12. จิตที่ฝึกดีแล้วมันอิ่ม...มันเต็ม (จบ)
ถ้าเราเห็นว่าจิตใจเป็นอนัตตา สุข ทุกข์ ดี ชั่ว ทุกอย่าง ที่ผ่านเข้ามาในจิตใจ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา ถ้าเราเห็น ความจริงอย่างนี้แล้ว ต่อไปเวลาเราจะพลัดพรากจากคน ที่เรารัก เราจะไม่หวั่นไหว เพราะเรารู้ว่าความสมหวังก็ เป็นของชั่วคราว ถ้าคนที่เรารักอยู่ๆ ก็ตายไป คนทั่วไปก็เป็นทุกข์ แต่เราภาวนาของเราดีแล้ว เรารู้เลยว่าเวลาคนที่เรารัก อยู่ด้วยกัน บางคนก็เลิกรักไปก่อนแล้วก็จากกันไป บางคนจากไปทั้งๆ ที่ยังรักกันอยู่ รักหรือไม่รักมันอยู่ที่ใจเรา คนเดียว มันไม่ได้อยู่ที่เขาหรอก ความรักเกิดขึ้นเรารู้ว่า ความรักเกิดขึ้น ความรักก็ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง อยู่ชั่วคราว แล้วก็หายไป ความทุกข์จากการพลัดพรากจากความรักก็ เป็นของชั่วคราว อยู่ชั่วคราวแล้วก็หายไป ใครเคยอกหักบ้าง เวลาอกหักจำได้ไหม อกหัก ครั้งที่หนึ่งนี่ทุกข์มากเหมือนโลกจะแตกเลย โลกไม่เป็น สีชมพูแล้วโลกดำมืด มีความทุกข์มากเหมือนจะไม่ผ่าน สุดท้ายก็ผ่านใช่ไหม ถึงวันนี้บางคนนึกย้อนหลังไป โห... บุญมากเลยที่ไม่ได้แต่งกับยายแก่คนนี้ ตอนนั้นมันยังสาว เราก็อยากแต่งกับมัน มันไปแต่งกับคนอื่น เราก็อยู่ของเรา มานี่ ตอนนี้ยายคนนี้ดูไม่ได้เลย คิดดูว่าถ้าเราจะต้อง เห็นอสุภกรรมฐานตลอดวันเราจะรู้สึกอย่างไร อาจจะ รู้สึกดีใจก็ได้ ถ้าเราภาวนาดีๆ เราจะไม่หวั่นไหวกับการที่จะ พลัดพราก เพราะเป็นเรื่องธรรมดา เราจะรู้สึกว่า ธรรมดา เราไม่หวั่นไหวที่เราเจอสิ่งไม่ดีเป็นบางครั้งบางคราว เพราะเป็นเรื่องธรรมดา เราจะไม่หวั่นไหวกับความ สมหวัง ความผิดหวัง เพราะเราไม่ได้มีความหวัง ไม่มี ความหวังไม่ใช่สิ้นหวัง ไม่ใช่ชีวิตนี้โฮปเลส (hopeless) หมดสภาพ ไม่มีความหวังเพราะอิ่มซะแล้ว ใจมันอิ่มซะแล้ว มันไม่ต้องการอะไร ใจมันเต็มมันมีความสุขอยู่ในตัวเอง ทุกวันนี้ทำไมเราต้องไปหาคนอื่น เพราะใจเราไม่อิ่ม เราไปหาเขาแล้วเราหวังว่าใจเราจะมีความสุข ทำไม เราต้องไปเที่ยวที่นี่ ทำไมต้องกินอันนี้ ทำไมต้องใส่เสื้อผ้า อย่างนี้ ทำไมต้องใช้รถยนต์ยี่ห้อนี้ ทำไมต้องใช้มือถือ อย่างนี้ เพราะใจเรามันไม่อิ่ม เราคิดว่าถ้าได้อันนี้มา เราจะอิ่มเราจะเต็ม แต่ได้มาแป๊บเดียวเราก็หิวอันใหม่แล้ว ใจเรานี้พร่องอยู่เป็นนิจ หิวอยู่ตลอดเวลา แต่ใจของคน ที่ฝึกดีแล้ว ใจของพระอรหันต์นี้ล่ะอิ่ม เต็ม ไม่หิว เมื่อไม่หิวก็ไม่ได้มีความอยาก เมื่อไม่มีความอยากก็ไม่มีคำว่า สมอยาก ไม่มีความหมายอะไรเลย มันเต็มอยู่ในตัวเอง เรามาฝึกเจริญปัญญา มาเห็นความจริงของ ร่างกาย มาเห็นความจริงของจิตใจ วันหนึ่งใจเราจะเต็มอิ่ม อยู่ในตัวของเราเอง อะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต จะแก่ จะเจ็บ จะตาย จะพลัดพรากจากสิ่งที่รัก จะเจอสิ่งที่ไม่รัก จะสมหวังอะไร ก็จะไม่มีความหมายอะไรกับชีวิตเลย หายใจออกหายใจเข้าก็มีแต่ความสุขของเราอยู่อย่างนั้นเอง มีเสวยวิมุตติสุข เสวยความสุขจากความหลุดพ้น ของเราอยู่ ค่อยๆ ฝึกไปนะ ถึงดูว่าห่างไกล ที่จริงไม่ไกลมาก ครูบาอาจารย์เคยบอกหลวงพ่อว่า ถ้าภาวนาจริงๆ ใช้เวลาไม่นานหรอก ไม่เกิน 7 ชาติ ก็ได้แล้ว ท่านว่า อย่างนี้ 7 ชาติ นิดเดียวนะ พวกเรานี่เวียนว่ายตายเกิด มากมาย ในกัปหนึ่งๆ เราเวียนว่ายตายเกิดกระดูกเรา กองมากกว่าภูเขาทั้งภูเขาอีก ฉะนั้น 7 ชาตินี้เรื่องเล็กมาก พวกเราที่สนใจการภาวนาขนาดนี้ไม่ใช่ชาติแรกหรอก ดังนั้นอดทนนิดหนึ่ง ขยันนิดหนึ่ง ให้เวลากับการ ฝึกตนเอง ฝึกกายวาจาด้วยศีล ฝึกใจให้สงบด้วย สมถกรรมฐาน แล้วก็วิปัสสนาให้ปัญญา สมถะฝึกใจให้สงบ วิปัสสนาฝึกใจให้เกิดปัญญาให้ฉลาด สงบแล้วโง่ก็ไม่ได้ ประโยชน์อะไร แต่ก็ดีกว่าฟุ้งซ่าน สงบแล้วโง่บางทีน่ากลัว เหมือนกัน พวกติดสมาธิบางทีเพี้ยนๆ แปลกๆ เรามาพัฒนาตนเอง สุดท้ายแล้วจะดี กายวาจาใจดีงดงาม มีความสุขอยู่ในตัวเอง เป้าหมายสูงสุดของเราก็คือ เราพ้นจากทุกข์สิ้นเชิง พ้นจากทุกข์สิ้นเชิงนี่ชีวิตที่เหลืออยู่ ช่วงตลอดเวลาที่ขันธ์ยังเหลืออยู่ เราก็มีชีวิตแบบที่เป็น อิสระ โปร่งเบา มีความสุขอยู่ในตัวเอง ไปฝึกนะ ตั้งใจเข้า ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 จากซีดีแสดงธรรม ณ วัดสวนสันติธรรม แผ่นที่ 59 ไฟล์ 580509A จากหนังสือธรรมะโดนใจ บางส่วนจากพระธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช รวบรวมโดย ลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช พิมพ์โดย บริษัท พรีมา พับบลิชชิง จำกัด
Create Date : 22 มีนาคม 2560 |
|
0 comments |
Last Update : 22 มีนาคม 2560 17:05:08 น. |
Counter : 708 Pageviews. |
|
|
|