...
เป็นที่ทราบกันดีว่า คนที่เกิดมาไม่ปวดหัวบ่อยนั้นเป็นคนที่เกิดมาโชคดี หรือเกิดมามีบุญแบบสุดๆ ไปเลย คนไข้ผู้หญิงท่านหนึ่งเล่าว่า เคยคิดจะฆ่าตัวตายเนื่องจากปวดหัวบ่อย (ท่านเป็นไมเกรน) คนไข้ที่เป็นทหารเกณฑ์ท่านหนึ่งบอกว่า เครียดมาก เพราะฝึกกลางแดดทีไรปวดหัวทุกที
ข่าวดีคือ ทุกวันนี้เรามียาดีๆ ที่ทำให้อาการไมเกรนทุเลาลงไปได้มาก แถมยังมียาที่ช่วยป้องกันไมเกรนได้ผลค่อนข้างดีแล้ว นอกจากนั้นวันนี้ยังมีวิธีลดโอกาสปวดหัวจากไมเกรนมาฝากพวกเราด้วย
...
ภาพจาก BBC > [ BBC ] & [ BBC ]
ภาพคุณแอนเจลา เทย์เลอร์... คุณแม่ลูกสอง อายุ 50 ปี จากเมืองเคนท์ สหราชอาณาจักร (หมู่เกาะอังกฤษ) เล่าว่า เมื่อ 4 ปีก่อนเธอปวดหัวอย่างหนัก ทำให้ไม่มีความสุขตลอดวันหยุดคริสต์มาส
...
ตอนนั้นเธอกินแซลมอนรมควันแกล้มแชมเปญ ไม่ถึงชั่วโมงก็มีอาการปวดหัวข้างเดียว (ไมเกรน) กำเริบ ทำให้วันหยุดปีนั้นกลายเป็น "วันหยุดสุดเซ็ง" ไปแทน
เธอบอกว่า ปีนี้เตรียมตัวไว้อย่างดีเลย เริ่มจากการที่จะกินอาหารตรงเวลา ไม่ปล่อยให้หิว ไม่ดื่มเหล้า พักผ่อนนอนหลับให้มากพอ ไม่ปล่อยให้ร่างกายเหนื่อยหรือเพลียมากเกินไป ซึ่งทั้งหมดนี้กระตุ้น (trigger) อาการปวดหัวไมเกรนได้
...
ภาพจาก BBC > [ BBC ] & [ BBC ]
คนที่ปวดหัวบ่อยอย่าเพิ่งตกใจ เพราะท่านไม่ได้ปวดหัวอยู่คนเดียว... ผู้หญิง 16-18% และผู้ชาย 6-8% เป็นไมเกรน เฉลี่ยแล้วคนในโลก 8 คนจะเป็นโรคปวดหัวไมเกรน 1 คน (ข่าวร้ายคือ ผู้เขียนก็เป็นโรคปวดหัวไมเกรนเช่นกัน)
...
...
ภาพจากวิกิพีเดีย > [ Wikipedia ] & [ Wikipedia ]
ผู้หญิงเป็นไมเกรนมากกว่าผู้ชาย > เส้นสีแดงทึบแสดงผู้หญิงที่เป็นไมเกรน เส้นสีแดงประ (ขีด-เว้น-ขีด) แสดงผู้หญิงที่เป็นไมเกรนและมีอาการนำ (aura) เช่น ตาพร่ามืดไป ตาเห็นแสง ฯลฯ ก่อนปวดหัว
เส้นสีน้ำเงินทึบแสดงผู้ชายที่เป็นไมเกรน เส้นสีน้ำเงินประ (ขีด-เว้น-ขีด) ประแสดงผู้ชายที่เป็นไมเกรนและมีอาการนำ (aura) เช่น ตาพร่ามืดไป ตาเห็นแสง ฯลฯ ก่อนปวดหัว
...
อาจารย์แพทย์หญิงมานูเอลา ฟอนเทบาสโซ แพทย์ประจำคลินิกปวดหัวที่โรงพยาบาลชุมชนยอร์คกล่าวว่า ผู้หญิง 16-18% และผู้ชาย 6-8% เป็นไมเกรน
ไมเกรนเป็นโรคปวดหัวที่มีความรุนแรงปานกลางจนถึงรุนแรงมาก คนไข้มากกว่าครึ่งไม่ทุเลาด้วยยาแก้ปวดพาราเซตามอล อาการปวดเป็นแบบ "ตุ๊บๆ" เต้นตามจังหวะชีพจร ส่วนใหญ่จะปวดข้างเดียว
...
