เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
เมษายน 2560
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
23 เมษายน 2560
 
All Blogs
 

อิตาลี : โอ่โอ...ปักษ์ใต้บ้านเรา









เดินทางไปเที่ยวเมืองทางใต้ของอิตาลีกันครับ เรียกว่าปักษ์ใต้บ้านเราก็คงไม่ผิด เพราะอิตาลีเปรียบเสมือนบ้านผมมาจะสองปีแล้ว เมืองที่ตั้งใจแวะค้างคืน คือ เมือง Lecce ในแค้วน Puglia และเมือง Matera ในแคว้น Basilicata หากลองเสิร์ชข้อมูลในกูเกิลจะพบข้อมูลพอสมควรเลยครับ เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญเช่นกัน 


เริ่มการเดินทางขาแรก โรม-เลชเช ระยะทางประมาณ 500 กม. น่าจะใช้เวลาประมาณ 5 ชม. เราออกจากโรมกันสายๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก เพราะไม่มีกำหนดการอะไรตายตัว แต่ก็ไม่ได้ไปได้เร็วอย่างใจต้องการเช่นกัน หลายช่วงมีรถหนาแน่น แต่ยังรับได้ในช่วงเทศกาล Easter หยุดยาวแบบนี้


ระหว่างทางเราได้แวะเมือง Trani เป็นเมืองท่าสำคัญเมืองหนึ่งในละแวกนี้ มีโบสถ์สำคัญประจำเมืองซึ่งหอระฆังปิดซ่อมอยู่ 


โชคดีเรามาได้เวลาเปิดเข้าชมโบสถ์ภายในเลยได้เข้าชมความเก่าแก่ด้านในโดยไม่ต้องรอนาน


อาหารกลางวันที่เราตั้งใจแวะกินเป็นร้านอาหารรีวิวสูงในเมืองนี้ ชื่อ Corteinfiori ตอนแรกเราจะไม่ได้ที่นั่งเพราะคิวจองเต็ม 


จนสุดท้ายระหว่างกำลังเดินออกจากร้านด้วยท่าทางผิดหวัง พนักงานในร้านมาเรียกเราเข้าไปในร้านบรรยากาศหรู


สั่งอาหารทะเลหน้าตาน่ารับทานมาสองสามรายการ กุ้งจานนี้คือผู้ต้องสงสัยลำดับที่หนึ่งสำหรับอาการท้องเดินของพี่เดือนและพี่ชินในตอนดึกสงัดของวันนี้


ยกนิ้วให้สำหรับสปาเก็ตตีซอสไข่หอยเม่น อย่างอื่นต้องขอยืมใช้คำของพี่เดือน รสชาติกลางๆ


ถูกค่าอาหารสมบรรยากาศ ค่ารีวิว และความสดใหม่ไปพอสมควร จนจะเรียกว่าแพงก็ได้ 3 คน 170 ยูโร


จากเมือง Trani ค่อยๆ ขับรถไปเมือง Lecce เพื่อพักค้างคืน 


เมื่อมาถึงที่พักที่จองไว้ มีคุณป้า Anna เจ้าของบ้านมาต้อนรับ พร้อมให้รายละเอียดเกี่ยวกับการพักอยู่บ้านแกอย่างมีความสุข 


ห้องสวยครับ คลาสสิค เฟอร์พร้อม บรรยากาศดี 


เหมาะที่จะพักตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ถ้าพักคนเดียวคงแอบหลอน


ทำเลที่พักเราค่อนข้างดี เดินไปถึงเมืองเก่าแค่ 10 นาที 


เมืองเก่า Lecce สวยงามดี


คนเยอะอย่างน่าประหลาดใจ


เข้าใจว่าเป็นช่วงเทศกาล Easter ของเขา คนจึงเยอะเป็นพิเศษ


สิ่งปลูกสร้างสำคัญในเมือง Lecce ที่ไม่ควรพลาดมีหลายแห่ง


Duomo เป็นโบสถ์หลักประจำเมือง 


พื้นที่กว้างขวางสวยงาม มีรถไฟมินิบริการนำเที่ยวเหมือนเมืองใหญ่อื่นๆ

จะพลบค่ำหรือช่วงกลางวันก็ดูขลังครับ 


แต่มากลางวันจะมีโอกาสได้เข้าไปชมโบสถ์ด้านในด้วย


โบสถ์สำคัญมีอีกหลายแห่งครับ จำได้ว่าเข้าหลายที่มาก โดยเฉพาะโบสถ์ Santa Croce ซึ่งด้านนอกปิดบูรณะ


