ที่ใดมีธรรมะ...ที่นั่นจะพบกับทางออกของชีวิต ^_^
Group Blog
 
 
มีนาคม 2560
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
20 มีนาคม 2560
 
All Blogs
 
4. หลักในการที่จะมารู้เท่าทันจิตใจ



 

เวลาที่เราไม่ได้ทำสมาธิ  เราอาศัยเวลาที่ตา  หู  จมูก  ลิ้น

 

กาย  ใจ  มากระทบอารมณ์  พอกระทบแล้ว  เกิดสุขให้รู้

 

เกิดทุกข์ให้รู้  เกิดกุศลให้รู้  เกิดอกุศลให้รู้  รู้แล้วเจอแล้ว

 

ได้อะไรขึ้นมา  รู้แล้วเราก็จะเห็นเลยว่า  สุขก็ชั่วคราว

 

ทุกข์ก็ชั่วคราว  โลภ  -  โกรธ  -  หลงก็ชั่วคราว  ดีก็ชั่วคราว

 

อย่างบางทีเกิดศรัทธา  ศรัทธาก็อยู่ชั่วคราวเดี๋ยวก็ไม่

 

ศรัทธาแล้ว  เกิดวิริยะมีความพากเพียรแล้วอยากปฏิบัติ

 

อยู่ได้ชั่วคราวเดี๋ยวก็ขี้เกียจแล้ว  ของไม่เที่ยงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

 

                มีสติ  เดี๋ยวก็ขาดสติอีกแล้ว  สังเกตไหมสติขาดบ่อย

 

ใครรู้สึกสติขาดบ่อยบ้าง  ถ้ารู้สึกอย่างนี้ดี  ถ้าใคร

 

รู้สึกสติฉันไม่เคยขาดเลย  สติเที่ยง  อันนี้เวรกรรมแล้ว

 

จริงๆ  แล้วมันเกิดดับตลอดเวลา  กระทั่งจิตก็เกิดดับ

 

จิตไม่ได้เที่ยง  อย่าไปเข้าใจผิด  ถ้าเห็นว่าจิตเที่ยงเป็นมิจฉาทิฏฐิ

 

เรียกเป็น  “สัสสตทิฏฐิ”  คงที่อยู่อย่างนี้  แท้จริงแล้ว

 

เกิด  -  ดับตลอดเวลา  แต่ไม่ได้ดับแล้วสูญ  ถ้าดับแล้วสูญ

 

ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิชื่อ  “อุจเฉททิฏฐิ”  จะเกิดดับสืบเนื่องกัน

 

ไปเรื่อยๆ  ตามเหตุตามปัจจัย

 

                เรามาเฝ้ารู้  เราให้ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ  กระทบ

 

อารมณ์ไปตามธรรมชาติ  ธรรมดา  กระทบแล้วเกิดความ

 

รู้สึกต่างๆ  ขึ้นในจิตก็รู้ไปตามธรรมชาติ  ธรรมดา

 

ไม่แทรกแซง  การแทรกแซงทำได้หลายแบบ  เริ่มตั้งแต่

 

แทรกแซงไม่ให้เกิดความรู้สึก  มีตาก็ดู  มีหูก็ฟัง  มีใจก็คิด

 

การแทรกแซงไม่ให้รู้สึก  เช่น  เวลาตาเห็นรูปแทรกแซง

 

ได้ตั้ง  4  แบบ  น่าอัศจรรย์ไหม  ความจริงอาจมีมากกว่านั้น

 

แต่สติปัญญาหลวงพ่อมองเห็นได้แค่  4  แบบ

 

ถ้าพระพุทธเจ้าท่านอาจมองเห็นได้  108  แบบก็ได้  เราสาวก

 

ปลายแถวเห็นได้ไม่มาก

 

                1.  ในขณะที่ตาเห็นรูป  ถ้าเรากำหนดอยู่ที่รูปที่ตาเห็น

 

เอาสติไปจ่ออยู่สิ่งที่มองเห็น  อันนี้จิตจะนิ่งเฉยแล้ว

 

แทรกแซงจิตแล้ว

 

                2.  เรากำหนดอยู่ที่ประสาทตา  ที่จอประสาทตา 

 

เอาสติจ้องอยู่ที่จอประสาทตาขณะที่เห็นรูป  ใจก็จะเฉย

 

นี่เป็นการแทรกแซง

 

                3.  เวลาตากระทบรูป  มีผัสสะเกิดขึ้น  เอาสติจ่ออยู่ที่

 

ผัสสะ  จ่ออยู่ที่ตรงจุดกระทบ  ที่การกระทบ  จิตก็จะเฉย

 

                4.  เวลาตามองเห็นรูป  มีความรับรู้ทางตา  มีวิญญาณ

 

ทางตาเกิดขึ้นแล้ว  จับอยู่ที่วิญญาณทางตา  จับอยู่ที่ความ

 

รู้สึกทางตา  ความรับรู้ทางตา  จิตก็จะเฉย

 