คนไข้ไมเกรนส่วนน้อยจะมีอาการนำก่อนปวดหัว หรือที่เรียกว่า "ออรา (aura)" เช่น ตามืดหรือพร่าไปชั่วคราว ตาเห็นแสงระยิบระยับ ฯลฯ คนไข้ส่วนใหญ่ไม่มีอาการนำ
อาการไมเกรนในคนไข้บางคนทุเลา หรือหายไปได้... ถ้าได้นอน และมักจะกำเริบถ้าได้ยินเสียงดังๆ หรือเห็นแสงจ้าๆ
...
อาจารย์ฟอนเทบาสโซ และคณะมีคำแนะนำในการป้องกันโรคไมเกรนกำเริบ 8 ข้อดังต่อไปนี้
(1). กินอาหารให้ตรงเวลา
การกินอาหารไม่ตรงเวลา หรืองดอาหารเป็นบางมื้ออาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้น (trigger) สำคัญที่ทำให้อาการปวดหัวกำเริบ
...
(2). ลดขนม-น้ำตาล
การกินขนม อาหารหวานมากๆ เครื่องดื่มเติมน้ำตาล หรือลูกอมอาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วและลงเร็ว ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในเลือดจะขึ้นๆ ลงๆ โดยเฉพาะ "ขาลง" นั้นมีส่วนกระตุ้นอาการปวดหัวได้ (ทำไมขึ้นๆ ลงๆ คล้ายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ทราบ)
...
(3). ไม่ดื่มเหล้า
เหล้า เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีส่วนกระตุ้นทำให้ปวดหัวไมเกรนเพิ่มขึ้นได้ กลไกอาจเป็นจากการที่หลอดเลือดเต้นแรงขึ้น (ขยายตัว-หดตัวมากขึ้น) ในช่วงแรก และระดับน้ำตาลในเลือดมักจะต่ำลงในเวลาต่อมา (แอลกอฮอล์มีพิษต่อตับ ไปกดการสร้างน้ำตาลจากแป้งในตับ)
...
(4). ปรึกษาหมอ
ปรึกษาหมอใกล้บ้านดูว่า มีเวลาปวดหัวขึ้นมา... ควรทำอย่างไร เช่น ควรกินยาอะไรบ้าง ขนาดเท่าไร ฯลฯ
ถ้าเป็นบ่อยตั้งแต่ 2 ครั้งต่อสัปดาห์... ควรปรึกษาหมอว่า จะใช้ยาป้องกันอาการปวดได้หรือไม่
...
(5). เตรียมยา
เตรียมยาแก้ปวดไว้ประจำบ้าน... อย่าปล่อยให้ยาหมด ให้เตรียมยาไว้อย่างน้อย 2-4 เม็ดเผื่อไว้เลย
ถ้าเดินทางบ่อย... ให้ทำรายการเช็คของใช้ (checklist) ที่รวมยาไว้เสมอ หรือติดป้ายเตือนที่ประตูบ้านว่า อย่าลืมนำยาไปด้วย
ถ้าขับรถบ่อยง.. ให้เตรียมยาไว้ในรถ
...
(6). อย่าเปลี่ยนเวลานอน
การเปลี่ยนเวลานอน เช่น วันนี้นอนหัวค่ำ พรุ่งนี้นอนดึก ฯลฯ อาจกระตุ้นไมเกรนได้
...
(7). นอนให้พอ
ภาวะอดนอนมีส่วนกระตุ้นไมเกรน เพราะฉะนั้นถ้าจำเป็นต้องเดินทางไกลข้ามคืน เช่น นั่งรถไฟ รถทัวร์ ฯลฯ ควรลงทุนเดินทางกลางวัน หรือเลือกเดินทางแบบไม่รีบร้อน เพื่อให้มีเวลานอนชดเชยมากพอ
...
(8). สังเกตอาการ
ควรสังเกตอาการนำ (aura) หรืออาการของโรคระยะแรกๆ ว่า เป็นอย่างไร เนื่องจากการรักษาโรคในระยะแรกๆ ได้ผลดีกว่าการรักษาหลังเป็นโรคนานๆ
ช่วงไหนที่เป็นโรคบ่อย... ควรหลีกเลี่ยงงานเลี้ยง งานสังสันทน์พบปะคนจำนวนมาก หรืองานที่มีเสียงดังๆ เช่น งานแสดงดนตรี ฯลฯ เพื่อลดความเครียดที่อาจทำให้โรคกำเริบได้
...
