ที่ใดมีธรรมะ...ที่นั่นจะพบกับทางออกของชีวิต ^_^
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2560
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
10 กุมภาพันธ์ 2560
 
All Blogs
 
7. จะออกจากเกมต้องทำอย่างไร “ปัญญาสิกขา”



 

อวิชชาที่ทำให้วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏอันนี้

 

แล้วมันก็วนต่อไป...เพราะไม่รู้!

 

                ถ้าอยากจะพ้นจากเกมอันนี้...ไม่อยากเล่นแล้ว...แค่ไม่อยาก

 

เล่น..ไม่พอ!  จะประท้วง  “กูไม่เล่นแล้วๆ”  นั่นกำลังเกิดโทสะ!

 

มันไม่ได้พ้นไปได้ด้วยโทสะ  เข้าใจมั้ย?  ต้องพ้นด้วยความรู้...

 

“รู้ทันเกมเรื่องแรกเลยรู้ว่า  “อะไร”

 

เกิดขึ้นที่  “ใจ”  นี่เป็นของจริง”

 

                ราคะเกิดขึ้น...รู้ทัน  นี่เป็นของจริง!  แต่คนนั้นสวย..ไม่จริง

 

คนนั้นหล่อ...ไม่จริง  แต่ที่จริงๆ  นี่คือเกิดราคะขึ้นมาแล้วที่ใจ

 

                คนนั้นเลวแล้วฉันโกรธ  เขาเลวรึเปล่า?...ก็ยังไม่รู้..ไม่แน่  เราอาจ

 

จะเข้าใจผิดก็ได้  แต่กูโกรธนี่...จริง!  “ใจ”  ที่มันมี  “ความโกรธ”

 

อยู่นี่...จริง!

 

                คนนั้นมันไม่ได้เรื่อง...ไม่ได้เรื่องจริงรึเปล่า?...ก็ยังไม่แน่  แต่กู

 

“ไม่ชอบ”..อันนี้...จริง!

 

                คิดฟุ้งซ่านเลื่อนลอย  คิดวางแผนอนาคต  เดี๋ยวฉันจะต้องไปทำนั่น..

 

ทำนี่  ทำได้จริงรึเปล่าไม่รู้  แต่กู  “ใจลอย”  อันนี้..จริง!

 

                ให้ดูของจริง  เข้าใจมั้ย?

 

                ถ้าจะอยากพ้นจากเกมนี้ก็ให้กลับมาดูของจริงตรงนี้  ที่มันยังไม่พ้นไป

 

เพราะมันเที่ยวออกรู้ข้างนอก...ดูของสมมติ  ดูข้างนอก

 

ฟังข้างนอก...ดูของสมมติ  ดูแล้วพอใจ-เป็นราคะ  ดูแล้วไม่พอใจ-

 

เป็นโทสะ  ฟังแล้วพอใจ-เป็นราคะ  ฟังแล้วไม่พอใจ-เป็นโทสะ

 

ฟังแล้วไม่รู้ว่ามันมีโทสะรึเปล่า..ฟังแล้วไม่รู้ว่ามีราคะรึเปล่า...

 

“ใจลอย”  ก็รู้ว่าใจลอย

 

                อยากพ้นเกมให้ดูของจริงตรงนี้  โอปะนะยิโก  ย้อนเข้ามาดูนี่  เห็นมั้ย?

 

ย้อนเข้ามาดู

 

                ถ้าอยากพ้นเกมให้เล่นเกมอย่างรู้กติกา  ทำตามที่ผู้รู้ท่านแนะนำ

 

ท่านบอกว่าทางนี้เป็นทางเอก  ทางนี้เป็นทางไปแล้วไม่กลับ  ทางนี้

 

เป็นทางของบุรุษเอก  บุรุษเอกนี่รวมทั้งสตรีเอกด้วยนะ  ไปได้ทั้ง

 

ผู้ชายทั้งผู้หญิง  ไปได้ไม่จำกัดเพศไม่จำกัดวัย  ขอให้รู้เดียงสา

 

ขอให้ยังมีสติและสัมปชัญญะอยู่ว่าเรากำลังทำอะไร  มีอะไรเกิดขึ้น

 

ในใจ  เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นในใจ..แล้วรู้อย่างมีสติ  สิ่งนั้นจะแสดง

 

ความจริงออกมาให้เห็นว่า  มันเกิดแล้วดับ..เกิดแล้วดับ!