                เห็นไหมแค่ตาเห็นรูปก็ทำผิดได้ตั้ง  4  แบบ

 

ที่หลวงพ่อเห็นนะ  อาจมีมากกว่านั้นแต่เกินสติปัญญา

 

มันละเอียดมาก  ดูไม่ทัน

 

                ฉะนั้นเวลาที่ตามองเห็นรูป  เห็นก็เห็นสิ  ต้องอย่างนี้

 

มีตาก็ดีกว่าตาบอด  มีตาก็เห็นรูป  ถูกแล้ว  พอเห็นรูปแล้ว

 

มันจะส่งสัญญาเข้ามาที่ใจ  ขณะที่ตามองเห็นรูป

 

ขณะนั้นไม่มีสุข  ไม่มีทุกข์  ในขณะที่มองเห็นก็ไม่มีดี  ไม่มี

 

ชั่วด้วย  ในขณะที่ตามองเห็น  ดี  -  ชั่วมาเกิดทีหลัง

 

สุข  -  ทุกข์ทางใจมาเกิดทีหลัง

 

                ขณะที่ตามองเห็นรูปเป็นอุเบกขาเฉยๆ  ถัดจากนั้น

 

มันจะส่งสัญญาณ  พวกเรามองออกไหม  พอตาเราเห็น

 

ทีแรกเลยขณะที่เห็น  ใจจะเฉยๆ  แต่จะส่งสัญญาณ

 

เข้ามาที่ใจ  มีการรับสัญญาณแล้วแปลความหมาย

 

แปลความหมายเสร็จแล้วให้ค่าว่าคืออะไร  เช่น  นี่สาวสวย

 

พอแปลได้อย่างนี้  ราคะก็เกิด  หรือหนุ่มหล่อ  ราคะก็เกิด

 

หมาบ้ากำลังวิ่งมา  โทสะคือความกลัวก็เกิด  จะเกิดอย่างนี้

 

ไม่ได้เกิดตอนที่ตามองเห็น  ไม่เกิดตอนที่หูได้ยิน

 

จมูกได้กลิ่น  ลิ้นได้รส  กายสัมผัส  แต่เกิดเมื่อจิตทำงานสืบเนื่อง

 

ออกมาแล้ว  ฉะนั้นเราไม่ไปหยุดจิตห้ามทำงาน

 

                การไปหยุดจิตห้ามไม่ให้มันทำงานต่อนี่  ตาเห็นรูป

 

ก็กำหนดอยู่ที่รูป  กำหนดอยู่ที่ประสาทตา  กำหนด

 

อยู่ที่ผัสสะ  กำหนดอยู่ที่จักขุวิญญาณจิต  จิตคือความรับรู้

 

ทางตา  อันนี้คือการแทรกแซง  ทำให้กระบวนการ

 

ทำงานของจิตทำได้ไม่เต็มที่  มันขาดสะบั้นลงตรงนั้นเอง

 

                ฉะนั้นเราไม่ต้องไปบังคับมันนะ  มีตาก็ดู  มีหูก็ฟัง

 

มีใจก็คิด  เมื่อมันดู  มันฟัง  มันคิด  มันสัมผัสต่างๆ  แล้ว

 

เกิดสุขก็รู้  เกิดทุกข์ก็รู้  เกิดชั่วก็รู้เอา  แล้วเราจะเห็นว่า

 

                -  ความสุขเกิดขึ้นก็ดับไป  จิตที่มีความสุขก็เกิดขึ้น

 

พร้อมๆ  กับความสุข  ดับไปพร้อมๆ  กับความสุข

 

เกิดดับไปด้วยกัน

 

                -  เวลาความทุกข์เกิดขึ้น  เราก็จะเห็นว่า

 

ความทุกข์เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป  จิตที่เกิดกับความทุกข์  ที่มันมี

 

ความทุกข์เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป  จิตก็เกิดดับพร้อมกับ

 

ความทุกข์

 

                -  กุศลเกิดขึ้น  เราก็เห็นกุศลเกิดแล้วก็ดับไป

 

จิตที่เกิดกับกุศลเกิดแล้วก็ดับพร้อมๆ  กับกุศล

 

                -  โลภ  โกรธ  หลง  เกิดขึ้น  จิตที่เกิดพร้อมๆ  กับ

 

โลภ  โกรธ  หลง  ก็เกิดดับพร้อมๆ  กับโลภ  โกรธ  หลง

 

                จิต  กับสิ่งซึ่งเกิดร่วมกับจิต  มีศัพท์เรียกเฉพาะว่า

 

“เจตสิก”  จิตกับเจตสิกเกิดพร้อมๆ  กัน  ดับด้วยกัน

 

อยู่ด้วยกัน  จะอยู่โดยมีแต่จิตดวงเดียวไม่มีเจตสิกไม่ได้เด็ดขาด

 

มีจิตต้องมีเจตสิก  ธรรมชาติของจิตใจเป็นอย่างนั้นเอง

 

เราไม่ห้ามมัน  เราเห็นความเกิดดับของจิตผ่านความ

 

