happy memories
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
คารวาลัย...อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี (๖)


head2



ถวัลย์​ดัชนี
ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม)



นายถวัลย์ ดัชนี ปัจจุบันอายุ ๗๔ ปี เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๒ ที่จังหวัดเชียงราย เป็นบุตรของนายศรี และนางบัวคำ (พรหมสา) ดัชนี เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง ๔ คน ได้แก่ พ.ต.สว่าง ดัชนี (ถึงแก่กรรม) นายสมจิตต์ ดัชนี (ถึงแก่กรรม) และนายวสันต์ ดัชนี (ถึงแก่กรรม) สมรสกับนางมากาเร็ต ฟันเดอร์ฮุ๊ค มีบุตร ๑ คน คือ นายดอยธิเบศร์ ดัชนี



ประวัติการศึกษา


 
พ.ศ. ๒๔๘๕ – ๒๔๙๑ ศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม จังหวัดเชียงราย
 
พ.ศ. ๒๔๙๒ – ๒๔๙๘ ศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จังหวัดเชียงราย
 
พ.ศ. ๒๔๙๘ – ๒๕oo ศึกษาระดับครูประถมการช่าง (ปปช.) จากโรงเรียนเพาะช่าง
 
พ.ศ. ๒๕oo – ๒๕o๕ ศึกษาปริญญาตรีศิลปบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากคณะจิตรกรรมประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร
 
พ.ศ. ๒๕o๖ – ๒๕๑๒ ศึกษาระดับปริญญาโท ทางด้านจิตรกรรมฝาผนัง อนุสาวรีย์ ผังเมือง และปริญญาเอก สาขาอภิปรัชญาและสุนทรียศาสตร์ ที่ราชวิทยาลัยศิลปแห่งชาติ อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ (RIJKS AKADEMIE VAN BEELDEN DE KUNSTEN AMSTERDAM NEDERLAND)




 
 

ชีวิตวัยเยาว์และการศึกษา



ถวัลย์ ดัชนี ศึกษาชั้นมูลและระดับประถมที่โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม ต่อมาบิดาย้ายมาปฏิบัติงานสรรพสามิตที่อำเภอเมืองพะเยา จึงเรียนต่อชั้นประถมที่โรงเรียนบุญนิธิซึ่งตั้งอยู่ริมชายกว๊านพะเยา และชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนพะเยาพิทยาคม เมื่อบิดาย้ายกลับเชียงรายจึงเข้าเรียนจนจบชั้นชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคมจนจบชั้นมัธยมปีที่ ๖ ของสมัยนั้น ถวัลย์มีแววด้านการวาดรูปมาตั้งแต่ชั้นมูลและชั้นประถม สามารถวาดตัวละครรามเกียรติ์ได้เกือบทุกตัว นอกจากจะมีความจำเป็นเลิศสามารถจำชื่อเพื่อนร่วมชั้นได้ทุกชั้นปีทั้งที่เชียงรายและพะเยาแล้ว เมื่อถวัลย์มีอายุ ๘-๙ ขวบก็มีความคิดแผลง ๆ จำเรื่องนายมั่นนายคงจากละครวิทยุปลุกใจยุคปลายและหลังสงคราม เที่ยวชักชวนเพื่อนกรีดเลือดสาบานไปอยู่ดงพญาเย็นด้วยกันเมื่อโตขึ้นเป็นต้น


เมื่อจบชั้นมัธยม 6 ที่เชียงราย ถวัลย์ก็ได้รับทุนมาเรียนต่อที่ โรงเรียนเพาะช่าง และได้เป็นนักเรียนดีเด่น ด้วยฝีมือการวาดรูปที่แม่นยำ เฉียบคม ฉับไว จึงเป็นหนึ่งในนักเรียนเพาะช่างดีเด่นด้านจิตรกรรม ที่ผลงานได้รับการคัดเลือกไปแสดงในหอศิลป์แห่งชาติ นครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้น ถวัลย์ ดัชนี จึงเข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และได้เป็น "ศิษย์รุ่นท้ายๆ ของ ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี" ตอนเรียนอยู่ที่ศิลปากรในชั้นปีที่ ๑ ถวัลย์ ดัชนี ทำคะแนนการวาดรูปได้ถึง ๑oo+ แต่เมื่อขึ้นปี ๒ กลับทำได้แค่ ๑๕ คะแนน เพราะเหตุผลที่ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ให้ไว้ว่า ปลาของนายไม่มีกลิ่นคาว นกของนายแหวกว่ายไปในอากาศไม่ได้ ม้าของนายไม่สามารถที่จะควบหรือวิ่งทะยานออกไปได้ นายเป็นเพียงแค่นักลอกรูป มันไม่ใช่งานศิลปะ




 

 
ประวัติการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ



นับแต่เรียนสำเร็จชั้นมัธยมที่จังหวัดเชียงราย ถวัลย์ได้เข้าเรียนศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่างด้วยทุนการศึกษาของจังหวัดเชียงรายและเป็นนักเรียนเพาะช่างดีเด่นด้วยฝีมือการวาดรูปเหมือนจริงที่แม่นยำฉับไว ภาพวัดเบญจมบพิตรได้รับเลือกให้แสดงในหอศิลปแห่งชาติ นครโตเกียวประเทศญี่ปุ่นและแสดงในนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยแห่งชาติ ประเทศไทย
 

เมื่อจบจากโรงเรียนเพาะช่างในปี พ.ศ. ๒๕oo ถวัลย์ได้เดินตามแนวทางของดำรง วงศ์อุปราช จิตรกรรุ่นพี่ นักเรียนทุนจากลำปาง ซึ่งเป็นผู้จุดประกายให้เขาสอบเข้าเรียนที่คณะจิตรกรรม ปฏิมากรรมมหาวิทยาลัยศิลปากร ภายใต้การอำนวยการสอนของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี และสถาบันแห่งนี้ได้หล่อหลอมให้ถวัลย์พัฒนางานจากภาพวาดเหมือนจริงไปเป็นภาพวาดที่ให้ความรู้สึกประทับใจ (Impressionism) แบบไทย แล้วยังเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างถวัลย์ ดัชนี กับ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเป็นแบบอย่างการใช้ชีวิตและวิธีคิดที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเขาเป็นอย่างยิ่ง

 
ถวัลย์ ดัชนี จัดเป็นบัณฑิตคนหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนของมหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้นที่สามารถเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าไม่มีความรู้ความสามารถโดดเด่นแท้จริงแล้วจะได้เพียงอนุปริญญา และหลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรแล้ว ด้วยการสนับสนุนของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี คณบดีในเวลานั้น ถวัลย์ได้รับทุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมและการศึกษา ของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกเป็นเวลา ๕ ปี ที่ราชวิทยาลัยศิลปแห่งชาติ อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์







