ขออนุญาตสาธยายทริปนี้หน่อยค่ะ กว่าจะไปถึงที่หมายนี่ ลุ้นตลอด 

เป็นทริปที่เกือบจะอดไปแล้วค่ะ อุปสรรคเยอะเหลือเกิน เนื่องจากติดสัมนา แต่อุปสรรคขวากหนามแค่นี้ก็ไม่สามารถหยุดเราได้ อิอิ

จองตั๋วโปรหางแดง 0 บาท ดองไว้เป็นแรมปี เกือบลืมแล้วนะเนี่ยว่าจองไว้วันไหน ความจริงจองออกเดินทางคืนวัน ที่ ๒๑ มค. แต่ว่า เที่ยวบินนั้นเลื่อนมาเป็นกลางวันของ วันที่ ๒๒ มค. คุณเพื่อนทั้งสองสามารถบินไปเวลานั้นได้ แต่เราเนี่ยสิต้องตามไปทีหลัง เนื่องจากนายไม่ให้ลางาน ฮือๆ นายใจร้าย T_T (ความจริงไม่ควรมีหน้าไปขอเค้าหยุดด้วยซ้ำ อิอิ) เลยจำเป็นต้องทิ้งตั๋วขาไป และจองตั๋วใหม่ ไฟลท์ ๑ ทุ่ม ค่าเสียหาย ๑,๖๓๐.๐๐ บาทถ้วน

เย็นวันนั้น หลังจากสัมนาเสร็จ (ขอตัวออกมาก่อน เพราะกลัวตกเครื่อง หุหุ) รีบเปลี่ยนชุด และลงไปโบกแท็กซี่หน้าโรงแรมทันที พี่แท็กซี่ก็น่ารักมากมายพยายามเร่งสปีด โดนตำรวจเรียก และต่อรองกันเป็นเวลาประมาณ ๕ นาที ได้เห็นพฤติกรรมไม่ดีที่แท็กซี่เอาเงินส่งให้ตำรวจเพื่อไม่ต้องถูกยึดใบขับขี่ เฮ้ออออ..เซ็ง น่าจะประมาณ ๖๐ บาทมั้ง

เพราะเสียเวลาตอนแท็กซี่โดนตำรวจเรียก ก็ลุ้นใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ จะตกเครื่องมั้ยเนี่ย แต่ก็ถึงสนามบินทันเวลาพอดี๊ รอดไป

ถึงเวลาขึ้นเครื่อง ดีเลย์ไม่มาก ประมาณ ๑๐ นาที การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น และก็ถึงสนามบินหาดใหญ่ เพื่อนบอกว่าให้ซื้อตั๋วรถตู้เข้าเมือง ๘๐ บาท ตรงใกล้ๆทางออก แต่มัวรอต่อคิวเข้าห้องน้ำนานไปหน่อย ออกมาอ้าว คนหายไปไหนหมดเลย มันเงียบมากๆ แบบปราศจากสิ่งมีชีวิต เลยรีบจ้ำออกมาก็เจอเคาน์เตอร์ขายตั๋วรถ เห็นพี่พนักงานขายตั๋วกะลังเก็บข้าวของจะกลับบ้าน พอถามซื้อตั๋วรถตู้ไปโรงแรมหาดใหญ่ ฮอลิเดย์ พี่เค้าก็บอกว่ารถตู้เพิ่งจะออกไปเมื่อตะกี้นี้เองค่ะ เง้ออออ งานเข้าแล้วเรา  ถ้าจะเข้าเมืองคงต้องเหมาแท็กซี่ไป ๓๐๐ บาท โอ้ววว แม่เจ้า กะจะประหยัดขึ้นรถตู้ซะหน่อย ทำไงดีล่ะเนี่ย ยืนงงๆ อยู่ตรงนั้น พี่ขายตั๋วเลยเรียกเรากลับเข้าไปอีกครั้งและยื่นตั๋ว ๘๐ บาทให้ กรี๊ดดด รอดแล้วเรา พี่เค้าบอกว่าบ้านอยู่แถวโรงแรมที่น้องพักพอดีเป็นทางผ่าน ไปด้วยกันเลย เย้ๆ  ต้องกราบขอบพระคุณพี่ขายตั๋วมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ไปถึงโรงแรมประมาณ ๓ ทุ่มครึ่ง เกือบๆ ๔ ทุ่ม มังคุดที่ขึ้นเครื่องล่วงหน้ามาก่อนก็ลงมารับ  ในที่สุดก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพค่า ^^!!