(9). แบ่งงาน
การรับงานหรือภาระต่างๆ ไว้คนเดียวมากๆ โดยเฉพาะท่านที่เป็นแม่บ้านคงจะไม่ดี ทางที่ปลอดภัยกว่าคือ แบ่งงานให้คนอื่น หรือขอความช่วยเหลือคนอื่นให้รับงานไปบ้าง เช่น ถ้าทำกับข้าว ควรฝึกให้ลูกๆ หลานๆ ช่วยล้างจาน ถูพื้น ล้างรถ ฯลฯ
ถ้าทำงานที่มีเวรหรืองานล่วงเวลาก็ไม่ควรรับงานมากเกิน เนื่องจากถ้าร่างกายอ่อนเพลียมากเกินแล้ว จะปวดหัวได้ง่าย
...
(10). พูดคำว่า ไม่" ให้เป็น
ธรรมดาของคนใจดีนั้น... มักจะตกเป็นเหยื่อของคน "ขี้ขอ" หรือคนมักมาก ทำให้คนใจดีหรือคนที่มีน้ำใจลำบากบ่อยมากๆ
ทางที่ดีคือ ควรหัดปฏิเสธ หรือพูดคำว่า "ไม่" ให้เป็น เพื่อไม่ให้พวกคนมักมากหรือคนขี้ขอมาเบียดเบียนจนปวดหัวบ่อยเกิน
...
(11). แบ่งเวลา
ญี่ปุ่นมีภาษิตหนึ่งกล่าวว่า "เจ็บป่วยเล็กน้อย อายุยืน" หมายถึงว่า ถ้าเราเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ แล้ว หันมาศึกษาหาความรู้ ใส่ใจกับสุขภาพให้มาก แบบนี้จะพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส และอาจทำให้อายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพได้
การให้เวลากับคนอื่นนั้นดี ทว่า... ควรหาเวลาให้กับตัวเอง เพื่อทำอะไรที่เราชอบ หรือพักผ่อนสบายๆ สไตล์เราบ้าง เพื่อลดความเครียด ซึ่งอาจกระตุ้นไมเกรนได้เช่นกัน
...
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...
ภาษาอังกฤษสบายๆ สไตล์เรา
...
ศัพท์ที่น่าสนใจตอนนี้มาจากหัวข้อเรื่องของ BBC คือ I won't let migraine spoil Christmas' แปลว่า ฉันจะไม่ยอมให้ (ไอ้เจ้า) ไมเกรนมาทำลาย (วันหยุด) คริสตมาส
'spoil' > [ ซะ - ปอย' - เอิ่ล] > ย้ำเสียง (accent) ตรง "ปอย" เสียง "ซะ" + "เอิ่ล" พูดให้เบาและสั้นมากๆ > ถ้าออกเสียง "เอิ่ล" สั้นๆ ไม่ได้ ให้ออกเสียง [ ซะ - ปอย ] แทน
'spoil' = damage = ทำลาย
ฟังเสียงเจ้าของภาษา > คลิกเครื่องหมาย "ธงชาติ" หรือ "ลำโพง" > [ Click ]
...
ตัวอย่างประโยค > He is a spoiled child. / He is a spoilt child. = เขาเป็นคนที่ถูกตามใจจนเสียคน ฝรั่งมีสำนวนเรียกคนที่เสียคน หรือเสียนิสัย เอาแต่ใจตัวเอง เนื่องจากถูกพ่อแม่ตามใจว่า 'spoiled child' หรือ 'spoilt child'
เวลาผันกาล (เวลา) ของคำ 'spoil' (post & past perfect) > ผันได้ 2 แบบคือ 'spoil, spoiled, spoiled' (เติม '-ed') และเติม '-t' คือ 'spoil, spoilt, spoilt'
...
ที่มา
- Thank BBC > Jane Elliotte > I won't let migraine spoil Christmas' > [ Click ] > December 23, 2008.
- ข้อมูลในบล็อก "บ้านสุขภาพ" เป็นไปเพื่อการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ไม่ใช่รักษาโรค ท่านผู้อ่านที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงต่อโรคสูง... ควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ โรงพยาบาลห้างฉัตร ลำปาง > สงวนลิขสิทธิ์บทความในบล็อก > ยินดีให้นำไปใช้ส่งเสริมสุขภาพ หรือเผยแพร่ความรู้ได้ ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า > 22 ธันวาคม 2551.