Why do we fall
สุขภาพจิต
หากวันนี้ยังมีลมหายใจ
<<
กรกฏาคม 2552
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
23 กรกฏาคม 2552
เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัวผ่านสายตา ศ. แมนเฟรด คราเมส
ลูกคิดผิด
ลาแก่ในบ่อน้ำ
ข้อคิดดีๆ จาก "รอยตะปู"
หัวใจนกอินทรี
เรื่องของชัย
เรื่องเล่าจากพระราชา (ผู้รอดชีวิต) 555++
ความรักของแม่แมวใจเด็ด "สการ์เล็ต"
ยิ่งแบ่งปัน ยิ่งเติบโต
ฉันยอมให้เธอจากไป
เมียผม เธอไม่ได้ทำงาน
ลื้อมีร่มมั้ย ?
เพราะคำว่า "ทิฐิ"
11 ข้อแนะนำเด็ดๆ ให้คนอยากมีรักพิจารณา
ความรัก กับ รองเท้า (ที่ไม่พอดี)
คุณค่าของความรักที่ยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา
ลูกที่รำคาญพ่อแม่...ควรอ่าน
สำรวจตัวเองว่าเราเป็นหมาขี้เรื้อนรึเปล่า
เวลาทุกนาทีมีความหมาย และเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่มันจะสิ้นสุดลง
กล่องของขวัญสีทอง
ความสุขเกิดขึ้นเมื่อใด
ข้อคิดดี ๆ
สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป
ต้นไม้แห่งชีวิต
คลิปสารคดีที่หาดูได้ยาก มีหลากหลายอารมณ์จริงๆ
เพื่อนแท้หรือไม่...ดูได้จากการกระทำ
บอกให้เขารู้ว่าคุณรักเขาแค่ไหน...อ่านแล้วใครไม่ร้องไห้ใจแข็งมาก
ภรรยา 4 คน
ปู่ชิว โฆษณาไทยประกันชีวิต
เรามีชีวิตอยู่เพื่อใคร โฆษณาไทยประกันชีวิต
ซึ้งใจไปกับโฆษณาไทยประกันชีวิต whatever will be will be
ความหมายของคำว่า ' เนื้อคู่ '
มองในแง่ดี ยังไงเราก็ยังมีถนน
เมื่อเราโกรธใครสักคน
10 อันดับคนอัจฉริยะที่สุดของโลก
แง่คิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป
รู้ไหม...? ทำไมน้ำตกถึงสวย...
โครงการหลังจากโบนัสออก 5555
รักของคุณเป็นแบบไหนในรูปภาพนี้
ลงโทษด้วยความรัก
เมื่อแม่โกหกผม 8 ครั้งในชีวิต
เรื่องดีดีจากถังน้ำสองใบ
มีเงินมากมาย แต่ไม่อาจซื้อเวลาเพียง 1 นาที
โยนแม่ทิ้งกลางถนน .. นรกสุดๆ
ใบลาออกจากความทุกข์
At the end of the day
คนซื่อสัตย์ คือ สมบัติของพระราชา
ความสุข ๒ ชั้นในการทำงาน ( ธรรมะเดลิเวอรี่)
จิตรกรรมฝาผนังวัดพระแก้ว เรื่องขำๆจากคนช่างสังเกต
คำคมจากขงเบ้ง
ไข่ปลาคาเวียร์ที่แสนแพงได้มาอย่างไร
พระในบ้าน...ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
ถ้าคิดว่าถูก...ก็ทำไปเถอะ
นิทานที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดในองค์กร
รูปสำนักงานภายในของ Google เคยเห็นกันมั้ย
เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัวผ่านสายตา ศ. แมนเฟรด คราเมส
สิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลก ๆ รอบโลก
สุขใจที่ได้ทำ
ครั้งแรก
ผู้ชาย 2 คนแต่ต่างเวลา
mail โต้ตอบระหว่าง สาวสวย กับ หนุ่มไฮโซ
คำสอนท่านพุทธทาสสำหรับคนเบื่องานเบื่อหัวหน้า
กินฟรี...ว่าแต่กล้าขึ้นอ่ะป่าว
วิธีรักษาความรัก
ตำนานขนมครก
หน้าที่ของสามีที่ดี
รูปถ่ายเรียงคิว
ชีวิตนี้ช่างแสนสั้นนัก
กำลังใจ ล้มแล้วอย่าท้อ ต้องลุกขึ้นสู้ต่อไป
ยังจำ ป.ปลากันได้มั๊ยนายเม้งทั้งหลาย
เกิดเป็นคนมีสองตีน อย่าทำตัวให้อายหมา
ความรักของคนตาบอด
เด็กน้อย..กับลูกสุนัขพิการ
คำมั่นสัญญาของคู่แท้ (ตาลอบ-ยายทอง)
ม้าอารี
นิทานเรื่อง....เเม่มด ถ้าเป็นคุณ จะเลือกแบบไหน
LOVE STORIES FROM CHINA
คุณเคยรักใครแบบนกนางแอ่นบ้างมั้ย.?