เมืองเก่า Lecce เดินสนุกครับ เพราะเดินถึงกันหมด ไม่ต้องต่อรถบัสมุดใต้ดินให้ยาก 


เดินไม่นานก็ทั่วเมือง ความที่เมืองเขาเป็นตรอกซอกซอยเล็กๆ เดินถึงต่อกันหมด จึงถ่ายรูปสวยมาก แสงดี 


มีปัญหาเล็กน้อยตอนจะรับประทานอาหารเย็นครับ เพราะเป็นเทศกาล Easter ร้านดีๆ ที่เราอยากกินจึงเต็มหมด และกลยุทธการทำหน้าตาให้น่าสงสารของเราก็ไม่ได้ผล


จึงจำเป็นต้องทานร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีโต๊ะว่าง ซึ่งเรามักจะถูกห้ามนักห้ามหนาว่าอย่ากินร้านสำหรับนักท่องเที่ยวซึงอาจราคาแพงและรสชาติไม่ดี ถือว่ากินอาหารไม่อร่อยกันตายไป 1 มื้อและอย่างน้อยก็ได้ลองพาสต้ารูปใบหู (Orecchiette) ของท้องถิ่นเลชเช 


เช้าวันรุ่งขึ้นตามเก็บจุดเก่าๆ ในเมืองที่ไม่ได้เก็บหรืออยากซ่อมภาพของวันก่อนหน้าอีก 2-3 ชม. 


รวมทั้งได้เข้าพิพิธภัณฑ์ดัง Faggiano Museum ซึ่งขุดพบโดยบังเอิญโดยครอบครัวหนึ่งซึ่งตั้งใจจะขุดซ่อมท่อน้ำในบ้านเก่าตกทอดของตระกูล


สุดท้ายกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ดังอันดับต้นของเลชเชไปเลยครับ ลงหนังสือพิมพ์ และมีคนมาเข้าชมมากมาย เพราะของที่ขุดพบใต้บ้านนั้นเป็นของหลายสมัยหลายอาณาจักรทับซ้อนกันอยู่ ทรงคุณค่าไปอีก


ราคาค่าเข้าชมก็ไม่แพง มีคำบบรรยายให้


แถมได้ถ่ายรูปคู่กับคุณลุงเจ้าของฟรีด้วย ยิ้มไม่หุบเลย ขนาดวันอาทิตย์ยังมีคนเข้าไม่ขาดสาย


อ้อ ของฝาก ที่ระลึก หรือนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรกลับบ้านจากเมือง Lecce ดี ขอแนะนำตุ๊กตาทำจากกระดาษ ราคาไม่สูง แม้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนา แต่หาเอาที่สวยงามก็มีมากมายครับ โดยเฉพาะตุ๊กตาคนเต้นรำ


พอดีได้เวลาอาหารกลางวันเลยกะจะลองร้านหอยนางรมเมา (ชื่อภาษาอิตาเลียนว่า Ostrica Ubriaca แปลว่าหอยเมาจริงๆ ครับ) และแน่นอนเมื่อโทรไปจองในเวลากระชั้นชิดในช่วง Easter ที่คนนิยมทานข้าวนอกบ้านโต๊ะก็เต็มหมดแล้ว


อาศัยไปรอหน้าร้านจนร้านเปิด กะว่าจะไปอ้อนวอนขอให้ลูกค้าหน้าจีนๆ 3 คนกิน เพราะวันนั้นถ้าไม่ได้กินที่นั่นก็ไม่รู้จะไปกินที่ไหนแล้ว 


ความหิวอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่นครับ โชคเข้าข้าง เขาพอมีโต๊ะว่างให้กะเหรี่ยงสามคน


อาหารมื้อนี้จึงเป็นมื้อที่ดีและอร่อยที่สุด เพราะอาหารทะเลสด ร้านดัง ได้กินโดยไม่คาดหมาย และราคาไม่แพง


ระหว่างทางไป Matera เมืองสุดท้ายของทริปนี้ เราแวะเมืองริมทะเลน้ำใสแจ๋วอีกเมืองชื่อว่า Otranto 


ตั้งแต่ไปไหนต่อไหนมา เมืองนี้น้ำทะเลสวยที่สุด ขนาดว่าริมฝั่ง ไม่ต้องออกไปไหนไกลน้ำก็สวยใสกิ๊ก 


