ผู้ที่ควรแก่การยกย่องและเคารพ คือผู้ที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม มิใช่ผู้ที่ทรงอำนาจ แต่ไร้คุณธรรม "ป๋วย อึ้งภากรณ์"
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
27 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
ความเครียดและวิธีการคลายเครียด

ตัดสินใจไม่ถูกว่าเรื่องเนี้ยควรเป็นเรื่องเกี่ยวกับการงานหรือสุขภาพดี แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้วว่าควรเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพค่ะ

เห็นเพื่อนหลายคนเครียดเรื่องงานบ้าง เรื่องชีวิตบ้าง
เรื่องการเมืองบ้าง (แต่ตัวเองไม่เครียดนะเรื่องนี้ แค่สนใจเฉยๆ ทำใจได้) โดยเฉพาะตัวเองพักนี้ทำงานแล้วรู้สึกตึงๆ เลยต้องมาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องความเครียดและวิธีคลายเครียดกันซะหน่อย ไหนๆ ก็ค้นมาแล้ว เลยถือโอกาสเอามาฝากกันค่ะ





เราเริ่มต้นจากเรื่องความเครียดจากการทำงานกัน
ข้อมูลนี้ตัดตอนมาจากบทความเรื่อง "การบริหารสุขภาพพนักงาน" โดยคุณกฤษณเนตร พันธุมโพธิ ค่ะ

การคลายเครียด ( Stress Management )

ในต่างประเทศมีผู้ทำการศึกษาค้นคว้า พบว่า หนึ่งในสี่ของคนทำงานต่างเจ็บป่วยและว้าวุ่นใจ อันเนื่องจากความเครียด ทำให้ประสิทธิภาพการทำงาน
ลดลง บริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่งจึงมีแผนงานที่จะแก้ไขปัญหานี้

ความเครียดเป็นปฏิกริยาต่อความต้องการของคนที่ไม่อาจระบุให้ชัดเจนได้ เป็นผลที่แตกต่างกันแต่ละคน ผู้จัดการ ธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งมีอาการผื่นแดงตามใบหน้า ลำตัว แขนและขา อาจารย์คนหนึ่งเป็นหัวหน้าภาควิชาของวิทยาลัยอาชีวศึกษา เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ทั้งคู่ต้องหยุดงาน แพทย์ที่รักษาได้แต่ให้ยาลดอาการ เพราะไม่ใช่อาการที่เกิดจากโรค

ความจริงความเครียดเล็กน้อยช่วยส่งเสริมให้ผลิตภาพสูงขึ้น และช่วยทำให้คนคิดค้นสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น แต่คนรับความเครียดได้ไม่เท่ากัน และรับสภาวะความเครียดยืดเยื้อนานไม่เท่ากัน ถ้าความเครียดรุนแรงและเนิ่นนานก็จะเป็นอันตราย อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ ทำให้ผลิตภาพลดลง บางคนอาจเลือกระงับความเครียดด้วยการดื่มสุรา หรือใช้สารเสพติด หรือไม่เข้าทำงาน หรือเป็นเหตุให้สุขภาพเสื่อมลงซึ่งในที่สุดนำไปสู่ การเสียชีวิต ด้วยโรค
ความดันโลหิตสูง เส้นโลหิตแตก หัวใจล้มเหลว เป็นแผลในกระเพาะ
มะเร็ง โลหิตจาง จนบางรายอาจถึงขั้นกระทำ อัตวินิบาตกรรม

อันที่จริงแล้วลักษณะงานบางอย่างอาจทำให้เกิดความเครียดยิ่งกว่างานบริหาร ผู้จัดการควรเอาใจใส่ เนื่องจากพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป
เชื่อมโยงไปถึงสุขภาพ จึงต้องได้รับการเยียวยารักษา ที่สังเกตเห็นได้บ่อย ๆ
เช่น การตัดสินใจช้าลง เกิดความลังเล พฤติกรรมแข็งกระด้าง หยุดงานบ่อย ๆ ความเชื่อมั่นในตนเองลดลง เป็นปัญหาที่ผู้บริหารฝ่ายบุคคลต้องแก้ไข
เพราะมีผลกระทบต่อ การพัฒนาอาชีพ