งานยุ่ง
เก่งกว่าแม่
กลอนพิจารณาความตาย
เคล็ดลับกลับสู่ความเป็นหนุ่มสาว
โชคร้ายหรือโชคดี
จงให้อภัย
เรื่องของขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ
แม้มิได้...
พ่อแก่ - แม่เฒ่า
เศรษฐีกับชาวนา
แก้วหนึ่งใบกับปัญหาหนักอก
ค่าของแบงค์พัน
เหยือกเต็มหรือยัง
กบผู้ชนะ
หากคุณรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างลำบากซะเหลือเกิน
สองพี่น้องจากเกาหลี
เรื่องของใบหู
ยางลบแห่งชีวิต
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
คำสอนจากปู่ฤาษี...เหมาะมากสำหรับคนพึ่งอกหัก
ความรัก กับ รองเท้า
ถ้าเรารักใครซักคนแล้ว
ขอให้ใช้สมอง...ตรึกตรองสักนิด...
ความรักกับคำพูด
แบบอย่างของความรัก
คู่ชีวิตกับอิฐสองก้อน
เส้นทางที่เราเลือกเอง
เลวกว่า...สัตว์เดรัจฉาน...
อย่าค้นหาความรัก แต่ปล่อยให้ความรักค้นหาคุณเอง
เราหลงลืมอะไรไปรึเปล่า ???
สาวตาบอด
ข้อแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง
คน 1 คน
กาลครั้งหนึ่ง.. บนเกาะ
คาถาบูชาเมีย - คาถาบูชาผัว
ยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อผิดหวังจากความรัก
มุมมอง
วงกลม-สามเหลี่ยม
ลดบางอย่าง เพื่อ เพิ่มบางสิ่ง
จงรักและภักดี
เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัวผ่านสายตา ศ. แมนเฟรด คราเมส
ในบรรดาสายตาแห่งความชื่นชมของชาวโลกที่มีต่อพระองค์ สายตาคู่หนึ่งในจำนวนนับล้านนั้นเป็นของศาสตราจารย์แมนเฟรด คราเมส (Prof.Manfred Krames) ชาวเยอรมัน ผู้ซึ่งยกย่องให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวไทยให้เป็นบรมครูผู้ยิ่งใหญ่
ศาสตราจารย์แมนเฟรด ครา เมส มีความสนใจในปรัชญาแบบตะวันออกและศาสนาพุทธตั้งแต่มีอายุได้ 15 ปี ทั้งที่ได้รับการศึกษาที่ดีและมีอาชีพการงานที่มั่นคงแต่เมื่อมีอายุได้ 19 ปี เขาก็ออกจากบ้าน โดยละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง เพื่อเข้าไปพำนักอยู่ในวัดเซน ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 3 ปี ทำให้ไม่เป็นที่พอใจของราอบครัวศซึ่งเป็นชาวคริสเตียนอนุรักษนิยม แลกะเกือบถึงขั้นถูกตัดขาดออกจากครอบครัว แต่เขาก็ยังคงศึกษาปรัชญาตะวันออกรวมถึงศาสนาพุทธอย่างจริงจังมาจนถึง ปัจจุบัน
เมื่อ ได้พำนักอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นร่วม 10 ปี เพื่อเรียนภาษาญี่ปุ่นและการบำบัดรักษาแบบจีน ณ กรุงโตเกียว เขาได้กลายเป็นชาวต่างชาติคนแรกเพียงผู้เดียวที่เป็นสมาชิกของสมาคมเพื่อการ วิจัยด้านอายุรเวชแห่งญี่ปุ่น (Japan Research Society for Ayurveda) หลังจากนั้นศาสตราจารย์แมนเฟรดได้เดินทางไปพำนักยังประเทศศรีลังกาเป็นเวลา 7 ปี และเปิดคลินิกเพื่อทำการรักษาบำบัดตามแนวทางของอายุรเวท กระทั่งได้เขียนหนังสือเรื่อง ความจริงเกี่ยวกับวิชาอายุรเวช ซึ่งได้รับการเผยแพร่ความรู้ทางด้านนี้ไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ได้รับการยกย่องเป็น ศาสตราจารย์กิตติคุณ จากมหาวิทยาลัยแห่งโคลอมโบ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในประเทศศรีลังกา
หลังจากเกิดเหตุภัยพิบัติสึนามิได้ไม่นานนักเขาก็อำลาประเทศศรีลังกามา ด้วยความหวังว่าจะค้นพบประเทศที่มีสันติสุขและมีชาวพุทธที่เป็นมิตรมากกว่า ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินทางมาพำนักอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