 

                ในขณะที่เห็นนั้นเป็นสภาวะล้วนๆ  ราคะก็คือราคะ  โทสะก็คือ

 

โทสะ  ไม่ใช่  “กู”  รัก  ไม่ใช่  “กู”  โกรธ  ไม่ใช่  “กู”  ฟุ้งซ่าน  แต่มันเป็น

 

ความฟุ้งซ่าน  เป็นราคะ  เป็นโทสะล้วนๆ  ที่เกิดขึ้นอยู่  แสดงของจริง

 

ให้เห็นอยู่  อย่างนี้จึงจะเป็นทางล้มกระดานเกมนี้

 

                การล้มกระดานคือ  ขั้นแรกเกิดปัญญามีสัมมาทิฏฐิว่า  “จริงๆแล้ว

 

ไม่มีเรา”  กายนี้ใจนี้ที่เคยเข้าใจว่า  “เป็นเรา”...นี่เข้าใจผิด!  เมื่อมี

 

ปัญญาขั้นนี้  จะเว้นทุจริตอย่างเด็ดขาดเป็นสมุจเฉทวิรัติ  ทำให้

 

เล่นเกมสบายขึ้น  ง่ายขึ้น  แต่ก็ยังติดเกมนะ  ยังอยากอยู่  แต่รู้

 

กติกาแล้ว

 

                ล้มกระดานขั้นต่อไปมีปัญญารู้ว่า  “อยากเมื่อไหร่  เป็นทุกข์ทุกที”

 

ตอนที่ไม่มีปัญญาก็คิดว่าถ้าอยากแล้วได้สมอยากนี่...เป็นสุข

 

แต่พอมีปัญญาขึ้นมามากๆ  เข้านี่  จะรู้ว่าแค่อยาก...ก็ทุกข์แล้ว

 

จิตที่มันอยากนี้มันจะทะยานอยู่นิ่งไม่ได้...เป็นทุกข์แล้ว  ทุกข์คือ

 

มันอยู่นิ่งไม่ได้  แต่พอไม่มีสตินะนึกว่าอยากแล้วทะยานไปแล้ว

 

ได้สมอยาก...เป็นสุขดี  อยากแล้วไม่ได้สมอยากถึงจะทุกข์  แต่ก็

 

อยากอีก  ไม่เห็นว่า  “อยาก”  นั้นเป็นทุกข์  จึงได้แต่อยากๆๆ  เอาไว้

 

                แล้วการตลาดเดี๋ยวนี้..วัตถุนิยมหรือทุนนิยมนี้นะ..ส่งเสริมให้อยาก

 

เพื่อให้จับจ่ายใช้สอย  ถ้าเราไม่รู้เท่าทันเราก็สะสมตัณหา  สะสม

 

ความอยาก  หมุนไปตามแรงปั่นของคำโฆษณาของผู้อยากให้เรา

 

เป็นเหยื่อ  เราก็ต้องฝึกให้รู้เท่าทันสิ่งที่เกิดขึ้น...ของจริงอยู่ตรงนี้

 

...ในใจนี้

 

                ของจริงที่เห็นเป็นรูปธรรมคือเป็นกาย  ก็เห็นเป็นกายจริงๆ

 

เห็น  “กาย”  ในกาย  คือไม่ใช่เห็น  “กู”  ในกาย  เห็นกายจริงๆ  เวลาเห็นกาย

 

ก็เห็นเป็นธาตุสี่  ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  ถ้าเห็นให้ครบเพื่อจะสู่ความ

 

พ้นทุกข์ต้องเห็นธาตุ  6  คือ

 

                มีปฐวีธาตุ  -  ธาติดิน

 

                มีอาโปธาตุ  -  ธาตุน้ำ

 

                มีวาโยธาตุ  -  ธาตุลม

 

                มีเตโชธาตุ  -  ธาตุไฟ

 

                มีอากาศธาตุ  คือช่องว่าง  ในร่างกายนี้ไม่ได้อัดแน่น  มันมีช่องว่าง

 

มีรูจมูก  มีหลอดลม  มีหลอดอาหาร  ในปอดมีช่องว่างมั้ย...

 

ต้องมีช่องว่าง  ไม่งั้นลมเข้าไปไม่ได้ใช่มั้ย  ลำไส้ก็มีช่องว่าง  แม้ใน

 

กระดูกก็มีรูโพรงนะ  มีคนบอกว่าร่างกายนี้ถ้าบีบอัดให้แน่นเอา

 

ช่องว่างออกนะ  เหลือก้อนนิดเดียว

 

                แล้วธาตุที่  6  คือวิญญาณธาตุ  วิญญาณธาตุเป็นธาตุรู้

 

เป็นนามธรรม  ธาตุรู้นี่ก็ออกรู้โลกไปทางตา  หู  จมูก  ลิ้น  กายและใจ

 

                จักษุวิญญาณ         -              รู้รูปทางตา,

 

