....ตีนเมื่อเดินติดดินกลิ่นจะหอม ใจเมื่อพร้อมเสียสละสีจะขาว เมื่อเปื้อนดินจะปั้นดินให้เป็นดาว ใจเหน็บหนาวจะเคี่ยวหนาวเป็นเปลวไฟ....
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 เมษายน 2551
 
All Blogs
 

ประสบการณ์ของเด็กฝึกงาน 3



เรารู้สึกตัวตอน ตีสี่ เพราะว่ามีรถบรรทุกวิ่งผ่านทาง

หัวเรา เข้าใจแล้ว เขาทำโอกันตอนตีสี่ ขยันกันจิงๆๆ แล้วเราก็นอน

หลับต่อ นอนได้สักพักก็มีเสียงนาฬิกาปลุก ให้เราไปอาบน้ำ

เราเข้าไปทำงานตอนแปดโมง พี่ถามเราว่าจะทานไรดีกันเราตอนเช้า

เรากะเพื่อนมองหน้ากัน เราขอปฎิเสธเพราะเราไม่ชอบทาน

ข้าวเช้า เพื่อนก็ตามเสียงเราอีกคน พี่เขาก็มองหน้าเรา แล้วพูดว่า

งอนแล้วไม่มีคนไปทานไรเลย เรากะเพื่อนมองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม

อ้าวเป็นว่าพี่เขาก็ไม่ได้ทานข้าวเช้า นอกจากจะกินกาแฟ

เราก็นั่งคีย์ข้อมูลอยู่หน้าจอคอมอีกตามเคย

จนถึงพักเที่ยง พี่ฝน เราขอใช่นามแฝง ก็มาชวนเราไปทานข้าว

พี่เขามาเร่งเราใหญ่เลย เพราะแกหิวข้าว เรากะเพื่อนก็ยังนั่งคีย์ต่อ

มันกำลังสนุกเลยนิ พี่เขาเลยรีบพูดว่าใครไม่ลุกมาพี่จะงอน

ได้เรื่องดิเรากะเพื่อนก็รีบลุกมาเลยดิ ไม่อยากบอกเลยพี่เรา

คนนี้เป็นคนขี้งอนมาก คนเราเนี้ยก็นะเพิ้งรู้จักกันไม่ทันไร

เรากะพี่ก็สนิทกันเลยอะนะ พี่เขาเป็นคนกล้าที่ชอบพูดกวนเรามาก

ขนาดเพื่อนมันยังไม่กล้ากวนเราเลย เวลาที่เราเงียบ

แต่บางครั้งพี่เขาทำให้เรายิ้ม และหัวเราะได้ รู้สึกว่าพี่เข้าทำให้เรา

ลืมเรื่องทุกข์ใจเลยละ หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเราก็มาทำงานต่อ

วันนั้นเราคีย์ข้อมูลกับเพื่อน และก็พี่ฝน ทำงานถึงเที่ยงคืน

เพราะถ้าเราทำงานเสร็จเร็วมากเท่าไรก็ได้กับมาที่สมุทรปราการ

เร็วเท่านั้น วันที่สามของการทำงาน ทุกอย่างก็เป็นเหมือนทุกวัน

แต่วันนี้มันมีเรื่องเกิดขึ้น คือกระเป๋าตังพี่ที่พาเราไปทานข้าวหาย

แต่คนที่บริษัทก็ยังไม่มีคนรู้เรื่อง จนถึงตอนบ่าย ก้เริ่มมีคนนินทา

แล้วก็เริ่มมองพวกเราสามคนด้วยสายตาที่แปลกไป

เขาคงคิดว่าพวกเราเป็นคนเอาไปมัง ทั้งที่เราสามคนก็นั่งทำงาน

อยู่ตรงนั้นตลอด และก็อยู่ในสายตาของพี่เขาตลอด

นอกซะจากเวลาเข้าห้องน้ำที่ไม่อยู่ในสายตาพี่เขา

วันนั้นเราไม่มีสมาธิในการทำงานเลย เราไม่ชอบให้พวกเรา

มองเราได้สายตาแบบนี้ ในวันนั้นเราสามคนก็ตกเป็นจำเลย

เรารู้ดีว่าคนอื่นอาจจะไม่เชื่อ แต่เรากับเพื่อนก็รู้นิสัยกันดี

ว่าเราสองคนเป็นแบบไหน เมื่อทุกคนเลิกงานกันเสร็จแล้ว

ประมาณสองทุ่มมัง เราสามคนอึดอัดใจมาก เราก็เริ่มที่จะลำดับ

เหตุการณ์ แต่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แล้วพี่ฝนก็โทรมาเล่า

ให้พี่บริษัทฟัง พี่ที่บริษัทก็โวยว้ายว่ามากล่าวหาเราได้งัย

พี่เขาก็ถามเราเพื่อความแน่ใจว่าเราไม่ได้ขโมยจิงๆๆใช่ไหม

เราก็ไม่รู้ว่าจะพูดให้พี่เขาเชื่อเราได้อย่างงัย เพราะพี่เขาก็ไม่รู้จักนิสัย

เราดีพอ แต่เวลามันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่พี่ฝนก็ยืนยันให้เรา