ณ ที่แห่งนี้เอง ที่ศาสตราจารย์แมนเฟรดได้รู้จักและเรียนรู้คำสอนทั้งทางตรงและทางอ้อมจากพระมหากษัตริย์ผู้ทรงดำรงตนเป็นแบบอย่างอันดีงามของพสกนิกรมาโดยตลอด กระทั่งเขาได้เขียนหนังสือชื่อ เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัว : มุมมองของชาวต่างชาติต่อในหลวง ขึ้นมา ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2549 หลังจากที่เขียนหนังสือเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสด็จยุโรปครั้งที่2ของพระพุทธเจ้าหลวง ณ สปาการแพทย์ของเยอรมัน และหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาชื่อ Photo Meditation
สำหรับใครที่สบโอกาสได้อ่าน เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัว : มุมมองของชาวต่างชาติต่อในหลวง ความรู้สึกที่ตามมาโดยแน่แท้ก็คือ ความชื่นชมและทึ่งในสิ่งที่ชาวต่างชาติคนหนึ่งได้เรียนรู้จากสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเพียรสื่อสารกับพสกนิกรทุกหมู่เล่ามาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ โดยสิ่งที่ศาสตราจารย์แมนเฟรดได้น้อมนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเขานั้น หาได้เป็นการยกย่องแต่เพียงเพราะพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของใครๆ ทว่าเขามีความเข้าใจอันถ่องแท้ไปถึงคุณค่าที่เปล่งประกายออกมาจากภายในของพระองค์ท่านอย่างที่คนไทยหลายคนอาจจะมิเคยพิจารณาในด้านนี้มาก่อนเลยในชีวิต
ต่อจากนี้ไปจะเป็นเรื่องราวของชายชาวเยอรมันคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะที่เขาเป็นฝรั่ง หากแต่มองพระองค์ท่านในฐานะของมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งวึ่งรักและเทิดทูนในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัวภูมิพลอดุลยเดช ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประชาชนชาวไทยคนใดในแผ่นดินนี้เลย
"ผมรู้สึกเศร้าใจ เมื่อมีคนตั้งคำถามกับผมว่ารู้สึกอย่างไรเวลาที่ได้ยินคนไทยพูดว่า เรารักในหลวง อันหมายความถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ผมจะให้คำตอบเช่นนี้ เพราะอะไรน่ะหรือ ลองคิดดูสิว่า ถ้าหากท่านมีลูกที่ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านเลย ไม่เคยเดินตามแนวทางทางที่ท่านวางไว้ ไม่เคยต้องการที่จะเรียนรู้จากท่าน สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเพียงแค่ก่อปัญหา แล้วก็เรียกร้องให้ท่านยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็พร่ำพูดว่า ลูกรักพ่อ ถ้าท่านเป็นพ่อท่านจะรู้สึกอย่างไร"
ผมจึงคิดว่าการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริและน้อมนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ จึงมีความสำคัญมาก เราจะเห็นว่าพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค์ได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารต่างประเทศนับไม่ถ้วน และหลายต่อหลายครั้งที่พระองค์รวมถึงสมเด็จพระบรมราชินีนาถ โปรดให้นักหนังสือพิมพ์และผู้สื่อข่าวของทั้งต่างประเทศและของไทยเข้าเฝ้า เพื่อสัมภาษณ์
การบอกเล่าถึงพระราชประวัติของพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเป็นเพียงการตอกย้ำสิ่งที่ทุกคนโดยเฉพาะคนไทยต่างรู้ดีอยู่แล้ว สิ่งที่เราทั้งหลายควรให้ความสำคัญจึงเป็นสารที่พระองค์ทรงเพียรพยายามจะส่งต่อ ไปถึงชาวโลก และบทบาทในการสร้างความเข้าใจในระดับนานาชาติรวมไปถึงแนวทางการปฏิบัติตาม หลักพระพุทธศาสนาอันงดงามของพระองค์
อย่าง ไรก็ดี คำถามมีอยู่ว่าเราในฐานะปัจเจกบุคคลได้ทำอะไรบ้างที่เห็นเป็นรูปธรรมเพื่อทำ ให้โลกนี้ดีขึ้น โดยยึดแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ
การสรรเสริญและการแสดงความขอบคุณเป็นละเรื่องกัน ผมยังแปลกใจว่าในเมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระวิริยอุตสาหะที่จะทำให้พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีงาม ผมไม่ทราบว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจและรับรู้ข้อมูลข่าวสารจริงๆ ในสิ่งที่พระองค์ทรงสื่อสารให้ผู้คนได้รับทราบนั้นมากน้อยเพียงใด และจะมีสักกี่คนที่สามารถรวบรวมปัญญา และแนวทางที่พระองค์ทรงพระราชทานให้เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตจริง
เราไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นแนวทางที่เกิดขึ้นจากการที่พระองค์ได้ทรงศึกษาจริงและการที่พระองค์ทรงกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการมีพระราชดำรัสต่อพสกนิกรในชาติของพระองค์ หรือบุคคลต่างๆ และแนวทางเพื่อทำให้พสกนิกรเกิดความเข้าใจนั้น พระองค์ทรงกระทำด้วยความอดทนและด้วยทรงเห็นอกเห็นใจในอาณาประชาราษฎร์ของพระองค์ ผมเชื่ออย่างมั่นใจว่าหากพระองค์มิได้ทรงเป็นกษัตริย์ในช่วงพระชนม์ชีพนี้พระองค์จะต้องทรงเป็นบรมครูที่มีชื่อเสียงอย่างแนนอน
ท่านทราบหรือไม่ว่า ความปรารถนาสูงสุดของครูคืออะไร?
ผมตอบได้ว่า คือการที่เห็นศิษย์เป็นจำนวนมากเต็มใจศึกษาเล่าเรียนและเห็นคุณค่าคำสอนของครู ไม่มีอะไรอื่นอีกที่จะทำให้ครูมีความสุขมากไปกว่าสิ่งที่กล่าวแล้วนั้น ดังนั้น ผมจึงมีความรู้สึกว่าเราควรที่จะเน้นบทบาทของพระองค์เพื่อให้ทรงเป็นครูของเรา แต่โปรดตระหนักไว้เสมอว่า อย่าศึกษาเล่าเรียนเพื่อเอาใจครู แต่จงศึกษาเล่าเรียนเพื่อประโยชน์และความดีงามให้เกิดแก่ตัวท่านเอง การศึกษาเล่าเรียนและรู้จักปรับปรุงตนเองเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องไปคิดเรื่องไม่เป็นสาระอื่นๆ
ผมคิดว่า เป็นการไม่รับผิดชอบที่จะนั่งๆนอนๆ ใช้ชีวิตอย่างสบาย และให้คนคนเดียวทำงานอย่างหนักพื่อดูแลและแก้ปัญหาของชาติ ท่าทีเช่นนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความไม่เคารพต่อพระองค์ ซึ่งแย่ยิ่งกว่าการพูดถึงพระองค์ในทางไม่ดีในสาธารณะ
ประเทศหลายแห่งในโลกจะดีใจมากที่มีพระมหากษัตริย์เช่นนี้ แต่ท่านเองเป็นคนไทย มีพระองค์เป็นกษัตริย์แต่ไม่ได้นำประโยชน์จากพระองค์มาใช้ในชีวิตเลย ผมคิดว่าน่าละอาย ถ้าหากว่าเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปสู่วาระใหม่และมีกระแสลมแรงมาจากทิศทางอื่น ประเทศหลายแห่งในโลกจะชี้มายังประเทศไทยและดูแคลนว่า ดูสิ พวกเขามีครูผู้ยิ่งใหญ่ แต่ได้เรียนรู้จากพระองค์น้อยมาก
ผมรู้สึกสงสารพระองค์อย่างสุดซึ้งเพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นเพียงบุคคลเพียงคนเดียวที่พยายามจะพัฒนาประเทศชาติ ในขณะที่คนอื่นๆในชาติได้แต่เฝ้ารอให้สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นโดยที่มิได้ดำเนินตามรอยพระบาท ของพระองค์ ซึ่งผมคิดว่าการพัฒนาประเทศในรูปแบบนี้ไม่น่าจะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้
ผมมีโอกาสได้อ่านบทความมากมายในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยท่านหนึ่ง ผู้ที่นำพาประเทศไทยเข้าสู่สนามแห่งธุรกิจ เราพบเห็นนักการเมืองส่วนมากในเอเชียที่หลังจากครองอำนาจและได้ผลประโยชน์แล้ว ก็ไม่ช่วยเหลืออะไรประชาชนเลย นั่นทำให้ผมรู้สึกสงสารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะคำสอนของพระองค์ตรงข้ามกับสิ่งที่นักการเมืองเหล่านั้นกำลังเป็นอยู่ พวกเขาจึงทำให้พระองค์ทรงทุกข์ใจ โดยเสแสร้งว่าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงการสร้างภาพไม่ใช่ความจริง พวกเขาเพียงแค่ต้องการจะใช้ภาพแห่งความจงรักภักดีนี้เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเทคะแนนให้ในการเลือกตั้ง และขึ้นสู่อำนาจในเวลาต่อมาเท่านั้น
