สิงหาคม 2553

1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
บทที่ 72 เกมส์ที่เป็นได้เพียงคนดู
หลังจากที่ทั้งสามคนไปดูหนังฝรั่งเศสด้วยกันในคืนที่ผ่านมา ... เมื่อวิทเข้าไปในห้องแล็บในตอนเช้าก็เจอมาเรียนั่งทำงานอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อทักทายกันได้นิดหน่อยมาเรียก็ก้มหน้าก้มตาทำแล็บต่อ ด้วยท่าทางเคร่งขรึมราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ... แต่วิทก็ยังไม่มีโอกาสได้ซักถามมาเรียเกี่ยวกับความผิดปกตินี้ตลอดเช้าของวันนั้นเพราะต่างคนต่างก็ยุ่งกับงาน และในห้องแล็บก็ยังมีคนอื่นเดินไปมา ซึ่งคงไม่ใช่สถานที่เหมาะสมที่จะพูดคุยเรื่องค่อนข้างส่วนตัวแบบนี้ ...

จนกระทั่งหลังอาหารกลางวัน วิทจึงชวนมาเรียไปนั่งที่โซฟาริมหน้าต่างค่อนข้างห่างไกลจากคนอื่นๆ ...

"เธอเป็นอะไรไปวันนี้ ดูเงียบๆ ไม่พูดไม่จา" วิทถามขึ้นตรงๆ "มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?"

มาเรียมองหน้่าวิทเหมือนชั่งใจว่าจะเล่าดีหรือไม่ แต่ในทีุ่สุดก็ตอบมาเบาๆว่า "ก็เมื่อคืนที่เราไปดูหนังกัน ..."

"แล้วไง?"

มาเรียนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อว่า "ก็เรื่องเฟรดเดอริค ..."

วิทยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก เลยนั่งเงียบๆรอให้มาเรียเล่าต่อไป

"คือเมื่อคืนฉัน ... เอ่อ ... รู้สึก ... เผลอใจไปแล้ว" มาเรียมีท่าทางโล่งใจที่ได้พูดออกมา "แต่เธอก็รู้นี่ว่าฉันมีแฟนอยู่แล้วที่สเปน"

"แต่เมื่อคืนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอสองคนไม่ใช่เหรอ?" วิทคาดคั้น "หรือว่ามี?!"

"ไม่มีจริงๆ สาบานได้" มาเรียปฏิเสธเสียงแข็ง "หลังจากที่เดินมาส่งฉันที่บ้าน เขาก็กลับไป ... ตอนนั้นเธอก็อยู่ด้วยนี่นา"

วิทพอจะเข้าใจได้ลางๆ แต่ก็ยังคงสับสนอยู่ดี "แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน? ... เธอไปดูหนังกับเพื่อนอีก 2 คน ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายซักหน่อย"

"แต่ฉันเผลอใจไปชอบเฟรดเดอริคเข้าแล้วน่ะสิ" มาเรียพูดเบาๆ "ตอนนี้ฉันเลยรู้สึกไม่ดี เหมือนกับว่ากำลังไม่ซื่อสัตย์กับแฟนฉันอยู่"

"อะไร แค่ไปดูหนังเนี่ยนะ ... เธอคิดมากไปแล้วหละ"

"วิท ... เธอว่าฉันโทรไปบอกแฟนฉันดีมั้ย?"

"ขนาดนั้นเลยเหรอ ... แล้วเธอจะบอกว่าอะไรล่ะ" วิทจ้องหน้ามาเรีย "จะบอกเลิกกับเค้า เพื่อมาคบกับเฟรดเดอริคน่ะเหรอ?"