ยิ่งเจอแดดเข้าไปน้ำสีเขียวใสสะท้อนแดด


มองไปโดยรอบยังไม่มีใครเล่นน้ำ แม้แดดจะแรงขนาดนี้ เพราะน้ำยังคงเย็นอยู่


มาเมืองนี้เวลาดีอีกเช่นกัน จึงได้เข้าโบสถ์ประจำเมืองซึ่งเปิดพอดี 


ภายในดูเก่าแก่และไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่


เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าตรงไปยังเมือง Matera กันทันที พร้อมกับฝนที่ก็ลงมาทันทีเช่นกัน


ระหว่างทางฝนตกแทบจะมองทางไม่เห็น เนื่องจากเป็นวัน Easter นอกจากร้านอาหารที่เปิดน้อยและคนมักจะเต็มแล้ว ปั๊มน้ำมันระหว่างทางที่ปกติใช้เป็นที่พักรถและเข้าห้องน้ำก็พากันปิดหมดเกลี้ยง อั้นกันจนกระเพาะปัสสาวะเกือบแย่ไปเหมือนกัน


นอกจากตั้งลุ้นห้องน้ำปั๊มแล้ว พวกเราก็ต้องลุ้นที่พักที่ Matera ไปด้วย เนื่องจากไม่ได้จองมาล่วงหน้า ต้องช่วงชิงจังหวะคนอื่นยกเลิกและรีบจองทันที นั่งจ้องเว็บจองห้องพักกันแทบตลอดเวลา จนกระทั่งมี 1 ห้องสำหรับ 3 คนหลุดออกมา ตัดสินใจจองโดยปราศจากความลังเลใดๆ


ห้องนี้ราคาสูงหน่อย แต่ทำเลดี ห้องสวย และทราบว่า เคยได้ลงนิตยสารการออกแบบมาแล้ว


ห้องเท่ห์มาก เป็นห้องพักสร้างเหมือนอยู่ในถ้ำ ราคาสูงก็จริงแต่อุปกรณ์และการตกแต่งภายในหรูหรามาก


มีอ่างอาบน้ำแบบนวด 


พื้นห้องน้ำเจาะเป็นช่องกระจกมองเห็นพื้นถ้ำด้านล่างอย่างเท่ห์ แต่จะเท่ห์แค่ไหนก็พักเพียง 1 คืนเท่านั้น


มีโอกาสสำรวจเมือง Matera ทั้งตอนพลบค่ำวันที่ไปถึงและตอนเช้าวันกลับ


สวยทั้งสองเพลาครับ


จะกลางวันครับหรือกลางคืนค่ะก็มีเสน่ห์ 


Matera เป็นเมืองเก่าหลายร้อยปี 


มีเอกลักษณ์ตรงที่บ้านเรือนจะถูกขุดเข้าไปในหิน และคนจะอยู่อาศัยร่วมกันกับสัตว์ เหมือนมนุษย์สมัยก่อนก็ว่าได้


จนกระทั้งปี 1952 รัฐบาลอิตาลีได้ย้ายประชากรจำนวนกว่า 15,000 คนออกจาก Matera เพราะเมืองกลายเป็นที่รวมของคนไร้บ้าน ยากจน และเป็นแหล่งระบาดของเชื้อมาลาเรีย คนอยู่กันอย่างไร้สุขลักษณะ รัฐบาลเขาว่างั้นนะ 


รัฐบาลได้จัดที่พักแบบใหม่และทันสมัยกว่าให้กับประชากรที่ย้ายออกไป จนกระทั่งปี 1980 คนจำนวนหนึ่งย้ายกลับมาปรับปรุงบ้านถ้ำของตน 


เปลี่ยนเป็นโรงแรมที่พักและร้านอาหาร ทำให้เมือง Matera กลับมามีชื่อเสียงเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญที่สุดเมืองหนึ่งของแคว้น Basilicata 


ผมแทบนึกไม่ออกเลยว่าก่อนนี้ที่ย้ายคนออกไปจนเมืองร้างกับสภาพปัจจุบันที่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวแบบนี้ 


ภาพเมืองรกร้างว่างเปล่านั้นเคยเกิดขึ้นจริงหรือ


เนื่องจากเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนเมืองใดๆ ในอิตาลีหรือในโลกก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโบราณแบบ Sassi ที่ยังหลงเหลืออยู่อย่างครบสมบูรณ์ ทำให้เมือง Matera เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ย้อนยุคดังๆ ในอดีตหลายเรื่อง 


เรื่องที่ผมและหลายท่านน่าจะรู้จักแน่ๆ คือ The Passion of the Christ 


สมเป็นเมืองมรดกโลกของ UNESCO 


จุดท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวอย่างเราเดินกัน คือ เมืองเก่าหรือที่เขาเรียกว่า Sassi ครับ 