การค้นหาและการพบตัวเอง



คำวิจารณ์ของศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ดังกล่าวนี้ทำให้ถวัลย์ ดัชนี เปลี่ยนแปลงการทำงานทุกอย่างใหม่หมด เมื่อคิดและดำรงอยู่ในวิถีทางแห่งศิลปะได้แล้ว เขาจึงได้รับการสนับสนุนจากศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ให้สอบชิงทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้านสาขาจิตรกรรมฝาผนัง อนุสาวรีย์ ผังเมือง และในระดับปริญญาเอก สาขาอภิปรัชญา และสุนทรียศาสตร์ ที่ราชวิทยาลัยศิลปะอัมสเตอร์ดัม ที่แห่งนี้เองที่ถวัลย์ได้เรียนร่วมชั้นเดียวกันกับนักเรียนต่างชาติ ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีศิลปินแห่งชาติเกิดขึ้ น๓ คนจากสถาบันแห่งนี้ นั่นคือ ศิลปินแห่งชาติของอินโดนีเซีย ด้านการแกะสลัก, ศิลปินแห่งชาติของอเมริกา ชาวสวิตเซอร์แลนด์ นามว่า Giger (ไกเกอร์ หรือ กีเกอร์ ถ้าอ่านแบบเยอรมัน) ซึ่งเป็นศิลปินที่วาดรูปออกแนวอวกาศและเป็นผู้ออกแบบเอเลี่ยน และศิลปินแห่งชาติของไทย ถวัลย์ ดัชนี


เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น รูปเขียนขนาดใหญ่ของเขาหลายรูปถูกนักเรียนกรีดทำลาย ด้วยเหตุที่ว่างานของเขานั้นดูหมิ่นพระพุทธศาสนา ทำให้ถวัลย์ ดัชนี เลิกแสดงผลงานในประเทศไทยไปนานหลายปี กว่าคนไทยจะยอมรับได้ เขาก็ต้องเดินตากแดดตากฝนนานอยู่ถึงสามสิบกว่าปี ในปัจจุบันผลงานของเขาได้รับการยอมรับ และได้รับการยกย่องชื่นชมว่าเป็นงานศิลปะชั้นเลิศ อีกทั้งเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมงานศิลปะทั่วไปอีกด้วย


ถวัลย์ ดัชนี ได้ฝากศิลปะไทยจิตวิญญาณตะวันออกของเขา ไว้ในหลาย ๆ ที่ในโลก "ผลงานบางส่วนถูกเขียนขึ้นในปราสาทที่มีถึง ๕oo ห้อง ในประเทศเยอรมนี ซึ่งมีชื่อว่าปราสาทกอททอฟ (Gottorf Castle) " ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ปราสาทนี้ไม่เปิดให้ใครได้เข้าชมแล้ว เพราะอากาศที่หนาวเย็นจะทำให้มีหยดน้ำมาเกาะบนกำแพง ทำให้ภาพเสียหาย แต่รายการโทรทัศน์ที่ได้เข้าไปถ่ายทำเป็นรายการสุดท้ายนั่นคือ รายการชีพจรลงเท้า


ยามว่างจากการเขียนรูป ถวัลย์ ดัชนี จะเดินไปในป่าเพื่อหาเขากวางที่ผลัดแล้วมาเก็บไว้ เพื่อเป็นเครื่องลับจินตนาการให้เฉียบคมอยู่ตลอดเวลา







ฉายา



ถวัลย์ ดัชนี ได้รับฉายาว่า "จักรพรรดิแห่งผืนผ้าใบ" และยังได้ฉายาร่วมกับ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินรุ่นน้องที่เป็นชาวเชียงรายเช่นเดียวกันว่า "เฉลิมชัย-สวรรค์ ถวัลย์-นรก" เนื่องจากผลงานของเฉลิมชัยมักมุ่งเน้นไปที่ภาพสวรรค์ หรือภพภูมิแห่งนิพพาน แต่ขณะของถวัลย์กลับให้อารมณ์ตรงกันข้าม เพราะมุ่งเน้นไปที่ความน่าสะพรึงกลัว หรือภาพของบาปหรือกิเลสในตัวตนมนุษย์



เกร็ดเกี่ยวกับนามสกุลเดิม



จากการที่ถวัลย์ได้ออกรายการโทรทัศน์ของสถานีแห่งหนึ่งและเล่าเรื่องตลกๆ เล่นขณะออกรายการตามอุปนิสัยของคนอารมณ์ขันถึงนามสกุลตนเองว่า ที่มาของนามสกุล เดิม ไม่ใช่ดัชนี แต่เป็น ดักชะนี เนื่องจาก บิดา ของปู่ มีอาชีพ ดักชะนี ขาย แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเพื่อความไพเราะและเหมาะสม ซึ่งต่อมาได้มีการเล่าต่อๆ กันไปและเผยแพร่ไปในหนังสือพิมพ์จนเกิดความเข้าใจผิด ในรายการโทรทัศน์เดียวกันนั้น ถวัลย์ยังได้แต่งเรื่องตลกฉับพลันเกี่ยวกับตนเองด้วยว่า เมื่อตอนเป็นเด็กถูกสุนัขบ้ากัดแล้วไม่ได้รักษาให้หายขาด (ซึ่งเป็นไปไม่ได้) โตขึ้นตนจึงเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ดัชนี เป็นนามสกุลที่ครอบถวัลย์ใช้มาแต่เริ่มมีการประกาศขนานนามสกุล เรื่องนี้จึงเป็นเกร็ดขำขันที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด




 

ระหว่างที่ศึกษาศิลปะที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ผลงานการสร้างสรรค์ของถวัลย์โดดเด่นเป็นที่นิยมชมชอบของวงการศิลปะสากลอย่างกว้างขวาง จึงได้รับเชิญเป็นผู้บรรยายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการประชุมสัมมนาทางศิลปะระดับนานาชาติอยู่เสมอ ทั้งจากสถาบันการศึกษา สถาบันทางศิลปะให้จัดแสดงผลงานที่เรียกว่า One Man Show และแสดงกลุ่มมากมายหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศนับตั้งแต่เข้ามามีบทบาทในวงการศิลปะร่วมสมัยของไทย ดังนี้
 

พ.ศ. ๒๔๙๗ นิทรรศการศิลปะของโรงเรียนเพาะช่าง
 
พ.ศ. ๒๔๙๘ นิทรรศการแสดงของนักเรียนเพาะช่างที่เด่นด้านจิตรกรรม ณ หอศิลปแห่งชาติโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
 
พ.ศ. ๒๔๙๙ นิทรรศการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ
 
นิทรรศการแสดงภาพของนักเรียน โรงเรียนเพาะช่างประจำปี
แสดงเดี่ยวงานจิตรกรรม ประติมากรรมนูนต่ำ เครื่องหนัง เครื่องไม้ไผ่ เครื่องโลหะ ณ โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จังหวัดเชียงราย
 
ร่วมแสดงผลงานจิตรกรรมไทยกับอินสนธิ์ วงสาม ปรีชา บางน้อย ณ ทำเนียบทูตไทย นายบุณย์ เจริญชัย เอกอัครราชทูตไทย
 
พ.ศ. ๒๕o๘ กรุงปารีส (ปัจจุบันกระทรวงต่างประเทศ นำภาพเขียนขนาดใหญ่จากประเทศฝรั่งเศสมาประดับไว้ที่กรมพิธีการทูต กรุงเทพ)
 
พ.ศ. ๒๕o๙ นิทรรศการแสดงกลุ่มนักศึกษาภายหลังปริญญาตรี ของราช วิทยาลัยศิลปแห่งชาติ อัมสเตอร์ดัม
นิทรรศการมหกรรมศิลปไทย หอศิลป กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์
 
พ.ศ. ๒๕๑o นิทรรศการแสดงเดี่ยว ณ หอศิลปแห่งชาติร่วมสมัย จัดโดยพิธภัณฑ์ศิลปร่วมสมัยแห่งชาติ อัมสเตอร์ดัม
 
