สูตรง่ายๆ มาก ๆ -ไข่ไก่ขนาดกลาง #2 = 5 ฟอง (ถ้าชอบสีสวยใช้ไข่เป็ดได้ค่ะ)-น้ำตาลปี๊บ 160 กรัม ( ใครชอบหวานกว่านี้เพิ่มเติมเองได้ค่ะ)-หัวกระทิสด 1 ถ้วยตวง (ถ้วยตวงของเหลวสำหรับทำเบเกอรี่ค่ะ)-ใบเตยสดหั่นท่อนยาว ๆ 6-7 ใบ-แป้งเอนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ (ทำให้สังขยาอยู่ตัวขึ้น)ส่วนวิธีทำก็ตามขั้นตอนข้างล่างเลยนะคะหมายเหตุ หากใช้ไข่เป็ดจะใส่กลิ่นวานิลลาเพื่อดับคาวก็ได้ค่ะ
ประวัติขนมไทย ขนมจัดเป็นอาหารที่คู่สำรับกับข้าวไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยใช้คำว่าสำรับกับข้าวคาว-หวาน โดยทั่วไปประชาชนจะทำขนมเฉพาะในงานเลี้ยง นับตั้งแต่การทำบุญเลี้ยงพระ งานมงคลและงานพิธีการ อาหารหวานที่จัดเป็นสำรับจะต้องประกอบด้วย ของหวานอย่างน้อย 5 สิ่ง ซึ่งต้องเลือกให้มีรสชาติ สีสัน ชนิด ตลอดจนลักษณะที่กลมกลืนกัน แต่ละสำรับจะต้องมีผลไม้ 10 ที่ และขนมเป็นน้ำ 1 ที่เสมอ ประเทศไทยครั้งยังเป็นสยามประเทศได้ติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น จีน อินเดีย มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยโดยส่งเสริมการขายสินค้าซึ่งกันและกัน ตลอดจนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกินร่วมไปด้วยต่อมาในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ อย่างกว้างขวางไทยได้รับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่าง ๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น วัตถุดิบที่หาได้ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนการบริโภคนิสัยแบบไทย ๆ จนทำให้คนรุ่นหลัง ๆ แยกไม่ออกว่าอะไรคือขนมที่เป็นไทยแท้ ๆ และอะไรดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมของชาติอื่น เช่น ขนมที่ใช้ไข่และขนมที่ต้องเข้าเตาอบ ซึ่งเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจากคุณท้าวทองกีบม้าภรรยาเชื้อชาติญี่ปุ่น สัญชาติโปรตุเกสของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ผู้เป็นกงศุลประจำประเทศไทยในสมัยนั้น ไทยมิใช่เพียงรับทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทองมาเท่านั้น หากยังให้ความสำคัญกับขนมเหล่านี้โดยใช้เป็นขนมมงคลอีกด้วย ส่วนใหญ่ตำรับขนมที่ใส่ไข่มักเป็น "ของเทศ" เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง ทองหยอดจากโปตุเกส มัสกอดจากสกอตต์ รวมถึงสังขยาด้วยเช่นกัน ขนมไทย เป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนประณีตในการทำ ตั้งแต่วัตถุดิบ วิธีการทำ ที่กลมกลืน พิถีพิถัน ในเรื่องรสชาติ สีสัน ความสวยงาม กลิ่นหอม รูปลักษณะชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน ขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้น ๆ ขนมไทยที่นิยมทำกันทุก ๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่าง ๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้น ๆ งานศิริมงคลต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นศิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกัน ยืดยาวมีอายุยืน ขนมชั้น ก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น ขนมไทย เป็นของหวานที่ทำและรับประทานกันในอาณาจักรไทย มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทานที่ปราณีตบรรจงของขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้นๆ ของหวานไทยหรือขนมไทย กล่าวได้ว่ามีอยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน เพราะเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่า คนไทยเป็นคนมีลักษณนิสัย อย่างไร เนื่องด้วยขนมไทยแต่ละชนิด ล้วนมีเสน่ห์มี รสชาติ ที่แตกต่างกันออกไป แต่แฝงไปด้วยความละเมียดละไม ความวิจิตรบรรจง อยู่ในรูปลักษณ์ กลิ่น รสของขนมที่สำคัญ ขนมไทยแสดงให้เห็นว่าเป็นคนใจเย็น รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะ ขนมธรรมดาๆ ทำด้วยแป้ง น้ำตาล มะพร้าว เป็นส่วนประกอบ สำคัญ สามารถดัดแปลงเป็นขนมหลายชนิด หน้าตา แตกต่างกัน ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนมประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ พวกนี้มีเห็นทั่วไป ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม เจ๊หลีขอบคุณพราะได้คัดข้อมูลบางส่วนมาจาก //www.horhook.com/section/sec7tech/index.htm
เจ๊หลี "美 麗"กิน ๆ เที่ยว ๆ เหตุที่ใช้ชื่อนี้เพราะเป็นความใฝ่ฝันว่า สักวันจะใช้ชีวิตแบบ กิน ๆ เที่ยว ๆ ไงคะ ^.< แต่คงไม่ถึงกับเดินไม่ไหวแล้วค่อยเที่ยวหรอกนะคะ 555++หลาย ๆ คนถามว่าทำไมเจ๊หลีไม่เขียน Blog บ่อย ๆ เหตุผลคือเจ๊หลีติดงานประจำที่ทำอยู่ค่ะ ทำงานจันทร์-เสาร์ กว่าจะได้บล็อก ๆ หนึ่งเจ๊หลีก็ต้องทำขนมไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย มือก็เปื้อนกลัวกล้องพังก็กลัว กลัวขนมไม่ได้ที่ก็กลัวลำบากมากนะคะ เพื่อน ๆ ลองหลับตานึกภาพดูก็ได้... แต่เจ๊หลีก็เลือกที่จะทำค่ะ เก็บไว้ให้ตัวเองได้ดูว่าผ่านมาเราทำอะไรไว้บ้าง เรื่องการอัพ Blog เจ๊หลีทำเพราะชอบถ่ายรูป โดยเฉพาะชอบลองสูตร ไม่ได้หมายความว่า ทำขนมหรืออาหารเก่งหรอกนะคะเพื่อน ๆ ลองทำลองดู แล้วนำมาแชร์กันใน Blog ถูกผิดยังไงช่วยแนะนำได้ค่ะพักเหนื่อยก็เข้า Blog.... Blog เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่แสดงความเป็นตัวตนของเจ๊หลี ..ทุกรายละเอียดเจ๊หลีทำด้วยความตั้งใจ และใส่ใจ หาก Blog นี้ทำประโยชน์ให้ใครได้แม้เพียงคนเดียว...เจ๊หลีก็ยินดียิ่งแล้วนะคะ อยากให้ทุกคนทราบว่า เจ๊หลี.ปลื้มมากมาย ^0^ สำหรับทุก comment ที่น่ารักและอีกหลาย ๆ กำลังใจค่ะ
ลูกฟักทองก็สวย สังขยาก็น่าทาน เห็นแล้วไม่อยากตัดเลยค่ะเสียดาย เคยนึ่งฟักทองสังขยาอยู่ครั้งนึงแต่ว่าแตกค่ะ สงสัยจะไฟแรงอย่างเจ๊หลีบอก แต่บางคนก็บอกว่าเพราะไปเปิดฝานึ่งแอบดู สงสัยเราจะทำทั้งสองอย่างค่ะนานมาแล้วเลยจำไม่ค่อยได้ แต่อร่อยดีค่ะ