เกิดดับของเจตสิก  เพราะเจตสิกมีความหลากหลาย

 

แต่จิตไม่มีความหลากหลาย  จิตคือธรรมชาติที่รู้อารมณ์

 

มีอันเดียว

 

                ถ้าเราไม่สนใจเจตสิก  เราจับอยู่ที่จิตอย่างเดียว

 

เราจะไม่เห็นความเกิดดับของจิต  แต่ถ้าเรารู้ทัน

 

ความสุขเกิดขึ้น  จิตที่สุขเกิดขึ้นด้วยกัน  พอความสุขดับ  จิตที่มี

 

ความสุขก็ดับไปด้วยกัน  เราเห็นจิตเกิดดับได้โดยดูผ่าน

 

ตัวเจตสิกที่เกิดดับนี้เอง  เพราะตัวจิตนั้นไม่มีรูปร่าง 

 

ไม่มีร่องรอย  ไม่มีอะไรให้สัมผัสได้เลย  ไร้รูปจริงๆ  แต่ตัว

 

เจตสิกเหมือนร่างกายของจิต  เรียกว่า  “จิตสังขาร”  คือ

 

สิ่งที่มาปรุงแต่งจิต  เป็นร่างกายของจิต  ทำให้จิตดวงนี้

 

มีลักษณะแตกต่างกับจิตดวงนี้  ทำไมต้องเห็นว่าจิตดวงนี้

 

ต่างกับจิตดวงนี้  ก็เพื่อจะเห็นว่า  จิตนั้นเกิดแล้วดับ

 

                นี่คือหลักของการที่เราจะมารู้เท่าทันจิตใจของเรา

 

ดูจิตไม่ใช่ไปจ้องอยู่ที่จิต  ไปจับอยู่ที่ตัวจิต  ไปจ้องอยู่ที่จิต

 

จะไม่ได้อะไรเลยนอกจากความว่าง  ไปจับอยู่ที่จิตจะไม่ได้

 

อะไรเลยนอกจากการเข้าอรูปฌาน  จะกลายเป็นอรูปฌาน

 

เพราะไม่เห็นเกิด  -  ดับ

 

“ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา  หลวงพ่อปราโมทย์  ปาโมชฺโช

 

วันที่  18  มกราคม  พ.ศ.  2558

 

จากซีดีแสดงธรรมนอกสถานที่  แผ่นที่  10

 

ไฟล์  ศาลาลุงชิน  ครั้งที่  73  (มกราคม  2558)”

 

จากหนังสือธรรมะโดนใจ

 

บางส่วนจากพระธรรมเทศนา  หลวงพ่อปราโมทย์  ปาโมชฺโช

 

รวบรวมโดย  ลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์  ปาโมชฺโช

 

พิมพ์โดย  บริษัท  พรีมา  พับบลิชชิง  จำกัด

 




Create Date : 20 มีนาคม 2560
Last Update : 20 มีนาคม 2560 11:25:49 น. 4 comments
Counter : 260 Pageviews.

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: peepoobakub วันที่: 20 มีนาคม 2560 เวลา:11:52:35 น.  

 
ธรรมะสวัสดีค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยคะ



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 20 มีนาคม 2560 เวลา:17:40:17 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ peepoobakub


โดย: นาคสีส้ม วันที่: 22 มีนาคม 2560 เวลา:16:10:13 น.  

 
สาธุค่ะคุณอ้อมแอ้ม


โดย: นาคสีส้ม วันที่: 22 มีนาคม 2560 เวลา:16:10:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นาคสีส้ม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วัตถุประสงค์ของ blog นี้ :

เนื่องจากส่วนตัวเป็นคนชอบได้หนังสือธรรมะมาจาก
ที่ต่างๆ และมักชอบซื้อมาอ่านเป็นประจำเสมอ
เลยทำให้หนังสือกองเต็มบ้านมากมาย
เวลาจะนำไปบริจาค ก็มักจะเสียดาย เพราะ
บางครั้ง บางที ก็หยิบเล่มเก่าๆมาอ่านอีกรอบ
เวลาใครมาขอรับบริจาคอะไรต่างๆ
มักจะหวงไว้ ไม่ค่อยส่งต่อหนังสือให้ใคร

จนมาคิดว่า ไม่ควรจะหวงไว้
เพราะเนื้อหาค่อนข้างมีประโยชน์
นำมาปรับใช้ในชีวิตได้เป็นอย่างดี
เลยอยากจะแบ่งปันความสุขให้คนอื่นๆ

เลยจัดทำ blog นี้ขึ้นมาค่ะ
ไว้เก็บรวบรวมเนื้อหาที่ได้อ่านแล้ว
มาเก็บไว้ที่นี่ ส่วนหนังสือก็จะนำไปบริจาค
ให้คนอื่น ได้ใช้ประโยชน์ต่อไปค่ะ

สำหรับเล่มไหนที่เพื่อนๆคิดว่าสนุก
ก็สามารถแนะนำได้นะคะ ^__^
Friends' blogs
[Add นาคสีส้ม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.