แม้ว่าความเครียดจะเป็นปัญหาสำคัญที่ฝ่ายบุคคลต้องประสบ แต่ก็อาจจะเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ หากมีความตื่นตัว และยอมรับว่าเป็นปัญหาที่จะต้องแก้ไข

Burnout

กาญจนา เป็นหัวหน้าส่วนของธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง เธอต้องควบคุมดูแลงานที่สำคัญ มีลูกน้องอยู่สามสิบคน เธอรู้สึกสนุกอยู่กับงาน ผลงานดี
และเงินเดือนขึ้นดีมาตลอด จนวันหนึ่งผู้อำนวยการฝ่ายได้เรียกให้เข้าไปพบ
และแจ้งว่า เธอกำลังจะได้ย้าย ไปทำหน้าที่ผู้จัดการสาขาในไม่ช้า
เพื่อให้เธอได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ต่างไปจากงานในขณะนั้น


ข่าวนี้แพร่ไป เพื่อน ๆ ต่างมาแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ แต่คำตอบของเธอทำให้หลายคนประหลาดใจ “ มันคงจะเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะฉันคงทำงานนี้ไม่ได้ ฉันหาเงินฝากไม่เป็น “

กาญจนาไม่รู้ตัวว่า อะไรทำให้เธอเหนื่อยล้า เธอเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงอนาคตด้วยความวิตก นอนไม่หลับ จนต้องพึ่งยา สุขภาพของเธอทรุดลงทันที เธอรู้สึกว่าความสนุกเพลิดเพลินกับงานถึงเวลาที่สิ้นสุดแล้ว กาญจนาเป็นเหยื่อรายหนึ่งที่มีอาการ ที่เรียกว่า
Burnout

Burnout เป็นสภาวะของความเหนื่อยล้า ความว้าวุ่นใจ
ซึ่งเกิดจากวิถีชีวิตที่ไม่ได้คาดคิด
Burnout มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางชีวิตการทำงาน หรือวัยกลางคน ซึ่งอาจจะเกิดหลายครั้งและแต่ละคนก็ต่างกัน ปัจจัยที่สำคัญ ก็คือ ความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง เมื่อคนทุ่มเทเพื่อเป้าหมายของชีวิตให้สมหวังจนเกินไป ก็จะประสบความผิดหวังไม่ว่าจะทำอะไรสำเร็จแค่ไหน และเมื่อเกิดขึ้น ก็จะทำให้คนไม่มีกำลังใจจะทำงานต่อไป บางคนอาจจะพยายามซ่อนความรู้สึก
แต่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เนื่องจากความไม่สมหวัง
บางคนอาจแสดงอาการ โดยการทำอะไรช้าลง ผลัดวันประกันพรุ่ง
หรือแม้แต่ตรงกันข้าม คือ ทำอะไรชุ่ย ๆ ให้จบ ๆ ไป คัดค้านทุกเรื่อง
หรือ paranoia ย้ำคิดย้ำทำ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง

บางอาชีพที่คนคาดหวังไว้มาก เช่น ครู หรือที่ปรึกษา อาจจะประสบกับอาการ Burnout ได้ง่าย เพราะลักษณะของงาน ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เก่ง รอบรู้ มีพฤติกรรมดี นิสัยดี ช่วยแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง หรือแม้แต่บุคลิกภาพก็ต้องมีบุคลิกภาพดี Burnout อาจจะเกิดกับคนที่ต้องทำงานร่วมกับคนที่มีอาชีพที่มีความเครียดสูง เช่น พนักงานขาย พนักงานขายประกัน
ที่มีเป้าหมายการทำงานที่ต้องทำให้ได้ ในบริษัทที่ประสบภาวะวิกฤติ

เมื่อไม่นานนี้ อาการ Burnout เกิดขึ้นมากเพราะนโยบายการลดคนทำงาน การเปลี่ยนตัวเจ้าของกิจการ ต้องลดสวัสดิการ หรือถูกตัดการทำงานล่วงเวลา ทำให้รายได้ลดลง