พ.ศ. ๒๕๑๑ นิทรรศการแสดงเดี่ยวหอศิลปแห่งชาติ กรุงอัมสเตอร์ดัม
 
พ.ศ. ๒๕๑๒ เดินทางกลับประเทศไทยแวะศึกษาจิตรกรรมที่ประเทศอิตาลีระยะหนึ่งและได้ก่อสร้างบ้านพักส่วนตัวครั้งแรกที่บ้านเกิด จังหวัดเชียงราย จัดนิทรรศการการงานศิลปะรวบยอด เพาะช่าง ศิลปากร อัมสเตอร์ดัมที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม
 
พ.ศ. ๒๕๑๔ นิทรรศการแสดงเดี่ยว สำนักกลางนักเรียนคริสเตียน กรุงเทพฯ
นิทรรศการแสดงเดี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
นิทรรศการแสดงเดี่ยว บริติชเคาน์ซิล กรุงเทพฯ
 
พ.ศ. ๒๕๑๕ นิทรรศการแสดงเดี่ยว ศูนย์วัฒนธรรมเยอรมัน กรุงเทพฯ
 
พ.ศ. ๒๕๑๖ นิทรรศการแสดงเดี่ยว ศูนย์วัฒนธรรมเยอรมัน ร่วมกับ บริติชเคาน์ซิล ที่บริติชเคาน์ซิล กรุงเทพ
 
พ.ศ. ๒๕๑๗ นิทรรศการแสดงเดี่ยว หอศิลปแห่งชาติ ฮาวาย สหรัฐอเมริกา ศูนย์การศึกษาตะวันตก - ตะวันออก มหาวิทยาลัยฮาวาย
นิทรรศการแสดงเดี่ยว การแสดงศิลปกรรมครั้งแรก ที่ได้รับเชิญให้เป็นตัวแทนของประเทศไทย ณ หอศิลปแห่งชาติ นคร
 
พ.ศ. ๒๕๒o เยรูซาเล็ม อิสราเอล หอศิลปเมืองอายน์คาเร็ม อิสราเอล และเป็นแขกพำนัก ณ มิชเคนอทชาอานานิม อาศรมรังสรรค์สันติภาพ เยรูซาเร็ม อิสราเอล





 
พ.ศ. ๒๕๒๑ นิทรรศการแสดงเดี่ยว หอศิลป เมืองซานดาม เนเธอร์แลนด์
นิทรรศการแสดงเดี่ยว พิพิธภัณฑ์ศิลปแห่งชาติ ซูริค สวิตเซอร์แลนด์
นิทรรศการแสดงเดี่ยว หอศิลป กรุงเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์
 
พ.ศ. ๒๕๒๕ นิทรรศการแสดงเดี่ยว บริติชเคาน์ซิล กรุงเทพฯ
 
พ.ศ. ๒๕๒๖ – ๒๕๒๗ แสดงกลุ่มศิลปกรรมไทย ทูบิงเก้น เยอรมัน
 
พ.ศ. ๒๕๒๙ – ๒๕๓o เป็นผู้แทนจากประเทศไทย ไปปฏิบัติงานจิตรกรรมร่วมสมัยกับ 17 ชาติในเอเชียที่กวนตัน มาเลเซีย คลับเมดแห่งมาเลเซีย
เข้าร่วมประชุมด้านจิตรกรรมที่ มาดริด สเปน
นิทรรศการแสดงเกี่ยวกับศิลปกรรมไทย สถาบันวัฒนธรรมเยอรมนี ณ นคร ซานฟรานซินโก สหรัฐอเมริกา
 
พ.ศ. ๒๕๓๑ นิทรรศการแสดงเดี่ยว สภาศิลปกรรมไทย กับพิพิธภัณฑ์ศิลป เมืองพาซาเดน่า ณ ลอสแองเจลีส
 
พ.ศ. ๒๕๓๒ นิทรรศการศิลปกรรมไตยวน การแสดงกลุ่มศิลปะของศิลปินล้านนา จากเชียงราย ๕ คน ครั้งแรก ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ
 
พ.ศ. ๒๕๓๖ – ๒๕๓๗ แสดงนิทรรศการเดี่ยวที่หอศิลป มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ออสเตรเลีย
 
พ.ศ. ๒๕๔o เป็นตัวแทนศิลปินไทย ๑ ใน ๑o ไปแสดงงานศิลปะเปิดสถานทูตไทยใหม่ที่นครลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา เป็นศิลปินไทยตัวแทนคัดเลือกผู้เดียวจากสหประชาชาติ แสดงรูปที่องค์การสหประชาชาติ นิวยอร์ค





 
พ.ศ. ๒๕๔๑ ออกแบบและร่วมมือกับจังหวัดเชียงรายทำตุงทองคำ ขนาดเท่าพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ
 
พ.ศ. ๒๕๔๒ นิทรรศการเดี่ยวครบ ๕ รอบ ถวัลย์ ดัชนี ธนาคารกรุงเทพ สาขาผ่านฟ้า บ้านดำ นางแล ไร่แม่ฟ้าหลวง เปิดหอศิลปส่วนตัวถวัลย์ ดัชนี โดยนักสะสมภาพชาวเยอรมัน ดร.ยอร์กี้ วิกันธ์ ประธานกรรมการ บริษัทแก้ว มึนเช่น เมืองมึนเช่น (นครมิวนิค) เยอรมนี
 
พ.ศ. ๒๕๔๓ นิทรรศการย้อนถวัลย์ ดัชนี ๖o ผลงาน ๖o ชิ้น จากอายุ ๑๖ ถึง ๖o บ้านดำ นางแล เปิดหอศิลปถวัลย์ ดัชนี ๑ ตึกยูคอม กรุงเทพฯ งานแสดงรวมกลุ่มจิตรกรนานาชาติ ลิสบอน พิพิธภัณฑ์ศิลปินร่วมสมัยโปรตุเกส เป็นตัวแทนจิตรกรเชียงราย เขียนรูปพลังแผ่นดิน เป็นราชพลีแก่แผ่นดินเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมแสดงในงานสล่าชาวเชียงราย สำนัก
ศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฏเชียงราย
 
พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นตัวแทนจิตรกรไทยร่วมกับ ๗o จิตรกร จาก ๒๕ ชาติทั่วโลก แสดงงานศิลปะ และเป็นศิลปินในพำนักที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมาเลเซีย ที่เกาะลังกาวี ประสานงานกับดาโต๊ะอิบราฮิบ ฮุสเซ็น ศิลปินแห่งชาติมาเลเซีย นิทรรศการเดี่ยว พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เมืองฟุกุโอกะ ถวัลย์ ดัชนี ได้รับรางวัลศิลปวัฒนธรรมแห่งอาเชียน จิตรกรคนแรกและคนเดียวในโลกตะวันออกที่ได้รับรางวัลนี้ในฐานะจิตรกร นับตั้งแต่สิบสองปีของรางวัลฟุกุโอกะ นิทรรศการแสดงเดี่ยวพุทธปรัชญาเซ็นปรากฏรูปในงานศิลปร่วมสมัยต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชินี มากาเรตเต้ เจ้าชายเฮนดริกและมกุฎราชกุมารเฟเดอริดแห่งเดนมาร์ก ที่ไร่แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย






นอกจากการแสดงผลงานแล้ว ตลอดระยะเวลากว่า ๔o ปี ของการสร้างงานศิลปะ ถวัลย์ ดัชนี ยังมีผลงานติดตั้งแสดงถาวรอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปสมัยใหม่ และสถานที่สำคัญ ๆ หลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนี้
 
พ.ศ. ๒๕o๓ ภาพเขียนสีน้ำมัน ๑o ภาพ ซื้อโดยพลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ประดับที่โรงพิมพ์สยามรัฐ

