจักรไทย ตามคำตัดสินของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ (กองเซ็นเซอร์) ก่อนหน้านี้ก็มีการแบนหนังไทยเรื่อง Insects in the Backyard ที่โดนแบนเป็นเรื่องแรก โดยกองเซ็นเซอร์เจ้าเดิมอ้างว่า เนื้อหาทำลายศีลธรรม ขัดต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งคนในวงการหนังส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าถ้ายังปล่อยเฉยๆ เอาไว้แบบนี้ น่าจะมีหนังไทยเรื่องที่ 3 4 5 6 และเรื่องต่อๆ ไปโดนแบนอีกอย่างแน่นอน

มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับฝีมือดีอีกคนหนึ่งของวงการหนังไทย กล่าวอย่างระงับอารมณ์ ถึงกรณีการแบนหนังไทยว่า "มันไม่ควรมีเลยการแบนหนังเนี่ย มันไม่ถูกต้องเลยล่ะ (เสียงค่อนข้างฉุนเฉียว) ประชาชนจะเป็นคนตัดสินเองว่าเขาจะดูหรือไม่ดูหนังเรื่องอะไร ต่อให้ไม่แบน สมมติว่าหนังไม่ดีหรือว่าแบบอะไร เช่น ไม่ถูกต้องสำหรับความรู้สึกเขา ไม่ถูกศีลธรรม เขาก็จะไม่ไปดูเอง มันเป็นวิธีการตัดสินทางสังคมของบ้านเราอยู่แล้ว ดังนั้นยิ่งไปห้ามยิ่งกลายเป็นว่าอยากไปดู (เสียงดัง) เราเชื่อว่าสังคมไทยโตมาพอแล้ว ตัดสินใจได้เองว่าอยากจะดูหรือไม่อยากจะดูอะไร"

ควรยุบหน่วยงานแบนหนังนี้ไปเลยดีไหม เพราะฟังๆ มาจากมะเดี่ยวแล้ว ก็น่าจะไม่มีประโยชน์อันใด ที่เราคนไทยจะให้ตั้งมาดูแลหนังไทยกันต่อไปอีก? "มันก็มีการจัดเรตก็จัดไป แต่ว่าเรตแบนไม่ควรมี หน่วยงานนี้จัดโครงสร้างมันใหม่ ให้มีคนที่มีองค์ความรู้ทางภาพยนตร์ เกี่ยวกับสังคม เกี่ยวกับหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่มันเกี่ยวกับหนังนะฮะ ไม่ใช่เป็นข้าราชการอายุเยอะๆ แล้ว ย้ายมาจากไหนก็ไม่รู้มานั่งดูกัน 3-4 คน แล้วมาตัดสินอะไรอย่างนี้"

ควรจะมีหน่วยงานแบนหนังอยู่เหรอ แต่ควรจะเลือกคนที่มีองค์ความรู้ในด้านภาพยนตร์ให้เข้ามาดูแลแทน น่าจะเป็นแบบนี้เหรอ? "อืม เป็นคนที่มีความรู้ ไม่ใช่แค่ในแวดวงหนัง เช่นคนที่มีความรู้ด้านสังคมวิทยา มนุษยวิทยา จิตวิทยา โน่น นี่ นั่น มารวมกัน มาจากสายของคนดูบ้าง ของประชาชนทั่วไปที่ไม่ต้องมีความรู้อะไรหรอก" แล้วเราจะตั้งชื่อหน่วยงานใหม่อันสุดแสนจะไฉไลอย่างที่เจ๊แนะนำมานี้ ว่าอะไรดีคะ? "(หัวเราะ) ไม่รู้เหมือนกัน"

ภาพ : thirdclasscitizen.exteen.com

ที่มา ไทยรัฐ