|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ถามมา-ตอบไป หน้า 3
Create Date : 07 กันยายน 2551 |
|
24 comments |
Last Update : 7 กันยายน 2551 18:19:09 น. |
Counter : 1023 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: อ้องเขาค้อ IP: 125.25.183.51 14 กันยายน 2551 16:44:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pam IP: 124.180.28.145 3 ตุลาคม 2551 10:33:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้องเขาค้อ (อ้องเขาค้อ ) 3 ตุลาคม 2551 16:04:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้องเขาค้อ IP: 125.25.243.248 14 ตุลาคม 2551 11:13:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pam IP: 121.219.97.102 19 ตุลาคม 2551 6:37:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้องเขาค้อ (อ้องเขาค้อ ) 22 ตุลาคม 2551 15:55:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: แพม IP: 124.180.145.140 1 พฤศจิกายน 2551 6:09:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้องเขาค้อ IP: 125.25.196.51 3 พฤศจิกายน 2551 17:27:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: แพม IP: 124.180.145.140 5 พฤศจิกายน 2551 14:03:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณฤทัย IP: 61.19.144.194 3 มีนาคม 2552 11:27:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้องเขาค้อ (อ้องเขาค้อ ) 3 มีนาคม 2552 22:09:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณฤทัย IP: 61.19.144.194 4 มีนาคม 2552 9:29:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้องเขาค้อ (อ้องเขาค้อ ) 4 มีนาคม 2552 13:39:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณอ้อม (อ้องเขาค้อ ) 20 มีนาคม 2552 19:53:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิ IP: 202.155.237.100 24 มีนาคม 2552 17:29:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้อง (อ้องเขาค้อ ) 25 มีนาคม 2552 21:07:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิ IP: 202.155.237.100 25 มีนาคม 2552 21:54:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: อัสติสะ 24 เมษายน 2552 7:59:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: อ้อง (อ้องเขาค้อ ) 26 เมษายน 2552 19:57:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดร IP: 223.205.26.151 1 พฤษภาคม 2554 17:12:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: mali IP: 118.172.254.107 23 ธันวาคม 2554 7:08:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ผู้ที่เข้าณานเป็นผู้ตื่นอยู่เหมือนคนนอนหลับ
แต่ตื่นอยู่ในความจริงด้วยสติอยู่ภายใน
ในขณะจะเข้าจตุตถณานนั้น ลมเป็นสิ่งคับแคบมากเพราะมักจะมาคอยกวนใจให้เกิดอารมณ์สุขและทุกข์เกิดขึ้น
เพราะลมเป็นพาหะนำสุขและทุกข์โสมนัสมากวนจิต