"ไม่ใช่ ... จะโทรไปสารภาพกับแฟนเรื่องนี้ ... อย่างน้อยคงทำให้ฉันสบายใจขึ้น"

"ไม่รู้สิ เราว่าเรื่องมันไม่ใหญ่โตถึงขนาดนั้น" วิทเพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งก็ตอนนี้เอง "ว่าแต่ตอนนี้เธอรู้สึกยังไง ... เราหมายถึงกับเฟรดเดอริคน่ะ"

"ฉันกับแฟนคบกันมาก็หลายปี แล้วที่ผ่านมาก็มีความสุขดี ถึงตอนนี้จะอยู่ห่างกันก็เถอะ" มาเรียตอบ "แต่สำหรับเฟรดเดอริค ... ฉันคิดว่าขอเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจะดีกว่า"

"ถ้าเธอได้ข้อสรุปแบบนั้นแล้ว เราว่ายิ่งไม่จำเป็นต้องเล่าใหญ่"

"ฉันคงจะสบายใจขึ้นถ้าได้เล่าให้แฟนฟังเรื่องนี้ เพราะเราไม่เคยมีเรื่องปิดบังกัน"

"ถ้าเธออยากสารภาพจริงๆก็บอกไปทาง email ก็พอมั้ง" วิทสรุป "แล้วก็อย่าลืมบอกด้วยว่าไปกัน 3 คน มีเราเป็นแชปเปอโรน"

********************************************************************************

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อวิทเข้าไปในห้องแล็บและยังไม่ทันได้นั่งเก้าอี้ มาเรียรีบเดินเข้ามาทัก ด้วยท่าทางแจ่มใสต่างไปจากวันวานอย่างสิ้นเชิง

"เป็นไงมาเรีย มีข่าวดีอะไรเหรอ" วิทพอจะเดาได้ แต่มาเรียก็ทำท่าเหมือนอยากจะเล่าเต็มที

"เปล่าหรอก ก็เรื่องเมื่อวานนั่นแหละ ... ฉันส่ง email ไปหาแฟนเมื่อตอนเย็นก่อนเลิกงาน แล้วเมื่อเช้ามาเช็คเมล์ก็มีที่เค้าตอบกลับมา"

"แสดงว่าเค้าไม่ได้ว่าอะไร" วิทเสริม

"แฟนฉันดีใจที่เล่าให้ฟัง และก็เข้าใจว่าคนที่อยู่ต่างประเทศคนเดียวแบบนี้อาจจะเหงา หรือเผลอใจไปได้เมื่อมีคนอื่นเข้ามา"

"แฟนเธอนี่ใจกว้างดีเนอะ"

"แต่เค้าขอว่าอย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก และฉันก็สัญญาว่าจะคิดกับเฟรดเดอริคเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น"

เฮเทอร์ สาวอังกฤษซึ่งเป็นนักศึกษา ป.เอกปีเดียวกัน ที่มีโต๊ะทำงานอยู่ติดกับวิท และนั่งจดจ่ออยู่ักับการทำแล็บตั้งแต่แรก ชำเลืองมองมาแว่บหนึ่ง ก่อนจะกลับไปง่วนกับงานตรงหน้า ... ในความเป็นจริง ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะเข้าหลักสูตรนี้มาพร้อมกันและทำงานห้องเดียวกันมาปีกว่าแล้ว แต่ปกติเฮเทอร์ก็ไม่ได้สนิทสนมกับเขาและมาเรียมากไปกว่าการทักทายกันตามมารยาท หรือถามหาข้าวของ สาีรเคมี ไปตามเรื่องตามราว ...

"งั้นเรื่องนี้ก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง"

"แฟนฉันฝากขอบคุณเธอด้วยที่ไปเป็นแชปเปอโรนให้ ... และฉันก็ต้องขอบคุณเธอสำหรับคำแนะนำ"

"ไม่เป็นไรหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา"

********************************************************************************

ยังไม่ทันที่มาเรียจะเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อทำงานต่อ เฮเทอร์ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้สนใจการสนทนาของเขาและมาเรียมาตั้งแต่ต้น กลับหันมามองและมีท่าทางเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่าง ...