งานจิตรกรรมวิทยานิพนธ์ศิลปบัณฑิต คณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ซื้อโดยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ๑๒ ภาพ ประดับที่สถานทูต
 
พ.ศ. ๒๕o๕ ไทยบูไอโนสแอร์เรส อาร์เจนตินา นครเวียนนา ออสเตรีย และนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตามลำดับ
 
พ.ศ. ๒๕o๖ นิทรรศการเดี่ยว ณ นครกัวลาลัมเปอร์ ซื้อโดยพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ นครกัวลาลัมเปอร์ ปีนัง สิงคโปร์ ตามลำดับ
 
พ.ศ. ๒๕o๗ ผลงานวาดเส้นและจิตรกรรมขนาดใหญ่ ซื้อโดย ธนาคารเชสแมนฮัตตัน นครจาร์กาต้า อินโดนีเชีย 5 ภาพ ปัจจุบันเป็นผลงานในการสะสมของโซธปี้ สิงคโปร์ ประมูลมาจากอินโดนีเซีย หนึ่งในงานกิจกรรมที่มีมูลค่าสูงสุดของเอเชีย
 
พ.ศ. ๒๕o๘ – ๒๕o๙ เขียนภาพจิตรกรรมขนาดใหญ่ประดับสถานทูตไทย ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส
 
พ.ศ. ๒๕๑o – ๒๕๑๑ เขียนภาพประดับผนังปราสาทอาชิลล์ คลารัค คณบดีทูต เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทยที่เมืองโอดอง ลัวร์แอตแลนติก เมืองแองชีนีฝรั่งเศส ภาพกิจกรรม ๒๖ ภาพ คัดเลือกเข้าแสดงนิทรรศการเดี่ยว ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ สเตเดลิกซ์ นครอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ เขียนภาพการกำเนิดจักรวาล สำหรับสำนักกลางคริสเตียน ประเทศไทย กรุงเทพฯ
 
พ.ศ. ๒๕๑๒ – ๒๕๑๓ มีผลงานสะสมอยู่ในสถานทูตเนเธอร์แลนด์ กรุงเทพฯ และพิพิธภัณฑ์ศิลปพื้นบ้าน นครฮัมบวร์ก เยอรมนี
 
พ.ศ. ๒๕๑๕ มีผลงานเก็บสะสมในพิพิธภัณฑ์นครลอสแองเจลีส เคาน์ตี้มิวเซียมและในหอศิลปแห่งซานฟรานซิสโก เบย์เอเรีย มิวเซียมจากการแสดงนิทรรศการแสดงเดี่ยวที่ฮาวายและซานฟรานซิสโก
 
พ.ศ. ๒๕๑๗ – ๒๕๑๘ ได้รับเชิญให้เป็นจิตรกรในพำนัก ที่เยอรมนี และอังกฤษ ผลงานวาดเส้นสะสมไว้ในหลายพิพิธภัณฑ์ศิลปแห่งเยอรมนี ที่นครดือซัลดอร์ฟ บอนน์ โคโลญจน์ และมิวนิค ตลอดจนงานวาดเส้นในคฤหาสน์ส่วนตัวของอดีตผู้อำนวยการบริติชเคาน์ซิล ประจำประเทศไทย มร.มัวรีช คาร์คิฟ สโนเฮาส์ ออกซฟอร์ด





 
พ.ศ. ๒๕๑๙ – ๒๕๒o ผลงานสะสมในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงสต๊อคโฮล์ม สวีเดน พิพิธภัณฑสถานเมืองซานดาม เนเธอร์แลนด์ เขียนภาพ ประดับขนาดใหญ่ทั้งห้องในปราสาท ครอททอร์ฟ เยอรมนี
 
พ.ศ. ๒๕๒๒ ผลงานจิตรกรรมซื้อโดย พิพิธภัณฑ์ศิลปร่วมสมัยนานาชาติ ที่เมืองวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา
 
พ.ศ. ๒๕๒๓ เขียนภาพประดับขนาดใหญ่ ประดับบริษัทเชลล์ แห่งประเทศไทย
 
พ.ศ. ๒๕๒๕ ผลงานวาดเส้นสามรูปใหญ่ เป็นงานสะสมในธรรมสถานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พิมพ์ออกมาเป็นการ์ดวันวิสาขบูชา โดยศาสตราจารย์ ดร.ระวี ภาวิไล
 
พ.ศ. ๒๕๒๗ – ๒๕๒๘ ออกแบบตราพระราชลัญจกร ตำหนักแกรนด์ซัน ให้แก่จอห์น เดอซาลิส เคาน์ เดอ ซาลิส ลอนดอน อังกฤษ เขียนภาพประดับอีกห้องในปราสาทครอททอร์ฟ เยอรมนี
 
พ.ศ. ๒๕๒๙ – ๒๕๓o ออกแบบตราสารให้แก่ เคาน์ ออฟเปอรสคอรฟ ปราสาทซอนเนนพลาส นครซูริค เขียนภาพกิจกรรมขนาดใหญ่ประดับธนาคารแห่งประเทศไทย ทำศาลาไม้ สมาคมไทยเยอรมัน ที่สถาบันวัฒนธรรมเยอรมัน กรุงเทพฯ ทำศาลาไม้ในสวนหลวง ร.๙ ศาลาพุฒ - จันทร์ สถาปัตยกรรมล้านนา
 
พ.ศ. ๒๕๓๑ – ๒๕๓๒ ผลงานสะสมที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาซาเดน่า สหรัฐอเมริกา
 
พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลญี่ปุ่น เป็นจิตรกรในพำนักและนิทรรศการศิลปกรรมเดี่ยวนับเป็นจิตรกรคนที่สามแห่งเอเชียต่อจากจีน และฟิลิปปินส์ ณ เมืองฟูกุโอกะ พิพิธภัณฑ์ศิลปร่วมสมัยและที่ศูนย์วัฒนธรรมญี่ปุ่น นครโตเกียว งานจิตรกรรมห้าชิ้น สะสมโดยพิพิธภัณฑ์ฟูกุโอกะ
 
พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้รับเชิญจากปราสาทอัลสตริมมิค นครโคเบล็นซ เยอรมนีเขียนภาพภูมิจักรวาลตามไตรภูมิของปกิรณัมไทย และเป็นจิตรกรในพำนัก มหาวิทยาลัยศิลปะนานาชาติ ที่นครเทรีย เยอรมนี
 
พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้รับเชิญจากรัฐบาลตุรกี ให้เป็นตัวแทนศิลปินไทย สาขาจิตรกรรม ไปร่วมงานศิลปกรรมร่วมสมัย ที่นครอิสตันบูล อัลทานญ่า และดูงานสถาปัตยกรรมในกรีก โรม และอียิปต์
 
พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้รับเชิญจากรัฐบาลออสเตรเลีย เป็นจิตรกรในพำนักของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น เดินทางไปทัศนศึกษาทั่วทวีปออสเตรเลีย ตั้งแต่อลิชสปริง ซิดนีย์ แคนเบอร่า ยูลาล่า เพิร์ท ไปจนถึงอาร์เนมแลนด์
 
พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นจิตรกรในพำนักที่วัดโอคัง วัดทาชิงลังโป มหาวิหารเคียน เชชิกัตเชและมหาวิหารไปทาละ ประเทศทิเบต พำนักบนเทือกเขาหิมาลัย บนยอดเขาภูมัจฉา ปูเร เนปาล เพื่อศึกษาภาพเขียนจิตรกรรม ตันตริกของพุทธศาสนานิกายมหายาน และศึกษาปฏิจสมุปบาทแบบมหายาน
 