ลูกจ้างทั่วไปก็จะประสบอาการ Burnout ได้โดยไม่มีข้อยกเว้น ผู้ตกอยู่ในฐานะเช่นที่ว่านั้น อาจทำให้เกิดความกดดันขึ้น แก่งานที่ทำงานร่วมกัน
ทั้งกลุ่มได้ อาการนี้รุกรามเร็วมาก และเมื่อเกิดแล้วยากที่จะหยุดยั้งได้

สัญญาณเตือนภัยของ Burnout คือ 1. แพ้อะไรได้ง่าย 2. ขี้ลืม
3. พะว้าพะวัง 4. เหนื่อยล้า 5. ผัดวันประกันพรุ่ง 6. ตึงเครียด หรือ
7. ดื่ม (สุรา) หรือใช้ยาเกินไป อาการนี้อาจรวมทั้งปัญหาทางสุขภาพ
เช่น ปวดหลัง ปวดศีรษะ ไมเกรน ผู้ที่อยู่ในอาการ
Burnout อาจจะคลุ้มคลั่ง ฉุนเฉียว หรือทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้

Burnout จึงเป็นปัญหาที่ต้องป้องกันและแก้ไข ผู้บริหารงานบุคคล ต้องตระหนักถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดที่เกิดได้ ทั้งภายในองค์การนั้นเอง และสาเหตุจากภายนอกองค์การ

ความเครียดเกิดจากอะไร

ไม่ว่าความเครียดจะเกิดที่ไหน และเกิดจากอะไร ต้องรู้ว่าบางอย่างไม่อาจป้องกันหรือแก้ไขได้ แต่บางอย่างทำให้ เบาบางลงได้

เรื่องภายในครอบครัว ความสุขและความมั่นคง ชีวิตครอบครัว เป็นปัจจัยที่สำคัญ ผลก็คือ เกือบครึ่งหนึ่งของชีวิตการแต่งงานจะจบลงด้วยการหย่าร้าง ซึ่งนำไปสู่ความเครียด ยิ่งเมื่อหย่าแล้วยังมีลูกที่ต้องเลี้ยงดูก็ยิ่งลำบากขึ้น

ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางการเงินเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ง่าย
เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้ ทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสิน หลายคนควบคุมค่าใช้จ่าย
ของตนเองไม่ได้ ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย บางคนอาจประสบเคราะห์กรรม
โดยอุบัติเหตุ ต้องใช้จ่ายเงิน จำนวนมากเกินกว่าเงินที่ได้สะสมไว้
แต่ละเดือนจะมีอยู่ หนี้สินนี้จะเร่งทำให้เกิดความเครียดได้มาก
อาจนำไปสู่การหย่าร้าง และทำให้ผลงานตกต่ำ บางคนถึงขั้น
ฆ่าตัวตายก็เกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ


สภาพความเป็นอยู่ คนเลือกเกิดไม่ได้ บางคนเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน อยู่ในสภาพที่แออัด มีมลพิษ ไม่มีเครื่องอำนวย ความสะดวกสาธารณูปโภคพื้นฐาน การเดินทางไปทำงานวันหนึ่งต้องทนอยู่ในรถที่มีผู้โดยสารแน่น และใช้เวลาเดินทางมาก จนถึงบ้านค่ำมืดดึกดื่น ต้องเสี่ยงต่ออันตรายที่เกิดจากคนร้าย มิจฉาชีพ คนที่อยู่ในชนบทจะไม่ประสบปัญหานี้ แต่ก็ต้องแลกเอาด้วยรายได้ที่ต่ำกว่า ล้วนเป็นที่ทำให้เกิดความเครียดได้

วัฒนธรรมขององค์การ
วัฒนธรรมขององค์การเป็นสิ่งที่ทำให้คนเครียดได้มาก
ผู้บริหารสูงสุดในบริษัทเป็นผู้กำหนดบรรยากาศในบริษัท
ผู้บริหารสูงสุดจะกดดันผู้ใต้บังคับบัญชาโดยไม่รู้ตัว
เขาไม่เคยปล่อยให้ลูกน้องคิดอะไรได้เอง อำนาจทั้งหมด ขึ้นอยู่กับ
ผู้บริหารสูงสุดคนเดียว ซึ่งเรียกร้องแต่ผลงาน คนทำงานจะถูก
ถ่ายทอดวัฒนธรรมที่ได้เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดความบีบคั้น ทั่วทั้งบริษัท