เวลาที่ทำสมาธิกายย่อมสงบระงับ ลมหายใจจึงแผ่วเบา ละเอียดและเหมือนกับลมหายไป แต่พอนานซักพักก็จะมาปรากฏให้เห็น
ทุกข์เพราะกายต้องอาศัยสูบลมหายใจเข้า สุขเพราะอาศัยระบายลมออก จึงปรากฏว่า
ลมจึงยังไม่เรียกว่าว่างเปล่าที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
เหมือนเวลาที่เราตื่นอยู่ระหว่างวัน ลมกับเสมือนเป็นหนึ่งตามสภาวะกายและจิตคือถ้าไม่ใส่ใจจะมองไม่เห็นลมเลย
บางคนหายใจเข้าออกทั้งวัน ยังไม่เห็นลมมีเยอะแยะ
ดังนั้นลมไม่มีนั่นละดีที่สุด ฮิๆ ทำอย่างไรจึงไม่มีลมเหมือนมันเป็นหนึ่งระหว่างวันที่เราตื่นอยู่
หนามแหลมคมของณานนั้นมทั้งีเสียงและลมสำคัญที่สุด แต่เสียงถามว่ามีไม๊คือมี แต่ใจไม่เอาทิ้งเลย เหมือนระหว่างที่เรานั่งอยู่หน้าคอม
มีเสียงมากมายเกิดขึ้นแต่ใจมันจดจ่ออยู่กับงานหน้าคอม เสียงมีแต่จิตไม่ยกอารมณ์ขึ้นมา เสียงจึงไม่มี
คราวนี้คือเจ้าลมนี่ละสำคัญ ในขณะที่นิ่งอยู่จิตมันไปสัมปยุตต์กับลมเข้า ในขณะที่จะเข้าจตุตถณานนั้น ลมเหมือนจะหายไปแล้ว
หายไปนานพอควรแต่พอปรากฏ ปุ๊บ จิตมันยกอารมณ์สุขทุกข์ขึ้นมาทันที ระลอกคลื่นของจิตสั่นไหวกระเพื่อมขึ้นมาทันที
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ ไม่หวั่นไหว ไม่เกาะกุม ไปกับระลอกคลื่น จิตและสติรู้จะควบคุมกันเองโดยการวางเฉย นิ่งเสีย
ลมที่เป็นสิ่งสัมพาธ คับแคบ เมื่อถูกจิตและสติประคองรักษา ไม่เกาะกุมเสียแล้ว วางเฉยเสียแล้ว
ลมก็จะเป็นลมละเอียดแบบนิ่งเต็มตัว ไม่มีคำว่าเคลื่อนไหวไปมา ลมจึงหาย ลมจึงไม่มี เพราะจิตไม่รับรู้ลมอีก
จึงมีความรู้สึกว่า ลมเป็นส่วนหนึ่งเหมือนคนตื่นระหว่างวันที่มองไม่เห็นลมเพราะไม่ได้ใส่ใจลม
เพียงแต่ต่างกันตรงที่ คนนึงตื่นแต่หลง อีกคนนึงตื่นแบบมีสติ
การดูลมจึงต้องดูจนมันละเอียดและระงับไปที่สุดจึงจะพบความจริงของจิตคือ พบใจ
ระงับสุขทุกข์คือระงับลมนี่เอง ณาน4จึงปรากฏ มีแต่ความเป็นกลางเที่ยงธรรม ไม่สุข ไม่ทุกข์
มีสติและความบริสุทธิ์กำกับใจอยู่ภายใน ปราศจากความมัวหมอง แม้เวทนาก็จืดชืดไม่น่ายินดีและไม่ทำให้หวั่นไหวได้
เราทำสมาธิประกอบด้วยสัมมาสมาธิ สัมมาสติตลอดเส้นทางก็เพื่อพบใจที่เป็นกลางเที่ยงธรรม
สติพละ สติสัมโพชณงค์ สัมมาสติ ส่งกำลังต่อเนื่องในองค์แห่งมรรค จิตและสติควบคุมกันเอง
อารมณ์ใดที่ปรากฏขึ้นจึงมองเห็นความจริงแบบไม่เอนเอียง ด้วยใจที่เป็นกลางอย่างแท้จริง
อทุกขสุขมเวทนา อุเบกขา สติ ปาริสุทธิ เอกัคคตา
ไม่สุขทุกข์ ใจเที่ยงธรรม สติมีกำลังควบคุม จิตใจบริสุทธิ์ สงบนิ่งเป็นหนึ่ง
หลวงปู่เทสก์สอนว่า ทำสมาธิเพื่อพบใจ ใจที่เป็นกลางเที่ยงธรรมเป็นสัมมาสมาธิในณาน4
ท่านสอนให้ทิ้งหนังสือมาทำสมาธิให้พบเอกัคคตารมณ์
เสียก่อนแล้วจะเข้าใจเอง
ลมหายใจที่ว่างเปล่าก็คือลมที่รวมเป็นหนึ่งกับจิต
ปราศจากการเคลื่อนไหวนิ่งแบบเต็มตัวจนทำให้จิตไม่รับรู้ลมอีก
ตรงนี้จะรู้สึกเหมือนเป็นอากาศใสๆตัวเบาโปร่งโล่งกายไม่ปรากฏเหลือแต่จิตเด่นดวง
ถ้าทำลึกต่อเข้าไปก็จะเข้าณานที่ลึกของฤาษีต่อไป คือ รูปพรหม และอรูปพรหม
ลมหายใจที่ว่างเปล่าอ้องว่าน่าจะเป็นแบบนี้นะครับ ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยนะกั๊บ