พ.ศ. ๒๕๓๘ เขียนภาพประดับธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นงานสะสมถาวรประจำธนาคารได้รับเชิญจากธนาคารกรุงเทพฯ และธนาคารไทยพาณิชย์ รังสรรค์งานจิตรกรรมขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย (๑๕ เมตรx ๒๕ เมตร) ประดับที่ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สาธรซิตี้ เรียลตี้ และสร้างงานสถาปัตยกรรม จิตรกรรม แกะสลักไม้ ศิลาศิลป์สู่ภูสรวงประดับที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน




 

พ.ศ. ๒๕๓๙ เริ่มงานสะสมถาวรกับบริษัทยูคอมประเทศไทย ผลงานและชื่อเสียงของถวัลย์ ดัชนี ได้รับการกล่าวขานอย่างกว้างขวาง เห็นได้จากเอกสารสิ่งพิมพ์ภาษาต่างประเทศที่เผยแพร่ไปทั่วโลกมากมายสิ่งพิมพ์ดังกล่าว อาทิ
 
๑. ถวัลย์ ดัชนี จิตรกรรมไทยสากลวิญญาณตะวันออก (พิมพ์ ๓ ภาษา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน) โดยกิลเบิร์ท บราวน์สโตน
 
๒. ภาพร่างเส้นใยวิญญาณ ถวัลย์ ดัชนี (ภาษาเยอรมัน) โดยอูลลิซ ชาร์คอสสกี้
 
๓. งานจิตรกรรม งานแกะไม้ งานภาพลายเส้นของถวัลย์ ดัชนี พิมพ์ที่สหรัฐอเมริการะหว่าง พ.ศ. ๒๕o๙ – ๒๕๑๒ ยุคปลายสมัยศิลปากร – อัมสเตอร์ดัม
 
๕. หนังสืออ้างอิงชีวประวัติเล่มแรกของจิตรกรไทยที่มีชีวิตในประวัติศาสตร์วงการศิลปะลายเส้น พุทธปรัชญานิกายหินยาน ทศชาติชาดก โดย ดร.เคล้าส์ เว้งค์
 
๕. ชีวิตและงานของถวัลย์ ดัชนี ระหว่าง พ.ศ. ๒๕o๕ - ๒๕๓๕ (ภาษาอังกฤษ) โดย รัสเซล มาร์คัสฯลฯ




 

นอกจากนี้ยังมีผลงานเผยแพร่ในสื่อภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์หลายรายการ อาทิ
 
๑. ภาพยนตร์ ๑๖ มม. เรื่องแรกโดยยูซิสแห่งประเทศไทย ๒๕o๕ ภาพยนตร์สารคดีศิลปร่วมสมัย ปรัชญาพุทธศาสนานิกายเซ็น ๒๕๑๒ สถาบันวัฒนธรรมเยอรมัน มิวนิค เยอรมนี
 
๒. ภาพยนตร์เสี้ยวรังสรรค์ของถวัลย์ ดัชนี โดยบรรจง โกศัลวัฒน์ อำนวยการสร้างโดย สฤษฏิเดช สมบัติพานิช ๒๕๑๘
 
๓. ภาพยนตร์สารคดี ศิลปวัฒนธรรม ทีวีเยอรมันจากนครโคโลญจน์ เยอรมนี ๒๕๒๘ เรื่องราว รูปเขียน สัญลักษณ์ ความหมาย ปรัชญาและพลังรังสรรค์ของถวัลย์ ดัชนี ในปราสาท ครอททอร์ฟ เยอรมนี
 
๔. ภาพยนตร์สารคดี ศิลปวัฒนธรรมไทยแลนด์พาโนรามา โดย บีบีซี อังกฤษ ๒๕๓๒ เรื่องราวการนำเสนอ พลังเนรมิต ความฉับพลันของสภาวะจิต ความขัดแย้งระหว่างอุปาทานขันธ์สมมุติสัจจะและปรมัติสัจจะ
 
๕. ภาพยนตร์สารคดีชีวิต ถวัลย์ ดัชนี จิตรกรในพำนักมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ๒๕๓๗ เรื่องราวเกี่ยวกับบ้านที่อยู่อาศัย สถาปัตยกรรมท้องถิ่น ความคิดศรัทธา และความเห็นชอบในอริยมรรคของ ถวัลย์ ดัชนี
 
๖. รายการชีพจรลงเท้า ๓ ครั้ง หนึ่งในร้อย ที่นี่กรุงเทพ ศิลปวัฒนธรรมบันเทิง มาลัยเก้าเกียรติยศ ตลอดจนรายการหลากหลายกับงานศิลปะ บทกวีรวมเล่มภาษาอังกฤษ โดยถวัลย์ ดัชนี และเพื่อนทั้งสาม อดุล เปรมบุญ. ประพันธ์ ศรีสุตา. ผดุงศักด์ ขัมภรัตน์ ๒๕๑๒
 
๗. บทความเกี่ยวกับศิลปะวิจารณ์ ของถวัลย์ ดัชนี ในดำแดงปริทัศน์ของโรงเรียนเพาะช่าง ๒๕๑๓ – ๒๕๑๕
 
๘. บทวิจารณ์งานศิลปกรรมบัวหลวง ในฐานะกรรมการตัดสินศิลปกรรมระหว่างปี ๒๕๒๘ – ๒๕๓๓ จากนั้นได้มอบให้ผู้อื่นทำหน้าที่เขียนบทวิจารณ์แทนรางวัลและเกียรติคุณที่เคยได้รับ




 

นายถวัลย์ ดัชนี ได้รับรางวัลทางศิลปะ ดังนี้
 
พ.ศ. ๒๕o๓ รางวัลที่ ๒ การประกวดศิลปกรรม ณ วังสวนผักกาด
 
พ.ศ. ๒๕o๕ รางวัลที่ ๑ การประกวดศิลปกรรม จัดโดย องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงเทพ
 
พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับรางวัลเกียรติยศเหรียญทองจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในฐานะจิตรกรผู้สร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัย
 
พ.ศ. ๒๕๔o ได้รับเลือกจากองค์การสหประชาชาติ ให้เป็นผู้แทนวัฒนธรรมทางศิลปะภาคตะวันออกไปแสดงผลงานที่นิวยอร์ค ปารีส โรม ลิสบอน แคนเบอร่า และโตเกียว ตามลำดับ
 
พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้รับคัดเลือกจาก FUKUOKA ASIAN CULTURE PRIZE COMMITTEE ให้รับรางวัล Arts and Culture Prize ค.ศ. ๒oo๑


เครื่องราชอิสริยาภรณ์


พ.ศ. ๒๕๔๕ - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้น จตุตถดิเรกคุณาภรณ์




 