เราเช็คเอาท์จากโรงแรมประมาณ ๗ โมง เดินออกมาขึ้นรถสองแถว ที่จะไปตลาดเกษตร เพื่อต่อรถตู้ไปท่าเรือปากบารา จ. สตูลค่ะ รถสองแถวที่เราขึ้นเป็นสีฟ้าทั้งคัน และจะเขียนป้ายไว้หน้ารถชัดเจนไม่ต้องกลัวพลาด ค่าเสียหายคนละ ๑๐ บาทเท่านั้น ไม่ถึง ๑๐ นาที พวกเราก็ถึงท่ารถตู้ แล้วก็เดินไปซื้อตั๋วรถตู้ คนละ ๙๐ บาท รถออกประมาณ ๘ โมงครึ่งค่ะ รถวิ่งประมาณ ๒ ชั่วโมง ก็ถึงท่าเรือปากบารา มังคุดจองแพ็คเก็จกับรีสอร์ตบันดาหยา หลีเป๊ะเอาไว้แล้ว ค่าตั๋วเรือสปีดโบ้ท ไปกลับ ที่พัก ๓ วัน ๒ คืน พร้อมอาหารเช้าด้วย คนละ ๒,๕๐๐ บาท

เรือสปีดโบ้ทลำนึงเค้าจะให้คนลงไปนั่งได้ประมาณ ๕๐ คน ซึ่งมองด้วยสายตาแล้วมันไม่น่าจะนั่งได้เยอะขนาดนั้น แต่ก็สามารถเบียดๆ กันลงไปได้ ไม่ถึงกะลำบากมากนัก มีเสื้อชูชีพให้ใส่คนละตัวครบทุกคนด้วยค่ะ ยังดีที่เค้ายังคำนึงถึงความปลอดภัย เวลาเรือออกคือ ๑๑ โมงครึ่ง เที่ยวสุดท้ายจากปากบารานี่รู้สึกจะ ประมาณ บ่าย ๒ โมง 

ขาไปเรือจะจอดแวะส่งผู้โดยสารบางคนที่มาพักเกาะเต่า และให้เวลาเดินยืดเส้นยืดสาย ๑๐ นาที จะมี จนท. มาเก็บค่าเข้า อช. คนละ ๔๐ บาทด้วย ถึงจะไม่ได้ลงเหยียบพื้นเกาะก็ต้องเสียเงินนะจ๊ะ หุหุ หลังจากแวะเกาะเต่า ก็จะแวะเกาะไข่ด้วยค่ะ แต่ว่าวันนั้นคลื่นแรงเลยได้แค่จอดลอยลำอยู่ใกล้ๆ แล้วถ่ายรูปไว้แค่นั้นค่ะ

ใช้เวลาอยู่บนสปีดโบ้ท เกือบๆ ๒ ชั่วโมง ก็ถึงเกาะหลีเป๊ะแล้ว แต่...เค้าส่งแค่ที่โป๊ะหน้าหาดเท่านั้นนะคะ ต้องนั่งเรือหางยาวอีกแน่ะ เห็นติดป้ายว่าเพื่อรายได้ของคนท้องถิ่น จ่ายเงินขึ้นเรือหางยาวอีก ๓๐ บาท เรือลำนึงนั่งได้ประมาณ ๖-๗ คน แล้วเค้าจะไล่ ส่งไปทีละกรุ๊ป ถึงหาดหน้ารีสอร์ตเลย

น้ำที่นั่นใสมาก แต่เสียอย่างเดียวตอนออกไปดำน้ำ (snorkel)เกาะอื่นๆ ละแวกใกล้เคียง จะเจอแตนทะเลเยอะมาก โดนกัดเป็นจ้ำๆ แดงๆ คล้ายๆ รอยยุงกัด แสบๆ คันๆ พี่ไกด์แนะนำว่าอย่าเกา เดี๋ยวมันจะแสบ ให้ใช้มือลูบๆ ก็พอ

แล้วนอกจากแตนทะเล ก็มีแมงกระพรุน ลูกหลานเหลนโหลนแมงกระพรุน ไม่รู้ยกโขยงกันมาจากไหน ยั๊วเยี๊ยะเลยอ่ะ เพื่อนเราถึงขนาดหลอนไปเลย ๕๕๕ ถ้าใครจะไปแล้วไม่อยากเจ็บตัว แนะนำให้ใส่ชุด แขนยาว ขายาว swimming suit แบบดำ scuba อ่ะค่ะดีที่สุด