"สตรีวัยทอง" รับมืออย่างไรเมื่อ "เมนส์" ใกล้หมด
หากพูดถึง "ภาวะ หมดประจำเดือน" ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสตรีวัยทอง (อายุเฉลี่ย 47-51 ปี) ที่บางคนต้องทุกข์ทรมานจากผลข้างเคียง เพราะเป็นช่วงวัยที่รังไข่หยุดการตกไข่ และฮอร์โมนเอสโตรเจนลดน้อยลง จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนที่ไม่เพียงแต่หมดประจำเดือนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อร่างกายและจิตใจด้วย เช่น นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน ร้อนวูบวาบ เกิดเป็นความหงุดหงิดที่แสดงออกกับคนที่อยู่รอบข้าง จนบางครั้งอาจกลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดความแตกหักในครอบครัวขึ้นได้ ถึง แม้ผลข้างเคียงดังกล่าวจะหายไปเองเพียง 2-3 ปีแรกที่หมดประจำเดือน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปรับตัวของแต่ละคนด้วย ซึ่งบางคนไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร วันนี้ทีมงาน Life and Family มีวิธีแนวทางจากงาน "Healthy Menopause…เตรียมพร้อมก่อนถึงวัยเปลี่ยนแปลง" มาฝากเป็นความรู้กัน ซึ่งจัดโดย Rakluke Women ในเครือบริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด เริ่มต้นพูดคุยกับ "ดวงทิพย์ อาโรรา" หรือ "เปิ้ล" ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผู้หญิงและด้านอาหารแบบองค์รวม โดยเธอเผยถึงภาวะหมดประจำเดือนเป็นความรู้ให้ฟังว่า ภาวะดังกล่าวนี้ อาจเป็นภัยคุกคามสุขภาพผู้หญิงได้ เพราะเมื่อรังไข่หยุดทำงาน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ทำให้เกิดอาการต่างๆ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะกระดูกสันหลัง กระดูกคอ และกระดูกสะโพก จึงทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือดตีบตัน เนื่องจากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ดังนั้น การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งที่ผู้หญิงวัยนี้ควรให้ความสำคัญ สำหรับอาหารที่ผู้หญิงวัยทองควรกิน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรมาจากธรรมชาติ เช่น อาหารออแกนิค ควรเป็นอาหารอุ่น และไม่แห้ง เป็นอาหารที่ย่อยง่าย เนื่องจากวัยสูงขึ้น การทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย เริ่มเสื่อมลง โดยเฉพาะการทำงานของระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้ มีน้ำย่อยอาหารลดลง ทำให้การย่อย และการดูดซึมไม่ดี รวมไปถึงอาหารเสริมฮอร์โมนอย่างธัญพืช เช่น เมล็ดถั่วเหลือง หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ซึ่งพบว่าเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของ*ไฟโตเอสโตรเจน ใน ส่วนของผลไม้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้กินทุกชนิด แต่จะมีอยู่ 2 ชนิดที่ขอแนะนำคือ มะพร้าวอ่อน เนื่องจากมีแคลเซียม และแมกนีเซียมสูง เป็นผลไม้ที่สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ ไม่ควรเป็นมะพร้าวเผา โดยกินทั้งเนื้อ และน้ำ สำหรับผลไม้ชนิดที่ 2 คือ ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีวิตามินเอ และซี ช่วยบำรุงเลือด ไม่ทำให้เลือดจาง นอกจากนี้ยังช่วยรักษาเส้นเลือดที่ตีบตัว และแข็งตัว ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน ป้องกันโรคหลงๆ ลืมๆ บำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน ที่สำคัญทำให้ผิวหน้าสวยเปล่งปลั่ง เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยเพิ่มพลัง ทำให้กระฉับกระเฉง คล่องตัว ขจัดไขมันส่วนเกิน ทำให้รูปร่างดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะได้อีกด้วย ................................................................................................... |
|
|
|
Create Date : 24 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 9:44:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 453 Pageviews. |
|
|
|
| |