แม้ว่าองค์การที่มีวัฒนธรรมองค์การที่เอื้ออารีต่อคนทำงานก็ยังไม่อาจ
หลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากสภาวะการแข่งขันในทางธุรกิจบีบบังคับ
บุคลิกภาพของคนทำงานแต่ละคนต่างกันเมื่อผสมผสานกับ
ค่านิยมและความเชื่อที่แตกต่างกัน จะทำให้เกิดปัญหา
ในการสื่อความภายในองค์การ ซึ่งนำไปสู่ความเครียดได้


ความไม่เข้าใจในบทบาทของตนเอง (Role Ambiguity)เกิดขึ้นเพราะพนักงานไม่เข้าใจขอบเขตของงานที่ต้องรับผิดชอบ คนทำงานจะเครียด เพราะไม่ได้ผลงานตามที่หัวหน้าคาดหวัง หรืออาจต้องทำงานที่เป็นหน้าที่ของคนอื่น แต่หัวหน้ายัดเยียดให้ทำ สถานการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นเพราะต้องทำงานมากกว่าที่ควรจะทำ คนทำงานจะรู้สึกไม่มั่นคง และไม่รู้ว่าตนเองควรต้องทำอะไร เนื่องจากไม่มี Job Description ไม่มีระบบการประเมินผลงานที่โปร่งใส และเข้าใจได้

บทบาทที่ขัดแย้งกัน ความขัดแย้งของบทบาท เกิดขึ้นเมื่อคนทำงานถูกบรรจุลงในตำแหน่งที่ต้องมีเป้าหมายที่ขัดแย้งกัน เช่น ผู้จัดการจะต้องเพิ่มผลผลิตแต่ขณะเดียวกันต้องลดจำนวนบุคลากรลง การที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมาย
ทั้งสองอย่างเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย จึงเกิดความเครียดขึ้น


งานมากจนล้นมือ เมื่อคนทำงานถูกใช้ให้ทำงานเกินกว่าที่จะทำได้นั้น จึงกลายเป็นผู้รับกรรมจากงานล้นมือ ปัญหาก็คือ คนที่ทำงานดี ทำงานเก่งในบริษัทจะต้องประสบกับเหตุการณ์นี้ ถ้าพนักงานมีประวัติว่าเขาทำงานได้มากขึ้นและผลงานก็ดีด้วย นายก็มักจะใช้ให้ทำงานมากขึ้น เมื่อมีงานมากขึ้นจนถึงที่สุด การมีงานทำจนล้นมือ จึงนำไปสู่ภาวะ Burnout

สภาพการทำงาน สภาพของสถานที่ทำงานรวมถึงเครื่องจักร เครื่องมือต่าง ๆ เป็นต้นเหตุของความเครียดได้ การที่คนทำงานต้องทำงานในที่แออัด เสียงดังเกินสมควร แสงสว่างไม่พอ หรือเครื่องจักรเก่าไม่มีการดูแลซ่อมบำรุงตามระยะ เป็นผลให้ขวัญกำลังของพนักงานตกต่ำ การที่เครื่องไม้เครื่องมือมีไม่พอ หรือไม่มีเครื่องมือที่ใช้เฉพาะงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้คนทำงานเครียดได้ เช่น ต้องส่งรายงานให้ผู้จัดการภายในกำหนดเวลา
แต่เครื่องถ่ายสำเนาเสียเพราะเก่าและใช้งานมาก เป็นต้น ยิ่งปรากฏว่า
คนที่ทำงานกับเครื่องจักรเก่า ๆ ประสบอุบัติเหตุบ่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้
คนที่อยู่เครื่องจักรรู้สึกเครียดที่ต้องทำงาน เสี่ยงต่ออันตราย