"เอ่อ ขอโทษนะ พอดีได้ยินเธอพูดถึงเฟรดเดอริค ..."

"ทำไมเหรอ?" มาเรียทำหน้าค่อนข้างระแวง ไม่แน่ใจว่าเฮเทอร์ได้ยินเรื่องราวที่คุยกันมากน้อยแค่ไหน

"เห็นเธอสองคนสนิทกับเฟรดเดอริค ... เลยอยากจะถามอะไรหน่อย"

"เราไม่ค่อยสนิทกับเขาเท่าไหร่หรอกนะ" วิทออกตัว

"ฉันแค่อยากรู้ว่าเค้ามีแฟนหรือยัง?" เฮเทอร์ถามออกมาในทีุ่สุด

"ทำไมล่ะ?" มาเรียและวิทถามออกมาแทบจะพร้อมกัน

"ก็ ... ที่ฉันรู้มา ... เฟรดเดอริคทำท่าเหมือนกำลังจีบนักศึกษา ป.เอกอย่างน้อย 2 คน"

มาเรียกับวิทมองหน้ากัน ... "ใครเหรอ?" มาเรียสงสัย

"คนหนึ่งคือนักศึกษาที่เพิ่งเข้าปีนี้อยู่ชั้นสอง ... ส่วนอีกคนคือ แอน ที่อยู่ชั้นนี้ห้องริมสุดปีกตรงข้ามไงล่ะ" เฮเทอร์ตอบ

วิทไม่แน่ใจว่านักศึกษาที่อยู่ชั้นสองเป็นใคร แต่แอนเป็นสาวอังกฤษร่างผอมสูงที่ิเริ่มหลักสูตรพร้อมกัน และอยู่แผนกเดียวกับพวกเขา แต่อยู่คนละกลุ่มวิจัยกัน

"เค้าไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่?" วิทสงสัย เพราะเท่าที่เห็นในวันหนึ่งๆ ถ้าเฟรดเดอริคไม่อยู่ในห้องแล็บ ก็นั่งกินอาหารกลางวันหรือช่วงพักเบรคกับสมาชิกในกลุ่มวิจัยนี้ตลอด

"เฟรดเดอริคเคยไปเที่ยวไนท์คลับกับพวกเราหลายครั้ง" เฮเทอร์ตอบ ... พวกเราในที่นี้หมายถึงนักศึกษาและนักวิจัยหนุ่มสาว ชาวอังกฤษ รุ่นราวคราวเดียวกันในสถาบันแห่งนี้ ซึ่งมีจำนวนราวๆ 10 กว่าคนเห็นจะได้ ... ซึ่งคนกลุ่มนี้จะสนิทกันมาก ทั้งนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันในเวลาพักกลางวัน และมักจะนัดกันออกไปเที่ยวในคืนวันศุกร์และเสาร์อยู่บ่อยๆ

"สองคนนี้ไปบอกคนอื่นว่าเฟรดเดอริคทำท่าเหมือนจะมาจีบ" เฮเทอร์เล่าต่อ "โดยเฉพาะแอน ซึ่งคิดไปไกลขนาดที่ว่าเป็นแฟนกันไปเรียบร้อยแล้ว"

"อ้าวเหรอ!" มาเรียอึ้ง ซึ่งไม่แตกต่างจากความรู้สึกของวิทซักเท่าไหร่

"ไม่ใช่แค่เธอสองคนหรอกที่งงน่ะ คนอื่นๆในกลุ่มก็เป็นเหมือนกัน ... เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ เฟรดเดอริคก็ไม่ได้ทำตัวเป็นพิเศษกับใครทั้งนั้น"

"แต่เวลาอยู่กันสองคน ..." วิทต่อให้

"ก็คงอย่างงั้นละมั้ง" เฮเทอร์ตอบ "ฉันไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ โดยเฉพาะแอน เพราะพวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนายคนนี้เลย"

