Yellow Stone คืออะไรเหรอ เหมือน Yellow Pages มั้ยอ่ะ เอ๊ะ..อันนี้ไม่ขำ~
17 มีนาคม 2554~
และแล้ว..โลกทั้งโลกก็ยังคงตึงเครียดและตื่นตะลึงกับสถานการณ์แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ซึนามิถล่มเมือง รง.ไฟฟ้านิวเคลียส์มีปัญหา ของประเทศญี่ปุ่นกันอีกวัน
ความรุนแรงและเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของที่นั่น ทำให้หลายวันนี้อิชั้นไปติดแหง็กอยู่แถว ๆ กระทู้ในห้องหว้ากอ พันทิพ คราวละหลาย ๆ ชั่วโมงเลยอ่ะนะคะ
วันก่อน..ได้ไปอ่านกระทู้ของคุณ ที่ใช้ล้อกอินว่า "ไม่มีใครผ่านมาทางนี้"..(แสดงว่าถนนเส้นนั้นเปลี่ยวสินะ << ) ที่ถามว่า
....Yellow Stone คือไรหว่า ?...
แล้วก็ให้ฉุกใจคิดด้วยคนว่า..
เออนะ..มันคืออะไรอ่ะ..ไอ้เจ้า Yellow Stone ที่เค้าว่านี่..ที่สำคัญ มันเกี่ยวอะไรกับภาวะ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ที่ญี่ปุ่นตรงไหนวะ?
โชคดีที่ถนนกระทู้เส้นนั้นมิได้เปลี่ยวซะจนไม่มีใครผ่านมาตอบจริง ๆ ค่ะ<< ยั๊ง..ยังล้อเค้าไม่เลิก หลังจากเมาคลื่นเพราะ "ออกทะเล" ไปกับชาวหว้ากอมาได้พักนึงแย้ว..ก็ได้รับคำตอบจากผู้รู้จริงชื่อคุณ leknoy1 ที่กรุณามาให้คำตอบที่อิชั้นและเจ้าของกระทู้รอคอยอ่ะนะคะ..
"...เคย save เก็บไว้ตั้งแต่ ปี 2009 เอามาแบ่งปัน ค่ะ"
ภูเขาไฟยักษ์หรือ Supervolcano ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายใต้อุทยานแห่งชาติ Yellowstone Park ในสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญทำนายว่าภูเขาไฟดังกล่าวอาจจะประทุขึ้นมาอีกภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แรงระเบิดซึ่งคาดว่าจะรุนแรงกว่าภูเขาไฟธรรมดาหลายร้อยเท่า ส่งเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกครั้งใหญ่ นักวิทยาศาสตร์หลายๆคนทำนายว่าความเสียหายเทียบได้กับการพุ่งชนของอุกกาบาตลูกเล็กๆทีเดียว
Supervolcanoes แตกต่างจากภูเขาไฟทั่วไปที่เรารู้จัก คือไม่ได้มีลักษณะเป็นปล่องภูเขาไฟ แต่มันซ่อนตัวอยู่ลึกใต้พื้นดิน และยากต่อการตรวจพบ ภูเขาไฟโดยทั่วไปเกิดจากการที่หินละลายใต้เปลือกโลก ถูกแรงดันมหาศาลภายในโลกผลักดันให้ปะทุออกมาบนผิวโลก แต่สำหรับ Supervolcanoe นั้นแทนที่หินละลายเหล่านี้จะระเบิดออกมาที่ผิวโลก มันกลับเกิดการ สะสมกันก่อนเป็นเวลาหลายพันปีเกิดเป็นบ่อหินละลายขนาดยักษ์ ซึ่งอยู่ใต้พื้นโลกลึกลงไป นักธรณีวิทยาเรียกว่าบ่อหินละลายใต้ดินนี้ว่า Magma chamber
หินละลายหรือ Magma ที่สะสมอยู่ใน Magma chamber นั้นจะทับถมกันจนหนาหลายสิบกิโลเมตร ต่างจาก Magma Chamber ของภูเขาไฟธรรมดาที่มีความหนาไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งมันจะดูดซับเอาก๊าซต่างๆ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดอ๊อกไซด์ และ คารบอนไดอ๊อกไซด์ไว้ ก๊าซเหล่านี้เมื่อสะสมกันเวลาหลายๆ พันปีก็จะเกิดแรงดันมหาศาล และเมื่อถึงจุดๆหนึ่งก็จะระเบิดประทุขึ้นมาเหนือผิวโลก ด้วยความรุนแรงมากกว่าการระเบิดจากภูเขาไฟธรรมดาหลายร้อยเท่า นักธรณีวิทยาพบว่า Supervolcanoes นั้นโดยมากจะเกิดในบริเวณที่เรียกว่า Subduction zone ซึ่งเป็นบริเวณที่เปลือกโลกในพื้นมหาสมุทร เคลื่อนตัวลงไปใต้ชั้นหินของแผ่นทวีป เช่น บริเวณชายฝังแปซิฟิกของสหรัฐอเมริก และ บริเวณประเทศอินโดนิเชียเป็นต้น