ประชาชนคนไทย มุ่งหวังว่านักการเมืองจะอุทิศตนเพื่อประเทศชาติเฉกเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่พวกเขาทั้งหลายก็ทำให้คนไทยทั้งชาติผิดหวัง พวกเขาไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ เพราะนักการเมืองไทยได้รับอิทธิพลของแนวคิดแบบตะวันตก และมีหัวใจที่ถูกครอบงำไว้ด้วยธุรกิจ สำหรับผม ในหัวใจของพวกเขาจึงไม่ได้มีความเป็นไทยอีกต่อไปแล้ว
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคนธรรมดาสามัญชนทั้งหลายจึงรู้สึกรับไม่ได้กับการคอร์รัปชั่นฉ้อราษฎร์บังหลวง และนักโกหกที่ทำลายประเทศลงด้วยมือของพวกเขาเอง อย่างไรก็ตามตราบใดที่ไม่มีใครสอนให้นักการเมืองดำเนินรอยตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความหวังของคนไทยทั้งปวงย่อมจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
ก่อนที่จะตัดสินใจมาพำนักอยู่ในประเทศไทย ในความคิดของผม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงเป็นที่รู้จักมากนักในต่างประเทศ ชาวต่างชาติรู้แค่เพียงว่าประเทศไทยก็เป็นเพียงประเทศหนึ่งเท่านั้น หลังจากที่ผมย้ายมาพำนักอยู่ในประเทศไทยแล้ว ผมพบว่าประชาชนคนไทยเองก็ไม่ได้สอนอะไรผมมากนักเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ทุกคนเพียงแค่พยายามจะเทิดทูนและยกย่องพระองค์ มีคนไทยเพียงแค่บางคนเท่านั้นที่เข้าใจสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการจะสื่อสาร และดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์
หนังสือเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเล่มแรกที่ผมอ่านคือ In his majestys footsteps หนังสือเล่มนี้แสดงให้เห็นถึงด้านที่เป็นเพียงปุถุชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงความพยายามของพระองค์ด้วย ผมไม่เคยขอให้ใครอ่านหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ที่เป็นภาษาไทยให้ผมฟังเลย เพราะเพื่อนคนไทยของผมบอกว่า95เปอร์เซ็นต์ของหนังสือพวกนั้น ล้วนแล้วแต่มีเนื้อหา รูปภาพ และเรื่องราวที่ไม่แตกต่างกัน นั่นจึงไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่ผมต้องการ
กระทั่ง วันหนึ่ง ผมเงยหน้าขึ้นมองพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชั่วขณะหนึ่ง โดยมองตรงเข้าไปในพระเนตรของพระองค์ แล้วทันใดนั้นพระองค์ก็ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนหนังสือ เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัว ขึ้น มา พระองค์ทรงรับสั่งให้ผมเขียนหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ท่านขึ้นมาเล่มหนึ่ง การรับสั่งครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในทางรูปกาย หากแต่ผมรับรู้พระประสงค์ของพระองค์ได้ทางจิต เรื่องนี้อาจจะฟังดูเหมือนผมฟั่นเฟือนไปเสียแล้วแต่ทว่าเป็นเรื่องจริง
สำหรับขั้นตอนในการผลิตหนังสือเล่มนี้ ส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครสนับสนุนการทำงานของผมเท่าใดนัก เพราะพวกเขาคิดว่า ฝรั่ง ไม่ มีทางที่จะเข้าใจในพระมหากษัตริย์ของชาวไทยได้ ไม่มีใครเลยที่กล้าเสี่ยงในการตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ดังนั้น ผมจึงดำเนินการทางการเงินทั้งหมดด้วยตัวผมเอง กระทั่งทุกวันนี้ที่หนังสือได้รับการตีพิมพ์ถึง 3 ครั้งแล้ว ผมก็ไม่ได้หากำไรหรือผลประโยชน์ใดๆ จากหนังสือเล่มนี้ เห็นได้จากราคาขายเพียงเล่มละ 99 บาทเท่านั้น