"จริงๆแล้วฉันก็ไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเขาหรอก" มาเรียตอบ

"ที่สำคัญ เรื่องของสาวสองคนนี้เราก็เพิ่งรู้จากเธอเดี๋ยวนี้เอง" วิทเสริม

********************************************************************************

เย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน วิทเดินไปในมหา'ลัยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับที่ัพัก ... ที่ป้ายรถเมล์แห่งนั้นมีคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว 2 คนคือเฟรดเดอริค และสาวผิวดำคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักศึกษาจากเมืองอื่นที่มาทำวิจัยที่สถาบันแห่งนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ ... ขณะที่วิทไปถึง เฟรดเดอริคและสาวคนนี้กำลังพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ...

เมื่อได้เวลาออก รถเมล์ที่จอดพักอยู่ตรงที่ว่างห่างออกไปไม่ไกลนัก ก็ขับเข้ามาจอดที่ป้าย และทั้งสามจึงขึ้นรถไปพร้อมๆกัน ... เนื่องจากป้ายรถเมล์แห่งนี้เป็นป้ายแรก และมีผู้โดยสารเพียง 3 คน ทั้งสามจึงเลือกที่นั่งได้ตามสบาย โดยที่สาวผิวดำนั่งตรงกลางของรถที่เบาะด้านซ้าย ส่วนเฟรดเดอริคนั่งแถวเดียวกันที่เบาะด้านขวา ในขณะที่วิทนั่งอีกเบาะหนึ่งหลังสาวผิวดำ ...

รถเมล์คันดังกล่าวค่อนข้างโล่ง แม้จะขับพ้นเขตมหา'ลัยออกไปยังย่านพักอาศัยแล้วก็ตาม ... ทั้งสามคน ... ซึ่งที่จริงคือสาวผิวดำและเฟรดเดอริคเป็นส่วนใหญ่ จึงคุยกันข้ามระหว่างทางเดินตรงกลางคันรถ ในขณะที่วิทหันไปดูวิวนอกหน้าต่างแทน

เมื่อสาวผิวดำลงไปเป็นคนแรก และอีกไม่กี่ป้ายก็จะถึงแฟลตของวิท เขาจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับเฟรดเดอริคอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ...

"อีกไม่นาน นายจะต้องกลับไปที่มหา'ลัยแล้วใช่มั้ย" วิทชวนคุย

"ใช่ แต่เดี๋ยวเราก็กลับมาอีก"

"เออ ... ถ้าเย็นวันไหนว่างๆ ก่อนนายจะกลับไปที่โน่น มาแวะที่แฟลตเรามั้ย จะทำอาหารไทยให้กิน"

"ขอบใจนะ" นั่นเป็นคำตอบจากเฟรดเดอริค ซึ่งดูเหมือนจะเป็นไปตามมารยาทมากกว่าอะไรทั้งหมด

"เดี๋ยวเราลงป้ายหน้าแล้ว ไว้เจอกันนะ"

"บาย"

********************************************************************************

ในที่สุดก็ครบกำหนดเวลาที่เฟรดเดอริคจะต้องกลับไปทำแล็บต่อที่มหา'ลัยในภาคกลางของอังกฤษ เหลือทิ้งไว้เพียงคำถามบางอย่างที่ยังคาใจหลายๆคนในสถาบันแห่งนี้ ... แต่นั่นคงไม่ใช่ปัญหาของวิทอีกต่อไป เพราะเขาได้ข้อสรุปสำหรับตัวเองแล้วว่า เกมส์ๆนี้เขาเป็นได้เพียงคนดูเท่านั้นเอง ...

สงวนลิขสิทธิ์บทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร



Create Date : 07 สิงหาคม 2553
Last Update : 7 สิงหาคม 2553 13:56:41 น.
Counter : 466 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Historicus
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คุณพ่อลูกสอง (ตัว)
"Have mercy, O Lord, and strengthen all broken wings." Kahlil Gibran

free counters



Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin