[Italy] Italia, ti amo. ตอนที่ 6 San Gimignano - A Small Medieval Hill Town
(Day6 - 19 ก.ย. 2554) Florence - San Gimignano วันนี้เป็นเช้าวันแรกที่ได้มีโอกาสนั่งทานอาหารเช้าเป็นกิจลักษณะ แค่รอเช็คเอาท์ และไปรับรถเช่าตอน 10:30 น.
พวกเราใช้รถเช่าของ Avis พร้อม GPS ค่าเช่าวันละ 97.41 USD.. แพงเอาการอยู่เหมือนกัน ได้รถเฟียตแพนด้า คันน้อยๆ.. แถมเป็นเกียร์กระปุก ยกหน้าที่สารถีให้เพื่อนรวมทริปไปเลย ^^ ปล. ถ้าใครจะเช่ารถอย่าลืมพกใบขับขี่สากลไปด้วยนะคะ เจ้าหน้าที่ Avis แนะนำว่าในเมืองฟลอเรนซ์ให้ดูแผนที่ดีกว่า อย่าใช้ GPS .. เพราะที่นี่เค้าเปลี่ยนเส้นทางจราจรบ่อย วันเวย์ก็เยอะ ขนาดเจ้าหน้าที่เอง ยังเขียนเส้นทางผิด ต้องเปลี่ยนแผนที่ให้เราถึงสามแผ่น เนวิเกเตอร์อย่างเราเลยออกอาการเครียดนิดหน่อย.. ก็กลัวหลงนี่นา -_- เราย้อนกลับไปที่โฮสเทลก่อน เพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ก่อน แล้วตรงไป San Gimignano กันเลย.. เย้ เย้! ^^ (ปล. ยายนี่ตื้นเต้นออกหน้าตาออกตา) . . .
ระยะทางจากฟลอเรนซ์ ไปซานจีมิญญาโนไม่ไกลเลย แค่ 62 กม. ใช้เวลาขับรถประมาณชั่วโมงนิดๆ จริงๆ คาดหวังไว้ว่าระหว่างจะมีวิวสวยๆ ให้ชม .. แต่ไม่มีเลยอ่า -_-“
จะเริ่มเห็นวิวสวยๆ ก็ตอนเลี้ยวเข้าเส้นทางทุรกันดารสู่ฟาร์มสเตย์ 55+
เราแวะเช็คอินและทานอาหารกลางวันที่ฟาร์มสเตย์ก่อน เดี๋ยวค่อยเข้าไปซานจีมิญญาโนช่วงเย็นๆ ค่ะ ปล. ฟาร์มสเตย์ที่พัก อยู่ห่างจากซานจีมิญญาโนประมาณ 5 กม.
เราพักที่ "Torraccia di Chiusi".. สามารถเห็นเมืองซานจีมิญญาโนได้จากห้องพักเลยค่ะ (ปล. ดูรีวิว “Torraccia di Chiusi: ฟาร์มสเตย์สไตล์ทัสคานี่” ได้ที่นี่ค่ะ)
วิวสุดลูกหูลูกตาจากรอบๆ ฟาร์มสเตย์
. . . หลังจากที่รีแลกซ์ที่ฟาร์มสเตย์กันพักใหญ่ๆ ต้องออกไปเริงร่าในเมืองบ้างแล้ว.. อย่าเสียเวลา ไปกันเลยดีกว่าค่ะ ระหว่างทางขับผ่านไร่องุ่น เพื่อนร่วมทริปอดใจไม่ไหว ขอเด็ดชิมสักลูก เสียวๆ อยู่เหมือนกันว่ามีใครจะเอาปืนมาไล่ยิงหรือเปล่า องุ่นหวานทีเดียวค่ะ ^^ ++ องุ่นขาว ++
++ องุ่นแดง ++
วิวทิวทัศน์แถวนี้.. งามอยู่ค่ะ ^^ ปล. ดูภาพกันไปเลยดีกว่าค่ะ
. . .
