ไปสปา Sleeping Beauty spa ผ่อนคลาย หายเมื่อย
เว้นวรรคไม่ได้เขียนเรื่อง spa ตั้งนานเนื่องจากช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาด้วยอะไรด้วยเลยทำให้ไม่ค่อยได้ไปสปาสักเท่าไหร่นักค่ะ แต่ก่อนสปาที่ไปประจำก็จะเป็น สปาไลฟ์ (Spalife) ที่มีโปรแกรมถูกใจก็คือ ขัด แช่นวด(มีอบไอน้ำด้วย) แต่ตอนหลังคอร์สที่เปิดไว้หมด และอย่างที่บอกไม่ค่อยมีเวลาแล้วก็ไม่ค่อยมีตังค์ก็เลยไม่ได้ไปนวดสักเท่าไหร่ มีอยู่วันนึงได้มีโอกาสนัดเพื่อนที่ร้านกาแฟอเมซอน ที่อยู่หลัง กระทรวงสาธารณสุข (ใกล้ ๆ กับ Café debua) ด้านหลังของร้านกาแฟ จะเป็นสปาค่ะ ก็เลยลองไปถามดูตามคอร์สก็จะมีให้เลือกหลายอย่างแล้วก็ราคาไม่แพงมาก เห็นนวดไทยทีนึง ก็ประมาณ300-400 บาท
ด้านหน้าร้านสปาจะอยู่หลังร้านกาแฟ
ครั้งแรกก็เลยซื้อเป็นคอร์ส5 ครั้งเลยค่ะ สามารถเลือก นวดอโรม่า นวดสปอร์ต นวดบาล์ม ขัดผิว ก็ได้ราคาโปรโมชั่นในตอนนั้น 4999 บาท คือตกว่าครั้งละพัน (ครั้งละ 2 ชั่วโมง) น้ำมันนวดที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก 7-8 กลิ่นได้แต่ครั้งแรกเอวิเลือกเป็นขัดตัวก่อนค่ะ เลือกเป็นขัดด้วยสครับครีมกลิ่นน้ำนมข้าวก็หอมพอประมาณใช้ได้ (แต่สู้ relax ตรงรัตนาธิเบศร์ไม่ได้ตรงนั้นใช้สครับหอมกว่าและเม็ดสครับเยอะกว่า ไม่รู้ใช้ของยี่ห้ออะไร)แต่บรรยากาศของสถานที่นี่โอเคมากค่ะ สวยงามน่ารักมาก
ทางไปห้องนวด
มาว่ากันถึงขั้นตอนในการขัดตอนแรกเข้าไปเขาไม่ให้อาบน้ำแฮะ (อิชั้นก็งงๆ บางที่ให้อาบบางที่ไม่ให้อาบ)ทีนี้เปลี้ยนเสื้อผ้าเสร็จ จริง ๆ ก็ไม่น่าเรียกเปลี่ยนเสื้อผ้า มันน่าจะเป็นเปลี่ยนจากใส่เสื้อผ้า ไปใส่กางเกงในสีดำที่เขาเตรียมไว้ให้ จำนวน 1 ตัว แค่นั้น(ระหว่างนั้นห่อผ้าเช็ดตัวอีกทีก็ได้) เปลี่ยนเสร็จ ก็มานอนคว่ำที่เตียงเอาหน้าใส่เข้าไปในช่องที่เตียง พนักงานก็จะมาขัดตัวให้เราค่ะ
เริ่มจากพี่เขาจะเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาวางที่หลังที่ขาเราก่อน อุ่นสบายดีนะคะ ไม่ถึงกับร้อน หลังจากนั้นเขาก็จะกด ๆ นวด ๆ นิดนึงให้ผ่อนคลายจากนั้นก็จะเริ่มทำการขัดผิว
