Bloggang.com : หอมกร : กิมจิเกาหลี : อาหารดีมีประโยชน์ที่ควรทราบจ้า

กิมจิเกาหลี : อาหารดีมีประโยชน์ที่ควรทราบจ้า

ตั้งแต่มนุษย์เริ่มทำการเพาะปลูกมานั้น
ผักเป็นที่ชื่นชอบเนื่องจากมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย
อย่างไรก็ดีในฤดูหนาวเมื่อการเพาะปลูกไม่เอื้ออำนวย
จึงได้นำไปสู่การพัฒนาการการถนอมอาหาร
โดยวิธีการหมักดอง กิมจิซึ่งเป็นผักดองชนิดหนึ่ง
จึงถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 7

กำเนิดการใช้พริกเผ็ดป่น
แรกทีเดียว กิมจิเป็นผักดองเค็มดีๆ นี่เอง
แต่ในระหว่างศตวรรษที่ 12 ได้มีการทำกิมจิในรูปแบบใหม่
ที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศและเครื่องปรุงรส
และในศตวรรษที่ 18 พริกเผ็ดป่นก็ได้มาเป็นส่วนผสม
ที่สำคัญของกิมจิในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขอขอบคุณ
การนำเอากะหล่ำปลีเข้ามาในศตวรรษที่ 19
มาทำเป็นกิมจิซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในปัจจุบันนี้

ที่มาของชื่อกิมจิ
เป็นที่น่าสงสัยกันมาตลอดว่าชื่อกิมจินี้คงมาจากคำว่า ชิมเช
(Shimchae) (ผักดองเค็ม) แต่ด้วยสำเนียงที่เปลี่ยนไป
ก็จะกลายเป็น: ชิมเช - คิมเช - กิมเช - กิมจิ

ทำไมกิมจิถึงได้มีการพัฒนาในประเทศเกาหลี
ในโลกนี้มีอาหารประเภทผักหมักดองไม่กี่ชนิด
เหตุผลเป็นไปได้ว่ากิมจิได้รับการพัฒนาเป็นอาหารหมักขึ้นชื่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเกาหลีมีดังนี้:

1) ผักต่างๆเป็นที่นิยมของคนโบราณในประเทศเกาหลี
การผลิตที่สำคัญคือการเกษตรกรรม
2) ชาวเกาหลีมีวิธีการที่น่าทึ่งในการหมักปลาเพื่อใช้เป็นเครื่องปรุงรส
3) กะหล่ำปลี (Brassica) ซึ่งเหมาะในการทำกิมจิมีปลูกอยู่ทั่วไป

มีการบอกเล่ากันมาว่าการพัฒนากิมจิมีรากฐานมาจาก
สมัยนิยมการถือครอบครองที่ดินสำหรับพระ
ซึ่งเริ่มมีมาก่อนสมัยของสามอาณาจักรบนคาบสมุทรเกาหลี
เนื่องจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บนั้น ผู้คนในสมัยนั้น
จำต้องรู้วิธีการถนอมอาหารประเภทผักเพื่อเก็บรักษาไว้

กิมจิในสมัยโบราณ
เป็นการยากที่จะพิสูจน์ขบวนการการพัฒนากิมจิในสมัยโบราณ
เพราะการบันทึกทางประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นแทบจะไม่มีเลย
เราเพียงแต่สันนิษฐานเอาว่าใช้วิธีการนำผักมาดองเกลือ
เพื่อที่จะเก็บรักษาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น

กิมจิในสมัยอาณาจักรโคเรียว
แม้จะไม่มีการบันทึกแน่ชัดลงไปว่ามีการพบกิมจิในสมัยก่อน
กะหล่ำปลีได้ถูกกล่าวถึงในตำรายารักษาโรคทางภาคตะวันออก
เรียกว่า ฮันยักกูกึบบัง (Hanyakgugeupbang)
มีกิมจิสองชนิดคือ กิมจิ-จางอาจิ (Kimchi-jangajji)
(หัวไชเท้าฝานเป็นแผ่นดองด้วยซอสถั่วเหลือง) และ
ซุมมู โซกึมชอลรี (Summu Sogeumjeori - หัวไชโป๊)
สมัยนี้กิมจิเริ่มได้รับความสนใจว่าเป็นอาหารแปรรูปที่ชื่นชอบ
โดยไม่คำนึงถึงฤดูกาลและการเก็บรักษาในฤดูหนาว
สงสัยกันว่าการพัฒนาให้มีรสชาติในสมัยนั้นคือการทำกิมจิให้มีรสจัดจ้าน