ขับมาถึงซานจีมิญญาโน.. เราต้องจอดรถบริเวณลานจอดรถด้านนอก แล้วเดินเข้าไป เมืองนี้ไม่อนุญาติให้รถทั่วไปเข้า อนุญาติเฉพาะรถของคนท้องถิ่น สำหรับคนที่จองโรงแรมภายในเมืองก็อนุญาติให้ขับรถเข้าไปได้แค่ 15 นาที เพื่อดร็อปกระเป๋าเท่านั้น ตอนที่เราไปถึงฝนตกปรอยๆ นักท่องเที่ยวเยอะมากๆๆๆๆ ขาเข้าเมืองก็เดินตามเค้าไปอย่างเดียว ไม่ได้ตั้งใจสังเกตุถนนหนทางอะไรเลย ขากลับไม่มีนักท่องเที่ยวให้เดินตาม หลงค่ะ!.. เกือบหารถที่จอดไว้ไม่เจอ
ระหว่างวัน.. นักท่องเที่ยวที่นี่แน่นขนัด มากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ส่วนมากที่เห็นเป็นชาวรัสเซีย
สองข้างทางในเมือง.. มีร้านค้าตั้งอยู่หลากหลาย แต่พวกเราไม่อยากจะไหลตามฝูงชนไป เลยตัดสินใจเดินเลี้ยวเข้าตามตรอกซอยดีกว่า
เดินมาทางนี้.. ไม่มีคนเลยค่ะ ^^
ทางเดิน.. ขึ้นบ้าง ลงบ้าง บางทีก็เป็นบันได
ภาพวิวรอบๆ ซานจีมิญญาโน.. เชิญชมกันตามอัธยาศัยค่ะ ^^ ปล. ข้ออ้างของคนขี้เกียจ 55+
เห็นต้นสน Cypress สวนมะกอก และไร่องุ่นอยู่ทั่วไป...
เดินมาถึงตรงนี้.. ฟ้าครึ้มมากขึ้นทุกที ฝนตกแน่ๆ นกก็เริ่มบินกลับรัง.. พวกเราก็ไปหาเจลาโต้ทานกันดีกว่า 55+
นกเมืองนี้ พักผ่อนตามรู (ผนังตึก) ค่ะ ^^
. . .
เดินมาถึงร้านนี้แล้วค่ะ ร้านที่หมายมั่นปั้นมือมาตั้งแต่เมืองไทยแล้วว่าต้องมาให้ได้ “Gelateria di Piazza” (GPS 43.467373,11.043488) ร้านนี้ได้รางวัล Gelato World Champion 2006-07/2008-09 แต่เราพยายามเสิร์ชข้อมูลของร้านที่ได้รางวัลของปีอื่นๆ ก็ไม่เห็นมี ก็เลยยังงงๆ เรื่องการประกวดนี้อยู่
ลูกค้าในร้านแน่นเชียว.. เดี๋ยวค่ำๆกลับมาถ่ายเจาะให้ชมนะคะ ^^
ได้เจลาโต้มาถ้วยนึง.. ชอคโกแลต กับอีกรสนึงน่าจะเป็นฮาเซลนัท ลองทานแล้วไม่ผิดหวังค่ะ คอนเฟิร์มว่าเจลาโต้ร้านนี้อร่อยจริงๆ อร่อยที่สุด! พิสูจน์ได้จากการที่พวกเรากลับไปทานเจลาโต้อีกรอบหลังจากดินเนอร์ ^^ ฝนตก อากาศหนาวก็ไม่ยั้น 55+ ปล. ร้านนี้หาไม่ยากค่ะ.. ซานจีมิญญาโนเล็กมาก แค่เดินตรงไปยัง "Piazza della Cisterna" ซึ่งเป็นเซ็นเตอร์ของเมือง แล้วลองหมุนรอบตัวหนึ่งรอบ ^^.. ไม่พลาดแน่นอนค่ะ
. . . ต่อไปก็หาวิธีใช้แคลอรี่จากเจลาโต้ที่เพิ่งทานไป ^^ เราจะเดินขึ้น Tower (Torre Grossa) กันค่ะ ปล. ด้านล่างของทาวเวอร์มีพิพิธภัณฑ์ด้วย จะโชว์พวกงานเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ ราคาตั๋วพิพิธภัณฑ์+ทาวเวอร์ คนละ 5 ยูโร ถ้าจะขึ้นทาวเวอร์อย่างเดียวก็ 2 ยูโร
ทาวเวอร์อยู่บริเวณ “the Piazza Duomo” ตรงกลางจตุรัสมีบ่อน้ำ.. เมื่อฝนตก น้ำจากทุกหลังคาในเมืองนี้ จะไหลผ่านชั้นดินทราย และมารวมกันที่บ่อน้ำ รู้สึกทึ่งกับคนในอดีตจริงๆ
บันไดทั้งหมด 218 ขั้น ขึ้นมาเห็นวิว 360° แล้วค่อยชื่นใจหายเหนื่อยหน่อย ^^
เสียดายว่า.. ฝนตก ฟ้าไม่ใส ไม่งั้นคงสวยกว่านี้ ^^
. . .