ว่าเราสองคนอยู่ในสายตาพี่เขาตลอด วันนั้นเราสามคนเลยพูดกันว่าเพื่อ

ความสบายใจ เราอยากให้พี่เขาไปค้นห้องนอนของพวกเรา

วันนั้นเราทำงานเลิกสี่ทุ่ม ก็รีบกับห้องทันที เพื่อไปค้นที่ห้อง

ว่ามีใครเอาอะไรมาไว้ที่ห้องหรือป่าว เพราะห้องเราไม่ได้ล๊อก

คนสามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา พวกเราคิดว่าถ้ามีคน

ขโมยจิงอาจจะโยนความผิดมาให้เราก็ได้ แต่นั้นก็ไม่ต้องหวง

หรอกเราพอจะรู้เรื่องกฎหมายบาง และก็เรียนมาบางถ้ากระเป๋าใบนั้น

มันอยู่กะพวกเราจิง เพราะเราบริสุทธิ์ซะอยางจะกลัวไร

วันนั้นรู้สึกว่าเราสามคนจะนอนไม่หลับกันเลย เราไม่กลัวไรหรอก

แต่เราไม่ชอบสายตาที่คนอื่นมองเรา แต่พี่ที่กระเป๋าตังหาย

แก่ก็ดีนะ แกบอกว่าพี่ไม่คิดว่าเราสามคนขโมย แกก็โกหกพวกเรา

ว่าในกระเป๋าตังค์นั้นมีเงินแค่ไม่กี่พัน เพราะแกไม่อยากให้เราคิดมาก

แต่รู้ไหมว่ากระเป๋าใบนั้นมีเงินเป็นหมื่น ไม่รู้ว่ากี่หมื่นเท่านั้นเอง

วันที่สี่ของการทำงาน เราก็ทำงานไปตามปกติ พร้อมกับการนินทา

ของคนที่นั้นอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดเราก็คีย์ข้อมูลจนเสร็จ

พี่ฝนก็บอกให้เรากะเพื่อนไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะเดินทางกับ

กรุงเทพ พอขึ้นรถด้วยความเหนื่อยก็พากันนอนหลับกันเลย

ก่อนหน้านั้นพี่ก็พูดให้ฟังว่า เมื่อเรานั่งรถไปถึงลี้ทางมันจะคดเคี้ยวมาก

จิงอย่างที่พี่เขาพูด ทางเป็นแบบตัวเอสอะแต่จะโค้งหักศอก

พอไปถึงลี้เราก็รู้สึกตัว พร้อมกับอาการเมารถ เราก็มองไปข้างถนน

วิวทางทางมันสวยมาก เรามองไปข้างล่างเป็นน้ำ ถ้าเดินทางตอน

กลางวันเราคงเห็นวิวที่สวยกว่านี้ วันนั้นเรามาถึงกรุงเทพตอนตีสี่

นั่งรถต่อมาที่สมุดปราการอีก กว่าจะถึงห้องเล่นเอาเราเหนื่อยมากๆ

พอมาถึงห้องเราก็ล้มหัวลงนอนเลย




 

Create Date : 07 เมษายน 2551
0 comments
Last Update : 10 เมษายน 2551 0:14:00 น.
Counter : 534 Pageviews.


phukhum
Location :
เลย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"โลกสอนให้มนุษย์รู้ว่า…ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แต่โลกก็ยังให้มนุษย์รู้จักกับความผูกพัน"

วันนี้…เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งนี้ จนคิดว่าเราขาดไม่ได้..
แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป…สักวันเราจะรู้ว่า…
สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้…เป็นส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา ไม่ใช่...ทั้งหมดของชีวิตเรา…
วันหนึ่ง…หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่
ที่เราคิดว่าเราพังใจ…ปรารถนา…ต้องการ…ขาดไม่ได้
เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก…
เมื่อเวลาหนึ่งผ่านไป จะสอนเราได้เองว่า..ความผูกพันกับสิ่งใดๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง
จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้นๆ อย่าได้ไปยึดติด อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตลุ่มหลง…
คิดเสียว่า…เราโชคดี…ที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก
ความผูกพัน…ก็เหมือนกับความรัก…หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก
หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก เราก็รู้สึกผูกพันมาก
แต่ความผูกพันที่ว่า…เพราะคนทุกคน ย่อมผูกพันกับหลายๆ สิ่ง
เปรียบเสมือนเรามีแก้วน้ำอยู่หนึ่งใบ ในช่วงเช้า…เราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม
พออากาศร้อนหน่อย เราอาจต้องการน้ำเย็นๆ
บางครั้งที่เราไม่สบาย…เราอาจต้องการน้ำอุ่น
ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ…ต้องเติมสิ่งต่างๆ
ในเวลาที่แตกต่างกัน…ตามความเหมาะสม…
หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ แล้วเติมน้ำร้อนลงไป
ในทันที…ในแก้วใบเดียวกัน…เราก็จะพบว่า…
แก้วใบนั้น…ก็จะร้าว…แล้วก็เริ่มแตก ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา…
ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่ง…ไม่ผิด
ถ้าเราค่อยๆ ปรับใจ ปรับตัวของเราเอง ให้กลับคืนในเวลาที่ควร
เพราะอย่างน้อยที่สุด…เราก็มีโอกาส…ได้ผูกพัน…
ซึ่งก็เหมือนเราได้มีโอกาส…ได้รัก นั่นเอง
Friends' blogs
[Add phukhum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.