สวัสดี่ค่ะพี่และเพื่อนๆ วันนี้มาเล่าเรื่องการเดินทางทริปตะลุยหิมะที่ฮอกไกโดต่อค่ะ วันนี้เป็นวันที่สามของการเดินทางค่ะ ใช้เวลา 5ชั่วโมง 20 นาทีจากซัปโปโรถึงอะบาชิริ เราจองขบวนพิเศษ Okhosuku-no-kaze ซึ่งเราจองที่นั่งไว้เรียบร้อยแล้วที่เคาท์เตอร์ตั้งแต่ตอนที่ซื้อ JR.Pass Hokkaido แบบ 5 วัน (เราต้องการเดินทางวันไหน ขบวนอะไร เวลาเท่าไหร่ ก็พิมพ์แล้วยื่นให้พนักงานไปเลยครั้งเดียวสะดวกมากค่ะ)

แม้ว่าหิมะจะตกทุกวันแต่ระบบการขนส่งทางรถไฟของประเทศนี้ก็ยังคงเป็นไปโดยดีเพราะระบบการจัดการที่ดี

เรารักรถไฟของประเทศนี้มากๆค่ะ สะดวกสบาย สะอาด ตรงเวลา นั่งนานก็ไม่รู้สึกอึดอัด ชมวิวหิมะข้างทางบ้าง กินข้าวกล่องเบนโตะเซ็ท ที่ซื้อมาจากสถานีรถไฟ (บนรถก็มีจำหน่ายค่ะ) เอาแอ๊ปเปิ้ลที่ซื้อมาจากห้างไดมารูออกมาเปรียบเทียบรสชาติกันว่าทำไมถึงต่างกัน  ซึ่งหลังจากรับประทานเสร็จก็อย่าลืมนำขยะต่างๆไปทิ้งในถังขยะที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ด้วยนะคะ เราเห็นบางคนลงจากรถไปโดยที่ไม่เอาขยะไปทิ้งให้เรียบร้อยก่อน

พอถึงสถานี Engaru เราต้องหันหน้าที่นั่งไปทิศทางตรงข้ามนะคะ บางคนก็งงๆ อะไรยังไง แต่เราสองคนไม่เป็นกะเหรี่ยงเพราะเคยอ่านเจอมาแว๊บๆ ค่ะ อิ อิ (ไม่งั้นก็คง งง เหมือนคนอื่นๆค่ะ)ขอขอบคุณผู้ให้ข้อมูลนี้ไว้ก่อนหน้านี้ด้วยนะคะ

พอถึงสถานีอะบาชิริปุ๊บ เราสองคนก็รีบเอากระเป๋าซึ่งเป็นเพียงเป้คนละใบเท่านั้นส่วนกระเป๋าใบใหญ่ได้จัดการใช้บริการแมวดำที่ตั้งจุดบริการที่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมให้ไปส่งที่โรงแรมปลายทางใกล้สนามบินในวันก่อนเดินทางกลับ (สะดวกอีกแล้วค่ะ ซึ่งก็คิดค่าบริการสองใบไม่ถึงหนึ่งพันบาทค่ะ) ส่วนโรงแรมที่เลือกพักที่อะบาชิริสองคืนนี้คือโรงแรมรูทอินอะบาชิริ(Hotel Route-Inn Abashiri Ekimae) เดินออกมาจากสถานีอะบาชิริข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามก็ถึงแล้วค่ะ หลังจากเราเอาเป้ไปเก็บก็รีบกลับมาที่สถานีอะบาชิริเพราะจองรถไฟขบวนพิเศษ Ryuhyo Norokko ซึ่งจะออกหลังจากขบวนที่มาจากซัปโปโรที่เรานั่งมาประมาณ 20กว่านาทีค่ะ

##รถไฟ JR.Okhosuku-no-kaze ออกจากซัปโปโร 8.40 ถึงอะบาชิริ 13.21 (รีบเอากระเป๋าไปเก็บ) จากนั้นรถไฟขบวน Ryuhyo Norokko ออกจากอะบาชิริ 13.57 ถึง ชาริ 14.55 ค่ะ

เป็นการนั่งรถไฟชมวิวทะเลโอคอสต์ ทะเลซึ่งตอนนี้แข็งเป็นน้ำแข็งขาวโพลนไปหมดค่ะ เป็นความสวยงามไปอีกแบบ เป็นความทรงจำอีกแบบ เป็นประสบการณ์ได้เห็นทะเลเป็นน้ำแข็งเป็นครั้งแรกค่ะ

เป็นขบวนรถไฟที่น่ารักทีเดียวนะคะ เคยอ่านเจอว่าสามารถเอาปลาหมึกมาปิ้งบนเตาถ่านนี้ได้ด้วยค่ะ แหม..เสียดายไม่เจอใครมาปิ้งเลย แต่ได้กลิ่นปลาหมึกปิ้ง ลอยหอมมาจากโบกี้อื่นด้วยค่ะ ไม่ได้มีแต่เราคนไทยที่ถ่ายรูปเจ้าเตานี้นะคะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นคนอื่นๆก็รุมถ่ายกันใหญ่เชียวค่ะ

ความพิเศษของขบวน โนรอคโค้ะ(Norokko) คือนอกจากจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมความงดงามของทะเลโอคอสต์ที่กลายเป็นน้ำแข็งแล้ว ระหว่างการเดินทางช่วงหนึ่งยังมีผู้บรรยายให้รายละเอียดเพิ่มเติมด้วยค่ะ และยังจอดที่สถานีคีตาคะมิ (Kitakami) ประมาณ 10 นาทีค่ะเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปถ่ายรูป บางคนก็ฝากนามบัตรไว้ที่สถานีนี้เป็นที่ระลึกค่ะ หรือจะเป็นรูปคู่ก็มีค่ะ และก็มีจุดชมวิวด้วยค่ะแต่นักท่องเที่ยวเยอะมาก เราเลยไม่ได้ขึ้นไปค่ะ

เมื่อรถไฟไปถึง สถานีชาริ เราสองคนก็ นั่งรถขบวนที่จะกลับมาอะบาชิริกลับมาเลยค่ะ นับว่าวันนี้เป็นวันแห่งการนั่งรถไฟญี่ปุ่นจริงๆเลยค่ะ วันเดียวนั่งสามขบวนเลย

ลาบล๊อกนี้ไปด้วยภาพของคนญี่ปุ่นที่พอถึงเวลาใกล้รถไฟจะมา ก็จะออกจากสถานีที่ซึ่งหลบความหนาวเย็น เพื่อรอขึ้นรถไฟกันค่ะ