นั่งรถไฟจากโรมไปชิลๆ ประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
ความโดดเด่นของเมืองนี้มีหลายอย่าง มีทั้งประวัติศาสตร์ทั่วไปหรือจะเอาประวัติศาสตร์ศิลป์ก็เพียบๆ
เป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโก ตั้งแต่ปี 1982
เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์และอนุสาวรีย์สำคัญๆ
ฟลอเรนซ์มักจะมีชื่อติดอันดับเมืองที่สวยงามที่สุดในโลกไม่ว่าจะเป็นโพลสำรวจของสำนักไหน
เหตุหนึ่งคงเพราะเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมและศิลปะเรอเนสซองส์ที่ค่อนข้างสมบูรณ์
สำหรับคนที่ไม่รู้จักศิลปะแบบ Renaissance ลองกูเกิลดูแล้วกันครับ
เป็นศิลปะที่กำเนิดในฟลอเรนซ์เมื่อประมาณศตวรรษที่ 14 (ปัจจุบันศตวรรษที่ 21)
สมัยนั้นเป็นอะไรที่ผู้คนฮือฮากันมาก เนื่องจากภาพวาดเน้นแสงเงาและมีความเหมือนจริงมากขึ้น ฉากหลังเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติ ภาพวาดเรอเนสซองส์ที่มีชื่อเสียง เช่น Mona Lisa, the Last Supper หรือกำเนิดอดัม
รูปปั้นก็เน้นรูปร่างที่สวยงามของมนุษย์ เน้นสีหน้าอารมณ์มากขึ้น เช่น รูปปั้น David
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญก็มีมากมายเหลือเกิน แทบทุกแห่งอยู่บนรายการแนะนำของหนังสือนำเที่ยวส่วนใหญ่
เท่าที่ผมมีเวลา 1 วัน ได้เฉียดไปแค่ไม่กี่ที่ น้ำพุหมู Il Porcellino ที่คนจะเอาเหรียญใส่ปากมัน ถ้าเหรียญตกลงในช่องด้านล่างจะโชคดี
Piazza della Signoria มีรูปปั้น(จำลอง)สวยๆ ให้ดูมากมาย รูปปั้นเทพเนปจูนนี้กำลังถือม้วนกระดาษอะไรสักอย่างอยู่ครับ มิได้ทำทะลึ่ง มองจากมุมนี้อาจชวนให้คิด
แน่นอนรูปปั้น David จำลอง ซึ่งของจริงต้องไปเสียสตางค์และเวลาเข้าชมที่ Accademia Gallery
Piazza del Duomo เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุด
มีอะไรให้เข้าแถวเข้าชมเยอะแยะหากมีเวลา โบสถ์ โดม หอระฆัง
Ponte Vecchio หรือสะพานเวคคิโอ เป็นสะพานหินบนแม่น้ำ Arno แรกเริ่มเลยเป็นร้านขายเนื้อ
ปัจจุบันเป็นร้านขายทองคำและเครื่องประดับ และจุดถ่ายรูปสำคัญของนักท่องเที่ยว
เราจบทริปฟลอเรนซ์ในครึ่งวันกันที่ร้านไอสกรีมข้างสะพาน Santa Trinita อร่อยเหมือนๆ ที่อื่น
ครั้งนี้เป็นทัวร์เดินเร็ว คงต้องกลับมาเก็บตกแบบทัวร์ค่อยๆ เดินอีกหลายครั้งสำหรับเมืองต้นกำเนิดศิลปะเรอเนสซองส์แห่งนี้