มองย้อนกลับไป.. เป็นประตูที่ออกมาจากทาวเวอร์
ภาพเพ้นท์บนผนังเก่าๆ สีลอก แต่ก็ดูสวยดีค่ะ
. . .
หลังจากได้ออกกำลังกายนิดหน่อย ต้องกลับไปเพิ่มแคลอรี่อีกแล้ว ^^
บรรยากาศเงียบเหงาจริงๆ.. แถมเมฆฝนเริ่มตั้งเค้าอีกแล้ว
เรามาที่ร้าน “Le Vecchie Mura” ค่ะ (GPS 43.466794,11.045025) ร้านนี้น่าจะเด็ดจริง ดูจากจำนวนลูกค้าที่ยืนรออยู่หน้าร้าน โชคดีที่ทางฟาร์มสเตย์ที่เราพักแนะนำร้านนี้มา.. และช่วยโทรจองให้ด้วย
++ Bruschetta ++ มื้อนี้.. เราสั่งอาหารไม่เยอะ เพราะยังอิ่มจากมื้อกลางวันจากฟาร์มสเตย์ แถมเพื่อท้องไว้สำหรับเจลาโต้ด้วย 55+
++ Four Cheese Gnocchi ++ อาหารที่นี่อร่อยค่ะ.. เราไม่ได้สั่งไวน์ด้วยซ้ำ สั่งแต่น้ำเปล่า แถมอิ่มกันเร็ว เจ้าของร้านยังงง.. ต้องเดินมาถามว่าทำไมทานกันเร็วจัง
++ ค่าเสียหายมื้อนี้ ++ อ้อ.. ลืมบอกว่าช่วงกลางวัน เค้าจะมีบริการอีกด้านนึงของร้านอาหาร สามารถเห็นวิวพานาโรมา “เริ่ด!”
บรรยากาศซานจีมิญญาโนเมื่อตอนกลางวัน กับตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความวุ่นวายหลงเหลืออยู่ เหมือนกับหลายๆ เมืองในอิตาลี เช่น เวนิส และ Cinque Terre ที่ส่วนมากจะมีแต่นักท่องเที่ยวเดย์ทริป ถ้าใครอยากจะมาซึบซับบรรยากาศ แนะนำว่าให้อยู่จนค่ำดีกว่าค่ะ ^^
ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยของหวาน ^^ ร้านค้าอื่นๆ ปิดหมดแล้ว แต่ร้านเจลาโต้ร้านนี้ยังเปิดอยู่ ลูกค้าก็ยังเดินเข้าออกไม่ขาดสาย ปล. ร้านนี้ปิดประมาณ 23:00 น. ค่ะ
เจลาโต้ถ้วยนี้สั่งเป็น Pink grapefruit and sparkling wine กับ Blackberry Lavander.. แปลกดีค่ะ ^^
ภาพถ่ายของคนดังทั้งหลายที่แวะเวียนมาชิมเจลาโต้ที่นี่ติดอยู่เต็มผนังร้าน ส่วนใหญ่คงจะเป็นคนดังในอิตาลี.. ที่เราไม่รู้จัก
.. ที่สะดุดตาก็คงมีแค่หนุ่มคนนี้ Jamie Oliver เชฟคนดังจากเมืองผู้ดี
ภาพสุดท้ายในเมือง.. พรุ่งนี้คงไม่มีโอกาสกลับมาทานเจลาโต้แล้วนะ 55+ ห่วงแต่เรื่องกิน..
v v v
บล๊อกหน้าพาไปเที่ยวทะเลใสๆ ของ Italian Riviera นะคะ
Create Date : 18 มกราคม 2555 |
Last Update : 31 มกราคม 2555 20:18:55 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3041 Pageviews. |
|
|