ดอกไม้แขวนหน้าห้องแปลว่ามีคนนวดอยู่ เธอราปิสพูดเพราะมารยาทดี การขัดก็ขัดอย่างสุภาพนิ่มนวลดีค่ะ ค่อย ๆ เปิดบริเวณที่ขัดเป็นส่วน ๆไม่เปิดเผยจนเกินไป (เคยเจอหมอนวดบางคนบางที่ เปิดพรึ่บ แหม่!!) ขัดด้านหลังเสร้จ ก็ให้เรานอนหงาย ระหว่างนั้นก็มีผ้ามาปิดร่างกายปิดหน้าอก และปิดตาเราด้วยอีกชั้นนึงค่ะ (แสงแยงตา) จริง ๆเขาก็หรี่ไฟลงเยอะแหละค่ะ แต่ถ้าบางคนอายน้อยหน่อย ให้เขาเปิดไฟสว่างก็ได้ ก็ค่อยๆ เปิดขัดทีละส่วนเหมือนกัน อิชั้นก็หลับล่ะฮ่ะ ในส่วนหน้าอกก็จะถามก่อนว่าขัดด้วยไหม ขัดเสร็จแล้วให้เราอาบน้ำได้ตามสบายเลยพนักงานจะชงน้ำสมุนไพรเตรียมให้เราไว้ดื่มด้านนอกตอนเสร็จแล้ว
ก็เป็นอันเสร็จออกไปเซ็นชื่อตรงรีเซปชั่นด้านนอก
เสร็จการขัด ครั้งถัดไปเอวิก็มานวดค่ะ เลือกนวดอโรม่า อย่างที่บอกค่ะมีกลิ่นน้ำมันนวดให้เลือกเยอะมาก มีกลิ่นฮิต ๆ พวก ลาเวนเดอร์ ตะไคร้ แน่นอนนอกจากนี้ มีขิง ส้ม ยูคาลิป เซ็นชวัรื รีแล๊กซ์ ฯลฯ จำมาไม่หมดนวดครั้งนี้เอวิเลือกกิลื่นขิง กลิ่นก็ไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ แต่น้ำมันก็ดีใช้ได้อยู่ไม่เหนียวและไม่เหลวเกินไป พนักงานพาเราเข้าห้อง (พวกนวดที่ต้องถอดเสื้อผ้าใส่กางเกงในเขาให้เข้าห้องเดี่ยวค่ะ แต่ถ้านวดไทย นวดห้องรวม (สวมเสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้)
ห้องนวดไทย คราวนี้มานวดก็ให้อาบน้ำก่อนได้
พนักงานที่นวดให้เอวิครั้งนี้ ชื่อกิ๊กค่ะ คุณกิ๊กก็นวดดีใช้ได้เลยทีเดียว การนวดก็เริ่มจากขาทีละขา แล้วขึ้นมาด้านบนคือส่วนหลัง ไหล่ เสร็จแล้วค่อยนอนหงาย สเต็ปเหมือนการขัดตัวค่ะในส่วนหน้าอกก็จะถามก่อนว่านวดไหม จากนั้นก็จะนวดศีรษะให้รู้สึกผ่อนคลาย เสร็จแล้วจะให้ลุกนั่งบนเตียงพนักงานก็จะมานวดหลังให้อีกทีนึง เป็นอันเสร็จ
ยังไม่พอ............ หลังจากนั้นอีก เอวิก็มีอาการปวดแขนมาก ปวดจริง ปวดจังไม่ไหวละ ก็ต้องนวดอีกสักที (หลังจากนวดกับคุณกิ๊กก็เว้นไปนานเลยค่ะ)คราวนี้ขอนวดสปอร์ตดีกว่า การนวดสปอร์ต เป็นการนวดที่ใช้น้ำมันหอมระเหยเช่นเดียวกะอโรมา แต่น้ำหนักรุนแรงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง คือมีการลงศอกด้วย มันส์สะใจกันเลยทีเดียวพี่แกจะเค้นกันจนสะใจ ลืมปวดไปเลย เจ็บเพราะนวดแทน (อ้าว)จากนั้นเอวิก็นวดสปอร์ตมาโดยตลอด จนกระทั่ง
.