ผมไม่ได้ตีพิมพ์หนังสือของผมในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษทั้งที่มีคนไทยจำนวนมากขอให้ผมทำเช่นนั้น
อันดับแรก ชาวไทยควรจะต้องเข้าใจคุณค่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างถ่องแท้ และผสมผสานแนวทางแห่งพระพุทธศาสนาของพระองค์ลงไปในการดำเนินชีวิตประจำวัน สิ่งเหล่านี้ควรจะได้รับการสอนในโรงเรียนทุกแห่ง หากเป็นเช่นนั้นได้ชาวต่างชาติและประเทศอื่นๆ ในโลกก็จะปฎิบัติตามแนวทางนี้โดยอัตโนมัติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือ ผมได้เสนอที่จะบรรยายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นให้กับมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่างๆ ในประเทศ ในหัวข้อ เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัว แต่ คนไทยไม่เต็มใจหรือขี้อายเกินกว่าที่จะเชิญผมไปบรรยายพวกเขาไม่เข้าใจด้วย ว่าฝรั่งจะรู้เรื่องราวทุกอย่างของพระมหากษัตริย์ของคนไทยได้อย่างไรกัน
ผมเคยเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยที่กรุงเทพมหานคร ในจดหมายฉบับนั้นบอกเล่าถึงแนวทางการดำเนินชีวิตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอีกมากมายหลายเรื่อง รวมไปถึงการขอเข้าพบเพื่ออธิบายถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้และแนวทางการแก้ ปัญหา แต่พวกเขาไม่แม้แต่จะตอบกลับมาว่าได้รับจดหมายแล้ว ดังนั้นผมจึงยอมแพ้
นี่คือผลลัพท์ของค่านิยมตะวันตกและการบริโภคนิยม ซึ่งถูกกระตุ้นโดยนักการเมืองไทย
กล่าวถึงความรู้สึกต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวต่างชาติที่อยู่รอบตัวผม สำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานาน พวกเขาจะชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์อย่างมาก โดยพื้นฐานแล้วชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในประเทศไทยมีทัศนคติในด้านบวกกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียงแต่เราไม่ได้เทิดทูนในลักษณะเดียวกับที่คนไทยเป็นอยู่
ในโลกนี้มีราชวงศ์มากกว่า 35 ราชวงศ์ แน่นอน ว่าเราไม่สามารถโฟกัสไปที่ราชวงศ์ทั้งหมดอย่างทั่วถึงได้ที่สำคัญคือ ราชวงศ์ส่วนใหญ่มีหน้าที่เพียงแสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของราชวงศ์เท่านั้น แต่อะไรล่ะที่เราจะสามารถเรียนรู้จากบุคคลในราชวงศ์และกษัตริย์แต่ละพระองค์ได้คำตอบคือไม่มีเลย เพราะพวกเขาไม่ได้ดำรงตนเป็นครูให้กับประชากรของตนเอง อย่างเช่นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็น
เรื่องที่น่าสลดใจก็คือ คนไทยทั้งหลายไม่ตระหนักและยอมรับในสิ่งนี้ ทุกคนภาคภูมิใจในการมีพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดอันเป็นรากฐานของสังคม เศรษฐกิจและการเมือง การเป็นแรงบันดาลใจ ความเป็นตัวอย่างที่ดีและวิถีแห่งการดำเนินชีวิตของพระองค์ ไม่ได้ถูกรับเอามาใช้ในการทางปฏิบัติอย่างเต็มบ่า
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเป็นบุคคลที่มีแนวพระราชดำริและกระทำการใดๆ โดยใช้หัวใจทั้งสิ้น พระองค์ทรงเข้าใจดีถึงคุณค่าของความรักและความซื่อสัตย์เพราะฉะนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงรู้สึกเชื่อมโยงได้ถึงพระองค์