กิมจิในสมัยโชซอน
หลังจากที่ได้มีการนำผักจากต่างประเทศเข้ามา
กะหล่ำปลีใช้เป็นผักหลักในการทำกิมจิโดยทั่วไป
ต้นศตวรรษที่ 17 (หลังจากที่ถูกญี่ปุ่นรุกรานในปี ค.ศ. 1592)
มีการนำเข้าพริกจากประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นราว 200 ปี
พริกได้ถูกใช้เป็นส่วนผสมอย่างหนึ่งของกิมจิ
ดังนั้นราวปลายสมัยโชซอนสีของกิมจิจึงกลายมาเป็นสีแดง

กิมจิในราชสำนักโชซอน
ตามปกติมีกิมจิสามชนิดที่ได้ถูกนำขึ้นมาถวายต่อกษัตริย์ในราชวงศ์โชซอน
ได้แก่กะหล่ำปลีล้วน ชอทกุกจิ (Jeotgukji)
เป็นกิมจิที่ผสมด้วยปลาหมักจำนวนมาก
กิมจิหัวไชเท้า หรือ คักดูกิ (kkakdugi) และกิมจิน้ำ
ตำราอาหารของโชซอน คือ โชซอน มูซางซานชิก โยรีเจบ็อบ
(Joseon massangsansik yorijebeop) อธิบายการทำ ชอทกุกจิดังนี้:

1) ขั้นตอนแรกหั่นกะหล่ำปลีและหัวไชเท้า
ที่ล้างสะอาดแล้วเป็นชิ้นเล็กๆแล้วหมักเกลือ
2) นำมาผสมกับพริกแดงสับ กระเทียม ดรอบวอท
(มินาริ -minari) ใบมัสตาด และสาหร่ายทะเล
3) ต้มปลาหมักแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
4) ผสมน้ำปลาต้มกับเครื่องปรุงทั้งหมด
5) นำไปหมักในหม้อแล้วปล่อยทิ้งไว้จนได้ที่

แม้หัวไชเท้าและน้ำจะเป็นวัตถุหลักในการทำกิมจิน้ำ (dongchimi)
ยังมีเครื่องปรุงหลายอย่างใช้ในการเพิ่มรสชาติสำหรับราชสำนักโชซอน
หัวไชเท้าที่นำไปทำกิมจิน้ำจะต้องมีรูปทรงที่ดี
และจะต้องล้างและหมักด้วยเกลือก่อนที่จะนำไปหมักในไหฝังดิน
มีเกร็ดเล็กน้อยว่ากษัตริย์โกชอง (Gojong)
กษัตริย์องค์รองสุดท้ายของโชซอน โปรดก๋วยเตี๋ยวเย็นผสมในกิมจิน้ำ
พร้อมด้วยน้ำซุปเนื้อเป็นอาหารมื้อค่ำในฤดูหนาว
ดังนั้นจึงมีการทำกิมจิน้ำตำหรับพิเศษ
โดยมีลูกแพร์เป็นส่วนผสมใช้ทำก๋วยเตี๋ยวเย็นโดยเฉพาะ

กิมจิสมัยใหม่
มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์พบว่ากิมจิเป็นอาหารบำรุงอย่างดี
และมีนักโภชนาการทั้งหลายยังได้แนะนำให้เป็นอาหารในอนาคต
สำหรับการบริโภคทั้งในและต่างประเทศ
ดังนั้นกิมจิจึงเป็นสินค้าส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ชาวเกาหลีที่เดินทางเข้าประเทศจีน รัสเซีย และ เกาะฮาวาย และ ญี่ปุ่น
เป็นคนแรกที่แนะนำกิมจิและรับประทานกิมจิเป็นเครื่องเคียง
และค่อยๆ เป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวต่างชาติ ด้วยประการฉะนี้
จะพบกิมจิได้ในที่ที่มีชาวเกาหลีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาและญี่ปุ่น
ซึ่งมีชาวเกาหลีมากมาย กิมจิบรรจุกล่องหาได้ง่าย

