เอาหละ เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เอวิมีภาระกิจอีกอย่างที่ต้องทำคือ ไปจัดการซิมส์
Sim2fly คือจริง ๆ ไปซื้อซิมส์มาแล้ว แต่วันเดินทางวันพอดีเป๊ะกับโปรโมชั่น ไม่สามารถเปิดบริการก่อนล่วงหน้าได้ จึงต้องมาเปิดและเติมเงินช่วงที่ 2 ที่สนามบิน (ช่วงแรกอเมริกา 899 บาท ช่วงสองญี่ปุ่น 349 บาท ถ้าเติมเงินปุ๊บมันจะเริ่มนับวันที่ 1 ทำให้วันที่เอวิอยู่อเมริกาวันสุดท้ายจะไม่มีเน็ตเล่น ถ้ามาเปิดที่สนามบิน มันจะเล่นได้ถึงวันสุดท้ายที่อเมริกาพอดี) ไว้จะมาเล่าให้ฟังว่า
มันดีไหม
มาถึงสุวรรณภูมิก็มาดูบอร์ดว่าเครื่องของเราเช็คอินที่เคาน์เตอร์ไหน
ก็คือที่ Row N
ขาไปน้ำหนักกระเป๋าถ้าจำไม่ผิดประมาณ 11 กิโล (ไชน่าอิสเทิร์นให้ 2 ใบ ใบละ 23 กิโลทุกเส้นทาง)
ให้ไปที่เกท E5
แต่
ที่เคาน์เตอร์ติดไว้เลยว่า ดีเลย์ไปออกตี 4.30 !!!! และให้บัตรทานอาหารมาค่ะ มูลค่า 220 บาท
ตั๋วจ้า ใบแรก BKK-PVG
ใบที่สอง PVG-JFK
เอาล่ะเรามาดูว่า 220 นี่ได้อะไรบ้าง
แซนวิชราคา 195 บาท เอวิเอาน้ำด้วย อีก 25 บาท แปลว่าต้องจ่ายเพิ่มอีก 5 บาท
กินแซนวิชตอนตี 1 ดีเหมือนกัน
สรุปแว่... เหอเหอ ขึ้นเครื่องตีสี่กว่า ไปออกใกล้ตีห้า เห้อออออออ....
เอาล่ะขึ้นเครื่องมา เสริฟก่อนจ้ะ
มาท่ามกลางความมืดมิด มันคือ......
ออมเล็ตจ้า
สีห้าชั่วโมง ก็ถึงเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้มึนเวลาไปหมดแล้ว
ที่เซี่ยงไฮ้ มันต้องไปตรวจ ตม.ใหม่ ถึงจะไม่ต้องใช้วีซ่าก็ตาม มีสแกนกระเป๋าใหม่
แล้วก็เจอบั้ดดี้ที่นี่ (บั๊ดดี้ชื่อวิกกี้) นางวิ่งมาทัก แล้วรีบวิ่งไปขึ้นเครื่องเพราะเหลือเวลานิดเดียว (ตรง ตม.เสียเวลานานมาก คนรอเยอะมาก ขอบอกว่าระบบการรบริหารจัดการไม่โอเคเลย)
เครื่องบินลำที่สองนี้ ก็จะเป็นการเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ไปนิวยอร์กนะคะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมงครึ่ง
ขึ้นมากินอีกละ
อันนี้มันจะหน้าตาคล้ายสปาเก๊ตตี้ แต่เป็นบะหมี่ผัดจ้า อร่อยๆ กุ้งก็อร่อย จะว่าไปอาหารของไชน่าอีส เนี่ยใช้ได้เลยนะคะ แอร์อาจจะดูเฉย ๆ ไม่นิ่มนวลเหมือนแอร์ไทย แต่ก็ใช้ได้ ไม่แย่
กินเสร็จหลับสิคะ รออะไร
พอสักหกโมงเย็นเวลาเซี่ยงไฮ้ เขาก็เสริฟอาหารเย็น (คือมื้อเช้าเมกาสินะ)
อันนี้ข้าวหน้าเนื้อ
ไอ้ซอง ๆ เนี่ยเหมือนเกี้ยมฉ่ายอะไรสักอย่าง ที่ไว้กินกับข้าวต้ม แต่เอวิกินเปล่า ๆ ไม่ได้ ต้องกินกับข้าวต้ม
มีความเค็ม.............
เอาหละ หลับๆตื่น ๆ ตื่น ๆ หลับๆ ผ่านไป 13 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบิน JFK และเนื่องจากเป็นการมาอเมริกาครั้งแรก ก็แอบหวั่น ๆ เวลาไปถึง เขาจะให้เราผ่านเครื่องศุลกากร เป็นเครื่องให้เรากดๆ หน้าจอ (จริงๆ บนเครื่องเขาแจกใบศุลแล้ว ให้กรอก ว่ามีเนื้อไหมอะไรไหม) พอมาถึงเครื่องศุล ก็เป็นคำถามให้ตอบแบบเดียวกับที่ได้บนเครื่องบิน เสร็จแล้วก็ไปอีกเครื่องเป็นเครื่องสแกน ตม. จะให้เราเอาหน้าวีซ่า แนบกับแถบยิงบาร์โค๊ทของเครื่อง เมื่อเครื่องได้ข้อมูลเราแล้วให้ปั๊มลายนิ้วมือ และถ่ายรูป
เสร็จสองเครื่อง ก็ไปเข้าแถวผ่าน พี่ ตม ที่เป็นคน อีกครั้ง ของเอวิ จนท ถามแค่มากี่วัน แล้วก็ไม่ถามอะไรต่อ ออกมาเอากระเป๋า
ได้กระเป๋าก็เจอวิกกี้ รออยู่ตรงที่เรียกแท๊กซี่ นางบอกเข้าเมืองไม่เป็น ว่าจะนั่งแท๊กซี่ไป...
ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเอวิพาไป
ที่พักเราอยู่ห่างกัน 2 block เองค่ะ