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นสากล เฉกเช่นเดียวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า คนทั่วโลกจึงสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพระองค์ไปปรับใช้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการศึกษามาจากต่างประเทศ (สวิตเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา) พระองค์ทรงตระหนักว่าการศึกษาแบบตะวันตกนั้นเป็นสิ่งสำคัญแต่ทว่าไม่ใช่ ทุกอย่าง พระองค์ทรงสามารถถ่ายทอดแก่ชาวตะวันตกรวมถึงคนไทยถึงเหตุผลทั้งหลายทั้งปวง และการศึกษาอันชาญฉลาด แต่ความรู้ทั้งหมดทั้งมวลในโลกนี้ย่อมไม่มีประโยชน์อันใดเลยถ้าหากปราศจาก การเชื่อมโยงถึงความรู้สึกลึกซึ้งข้างในจิตใจ
จึงกล่าวได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงเป็นทั้งสัญลักษณ์ของความชาญฉลาดแบบตะวันตกและภูมิพลังปัญญาของชาวตะวันออกในบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สมบูรณ์พร้อมอย่างมาก
ผมเคยได้ยินเป็นประจำที่ชาวต่างชาติหรือเพื่อนผู้หญิงที่เป็นคนไทยพูดว่า เงินเดือนน้อยที่ทำมาจากชาติตะวันตก สามารถทำให้คนนั้นใช้ชีวิตในประเทศไทยได้อย่างกับพระราชา
ในส่วนอื่นๆของโลก การมีชีวิตอย่างพระราชา เป็นนัยยะของการอธิบายว่า นั่นคือความสะดวกสะบาย การใช้ชีวิตที่สนุกสนาน หรืออาศัยในดินแดนวิมานฉิมพลีอะไรทำนองนั้น
ด้วยข้อเท็จจริงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงใช้ชีวิตเช่นนั้นก็ย่อมทำได้หากพระองค์จะทรงมีพระราชประสงค์เช่นนั้น เพราะพระองค์ทรงราชสิทธิ์ที่จะสามารถทำได้ แต่พระองค์มิเคยทรงมีพระราชประสงค์เช่นนั้น หากแต่ทรงอุทิศเวลาทั้งหมดตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์โดยมีเป้าหมายอันสูงสุด ในการทรงงานหนักเพื่อผู้อื่น เพื่อประชาชนของพระองค์
ในประเทศศรีลังกาซึ่งผมเคยพำนักอยู่ มีสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่า ถ้าท่านไม่สามารถเป็นพระราชาได้ จงเป็นหมอ ชาวตะวันตกส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความหมายของสุภาษิตบทนี้ พวก เขาจะพูดจนติดตลกว่า ผมเข้าใจแล้ว หากคุณไม่สามารถซึ้นรถโรลส์รอยซ์ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้เป็นรถเบนซ์ และถ้าคุณไม่สามารถมีพระราชวังที่พำนักได้ ก็ขอให้มรคฤหาสน์หลังใหญ่รอบล้อมด้วยนางพยาบาลแสนสวย
เมื่อเห็นกษัตริย์หรือราชาธิบดีของประเทศตะวันตกบางพระองค์ว่าทรงมีความเป็นอยู่เช่นไรผมจึงไม่อาจตำหนิชาวตะวันตกที่เข้าใจผิดในเรื่องนี้ได้
คนเอเชียเข้าใจสุภาษิตบทนี้ได้ดีกว่าชาวตะวันตก ซึ่งหมายความว่า หากท่านไม่สามารถรักษาดูแลประเทศชาติทั้งหมดได้อย่างเต็มที่เหมือนอย่างพระราชา แต่ท่านอาจสามารถดูแลรักษาคนไข้จำนวนมากได้ในฐานะที่เป็นแพทย์ สุภาษิตที่เรียบง่ายบทนี้ ยังมีความหมายที่แสดงให้เห็นถึงข้อแตกต่างเกี่ยวกับกษัตริย์ของประเทศในโลกตะวันตกและตะวันออกอีกด้วย
ผม ขอย้ำเตือนอีกครั้งว่า จงอย่าตำหนิอิทธิพลของต่างประเทศหรือโลกตะวันตก แต่จงดูและเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในทำนองเดียวกัน ก็ศึกษาให้เข้าใจในคุณค่าของมรดกทางความคิดและความเชื่อซึ่งพระองค์ท่านทรงมีอย่างอุดมสมบูรณ์ รวมไปถึงแนวทางการทำงานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรากตรำพระวรกายและทรงงานหนัก มิใช่เพียงเพื่อทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ที่ประเสริฐ แต่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเป็นตัวอย่างฉันผู้นำทาง และเป็นครูของเรา ผมไม่สามารถเน้นถึงสิ่งต่างๆได้ทั่วถึง
