|
ลูกนอนร่วมเตียง ทำชีวิตรักพ่อแม่ "ไม่มีความสุข"
วิจัยพบ พ่อแม่ยุคใหม่ยังคงให้ลูกนอนร่วมเตียงด้วยแม้ลูกจะโตพอที่จะแยกห้องนอนแล้ว ก็ตาม และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาถูกบั่นทอน โดยมีถึง 40 เปอร์เซ็นต์ยอมรับ "ไม่มีความสุขเท่าที่ควร" หากหยิบยกประเด็นเรื่องของการนอนร่วมเตียงกับพ่อแม่ของเจ้าตัวเล็ก วัยซนทั้งหลาย ก็คงมีนักวิชาการ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญออกมาร่วมแสดงความคิดเห็นกันมากมาย หนึ่งในนั้นคือมาร์ก็อต ซูทเธอร์แลนด์ ผู้แต่ง The Science of Parenting กล่าวอ้างถึงการวิจัยที่ระบุว่า การนอนหลับร่วมกับพ่อแม่ช่วยให้เด็กเติบโตขึ้นโดยมีความมั่นคงทางอารมณ์ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง สุขภาพดี ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง กูรูด้านครอบครัวอย่าง จีน่า ฟอร์ด ก็เชื่อว่า การที่พ่อแม่นอนร่วมเตียงกับลูกนั้น นำมาซึ่งความตึงเครียด และความขัดแย้งสู่ครอบครัว การเห็นต่างในกรณีนี้นำมาซึ่งแบบสอบถามสำรวจ ความคิดเห็นผู้ใหญ่กว่า 3,000 คนของสหราชอาณาจักร และพบว่า ส่วนใหญ่แล้วยืนอยู่ข้างกูรูด้านครอบครัวอย่างจีน่า ฟอร์ด โดยมีพ่อแม่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่า การที่ลูกน้อยนอนร่วมเตียงด้วยนั้น ทำให้พวกเขาไม่มีความสุขเท่าที่ควร นอกจากนี้ยังพบว่า 1 ใน 4 ของคู่แต่งงานที่ตอบแบบสำรวจมีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับการนอนร่วมเตียงเป็น ประจำ และมีพ่อแม่กว่าครึ่งที่ตัดสินใจยุติปัญหาโดยการแยกห้องนอน ซึ่งในจำนวนนี้ 48 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่า ชีวิตรักของพวกเขาล้มเหลวจากการกระทำดังกล่าว ไม่เพียงเท่านั้น 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้เป็นพ่อ รู้สึกว่าตัวเองถูกปฏิเสธจากภรรยา และ 57 เปอร์เซ็นต์ของพ่อแม่ต้องการให้ลูก ๆ นั้นย้ายไปนอนในเตียงของตัวเอง ดร. Angharad Rudkin นักจิตวิทยาซึ่งทำงานร่วมกับเด็กและครอบครัวในนิวแฮมเชียร์ซึ่งเป็นอีกผู้ หนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการให้เด็กนอนร่วมเตียงกับพ่อแม่กล่าวว่า "ในการเลี้ยงเด็กขึ้นมาสักคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนพอใจได้ แต่การที่มีเด็กนอนร่วมเตียงแล้วผู้เป็นพ่อทนนอนร่วมด้วยไม่ไหว ต้องแยกเตียงออกไป หรือแยกไปนอนห้องอื่นนั้นถือเป็นสัญญาณอันตราย เพราะผู้เป็นพ่ออาจรู้สึกโดดเดี่ยว หรือเกิดความรู้สึกในแง่ลบขึ้นมาได้" รายงานข่าวจากเดลิเมลยังได้ยกตัวอย่างของเอ็มม่า คุณแม่ลูกสองที่ให้ลูกสาวทั้งสองคน วัย 6 และ 2 ขวบนอนร่วมเตียง ขณะที่พ่อของลูก ย้ายไปนอนที่ห้องลูกสาวแทน "ฉันเป็นคนขอนอนในลักษณะนี้เอง เพราะทนเสียงกรนของสามีไม่ไหว แม้จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องโหดร้ายสำหรับเขาไปสักหน่อย แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืน" เมื่อถามว่า เพราะเหตุใดเธอจึงไม่กระตุ้นให้ลูกสาวกลับไปนอนที่เตียงในห้องของตัวเอง ประสบการณ์ในวัยเด็กของเอ็มม่าคือคำตอบ เพราะเธอถูกพ่อแม่จับแยกห้องตั้งแต่สี่ขวบด้วยเหตุผลว่า ลูกตัวใหญ่เกินกว่าจะนอนบนเตียงของพ่อแม่ในตอนกลางคืนได้อีกแล้ว และนั่นทำให้เธอเสียใจตลอดมา เพื่อแก้ปัญหานี้ ศาสตราจารย์จิม ฮอร์น ผู้อำนวยการของศูนย์วิจัยด้านการนอนหลับแห่งมหาวิทยาลัย Loughborough ให้คำแนะนำว่า "การฝึกให้ลูกเปลี่ยนนิสัยจากเด็กที่ชอบนอนร่วมกับพ่อแม่ ไปสู่การนอนที่เตียงหรือห้องของตัวเองนั้นต้องอาศัยเคล็ดลับบางประการ เช่น ทำตารางดาวเด็กดี แปะไว้ที่ห้องนอนของลูก ในที่ที่ลูกสามารถมองเห็นได้ ก่อนนอนก็บอกลูกว่า หากลูกสามารถนอนในเตียงของตัวเองได้จนถึงเช้า ลูกจะได้ดาว 1 ดวง และให้เด็กสะสมดาวเด็กดีไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็อาจมีของรางวัลสักชิ้นให้กับเขา" หากมีคืนใด ลูกแวะมาหาคุณที่ห้องนอน เพื่อมาขอนอนด้วยก็อย่าดุว่า หรือโกรธ เพียงแค่พาเขากลับไปที่ห้องนอน และบอกกับเขาว่า เขาอาจไม่ได้ดาวเด็กดีนะ เพราะข้อกำหนดของการจะได้ดาวมา ต้องนอนที่ห้องของตัวเองเท่านั้น ศาสตราจารย์ท่านนี้ยังฝากบอกถึงพ่อแม่ด้วย ว่า ไม่ต้องกลัวจะรู้สึกผิด หรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อแม่ที่ทอดทิ้งลูก ๆ ขอเพียงต้องแน่ใจว่าคุณมีเวลาให้กับลูก ๆ อย่างเพียงพอในแต่ละวันก่อนจะส่งลูกเข้านอน
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2554 21:00:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 480 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|