แต่ก่อนการผลิตและการบริโภคกิมจิจะอยู่ในสังคมชาวเกาหลีเท่านั้น
ว่ากันว่าเป็นอาหารจานหลักของชาวโสมเลยทีเดียว
มื้อไหนๆ ก็ขาดกิมจิไม่ได้ จะทำอาหารอะไรก็ต้องผสมกิมจิลงไป
ตั้งแต่พิซซ่า เบอร์เกอร์ แพนเค็ก ไปจนถึงข้าว และก๋วยเตี๋ยว ทีเดียว
แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นอาหารของโลกไปแล้ว
กินได้ กินดี คงเพราะกิมจิอุดมด้วยวิตามินหลัก ที่ร่างกายต้องการ
อย่างครบถ้วน ทั้ง วิตามิน เอ บี และซี แถมด้วย แบคทีเรีย ที่ชื่อว่า
Lactobacilli แบคทีเรียที่เป็นบวกต่อสุขภาพ
พบในอาหารหมักดองเช่นโยเกิร์ตและกิมจิ แบคทีเรียนี้มีสรรพคุณ
ในการช่วยย่อยอาหาร ยับยั้งการเจริญเติบโตของยีสต์
และจากผลการศึกษาล่าสุดพบว่า ในกระหล่ำปลีดองจะมีสารบางชนิด
ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลส์มะเร็งได้

หากอยากสุขภาพดีแบบชาวเกาหลีก็ไม่ยากเลย
เพราะกิมจิ เป็นอาหารที่สามารถซื้อหาได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
หรือหากอยากได้กิมจิต้นตำรับเกาหลีของแท้ ก็แวะเวียนไปซื้อหากันได้
ที่สุขุมวิทพลาซ่า หรืออาคารเอสวี พระราม 3 ที่นั่นเป็นแหล่งรวมตัวเล็กๆ
ของชาวเกาหลีเลยทีเดียว มีทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ขายของจากเกาหลี
และยังมีร้านอาหารเกาหลีรสชาติต้นตำรับอีกด้วย

จะคิดเมนูอาหารมื้อหน้า อย่าลืมเผื่อที่
และเผื่อท้องไว้ให้ กิมจิ ผักดองเพื่อสุขภาพด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลดีดีเกี่ยวกับ กิมจิ จาก
//www.publichot.com และ www.ktc.co.th ด้วยนะคะ
บล็อกนี้ได้แรงบันดาลใจในการอัพบล็อกจากคุณอ้อย Hawaii_Havaii ค่ะ

Create Date : 10 มีนาคม 2551

Last Update : 11 มีนาคม 2551 11:25:15 น.

51 comments

Counter : 6118 Pageviews.

แค่ได้ยินชื่อ .. ก็เริ่มรู้ถึงกลิ่นและก็
รสชาติเลยค่ะ น่าอร่อยมาก แถมมีประโยชน์
ด้วยนี่สิค่ะ ...

ยังไม่พอ เรายังได้มารู้ถึงความเป็นมา
ของเจ้าอร่อยสิ่งนี้ ว่าแล้วอยากกิน
ก๋วยเตี๋ยวเป็ดราดกิมจิเยอะๆ จัง เข้ากัน
ดีเหมือนกันนะคะ emo

...................

อาการอารมณ์แปรปรวนหายแล้วคะ
สงสัยว่าอากาศและวัยเป็นเหตุ emo

โดย: JewNid

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:7:27:54 น.

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณหมอกร
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ
ขอบคุณสำหรับเมนูสุขภาพที่ขยันสรรหามาฝากค่ะ

โดย: รัตตมณี (kulratt

) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:7:28:42 น.

^
^
^

โอ้วววว..โอ๊ะๆๆ ที่แท้เจ๊หอมก่อน เป็นคุณหมอหรอเนี่ย.. emo

อิอิอิ

โดย: pataramin

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:8:43:08 น.

ขอบคุณที่ไปแชร์ความคิดเห็นค่ะ

The mist วีว่า
ที่พระเอกไม่ลองไปสู้กับ
สัตว์ประหลาดสักตั้ง
ก่อนการตัดสินใจ

เป็นเพราะแกห่วงลูก
กลัวว่า เมื่อโดนสัตว์ฯ
ทำร้ายแล้ว ตายก็ไม่ตาย
เป็นก็ไม่เป็น
จะทรมานเปล่า ๆ

จึงตัดสินใจแบบนั้น

จบแบบนี้
เหมือนจะเตือนใจมนุษย์
ว่า
สู้ให้ถึงที่สุดก่อนนะ
..ทางออกน่ะ มีเสมอ

มั้งคะ อิอิ (เดาเอา)

โดย: โสดในซอย

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:8:49:21 น.