อย่างที่เราสามารถหรือควรจะเรียนรู้ได้จากพระองค์ท่านซึ่งมีมากมายมหาศาล
เมื่อก่อนนี้ผมมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแขวนไว้ในบ้าน รวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๕ ด้วย แต่นั่นเป็นเพียงเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนของผม ทุกคนควรจะตระหนักว่าหนทางเดียวที่จะแสดงความเคารพต่อครูก็คือเรียนรู้จากพระองค์เพื่อที่จะนำความรู้นั้นไปช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่เพียงแค่แขวนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ในบ้าน
มีหลายครั้งที่ผมได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในความฝัน พระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผมในเรื่องตลก ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับผม แต่ถ้าหากมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์จริงๆ ผมจะกราบทูลต่อพระองค์ว่า ขอขอบพระทัยพระองค์เป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกสิ่งที่ทรงกระทำ
หากถามว่าคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องใดที่สามารถเปลี่ยนแปลง ชีวิตผมได้มากที่สุด ผมคงจะตอบว่าไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนใครได้ นอกเสียจากตัวของเขาเอง ผมเชื่อด้วยว่า อำนาจล่อใจของอิทธิพลทางการเมืองและวัตถุนิยมกำลังเข้มแข็งมากเกินไปในสังคมไทย คำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงกำลังสูญหายไปตลอดกาล หากยังไม่มีใครตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญแห่งคำสอนนั้น
หากทุกคนช่วยกันเก็บรักษาเจตนารมณ์อันแรงกล้าและคำสอนของพระองค์เอาไว้ให้อยู่สืบต่อไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน ผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่าพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทุกคนพระองค์นี้จะอยู่ในหัวใจของคนไทยตลอดกาล
============================================
Create Date : 23 กรกฎาคม 2552
Last Update : 23 กรกฎาคม 2552 13:35:10 น.
1 comments
Counter : 916 Pageviews.
Share
Tweet
โอ...
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล
นั่นสินะ..
ใครๆ ก็พูดว่าเรารักในหลวง
แต่จะมีสักกี่คน
ที่แสดงออกมาด้วยการกระทำ
ว่าเรารักพระองค์ท่านจริง
ด้วยการยึดถือและเดินตามแนวทางที่ท่านวางไว้
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
โดย: บอนหวาน (
บอนหวาน
) วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:41:59 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
tfex sniper
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [
?
]
รวบรวมบทความ มุมมอง
ข้อคิดดีดีจากเมลล์ อินเทอร์เนต เฟสบุ๊ค
เพื่อนำมาใช้เตือนสติ เป็นแนวทาง เป็นข้อคิด
ทั้งในด้านการงาน ความรัก
การดำเนินชีวิต และ...
เพื่อใช้เป็นกำลังใจที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไป
ในวันพรุ่งนี้ ... (^_^)
BR>
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับกายภาพบำบัดได้ครับ
Webmaster - BlogGang
[Add tfex sniper's blog to your web]
Bloggang.com
โอ...
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล
นั่นสินะ..
ใครๆ ก็พูดว่าเรารักในหลวง
แต่จะมีสักกี่คน
ที่แสดงออกมาด้วยการกระทำ
ว่าเรารักพระองค์ท่านจริง
ด้วยการยึดถือและเดินตามแนวทางที่ท่านวางไว้
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