การระเบิดของ Supervolcanoes นี้จะไม่เหมือนการระเบิดของภูเขาไฟธรรมดาออกมาจากปล่องภูเขาไฟ เมื่อSupervolcanoes ประทุขึ้นมันจะพ่นหินละลายออกสู่ผิวโลกด้วยความเร็วสูง Magma ที่สะสมอยู่ใน Magma chamber ใต้ดินจะถูกพ่นออกมาและหมดไปอย่างรวดเร็วทำให้เปลือกโลกที่อยู่ข้างบนยุบตัวลงไป เกิดเป็นหลุมขนาดยักษ์ เหมือนกับหลุมที่เกิดจากการพุ่งชน ของอุกกาบาต ซึ่งนักธรณีวิทยาเรียกหลุมที่เกิดจากการระเบิดของ Supervolcanoes ว่า Caldora
นอกจากนั้นเถ้าถ่านภูเขาไฟจากการระเบิดครั้งใหญ่นี้จะปกคลุมบรรยากาศ ก๊าซจำพวกซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะสะท้อนแสงอาทิตย์ไม่ให้ตกลงมาสู่พื้นโลกได้เต็มที่ ทำให้อุณหภมิโลกลดลง อย่างรวดเร็ว เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าฤดูหนาวนิวเคลียร์ ( nuclear winter )
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้นไม่เคยได้มีการบันทึกการระเบิดของ Supervolcanoes เอาไว้ แต่จากหลักฐานทางธรณีวิทยานั้นพบว่าSupervolcanoes ได้ระเบิดครั้งล่าสุดเมื่อ 75,000 ปีมาแล้ว คือภูเขาไฟ โทบา (Toba) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะสุมาตราประเทศอินโดนิเชีย
สำหรับที่อุทยานแห่งชาติ Yellowstone Park ในอเมริกานั้น จากหลักฐานทางธรณีวิทยาพบว่า ได้เคยเกิดการระเบิดของ Supervolcanoes มาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้งแต่ละครั้งห่างกันเป็นเวลาประมาณ 600,000 ปี ที่น่าตกใจคือครั้งล่าสุดที่เกิดการปะทุขึ้นนั้นเมื่อ 640,000 ปีมาแล้ว (เลยกำหนดระเบิดระเบ้อมา 4 หมื่นปีแล้วว่างั้นเถอะ )
นักธรณีวิทยา ศ. โรเบิรต์ สมิต ( Robert Smith )แห่งมหาวิทยาลัยยูทารห์(University of Utah) ได้ทำการวัดขนาดของ Magma chamber ที่ฝังตัวอยู่ภายใต้ Yellowstone Park โดยอาศัย คลื่นความสั่นสะเทือนของแผ่นดินใหว พบว่าขนาดของ Magma chamber ที่ Yellowstone มีขนาดมหึมา ความกว้างประมาณ 20 กิโลเมตร ความยาวประมาณ 40 ถึง 50 กิโลเมตรและลึกไม่ต่ำกว่า 10 กิโลเมตร
Supervolcanoes แห่งนี้เคยสร้างความตกใจให้แก่ผู้ที่อาศัยในบริเวณนั้น เมื่อ 3-4 ปีก่อน โดยพื้นที่ในอุทยาน Yellowstone ได้ปูดและพองขึ้นมาเป็นสัญญาณเตือน ทำให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างพากันอพยพ แต่จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์และนักธรณีวิทยาชาวอเมริกันโดยละเอียดหลายท่าน ได้ให้ความเห็นว่า ลาวาใน Magma Chamber ได้สะสมเพิ่มขึ้น จนทำให้พื้นที่ในบริเวณนั้นพองและสูงขึ้นมา และยังคาดการณ์จากการวัดระดับการเปลี่ยนแปลง พวดเขาก็ให้ความเห็นกันอีกว่า Supervolcanoes แห่งนี้ อาจจะระเบิดอีกครั้งในช่วงปลายปี 2012 โดยมีโอกาสสูงมากทีเดียวเพราะหินละลายจะล้นออกมาในช่วงนั้นพอดี
รูปข้างล่างแสดงบริเวณ Yellowstone Park เส้นสีแดงแสดงซากของหลุมภูเขาไฟที่เหลือจากการระเบิดเมื่อ 600,000 ปี มาแล้ว ( ซึ่งเรียกว่าCaldora )
ภาพด้านซ้ายแสดงภูเขาไฟทั่วไป ซึ่งหินละลายจากใต้เปลือกโลก ดันตัวออกมาตามปล่องภูเขาไฟซึ่งเราเห็นกันจนคุ้นตา ส่วนด้านขวาแสดงลักษณะของ Supervolcanoes แทนที่หินละลายจะแทรกตัวขึ้นมาที่ตามเปลือกโลกตามปกติ มันกับสะสมตัวกันเป็นอ่างยักษ์อยู่ใต้ดิน ที่เรียกว่า Magma Chamber นักธรณีวิทยายังไม่มีทฤษฎีที่จะอธิบายได้แน่ชัดว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น
