ขึ้นเงินเดือน เขาทำกันอย่างไรบ้าง
มีผู้อ่านเขียนมาถามผมเกี่ยวกับวิธีการขึ้นเงินเดือนว่า ขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ กับขึ้นเป็นเงินคงที่นั้น จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร ผมจะค่อยๆ เล่าให้อ่านกันในแต่ละวิธีนะครับว่ามีวิธีการอย่างไรกันบ้าง
ปกติแล้ววัตถุประสงค์ของการขึ้นเงินเดือนก็คือ เพื่อตอบแทนผลงานที่ทำมาตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ดังนั้นการขึ้นเงินเดือนที่ดีก็ควรจะตอบแทนผลงานพนักงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพสูงสุด แต่ในทางปฏิบัตินั้น เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับการขึ้นเงินเดือนพนักงาน เพราะไม่ว่าจะใช้วิธีใดในการขึ้นเงินเดือนก็ตาม ก็ยังคงมีปัญหาต่างๆ ตามมาอีกเยอะแยะไปหมด ทั้งนี้ก็เพราะเรื่องของเงินเดือนนั้น มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ และยิ่งไปกว่านั้นการขึ้นเงินเดือนก็เป็นเรื่องที่พนักงานนำมาเปรียบเทียบ กันกัน เพื่อดูว่าตนเองนั้นได้รัับเงินขึ้นมากน้อยอย่างไร โดยเทียบกับเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกัน
วิธีการขึ้นเงินเดือนโดยทั่วไปจะแบ่งกว้างๆ ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ก็คือ
1. ขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนพนักงาน ดังเช่นในตารางข้างล่างนี้
ระดับผลงาน อัตราการขึ้นเงินเดือน (%) ต่ำสุด เฉลี่ย สูงสุด A 9 10 11 B 7 8 9 C 6 7 8 D 5 6 7 E - - -
จากตัวอย่างตารางการขึ้นเงินเดือนที่ยกมานี้ เป็นลักษณะของการขึ้นเงินเดือนเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนพนักงานตัวอย่าง เช่น ถ้าพนักงานคนหนึ่งได้รับเงินเดือน 20,000 บาท ผลงานในปีนี้ได้ในระดับ C นั่นก็แปลว่าเขาจะได้รับการขึ้นเงินเดือนอยู่ในช่วง 6-8% สมมติได้ขึ้นที่อัตรา 7% ก็จะคิดเป็นเงินขึ้นจำนวน 1,400 บาท
วิธีนี้ถ้าพนักงานยิ่งมีเงินเดือนมากเท่าไร ก็จะได้ตัวเงินขึ้นมากขึ้นเท่านั้น เช่นพนักงานอีกคนทำงานในตำแหน่งเดียวกันแต่อยู่มานานกว่าคนแรก เงินเดือนก็เลยสูงกว่า สมมติว่าได้เงินเดือนอยู่ที่ 40,000 บาท เกิดปีนี้ทำผลงานเท่ากับคนแรกก็คือ C ได้ขึ้น 7% เท่ากัน แต่คนนี้จะได้รับเงินขึ้นจำนวน 2,800 บาท มากว่าคนแรกหนึ่งเท่าตัว ทั้งๆ ที่ผลงานในปีนี้อยู่ในระดับเดียวกัน
ในอดีตบริษัทส่วนใหญ่ใช้วิธีการขึ้นเงินเดือนในลักษณะนี้ ก็คือเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนพนักงาน แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการขึ้นเงินเดือนเป็นลักษณะอื่นๆ มากขึ้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ผมอยากให้ตั้งคำถามว่า ตัวอย่างในกรณีที่ผมยกมาข้างต้นนั้น เรียกว่ายุติธรรมในสายตาของท่านผู้อ่านหรือไม่ กล่าวคือ ผลงานเท่ากัน แต่ขึ้นเงินเดือนในจำนวนที่ไม่เท่ากัน เพราะเงินเดือนของพนักงานแตกต่างกัน
คนที่เงินเดือนมากอยู่แล้วก็จะมองว่าเป็นธรรม เพราะได้มากกว่า คนที่เงินเดือนน้อยกว่า ก็จะมองว่าไม่เป็นธรรมเพราะทำงานผลงานออกมาเท่ากันแต่ทำไมถึงได้เงินขึ้น ต่างกัน
การขึ้นเงินเดือนแบบเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนพนักงานนั้น ถ้าขึ้นในลักษณะที่ผมกล่าวมาแล้วนั้น จะเป็นการบริหารเงินเดือนที่เน้นในเรื่องของอาวุโส คือ คนที่อยู่มานาน เงินเดือนก็ต้องสูงกว่าคนใหม่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว และบริษัทก็ยังให้รางวัลที่สูงกว่าด้วย โดยที่ผลงานที่ออกมานั้นเท่ากันกับคนที่เงินเดือนน้อยกว่า
การจะใช้วิธีการขึ้นเงินเดือนแบบเปอร์เซ็นต์ให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้นนั้นต้องมีปัจจัยดังนี้
* ช่วงกว้างของกระบอกเงินเดือนในระดับงานเดียวกันไม่ควรกว้างเกินไป เพราะถ้ากว้างมากๆ จะยิ่งทำให้เงินเดือนพนักงานมีความแตกต่างกันมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนเงินที่ขึ้นเงินเดือนแตกต่างกันมากขึ้นไปอีก
* พนักงานในองค์กรจะต้องมีมุมมองของการขึ้นเงินเดือนเป็นเปอร์เซ็นต์จริงๆ ก็คือ ไม่นำมาเปรียบเทียบระหว่างกันโดยคำนวณเป็นเงินบาท 10% ก็คือสูงกว่า 8% ไม่กว่าจำนวนเงินจะออกมาเท่าไรก็ตาม
ถ้ามีสองข้อข้างต้นการขึ้นเงินเดือนแบบนี้ก็จะลดปัญหาลงไปได้มากครับ แต่สิ่งที่ท่านต้องถามตัวเองก็คือ พนักงานในองค์กรของท่านมองตัวเลขการขึ้นเงินเดือนเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือมองเป็นเงินบาทกันแน่
ในคราวต่อไปผมจะเล่าให้ฟังถึงวิธีการขึ้นเงินเดือนในอีกรูปแบบหนึ่ง ก็คือ การขึ้นเป็นตัวเงินครับ
Create Date : 11 ธันวาคม 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 9:14:06 น. |
Counter : 1636 Pageviews. |
|
|