ต้องบอกว่าระยะเวลาสองวันกับหนึ่งคืนที่เราพักที่ Matera มีฝนตกลงมาแทบจะตลอดเวลาครับ นั่งลุ้นกันว่าฝนจะซาแดดจะออกเมื่อไหร่ 


จุดถ่ายรูปหรือจุดชมวิวสำคัญที่สุด ที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากตลอดเวลา แต่เราก็ยังสามารถหาโอกาสถ่ายรูปเดี่ยวประหนึ่งว่าไม่มีคนอื่นเลยได้คนละหลายรูป


ได้เข้าโบสถ์เก่าต่างๆ ในเมือง Matera ซึ่งนับย้อนไปตั้งแต่สมัยที่ยังขุดภูเขาอยู่กันในถ้ำโน่นเลย 


มีภาพเขียนสีจำนวนมาก ที่อายุนับพันปีแล้ว แต่ยังติดทนนานให้เราได้ดูกัน เสียดายเขาไม่ให้เราถ่ายภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่มาเฝ้าดูตลอดเวลา 


ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปนักบุญต่างๆ ที่มีความสำคัญหรือชาวบ้านชาวเมืองในสมัยนั้นเขานับถือกัน และเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซู


โบสถ์ที่เราเข้ากันทั้งฟรีและจ่ายเงินมีจำนวนมากครับ จำไม่ได้และเล่าไม่หมด ได้แต่ลงรูปให้ดูกัน 

เอาเป็นว่าถ้าไปแล้วต้องห้ามพลาด คือ โบสถ์ถ้ำ Santa Maria de Idris 


และโบสถ์หลักประจำเมือง (Duomo) ซึ่งน่าจะเกิดหลังโบสถ์ถ้ำนานพอสมควร


ที่เหลือก็เดินเล่นตามสบายใจครับ เดินตามฝูงชนไป เจอะตรงไหนสวยก็หยุดถ่ายภาพ


แต่ละคนคงมีมุมสวยๆ หรือมุมที่ชอบแตกต่างกันครับ 


แต่ยังไงท่านคงไม่พลาดเมืองถ้ำสีเกือบขาวเมื่อสะท้อนแสงแดดเมืองนี้แน่ๆ 

พวกเราขับรถกันมา และจอดรถในที่รับฝากรถ เสียเงินที่ดูแล้วปลอดภัย แต่หากท่านจะมาเองน่าจะมีบริการรสบัสนำเที่ยวมาเมืองนี้แน่ๆ ครับ 


ระหว่างทางกลับโรม เราได้สุ่มแวะรับประทานอาหารกลางวันที่เมือง Potenza ซึ่งมาทราบทีหลังว่าเป็นเมืองเอกของแคว้น Basilicata แคว้นเดียวกับเมือง Matera ด้วยครับ 


อาหารร้านอิตาเลียนแท้ปกติรอนานเป็นชั่วโมง แต่นี่นานมากจนเกือบจะโมโหหิวอาละวาดอยู่แล้ว พอดี๊อาหารมาช่วยชีวิตพนักงานเสิร์ฟไว้ทัน 555












 

Create Date : 23 เมษายน 2560
5 comments
Last Update : 2 เมษายน 2561 2:32:48 น.
Counter : 2723 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnewyorknurse, คุณtuk-tuk@korat

 

มาเที่ยวด้วยค่ะ
เวลาไปเที่ยว ไม่ชอบเลยที่ฝนตก เวลาก็มีน้อย
ฝนตกก็ไปไหนไม่ค่อยได้ ดูอะไรก็ไม่เห็น แถมเปียกฝนด้วย
ปีที่แล้วไปเที่ยวเวียตนามเหนือ ฝนตกสามวันมีแค่หมอก
เดินเที่ยวก็ฝนตกๆหยุด เที่ยวไม่สนุกเลยค่ะ

โหวดค่ะ

 

โดย: newyorknurse 30 เมษายน 2560 3:38:47 น.  

 

ภาพสวย... น่าไปเที่ยว.... อยากไปเที่ยวครับ 555

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 30 เมษายน 2560 5:28:55 น.  

 

อ่านบรรยายทุกบรรทัดเลยค่ะ อยากตามรอยบ้าง

 

โดย: Sai Eeuu 30 เมษายน 2560 11:26:21 น.  

 

สวยมากค่ะ น่าไปสุด ๆ

 

โดย: tuk-tuk@korat 30 เมษายน 2560 15:42:19 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปันภาพสวยๆนะคะ สวยมากๆค่ะ

 

โดย: ไมตรีและมิตรภาพ 30 เมษายน 2560 17:05:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.