เค้ามะได้ตื่นสายนะ
แค่ไม่อยากตื่นเช้าเท่านั้นเอง
ไปดูหนังมาเป็นไงบ้างจ๊ะ
ไม่คิดจะเล่าสู่กันฟังบ้างเหรอ

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:9:11:45 น.

สวัสดีครับ คุณหอมฯ

ไม่มีภาพลักษณ์อะไรให้เสียหรอกครับ ไม่ใช่พวกสร้างภาพ ครับ

มีความสุขกับการทำงานนะครับ emo

โดย: เซียน_กีตาร์

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:9:15:57 น.

ตื่นแล้วจ้าป้าหอม

กิมจิ กิงม่ายเป็งอ่ะ

โดย: พจมารร้าย

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:9:20:03 น.

สวัสดียามสายวันจันทร์เริ่มทำงาน(อีกแล้ว)ค่ะ
อ๊ะ เมนูวันนี้มีกิมจิด้วย เดี๋ยวไปตักข้าวก่อน

เพิ่งทราบนะเนี่ยว่ามีแลคโตบาซิลลัสเหมือนในโยเกิร์ตด้วย เพราะเขาว่าบริโภคนมมากๆ ไม่ดี จะได้มาทานกิมจิแทนนมเปรี้ยว

ข้อมูลดีจังเลยค่ะ สาธุ
emo

โดย: นางไม้หน้า3

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:9:21:34 น.

ไม่กินกิมจิ.....................

ไม่ชอบกลิ่นมันน่ะค่ะ เคยอยู่กับรูมเมทที่ชอบกินและชอบทำกิมจิเองอีกต่างหาก รู้สึกอี๋พอๆ กับฝันร้ายสมัยเด็กๆ ที่เห็นคนกินเมี่ยงหรือเดินผ่านร้านขายเมี่ยง

โดย: แพนด้ามหาภัย

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:9:42:19 น.

หวะดี ตอนเช้าฮะ
- โห อินเทรน จัง แต่ผมไม่กล้ากินฮะ ..ไม่รุ้ทำไมเหมือนกัน กินกระเพราไก่ไข่ดาว ดีกว่า 555

โดย: haro_haro

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:9:45:14 น.

ตอนนี้ห่างเหินโรงหนัง
ไม่รู้ว่าหนังไรเข้าบ้าง
กำลังให้เวลากับตัวเอง
หาจุดยืนตัวเองอยู่
ว่างเปล่าละ
หาให้หน่อยดิ

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:9:55:35 น.

ชอบกิมจิค่ะ

แต่ส่วนมากกินกับอาหารญี่ปุ่น เพราะไม่ค่อยไปร้านเกาหลีเท่าไหร่

โดย: ศรีสุรางค์

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:10:10:42 น.

หิวววววววว

โดย: Nilz

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:11:24:08 น.

ไม่เคยทานกิมจิเลยนะ ยังไม่เคยลองชิมเลย

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ !!!

โดย: postmaker

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:12:38:20 น.

ชอบกินกิมจิที่สุดเลยค่ะ

โดย: เจ้าหญิงกิมจิ

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:12:55:54 น.

ย่องไปจะเอ๋หลังบ้านมาเช่นกันค่ะ

วันนี้เปิดการทำงานมาก็จ้าละหวั่นเลย
หมดเวลาทะแล้ดแถ่ดแถแล้ว กลับไปปั่นงานต่อหละนะคะ ช่วงนี้ทำงานอย่างเมามัน

ก็ขอให้ทำงานอย่างมีความสุขนะคะ

โดย: นางไม้หน้า3

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:13:21:22 น.

เซ็งเป็ด

โดย: tai (taibangplee

) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:14:20:14 น.

สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่

โดย: แม่อ้วนคนสวย

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:14:45:17 น.

เลิกงานยังเจ๊หอม อิอิ

โดย: pataramin

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:16:32:07 น.