งานที่เป็นปัญหาการจัดการ โดยธรรมชาติงานของผู้จัดการเป็นงานที่ทำให้เครียด จากประสบการณ์ของที่ปรึกษาธุรกิจ ครึ่งหนึ่งของผู้จัดการต้องอยู่สภาวะเครียดโดยไม่สมควร เขาต้องรับผิดชอบต่อคนทำงาน
ต้องประเมินผลงาน ต้องประสานงานในการแจ้งให้ทราบการลดคนทำงาน
ต้องให้คำปรึกษาในการหางานข้างนอกให้คนทำงานที่ถูกเลิกจ้าง
ทำให้เครียด ผู้จัดการจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด
เพื่อให้ได้ผลงาน ตามที่ถูกกำหนดโดยเป้าหมาย


สิ่งที่สำคัญก็คือ ผู้จัดการต้องตระหนักถึงที่มาของความเครียด และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ก็คือ ต้องมีโปรแกรม ที่จะจัดการกับการทำให้
เกิดความเครียดอย่างได้ผลจริงจัง


เมื่อรู้จักกับความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเครียดจากการทำงานกันแล้ว ต่อจากนี้ไปเป็นเรื่องของวิธีการคลายเครียดค่ะ

ความรู้นี้มีแหล่งที่มาจาก //www.ku.ac.th/e-magazine - นิตยสารเกษตรศาสตร์ ฉบับที่ 41 พฤศจิกายน 2546 ค่ะ

การคลายเครียดในภาวะปกติ เป็นวิธีการคลายเครียดที่คนทั่วไปนิยมปฏิบัติ โดยมักเลือกปฏิบัติในวิธีที่เคยชิน ถนัด หรือชอบ และสนใจ ทั้งนี้เพียงเพื่อให้ความเครียดลดลง รู้สึกสบายใจมากขึ้น เช่น

1. หยุดพักการทำงาน หรือกิจกรรมที่กำลังทำอยู่นั้นชั่วคราว ลุกขึ้นไปดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ ยืนยืดเส้นยืดสาย สะบัดแขนขา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

(เอ้า อ่านถึงตรงนี้ใครรู้สึกเครียด ลุกขึ้นไปผ่อนคลายอิริยาบถได้แล้ว เดี๋ยวค่อยมาอ่านต่อก็ได้นะ...)

2. ทำงานอดิเรกที่สนใจหรือถนัดและชื่นชอบ จะทำให้เกิดความรู้สึกเพลิดเพลิน สนุกหรือมีความสุข ลืมความเครียดที่มีอยู่ไปขณะหนึ่ง ทำให้ไม่หมกมุ่นกับปัญหาที่ทำให้รู้สึกเครียดได้
งานอดิเรกมีหลายประเภท เช่น
• เล่นดนตรี ร้องเพลง เต้นรำ ฟังเพลง
• ทำงานศิลปะ งานประดิษฐ์
• ปลูกต้นไม้ ขุดดิน ทำสวน
• ตกแต่งบ้าน ตัดเย็บเสื้อผ้า
• เขียนหนังสือ เขียนบันทึกต่างๆ อ่านหนังสือ
• ดูโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ฟังวิทยุ

3. เล่นกีฬาหรือบริหารร่างกาย ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เตะตะกร้อ เล่นเทนนิส แบดมินตัน เตะฟุตบอล โดยเลือกเล่นกีฬาที่ชอบหรือถนัด

4. พบปะสังสรรค์กับเพื่อนที่ไว้วางใจ ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกัน เช่น การรวมกลุ่มพูดคุยเรื่องที่สนุกสนาน อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนที่อารมณ์ดี สร้างอารมณ์ขันให้กับตนเอง เพื่อให้เกิดความรู้สึกเพลิดเพลินและผ่อนคลาย

(ข้อนี้ มี comment ค่ะว่า ควรดูอารมณ์เพื่อนด้วยว่ากำลังคุยเรื่องสนุกสนานหรือเปล่า เค้าพบปะสังสรรกันเรื่องเครียดๆ อย่าเข้าไปเชียว)