หินละลายใน Magma Chamber อาจสะสมตัวกันนับเป็นพันๆ ปี ก๊าซต่างๆ เช่น ซัลเฟิร์ไดออกไซด์ จะสะสมกันจนมีความดันมากมายมหาศาล และในที่สุดก็จะระเบิดออกมา
การระเบิดของ Supervolcanoes นั้นไม่ได้ทำให้เกิดปล่องภูเขาไฟ แต่จะทำให้ พื้นดินที่อยู่เหนือ Magma Chamble นั้นยุบตัวลงมา เกิดเป็นหลุมขนาดยักษ์ คล้ายๆ กับหลุมอุกกาบาต ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังภาพข้างล่างนี้
เมื่อแรงดันจากก๊าซต่างๆ ใน Magma Chamble มีมากจนถึงจุดวิกฤต มันก็จะ ประทุขึ้นมาด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งจะปั้มเอาหินละลายที่เก็บอยู่ในMagma Chamble ขึ้นไปสู่บรรยากาศโลกด้วย
เมื่อหินละลายใน Magma Chamble ถูกปั้มออกไปมากๆ เข้า พื้นดินที่อยู่เหนือขึ้นไป ก็ไม่มีที่รองรับน้ำหนัก ในเวลาไม่นานนัก มันก็จะยุบตัวลงมา
อีกภาพหนึ่งแสดงปริมาณเถ้าถ่านภูเขาไฟ จากการระเบิดของSupervolcanoes ในอดีต - กล่องสีชมพูแสดงปริมาณของเถ้าถ่านภูเขาไฟที่ โทบาปล่อยออกมา เมื่อ 75000 ปีมาแล้ว คิดเป็นประมาณ 2800 ลูกบาศก์กิโลเมตร -สีเหลืองเป็นปริมาณของเถ้าถ้านที่ปล่อยออกมาจาก Supervolcanoes Huckleberry Ridge Tuff ใน Yellowstone ซึ่งปะทุขึ้นเมือ 2 ล้านปีมาแล้วปล่อยเถ้าถ่านออกมา 25000 ลูกบาศก์กิโลเมตร -ส่วนสีฟ้าเป็นของ Lava Creek Tuff ใน Yellowstone อีกเช่นกัน ซึ่งเป็นการประทุครั้งล่าสุดเมื่อ 60000ปีมาแล้ว ปล่อยเถ้าถ่านออกมา 1000 ลูกบาศก์กิโลเมตร
ในขณะที่การระเบิดของภูเขาไฟธรรมดาอย่างภูเขาไฟกรากะตัว ในปี ค.ศ. 1883 ปล่อยเถ้าถ่านออกมาเพียงแค่ 18-20 ลูกบาศก์กิโลเมตรเท่านั้นเอง "
คุณเล็กน้อย ซึ่งข้อมูลไม่ได้น้อยและเล็กสมชื่อยังบอกอีกด้วยว่า
"...ข้อมูลที่ แชร์ นั้นเมื่อปี 2009 แล้วค่ะมันลึกประมาณ 10 กม. เคยติดตามข่าว เมื่อ ปี 2010 เห็นว่า มัน ตืันขึ้นมาราว ๆ เกือบ 5 km.
ตอนนี้ ปี 2011 แล้ว อืม นึกฉงฉัย..ว่าอิชั้นควรเขียนพินัยกรรมไว้แต่เนิ่น ๆ มั้ยคะ (ที่มา : ห้องหว้ากอ ขอบคุณคุณ leknoy1 สำหรับข้อมูลและความรู้ที่นำมาแบ่งปันค่ะ)
...........
จริง ๆ แล้วงานนี้จะบอกว่า มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเราทำอะไรไม่ได้มากดอกค่ะ แก้ไขอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นมหภาคเกินไปกว่ามนุษย์ตัวจ้อย ๆ อย่างเราจะไปบงการธรรมชาติภาคมหึฯ แบบนี้ได้
สิ่งที่เราทำได้ต่อไปนี้ก็คือ....สวดมนต์ ฮ่ะ แหม..ล้อเล่น..ก็คือการ "เฝ้าระวังภัย" กันอย่างเต็มอัตราศึกอ่ะนะคะ
เพราะขนาดแผ่นดินไหวแค่ (เขียนคำว่าแค่..ตัวเล็ก ๆ นะ) 9 ริกเตอร์ในญี่ปุ่นคราวนี้ ยังกินเนื้อที่และส่งผลกระทบต่อผู้เคราะห์ร้ายถึงเพียงนั้น เดาไม่ออกเลยว่าถ้าเกิดมีมหันตภัย Yellow stone ระเบิด ความสูญเสียที่มวลมนุษยชาติจะได้รับจะร้ายแรงมากขนาดไหน
ที่แน่ ๆ มันอาจมากมายซะจนคนทั้งโลกต้องล้มประดาตายไปเกือบทั้งโลกก็เป็นได้
..........
ก็คงต้องใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาทกันล่ะนะคะ
เดี๋ยวแวะไปหาค่า
i'm not superman
Create Date : 17 มีนาคม 2554 |
|
24 comments |
Last Update : 17 มีนาคม 2554 10:50:55 น. |
Counter : 2980 Pageviews. |
|
|
|