เลิกงานกลับบ้านหรือยัง

ครับพี่หอมกร...ขอบคุณครับ

ที่แวะไปหา...พี่เป็นคนน่ารัก

ที่สุดในโลกเลย

สำหรับพี่หอมกรครับ

ด้วยความนับถือ

อยากเก็บหมู่ดาวดวงน้อยน้อย
เก็บมาร้อยแขวนไว้ใกล้ใกล้ฝัน
ต่อเติมความสุขด้วยพระจันทร์
เป็นของขวัญให้พี่หอมที่แสนดี

โดย: รอวันที่จะโดนทิ้ง

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:18:13:47 น.

สวัสดีค่ะคุณหอมกร
ว่าแต่จะกินกิมจิตอนนี้
คงจะไม่ทันแล้วเพราะหาย
เปื่อย เอ้ย ป่วยแล้ว ฮ่าๆๆ
ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมนะคะ
จุ๊บๆ emo

โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:18:44:30 น.

หวัดดีวันจันทร์ก๊าบบบบ....ขอให้มีความสุขและยิ้มสวย ตลอดสัปดาห์นะค่ะ...

ส่วนเจ้ากิมจิเนี่ยะ ชอบค่ะ แต่กินบ่ได้มาก.....

คิดถึงนะนะนะนะนะ

ไปแล้วนะ วันนี้ต้องขับรถเอาขยะไปทิ้งค่ะ....ส่วนซักผ้าเป็นตารางของวันพรุ่งนี้...เหมือนคุยกันทางโทรศัพท์เลยเนอะ...

รัก,
เจ้าวรรณ

โดย: Little Wan IP: 71.63.71.187 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:20:47:54 น.

อยากทานกิมจิจังเลยค่ะ

เอ..ว่าแต่ว่ากิมจิของเกาหลี
กับญี่ปุ่นเหมือนกันไหมคะ

แล้วที่อยู่ในอาหารญี่ปุ่นเรียกกิมจิหรือเปล่าหนอ

โดย: BeCoffee

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:22:39:33 น.

แวะมาส่งความสุข
คุณหมอกร ก่อนเข้านอนค่ะ หลับฝันดีนะคะ

โดย: รัตตมณี (kulratt

) วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:22:45:51 น.

สวัสดีคุณนาย....
คิดถึงจริงๆ...พอคุณที่รักกลับมาก็ยุ่งมากเลยล่ะ
ที่ทำงานก็มีงานหนังต่างประเทศเข้าด้วย
เรื่อง street fighter ง่ะ กะลังเร่งสร้างฉากทุกวัน
อาทิตย์หน้าจะถ่ายทำ...แล้ว
เราในฐานะผู้ให้เช่าสถานที่ก็ต้องดูแลลูกค้าให้ประทับใจ
คราวหน้าจะได้มาใช้บริการอีก...เอาเงินต่างประเทศเข้าบ้าง อิอิ

ไอ้กิมจิเนี่ย ของโปรดคุณเอ็กซ์เลยละคะ
เห็นไม่ได้ เป็นน้ำลายไหล
เวลาไปกินที่ร้าน จะสั่งมากินโดยไม่สนใจอย่างอื่นเลยล่ะ...

ช็อบชอบ...

โดย: นางฟ้าอรชร

วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:22:53:40 น.

สวัสดีจ๊า เมื่อวานเข้ามาตั้งสามสี่รอบแต่เข้าไม่ได้เลยค่ะไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าอะไร วันนี้ จึงเริ่มบึ่งมาหา ด้วยความคิดถึงกิมจิอ้อยได้ทราบข้อมูลบางส่วนบ้างแล้วจากการ seaching และก็ยังยืนยันนั่งยันว่าจะทานต่อไปเพราะว่าเป็นของโปรดเลยค่ะ อ้อยสามารถทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ และก็จากที่ตัวเองได้ทานในแต่ละวันก็สังเกตุว่าร่างกายตัวเองไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการทานกิมจิ และก็รู้ด้วยว่าระบบย่อยอาหารดีมากๆเลยค่ะฮิฮิ แม้ว่าพ่อบ้านจะไม่เห็นด้วยกับประโยชน์ของกิมจิแต่ะคนทั้งประเทศเขาทานกัน มันไม่ใช่สิ่งผิดปกติ แถมมีคุณค่าและมีประโยชน์ตัวร่างกายด้วย ฮิฮิ ขอบคุณมากๆจากใจจริงค่ะ เห็นรูปแล้วก็อยากยกมาไว้ที่บ้านทั้งหมดจัง ฮิฮฺ กิมจิต้องต้นตำรับจากเกาหลีนะค่ะ อร่อยเหาะไปเลยจ๊า มีความสุข สดชื่น ยิ้มหวานกับวันทำงานจ๊า

โดย: Hawaii_Havaii

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:4:20:43 น.

สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่

โดย: แม่อ้วนคนสวย

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:6:20:04 น.

มากวนคนตื่นสาย
นอนดึกละสิ
หนีเที่ยวคนเดียวก็งี้แหละ
คราวหน้าไม่ชวนกันอีก
จะฟ้องพี่รัตน์

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:7:26:03 น.

อรุณสวัสดิ์จ้า
ชอบกินจิมกิมากๆเลยล่ะ
อร่อยดีค่ะ กินกับก๋วยเตี๋ยวก็อร่อยดี
เห็นแล้วหิวจัง อิอิ

โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:8:15:53 น.

น้าหอมกร
นู๋ฝิ่นมะใช่ปาดนะ
นู๋ฝิ่นเป็นเคโระ กบตัวเขียวอะ
รู้จักปะ
เคโระ เคโระ

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:8:55:22 น.

มันรสยังไงเหรอกิมจิเนี้ย

โดย: boatboat

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:9:07:12 น.

หวัดดีเพื่อน....เรื่องซื้อรถคันใหม่..คงไม่แหละ...
เพื่อนมีเรื่องดีๆมีประโยชน์มาให้อ่านเสมอๆน่ะ

โดย: tai (taibangplee

) วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:9:28:31 น.

สวัสดีครับ คุณหมอกร อิ อิ อิ แกล้งเรียกตามเขา....

ใกล้แล้วครับ ใกล้ได้ฤกษ์ละ.... emo

โดย: เซียน_กีตาร์

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:9:29:32 น.

มาหาทางหน้าบ้านด้วยค่ะ

โดย: นางไม้หน้า3

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:9:59:33 น.

ได้ฤกษ์อัพเรียบร้อยแล้ว emo

โดย: เซียน_กีตาร์

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:10:13:25 น.

กิมจิน่าทานจังเลยล่ะ
ว่าแล้วก็ชวนไปทำบุญโครงการห้องสมุดเพื่อน้อง
ที่ BLOG เราค่ะ

โดย: อุ้มสี

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:13:46:57 น.

สวัสดีคะคุณหอมกร...

สองวันมาแล้วค่ะยังไม่ได้ได้ตักบารตให้
พระน้องเลยค่ะ เพราะว่าบ้านเช่าอยู่ไกล
กว่า 15 กม. จากบ้านค่ะ ไปตอนเช้าๆ นี่
พ่อแม่บอกว่าขับรถไกล เอาไว้ค่อยรอวันหยุด
ก่อนดีกว่ารถไม่เยอะ กะว่าวันพระก็จะไป
ตักบารตไม่งั้นก็ไปถวายอาหารทีหลังก็ได้ค่ะ

นั่นสิค่ะ ผู้หญิงบวชให้พ่อแม่ไม่ได้
แต่ว่าก็สามารถปฏิบัติตัวดีๆ ให้พ่อแม่ไม่ห่วง
ก็คงใช้ได้แล้วมั้งค่ะ...

(เอ .. แล้วเราทำดีหรือยังหนอ) .. แอบสงสัย 55+

โดย: JewNid

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:13:48:08 น.

โดย: a_mulika

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:13:57:52 น.

ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ เสร็จธุรแล้วจะมาเม้นท์ต่อ อิอิ emo

เดิน เดิน เดิน emo

โอย..เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย emo

ออยยย...

โดย: pataramin

วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:14:41:34 น.

สวัสดีค่ะคุณหอมกรเข้ามาขอบคุณที่ไปอวยพรวันเกิดให้น้องมีน...
ขอให้พรใดๆจงย้อนไปให้คุณหอมกรและครอบครัวมีความสุขมากๆนะค่ะ
สรุปว่าหอมกร หรือว่าหมอกรค่ะ สงสัยอิอิ