5. พักผ่อนให้เพียงพอ คนที่เครียดมักจะมีอาการนอนไม่หลับ หลับยาก หรือหลับแล้วตื่นกลางดึก ฝันร้าย ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย การที่จะทำให้กลางคืนมีการนอนหลับที่ดีนั้น สิ่งสำคัญคือ ควรหลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน และอย่ากังวลว่าจะนอนไม่หลับ ให้เข้านอนเป็นเวลา และหากไม่ง่วงนอน ก็ให้หากิจกรรมบางอย่างทำไปก่อน เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ฟังวิทยุ เป็นต้น

(ตรงนี้มีเพิ่มเติมค่ะว่า การทำสมาธิก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
เพราะเมื่อใจสงบเราก็จะมีโอกาสทบทวนการกระทำที่ผ่านมาทั้งวันว่าอะไรควรปรับปรุงแก้ไข ใจสงบแช่มชื่นแล้วจะนอนหลับสบายค่ะ)

6. ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานหรือที่บ้านให้เหมาะสม เช่น
จัดเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ ทำความสะอาดบ้านและที่ทำงานให้ดูดีขึ้น
ซึ่งหากสิ่งแวดล้อมดูสะอาด เรียบร้อย และสวยงามน่าอยู่แล้ว
ย่อมทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีและช่วยลดความเครียดลงได้


(แต่อาจจะเพิ่มความเครียดขณะจัดให้เรียบร้อยนั่นแหละ คือเปลี่ยนจากเครียดเรื่องอื่นมาเครียดเรื่องจัดข้าวจัดของแทนไงหละ)

7. เปลี่ยนบรรยากาศชั่วคราว ในบางครั้งที่เราอาจคร่ำเคร่ง หรือเคร่งเครียดกับการทำงาน หรือกิจกรรมบางอย่างมาก ๆ อาจทำให้เกิดความรู้สึก
เบื่อหน่าย ซ้ำซาก จำเจเกินไป จนทำให้ไม่มีความสุข ดังนั้น
การเปลี่ยนบรรยากาศชั่วคราวด้วยการชักชวนคนในครอบครัว
หรือเพื่อนฝูงออกไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติ หลีกหนีบรรยากาศที่จำเจไปชั่วคราว หยุดงานชั่วขณะ หยุดพักผ่อนบ้าง
เดินทางไปสถานที่ที่ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และเพลิดเพลิน
สักระยะหนึ่ง จะทำให้ความตึงเครียดลดลง
และพร้อมที่จะลุยงานต่อไปได้ใหม่


สิ่งสำคัญที่ควรระลึกถึงคือ การหลีกเลี่ยงการกระทำที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การดื่มสุรา สูบบุหรี่ เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน กินของจุกจิก หรือใช้ยาเสพติด เพราะนอกจากจะทำลายสุขภาพแล้ว ยังอาจทำให้มีปัญหาอื่น ๆ ตามมามากมาย เช่น เสียทรัพย์สินเงินทอง เกิดความขัดแย้งไม่เข้าใจกับคนในครอบครัว เป็นต้น

(สิ่งเหล่านี้เป็นอบายมุข หรือปากทางแห่งความเสื่อมด้วยค่ะ บางอย่างก็ผิดศีลเป็นบาปด้วยนะ จะบอกให้)

จับแพะชนแกะเสร็จแล้วค่ะ
หวังว่าเรื่องที่เอามาฝากันคงจะมีสาระประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะค่ะ
ไว้วันหลังเราค่อยมาคุยเรื่องเครียดๆ (ของคนอื่น) คือเรื่องการเมืองกันใหม่ค่ะ วันนี้ขอคั่นด้วยบล็อกคลายเครียดนี้ไปก่อนแล้วกันนะคะ สวัสดีค่ะ





Create Date : 27 เมษายน 2550
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 9:15:23 น. 10 comments
Counter : 1129 Pageviews.

 

๙๙๙เจิม๙๙๙


แวะมาแอดบล็อกค่า^0^
เพลงเพราะมากมายเลย ช๊อบชอบอ่ะ ^^



โดย: pataramin วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:9:23:51 น.  

 
สัญญาณเตือนภัยของ Burnout คือ 1. แพ้อะไรได้ง่าย 2. ขี้ลืม
3. พะว้าพะวัง 4. เหนื่อยล้า 5. ผัดวันประกันพรุ่ง 6. ตึงเครียด หรือ
7. ดื่ม (สุรา) หรือใช้ยาเกินไป อาการนี้อาจรวมทั้งปัญหาทางสุขภาพ
เช่น ปวดหลัง ปวดศีรษะ ไมเกรน ผู้ที่อยู่ในอาการ Burnout อาจจะคลุ้มคลั่ง ฉุนเฉียว หรือทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้

เอ่อ.. คือ..ไม่อยากบอกเลยว่าเข้าทุกข้อเลยอ่ะ


โดย: pataramin วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:9:27:02 น.  

 

จะมาประเดิมซะหน่อย ไม่ทันซะแหละ
ก็คิดถึงจริงๆ นะซิจ๊ะ คุณนายมือหอม



โดย: แวะมาก่อนไปทำงาน (ALFA-TANGO ) วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:9:43:45 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีมาก ๆ เลยค่ะ นางฟ้ากะลังเครียดพอดีเชียว


โดย: นางฟ้าแก่แก่ วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:9:49:14 น.  

 
เนื้อหาเป็นประโยชน์สำหรับหน้าร้อนมั่กๆครับ
เพราะบางที ยิ่งร้อนก็ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งเครียด


โดย: Commencer วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:12:34:56 น.  

 
โอ๊ย กลัวฝนเปียก (อย่าอ่านผิดเด็ดขาด)
ว่าแล้วก้อหลบเข้าบ้านดีก่า อิ อิ

โดย: หอมกร 27 เมษายน 2550 7:21:02 น.
*************************************

น้องมือหอมป้าหู้น่ะสายตายาว..
รับลองอ่านไม่ผิดแน่ๆ ฝันเปีบก...เอ้ยฝนเปียกใช่ม้า...
แล้วเรื่องสุขภาพล่ะคะผอมลงยังคะ
ดูแลสุขภาพด้วยน้า..จุ๊บ..จุ๊บ..


โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:21:58:39 น.  

 
ขอบคุณจ้า ที่เอาความรู้ดีๆมาฝากกัน

น่าสนใจดี เพราะบางทีเครียดเหมือนกัน บางทีจะบ้าตาย..

เพลงเพราะดีนะคะ ...ฟังแล้วสบายใจดี...

สวัสดีวันเสาร์ยามดีกๆๆ หรือว่าวันอาทิตย์ดี อาทิตย์สินะ

เพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์ ...

นอนให้หลับฝันดีนะคะ....

นางฟ้าคุ้มครอง...


โดย: สาวตาสวย.. IP: 76.105.182.121 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:2:26:39 น.  

 
โอ้ จะมีใครห่วงใยสุขภาพเราเท่าป้าหู้
น้ำหนักยังเยอะอยู่ค่ะ วนเวียนอยู่ตรง 80 นั่นแหละค่ะ (น้ำหนักนะคะไม่ใช่อายุ)
ตอนนี้เริ่มมีปวดๆ เข่าบ้างแล้วหละ
สงสัยจะแก่ได้ที่แล้วค่ะ อิ อิ
สมน้ำหน้าตัวเอง อย่างน้ำหนักมาก

โดย: หอมกร 28 เมษายน 2550 20:43:28 น.
*************************************

โถ..โถ..โถ..อย่าน้อยใจไปเลยจ่ะ...
เพราะป้ามีความรู้สึกว่าน้องมือหอมเป็นเสมือนน้องเสมือนญาติสนิทป้าคนนึงทีเดียว
ถ้าเข้าบล๊อกมาเนียะต้องเวะมาเยี่ยมก่อนเลยละ
เมื่อวันก่อนป้าหู้ไปรพ.กะป้าแมวป้าก็ไปหาหมอเหมือนกัน
บุรุษพยาบาลเค้าก็ให้ช่างนน.
พอเห็นนน.ตัวเองก็กระซิบว่าอย่าพูดเสียงดังนะ
หนอยแน่ะ..พ่อรูปหล่อพูดเสียงดังฟังชัด.."..แปดสิบ.."
แหมถ้าน้องมือหอมสูงเท่าป้า(153..)
เดินคู่กันคงเหมือน....แค่คิดก็ขำก้ากและ...
*************************************
*************************************

เพื่อนของป้าหู้ คนที่ 63

ลืมเล่าให้ฟังค่ะว่าวันนี้จัดดอกไม้บูชาพระ
เผลอเอากรรไกรไปขลิบนิ้วตัวเองเข้า
เลือดกระฉุดเลยค่ะ ดีว่าไม่ต้องถึงกับต้องเย็บ และเนื้อไม่ขาด ไม่งั้นสงสัยนิ้วแหว่งแหงๆ เห็นนิ้วเป็นก้านดอกไม้ไปได้ ได้เลือดเลยเรา อิ อิ

โดย: หอมกร 28 เมษายน 2550 20:46:47 น.
*************************************

แหมจะชมว่าถึงจะนน.80แต่นิ้วชั้นน่ะ..เรียวยาวสวยนะจ๊ะ
เชื่อจ่ะเชื่อ...
ทีหน้าทีหลังต้องระวังนะจ๊ะ เด๋วนิ้วจามีตำหนิซะอีก...
เกิดชาติหน้าต้อง"สวยงามดั่งนางฟ้าแน่ๆเลย"
ส่วนป้าก็คงอ้วนดำเหมือนเดิมเพราะไม่ค่อยได้จัดดอกไม้ถวายพระเท่าไร
เพราะหนั่งพับเพียบมะค่อยลง...พับทีไรแผ่ทุกทีเลยอ่ะจ่ะ
เลยได้แต่กราบที่หมอนทุกๆวันเท่านั้นเอง
ส่วนดอกไม้ก็เป็นหน้าที่แม่บ้านไป
อ้อเกือบลืม"ป้าเอาบุญมาฝากนะคะ..."
เมื่อวานไปทำบุญสงกรานต์ประจำปีที่วัดมหาธาตุมาอ่ะจ่ะ...


โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:9:03:11 น.  

 
ขอบคุณค่ะสำหรับเรื่องราวดีดีๆ ไม่เครียดค่ะเดี๋ยวหน้าแก่


โดย: Hawaii_Havaii วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:9:29:05 น.  

 
ตอนนี้อยู่ลำปางค่ะ เข้าใจว่าอยู่ใกล้บ้านคุง jewnid กะปุ๊ด เดียวเอง แต่นิดดั๊นนน ไปกรุงเท่บ เสียฉิบ

เหอ เหอ เป็นคนจริงจังไหม ใช่ไหมคะ อึ่มมม ก็น่าจะน๊ะ จริงจังแอนด์จริงใจ ฟังดูดีไหมก๊ะ

แต่เอาเป็นว่า ความเครียดมาเยือนอยู่เป็นเนือง ๆ ทีเดียวล่ะค่ะ เวลาไม่สบายไปหาหมอทีไร หมอมักถามว่า เครียดไหม พักผ่อนไม่พอใช่ไหม โห งี้อิฉันก็เป็นหมอได้น๊ะ



คนเราหน่ะ บางทีเครียดทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวเลยเน๊อะ

ขอบคุณพี่หอมกรที่เตือนสตินะคะ เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัดเน๊อะ แถมพี่อาบน้ำร้อนมาก่องด้วยจ้า

วันพุธเจอกันอีกทีค่ะ นุทลาวันจันทร์ด้วย งุงิ งุงิ


โดย: นุทตี้ มะได้ล๊อคอิน IP: 222.123.210.107 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:17:10:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หอมกร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 64 คน [?]




ทำงานราชการมีจิตใจรักชาติไม่น้อยกว่าใคร จากเดิมทำบล็อกหลากหลายที่ตนเองสนใจ ปัจจุบันเน้นแปะเรื่องราวจากภาพยนตร์ไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการตัดสินใจไปดู
Hello ! Hello ! Hello ! ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมเยียนจ้า
Friends' blogs
[Add หอมกร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.