 
ภาพลักษณ์ของถวัลย์ ดัชนี



ภาพลักษณ์ของถวัลย์ ดัชนี ที่ปรากฏต่อสาธารณชนคือ ชายร่างใหญ่ ค่อนข้างเจ้าเนื้อ มีเคราสีขาว แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองเหนือสีครามเข้ม หรือสีกรัก มีเขี้ยวเล็บ กระดูกสัตว์ป่าเป็นเครื่องประดับ นับตั้งแต่อายุ ๕๕ ปี ไม่เคยใส่เครื่องประดับกายชนิดใดเลย รูปลักษณ์ที่ปรากฎแก่คนทั่วไปเช่นนี้เป็นจุดยืนอันเด่นชัดของ ถวัลย์ ดัชนี ที่ไม่ยอมรับแฟชั่นหรือกระแสวัฒนธรรมทางวัตถุใด ๆ ชีวิตส่วนตัวเป็นคนสมถะ กินน้อย นอนน้อย ทำงานมาก มีงานวาดรูปเป็นกิจนิสัย ตลอดชีวิตไม่เคยข้องแวะกับอบายมุขหรือสิ่งเสพย์ติดใด ๆ เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ถวัลย์ศึกษาหลักธรรมในพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง ปฏิบัติตามหลักมัชฌิมาปฏิปทา ไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินดี ปฏิบัติสมาธิด้วยการทำงานวาดรูป จึงสามารถนำปรัชญาธรรมในพุทธศาสนามาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานศิลปะจนได้ชื่อว่าเป็นสื่อกลางเชื่อมโลกตะวันออกและตะวันตกเข้าหากันในยุคปัจจุบัน




 

 
การทำประโยชน์เพื่อสังคม



ถวัลย์ ดัชนี มีโภคทรัพย์อันเกิดจากการวาดรูปค่อนข้างมากในความรู้สึกของคนทั่วไป แต่สำหรับถวัลย์แล้ว เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญสูงสุด เงินไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ มากนัก เขายังคงเป็นถวัลย์ ดัชนี ผู้มีชีวิตเรียบง่าย นอบน้อมถ่อมตน ยังคงกินน้อย นอนน้อย ทำงานวาดรูปมากสม่ำเสมออยู่เช่นเดิม ถวัลย์ผันเงินส่วนใหญ่ไปทำประโยชน์แก่วงการศิลปะ ทั้งวงการศึกษาและการสร้างสรรค์ เขายังหวังอยู่ว่าวันหนึ่งสังคมไทยจะให้ความสำคัญแก่ศิลปะและการสร้างสุนทรียรสให้แก่ผู้ตน เขาทุ่มเทเวลาส่วนมากฟูมฟักศิลปสถาน ที่ชาวบ้านเรียกว่าบ้านดำ นางแล ที่จังหวัดเชียงรายบ้านเกิดให้กลายเป็นสถานที่ทางการศึกษาศิลปวัฒนธรรมของชาติด้วยการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะในเนื้อที่กว่าร้อยไร่ ประกอบด้วยอาคารแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่นภาคเหนือกว่า ๔o หลัง และอาคารสถาปัตยกรรมท้องถิ่นประยุกต์หลายหลังสำหรับจัดแสดงศิลปะพื้นบ้าน (Folk Art) ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ของช่างท้องถิ่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนวัตถุสะสมจากหลาหลายวัฒนธรรมทั่วโลก มรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ถวัลย์ ดัชนีใช้เวลารวบรวมด้วยความตั้งใจมาเป็นเวลานานกว่า ๓o ปี พิพิธภัณฑ์นี้เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมบ้างแล้ว




 

ตลอดระยะ ๓o ปีที่ผ่านมา ถวัลย์ ดัชนี อยู่เบื้องหลังการรวมตัวของช่างผู้รังสรรค์ศิลปะ ทั้งช่างในท้องถิ่นและภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย เพื่อเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมทางศิลปะอย่างเป็นรูปธรรม มีผลงานศิลปะหลากหลายออกสู่สายตาสาธารณชนซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก และยังได้บริจาคเงิน ๑๒ ล้านบาท จัดตั้งมูลนิธิถวัลย์ ดัชนี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ด้วยการใช้ดอกผลจากกองทุนนี้สนับสนุนการศึกษาของสถาบันที่ถวัลย์เคยเกี่ยวข้องได้แก่ โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม โรงเรียนสามัคคีวิทยา จังหวัดเชียงราย วิทยาเขตเพาะช่าง และมหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษาที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์สถาบันละ ๑o ทุน ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ทุนสนับสนุนสอนศิลปะไทย โดย ดร.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ ทุนวิจัยแก่มูลนิธิ ม.ล.มานิจ ชุมสาย ณ อยุธยา ทุนมูลนิธิบ้านอาจารย์ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มูลนิธิพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง สำนักศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฎเชียงราย บูรณปฏิสังขรณ์ วังพญาไทกรุงเทพฯ




 

นอกจากนี้ ถวัลย์ ดัชนี ยังเป็นกรรมการตัดสินงานศิลปกรรมแห่งชาติ รางวัลจิตรกรรมบัวหลวง รางวัลศิลปกรรมร่วมสมัย ธนาคารกสิกรไทย รางวัลพานาโซนิค ศิลปะร่วมสมัยมาตลอดระยะเวลา ๒๕ ปี เป็นมาสเตอร์เอเชีย อบรมยุวศิลปินทั่วเอเชีย ๑o ประเทศ เป็นอาจารย์ในพำนักสอนศิลปะ ปรัชญาทั้งในยุโรป อเมริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และหลายมหาวิทยาลัย สถาบันศิลปะหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศให้ทุนวิจัยศิลปินในพำนักที่บ้านดำ นางแล มาตลอด ๒๕ ปี แก่ศิลปินทั่วโลกโดยทุนส่วนตัว ทะนุบำรุงจิตรกร ปฏิมากร คีตกร นาฏกร ทั้งในและต่างประเทศมาตลอดเวลาของชีวิต เขียนบทนำ บทความแนะนำตัวผู้รังสรรค์ศิลปะมาโดยตลอด หลังจากอายุ ๖o ปี ร่วมมือกับชาวสล่าเชียงรายทำงานเผยแพร่อนุรักษ์ วิจัยระบบนิเวศวิทยาเชิงศิลปะ และรวบรวมงานศิลปะทางมานุษยวิทยา พัฒนาไปสู่ความร่วมสมัยเป็นประธานและหัวหน้าคณะทำงาน





 
จิตวิญญาณตะวันออก ลมหายใจไทย ร่วมมือกับบุญชัย เบญจรงคกุล ดีแทค จัดประกวดงานศิลปะร่วมสมัยขึ้นเป็นปีแรก ใน พ.ศ. ๒๕๔๕ เขียนตำรากายวิภาคคน สัตว์ แมลง สัตว์เลื้อยคลาน และนก จัดพิมพ์โดยสหประชาชาติ ร่วมมือกับ มร.โคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ให้ทุนวิจัยดนตรี กวีและการละเล่นพื้นเมือง ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้ทุนแก่ยุวจิตรกรเชียงรายที่เขียนภาพผนังหลายวัดในจังหวัดเชียงราย ร่วมมือกับไร่แม่ฟ้าหลวง สำนักศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฏเชียงราย จัดนิทรรศการหมุนเวียนมาตลอด ๒๕ ปี ให้ทุนสนับสนุนสมาคมศิษย์เก่าเพาะช่าง มหาวิทยาลัยศิลปากรมาโดยตลอด




 

จากประวัติชีวิตและผลงานดังกล่าว แสดงถึงความเป็นศิลปินของนายถวัลย์ ดัชนี "ช่างวาดรูป" ผู้มีพุทธิปัญญาที่นำแนวปรัชญาพุทธศิลป์มาสร้างสรรค์ งานศิลปะไทยร่วมสมัยอันทรงพลังลุ่มลึกและแกร่งกร้าวด้วยปัจเจกภาพส่วนตน มีเนื้อหาสาระและท่วงทีที่มีชีวิตวิญญาณของความเป็นไทยให้เห็นเกือบทุกชิ้นงานเป็นผู้นำศิลปะไทยเสนอต่อสายตาชาวโลกด้วยวิธีการที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ทั้งยังได้สร้างคุณูปการต่อวงการศิลปะ เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ จึงประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้ นายถวัลย์ ดัชนี เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม ) เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔



ช่วงสุดท้ายของชีวิต



ถวัลย์ เริ่มป่วยด้วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งก็เข้ารับการรักษาตัวมานานถึง ๓ เดือน จนในเวลา o๒.๑๕ น. ของวันที่ ๓ กันยายน ปีเดียวกัน ถวัลย์ก็จากไปด้วยอาการสงบ จากอาการตับวาย ที่โรงพยาบาลรามคำแหง ซึ่งผู้เป็นลูกชาย คือ นายดอยธิเบศร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ว่าผู้เป็นพ่อได้เสียชีวิตลงแล้ว ยังความเสียใจมาแก่เพื่อนร่วมงาน บุคคลต่าง ๆ ที่ชื่นชมผลงานของถวัลย์เป็นอย่างมาก







ภาพและข้อมูลจาก
wikipedia.org
เฟซบุค Thawan Duchanee













ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินของแผ่นดินบนความพอเพียง
วิวัฒน์ชัย อัตถากร


ตลาดนัดชาวบ้านยามเช้า ซึ่งอยู่บริเวณหลังการเคหะแห่งชาติย่านบางกะปิ มีผู้คนมาจับจ่ายซื้อข้าวของกันพลุกพล่าน โดยเฉพาะเช้าวันเสาร์และวันอาทิตย์ แต่มีสักกี่คนที่เดินผ่านแผงกาแฟโบราณเล็ก ๆ รสชาติกลมกล่อมของเฮียกวงจะรู้จักหรือจำได้ว่า ผู้ชายตัวโตสวมเสื้อม่อฮ่อม หนวดเคราขาวยาวเฟื้อยที่กำลังนั่งนิ่ง ๆ จิบกาแฟอยู่ในวงสนทนากับเพื่อน ๆ ๒-๓ คน หรือบางวันก็มี ๕-๖ คน นั้นคือ ถวัลย์ ดัชนี ช่างวาดรูปที่สังคมไทยยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี ๒๕๔๔ ศิลปินผู้มีน้ำใจงามทั้งชีวิตและจิตวิญญาณ ไม่เพียงรังสรรค์และผลักดันงานศิลปะไทยให้เป็นที่ยกย่องทั้งในประเทศและออกสู่สายตานานาชาติ แต่ยังสนับสนุนศิลปินรุ่นน้องในการสร้างสรรค์ผลงานด้านศิลปะ อีกทั้งทุ่มเทชีวิตจิตใจเงินทองร่วมกับสภาศิลปกรรมไทยในอเมริกาและเพื่อน ๆ ศิลปินหลายท่านทำงานบ่มเพาะศิลปินรุ่นใหม่รุ่นแล้วรุ่นเล่า จนวาระสุดท้ายของชีวิต






ถวัลย์ ดัชนี เป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งมีภูมิหลังทางการศึกษาค่อนข้างโดดเด่น เกิดที่จังหวัดเชียงราย เมื่อบิดาย้ายไปปฏิบัติงานสรรพสามิตที่อำเภอพะเยา ได้ไปเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนบุญนิธิ และชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนพะเยาพิทยาคม ต่อมาบิดาย้ายกลับเชียงรายจึงเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จบแล้วได้ทุนเรียนต่อที่โรงเรียนเพาะช่าง เป็นนักเรียนดีเด่นด้านจิตรกรรมที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปแสดงงานในหอศิลป์แห่งชาติที่ญี่ปุ่น สำเร็จปริญญาตรี (เกียรตินิยม) จากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นศิษย์ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่ถูกอาจารย์ศิลป์วิพากษ์วิจารณ์ผลงานทางศิลปะของเขาอย่างถึงแก่น จนทำให้ถวัลย์ ดัชนี ต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานศิลปะทุกอย่างใหม่หมด ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ศิลป์ ให้สอบชิงทุนไปเรียนต่อปริญญาโทด้านจิตรกรรมฝาผนัง อนุสาวรีย์ ผังเมืองที่เนเธอร์แลนด์ ต่อมาเรียนจบปริญญาเอกด้านอภิปรัชญาและสุนทรียศาสตร์ ราชวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติ อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งน่าจะมีผลต่อการหล่อหลอมชีวิต วิธีคิดและประสบการณ์ในการสร้างสรรค์งานด้านศิลปะที่เปิดกว้างแบบบูรณาการอย่างไม่หลงลืมรากเหง้าของสังคมตน ตลอดจนมีความสามารถในการใช้ภาษาอย่างมีสาระ พร้อมจิตนาการกว้างไกลที่หาคนเสมือนยาก พูดได้อย่างคล่องแคล่ว ๓ ภาษา อังกฤษ เยอรมันและดัตช์






ถวัลย์ ดัชนี โดดเด่นในการนำพุทธปรัชญามาสู่พุทธศิลป์ วาดรูปโดยสามารถนำแนวพุทธปรัชญามาสร้างงานศิลปะไทยร่วมสมัย มีเนื้อหาสาระลุ่มลึกด้วยชีวิตและวิญญาณของความเป็นไทย ผสมผสานระหว่างแนวปรัชญาตะวันออกและตะวันตก สะท้อนให้เห็นถึงความพอดี ความสมถะ ความสันโดษ ความเป็นศิลปินร่วมสมัยนำเสนอผลงานเผยแพร่ไปจนเป็นที่รู้จักยกย่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ สื่อมวลชนต่างประเทศได้จัดทำสื่อเอกสารสิ่งพิมพ์และรายการโทรทัศน์เผยแพร่ชีวิตและผลงานของ ถวัลย์ ดัชนี นอกจากนี้ท่านยังเป็นจิตรกรไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลวัฒนธรรมแห่งเอเชียเมืองฟุกุโอกะ ครั้งที่ ๑๒ ประจำปี ๒๕๔๔ อีกด้วย





เหรียญ ฟุกุโอกะ หนึ่งในความภาคภูมิใจของท่านอาจารย์ถวัล ดัชนี



ผมประทับใจในตัวศิลปินผู้นี้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลงานภาพศิลปะที่กร้าว-แกร่ง-ทรงพลัง ในโทนสีที่ผู้วาดโปรดคือ สีดำ-แดง แฝงไว้ด้วยพุทธปรัชญาเตือนให้ผู้คนมีสติ รู้จักดำเนินชีวิตในวิถีธรรม การใช้ชีวิตเรียบง่าย ติดดิน ที่ไม่เสแสร้งแกล้งทำ รู้จักพอดี รู้จักการให้ การมีน้ำใจช่วยเหลือ แบ่งปัน อีกทั้งการมีประสบการณ์ตรงในการสัมพันธ์กับ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี เมื่อครั้งผมทำงานบริหารอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร อาจารย์รับช่วยเหลืองานมหาวิทยาลัยด้วยความผูกพันต่อสถานศึกษาที่เคยเรียนเสมอ ไม่เคยถือตัวว่าเป็นศิลปินขาใหญ่ของแผ่นดิน กรุณารับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปะในการเป็นกรรมการคัดเลือกและตัดสินผู้ได้รับรางวัลศิลปกรรมงานประจำปี "การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ" มิได้ขาด เป็นวิทยากรเผยแพร่ความรู้ทัศนศิลป์ในวันสำคัญ บริจาคแรงกาย แรงใจ แรงทรัพย์สนับสนุนกิจกรรมด้านศิลปะของมหาวิทยาลัย ส่งเสริมนักศึกษาทางศิลปะเป็นประจำ