เรื่องคราวนี้มันเกิดขึ้นเมื่อต้นปี 57 นี่เองล่ะค่ะ เริ่มจากอาการปวดฟันก่อนเอวิก็ตระเวนหาหมอฟัน ทุกคนตรวจไม่พบอะไร x-ray ก็แล้วผ่านไป 4 หมอฟัน คือมันไม่ใช่ปวดฟันอย่างเดียว มันเป็นความรู้สึกเจ็บตึงแก้มซ้ายทั้งด้านในกระพุ้งแก้ม และด้านผิวนอก เจ็บแค่ครึ่งหน้า ไม่ใช่ไซนัสต่อมน้ำเหลืองใต้หูซ้ายโตเป็นเม็ดเล็ก ๆ กดเจ็บไม่มีไข้ อิชั้นออกจากห้องหมอฟันเดินไปหาหมอระบบประสาท ปรากฏว่าหมอพักร้อน แต่พยาบาลหน้าห้องบอกว่า พี่ว่าหน้าน้องบวม ๆ อาทิตย์ถัดมาเจอพี่เขาอีก เขาก็บอกหน้าไม่ค่อยตึงเท่าอาทิตย์ที่แล้วนะ (เจอกันบ่อย แบบว่าทำงานโรงพยาบาลเดียวกันคิดดูอาการนี้เดินซะทุกแผนกแล้ว ยังคิดว่าถ้าไม่ติดว่ามีต่อมน้ำเหลืองโตจะบอกว่าจะเข้าตรวจจิตเวชละ) สรุปยังไม่ทันได้นัดหมอระบบประสาท ก็มีคนแนะนำให้ไปลองนวดดูเออเนอะ ตอนนั้นคิดแต่ว่า ไม่ได้ไปนวดนานแล้วนี่หว่า ไปนวดดีกว่า
มาเจอ คุณทราย มานวดสปอร์ตให้จับตัวทีแรก คุณทรายบอกว่า เส้นตึงมาก คือตอนแรกเขาถามว่า ปวดตรงไหน ก็บอกปวดแขนนวดไปนวดมาตึงหมด!! แต่คุณทรายดีอย่าง ไม่ต้องบอกนวดโดนทุกจุด โดนเส้นที่หมอนวดบางคน ต้องบอกว่า ปวดตรงนี้ค่ะ แต่คุณทรายไม่ต้องเลยพอนวดไปถึงสะบัก รู้สึกเองเลยว่ามันตึงไปหมด ถึงแขนถึงหัวเลยเลยบอกว่าปวดหน้าด้วย นวดไปนวดมา หายอ่ะ !! คือไอ้ที่ปวดฟันมาทั้งหมดมันหาย!!! แต่คุณทรายก็แนะนำให้มานวดทุกอาทิตย์หลังจากนั้นก็มานวดติดกันเป็นเวลา 3 อาทิตย์ต่อเนื่องปรากฏว่าหายไปมากอย่างเห็นได้ชัด ไม่อยากจะเชื่อ รอบหลัง ๆคุณทรายก็แนะนำให้นวดบาล์ม โดยการนวดบาล์มก็เหมือนกับนวดยาหม่องแต่มันไม่มีกลิ่นเหมือนยาหม่อง (ไม่เอาอ่ะ เค้าชอบกลิ่นยาหม่อง) แต่มีความร้อนเหมือนยาหม่องและใช้น้ำมันหอมระเหยที่อุ่นจนร้อนแล้วนวดร่วมด้วย
(อุ่นกันแบบนี้เลย ส่วนกระปุกฝาเงิน ๆ นั่นคือบาล์มค่ะ) สไตล์การนวดบาล์มไม่ได้หนักหน่วงเหมือนนวดสปอร์ตคือจะมีการนวดทั่วตัวโดยน้ำมัน แต่จะลงบาล์มในส่วนที่มีปัญหาของเอวิจะเป็น.........เอิ่ม....ก็เป็นเกือบทั้งตัว แรก ๆ เป็นแขนซ้าย ไปๆ มา ๆมันเป็นขวาด้วย แต่จุดที่ปวดรันทดขนาดไปถึงแก้มก็จัดว่าทุเลาลงเยอะค่ะ
ยังไม่จบแค่นี้ วันก่อนไปนวดเพื่อนไปด้วย ได้คุณนุชนวดให้ ฝีมือดีพอ ๆ กับคุณทราย คุณนุชยังแนะนำให้นวดไทยด้วยแต่ยังไม่มีโอกาสลองเลยค่ะ
วันนี้ก็ขอจบแค่นี้ก่อนถ้าไปนวดไทยมา จะมาเล่าให้ฟังนะคะ
ก่อนกลับแวะไปดูบ่อปลาคาร์ฟนิดนึง
คราวหน้าไปนวดอะไรที่ไหน จะมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
Create Date : 04 กรกฎาคม 2557 |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2560 14:39:57 น. |
|
0 comments
|
Counter : 9598 Pageviews. |
|
|