                โสตวิญญาณ         -              รู้เสียงทางหู,

 

                ฆานวิญญาณ        -              รู้กลิ่นทางจมูก,

 

                ชิวหาวิญญาณ      -              รู้รสทางลิ้น,

 

                กายวิญญาณ          -              รู้เย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหวทางกาย

 

                                                                หรือสัมผัสทางกาย

 

                และที่รู้บ่อยๆ  รู้มากๆ  เลยจริงๆ  คือมโนวิญญาณ  -  รู้ธรรมารมณ์

 

ทางใจ  รู้ความคิดนึกปรุงแต่ง  ปรุงดีปรุงชั่ว  เป็นกุศล

 

เป็นอกุศล  เป็นบุญเป็นบาปทางใจ  รู้อย่างนี้นะ

 

                ล้มกระดานขั้นสุดท้าย  คือมีปัญญาเห็นว่า  ธาตุแต่ละธาตุเขาก็

 

ทำงานไปตามหน้าที่  ขันธ์แต่ละขันธ์เขาก็ปรุงแต่งไปตามหน้าที่

 

ไม่ได้คิดจะแทรกแซงมัน  ต่างคนต่างอยู่  เกิดปัญญาขั้นสุดท้าย

 

เห็นว่า  “ธาตุ  4  ธาตุ  6  ขันธ์ 5  ทั้งหมดนี้แหละ...เป็นทุกข์”

 

จิตก็โยนธาตุขันธ์ทิ้งไป  ล้มกระดานไปเลย

 

                ใครอยากเล่นเกมต่อก็เล่นได้  แต่ใครอยากที่จะล้มกระดานเกมนี้

 

ก็ต้องรู้ว่าไม่ใช่แค่อยาก  ต้องทำเหตุไปสู่การล้มกระดาน  ก็คือ

 

“ฝึกมีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง

 

ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง”

 

                จิตที่ตั้งมั่นคือรู้ที่จิต  จิตที่ไม่ตั้งมั่นคือไหลไปรู้ในอารมณ์

 

                “อารมณ์”  คือสิ่งที่ถูกรู้โดยจิต  จิตที่ไหลไปรู้อารมณ์โดยที่ไม่อยู่

 

ที่จิต  มันไหลไปเรียกว่าจิตไม่ตั้งมั่น  ภาษาครูบาอาจารย์จะ

 

เรียกว่า  จิตไม่ถึงฐาน  เคยได้ยินคำนี้มั้ย  ไม่ถึงฐาน  ฐานก็คือที่จิต

 

จากหนังสือเกมชีวิต

 

โดย  พระกฤช  นิมฺมโล

 

เรียบเรียงจากธรรมบรรยายในหลักสูตร

 

“งานยุ่งทั้งวัน  จะปฏิบัติธรรมอย่างไร”

 

ที่สวนธรรมศรีปทุม  วันที่  29  สิงหาคม  2556

 

จัดพิมพ์โดย  ทีมงานธรรมโฆษก์

 

พิมพ์โดย  บริษัท  สำนักพิมพ์สุภา  จำกัด

 




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2560 17:02:38 น. 0 comments
Counter : 131 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นาคสีส้ม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วัตถุประสงค์ของ blog นี้ :

เนื่องจากส่วนตัวเป็นคนชอบได้หนังสือธรรมะมาจาก
ที่ต่างๆ และมักชอบซื้อมาอ่านเป็นประจำเสมอ
เลยทำให้หนังสือกองเต็มบ้านมากมาย
เวลาจะนำไปบริจาค ก็มักจะเสียดาย เพราะ
บางครั้ง บางที ก็หยิบเล่มเก่าๆมาอ่านอีกรอบ
เวลาใครมาขอรับบริจาคอะไรต่างๆ
มักจะหวงไว้ ไม่ค่อยส่งต่อหนังสือให้ใคร

จนมาคิดว่า ไม่ควรจะหวงไว้
เพราะเนื้อหาค่อนข้างมีประโยชน์
นำมาปรับใช้ในชีวิตได้เป็นอย่างดี
เลยอยากจะแบ่งปันความสุขให้คนอื่นๆ

เลยจัดทำ blog นี้ขึ้นมาค่ะ
ไว้เก็บรวบรวมเนื้อหาที่ได้อ่านแล้ว
มาเก็บไว้ที่นี่ ส่วนหนังสือก็จะนำไปบริจาค
ให้คนอื่น ได้ใช้ประโยชน์ต่อไปค่ะ

สำหรับเล่มไหนที่เพื่อนๆคิดว่าสนุก
ก็สามารถแนะนำได้นะคะ ^__^
Friends' blogs
[Add นาคสีส้ม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.