คราใดที่มีการประชุมร่วมกัน ผมยังจำมุมมองในการเสนอความคิดในที่ประชุมด้วยการรังสรรค์ ถ้อยคำอธิบายอย่างมีสาระและมีคมคำคมคาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวยากที่ใครจะลอกเลียนแบบได้ ผู้ฟังต้องไต่กระไดฟังอย่างตีความ มีการหยอดมุกสร้างเสียงหัวเราะ บางครั้งจะพูดคุยท่วงทำนองเหมือนจะโอ่ ๆ (ตามประสาศิลปินที่มีความเป็นตัวของตัวเอง) ให้คนฟังสนุกสนานด้วยอารมณ์ขัน ผมรู้สึกอาลัยต่อการจากไปของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ผู้มีจิตสาธารณะทำประโยชน์ให้แผ่นดินมาก






แม้บางครั้งจะเห็นอาจารย์นั่งนิ่ง เหมือนคนไม่ค่อยพูดจา แต่ถ้าถามคำ จะตอบยาวเลย ผมรู้จักตัวตน ความเป็นถวัลย์ ดัชนี เพิ่มขึ้นจากวงสนทนาของบรรดาศิลปินผู้น้องของอาจารย์ เวลาหมู่ศิลปินนั่งกินดื่มกัน ก็จะมีเรื่องแซว จิก กัดด้วยความรักและระลึกถึงคนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง ให้ได้หัวเราะเฮฮาอย่างมีความสุข ขุดเอาความเปิ่นเทิ่น เรื่องสนุก ๆ ที่ยังจำกันได้มาเล่าสู่กันฟัง เล่าไปเล่ามาเดี๋ยวก็วนเวียนไปถึงศิลปินขาใหญ่ รุ่นเดอะ เช่น ถวัลย์ ดัชนี หรือ "พี่หวัน" ของน้อง ๆ โดยเฉพาะวงสนทนาที่มี ดร.กมล ทัศนาญชลี ศาสตราจารย์เกียรติคุณประหยัด พงษ์ดำ ศาสตราจารย์วิโชค มุกตามณี อยู่ด้วย เป็นต้น ศิลปินเหล่านี้ต่างเคยมีประวัติชีวิตแต่ละช่วง แต่ละตอนที่แนบแน่นกันอยู่ สำหรับผมรู้จักกับพี่กมลที่อเมริกา ก่อนที่ผมจะมาทำงานที่มหาวิทยาลัยศิลปากร และรู้ว่าพี่กมลซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสภาศิลปกรรมไทยในอเมริกา สนิทสนมกับอาจารย์ถวัลย์มาก อาจารย์ถวัลย์ไปอเมริกาก็ต้องไปสิงสถิตอยู่ที่บ้านพี่กมล มีกิจกรรมทำงานศิลปะด้วยกัน






พี่กมล ทัศนาญชลี ผู้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์เช่นกัน เสียใจในการจากไปของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ผู้เป็นทั้งรุ่นพี่ที่เคยเรียนโรงเรียนเพาะช่างด้วยกันมา และเป็นทั้งเพื่อนคู่คิดยาวนานกว่า ๕o ปี ทำงานร่วมทุกร่วมสุข สัมผัสชีวิต เผชิญกับสิ่งต่างๆ มาด้วยกัน กล่าวว่า "เราจะหาศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่มีจิตสาธารณะเช่นเดียวกับนายถวัลย์ ดัชนี ได้ยาก ท่านเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นแบบอย่างของศิลปินที่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังรู้จักที่จะแบ่งปันความรู้ ความคิด ความใส่ใจผู้อื่น ที่สำคัญเป็นคนรักบ้านเกิด รักแผ่นดิน สร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีงาม ยอมเสียเวลาอันมีค่าเดินสายให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนทั่วประเทศโดยไม่เคยพร่ำบ่น ทั้งยังกลับกลายเป็นความภูมิใจที่ได้มีโอกาสสร้างศิลปินรุ่นใหม่ให้แก่แผ่นดิน" (ไทยรัฐ ๔ ก.ย. ๕๗)





ดร.ถวัลย์ ดัชนี และ กมล ทัศนาญชลี สองศิลปินแห่งชาติเยือนประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๒o-๒๘ มิ.ย. ๒๕๕๗



"พิพิธภัณฑ์บ้านดำ" ซึ่งเป็นกลุ่มบ้านสีดำศิลปะแบบล้านนาที่แต่ละหลังมีลักษณะแตกต่างกันออกไป บนเนื้อที่ ๑oo ไร่ รังสรรค์งานด้านศิลปะแบบบูรณาการทั้งจิตรกรรม ปฏิมากรรม สถาปัตยกรรม มัณฑนศิลป์ โดยอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ตั้งอยู่ที่ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเข้าชมฟรี ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ถือเป็นมรดกที่อาจารย์ภาคภูมิใจ ยืนยัน "สำนึกรักบ้านเกิด" และ "ความเป็นผู้ให้ที่เสียสละ" ของศิลปิน ถวัลย์ ดัชนี ได้ บ้านดำแต่ละหลังประดับประดาไปด้วยไม้แกะสลักลวดลายงดงาม เขาสัตว์ (โดยเฉพาะเขาควาย เขากวาง) หนังสัตว์ กระดูกสัตว์ เปลือกหอยที่หาดูได้ยากในเมืองไทย งานศิลป์และของสะสมส่วนตัวที่นำมาจัดแสดงแฝงด้วยปรัชญา ข้อคิดทางพุทธศาสนา ซากสัตว์บอกถึงวงจรชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้ผู้ชมรู้จักปลง มีสติในการใช้ชีวิต เป็นต้น






เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ อาจารย์ถวัลย์ยังได้ช่วยผลักดันให้เกิดการรวบรวมเหล่าศิลปินในจังหวัดเชียงราย จัดตั้งขัวศิลปะเพื่อรวบรวมผลงานและศิลปินในจังหวัดเชียงราย โดยมอบภาพวาดให้เป็นลิขสิทธิ์ไม่คิดเงินค่าภาพ บรรดาศิลปินชาวล้านนาต่างผูกพันกับอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี และยึดเอาท่านเป็นศิลปินต้นแบบในดวงใจ หัวขบวนศิลปินล้านนาอย่าง อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติน้องรักของอาจารย์ถวัลย์ ผู้รังสรรค์งานพุทธศิลป์แห่งศรัทธาให้บังเกิดเป็นวัดร่องขุ่นอยู่ที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย กล่าวด้วยความอาลัยว่า ชีวิตของพี่ถวัลย์คือตัวอย่างที่ดีที่สุดของผม เป็นที่สุดของศิลปินทุกคนในประเทศชาติ เป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกอย่างแท้จริง (คมชัดลึก ๕ ก.ย. ๒๕๕๗)






ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ถวัลย์ยังช่วยเหลือโครงการศิลปะระดับชาติอีกหลายโครงการ แม้เป็นศิลปินแห่งชาติที่ทำเงินทำทองมีรายได้จากการขายรูปได้มากมาย ถึงขนาดคนเอาเงินมาจองรูปไว้ก่อน แต่ ศาสตราจารย์เดชา วราชุน ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ เพื่อนศิลปินรุ่นน้องของอาจารย์ถวัลย์พูดอย่างชื่นชมและศรัทธาว่า อาจารย์ถวัลย์เป็นคนอุทิศตนเพื่อส่วนรวม ไม่ติดยึดลาภ ยศ เงินทอง อาจารย์ถวัลย์เองก็เคยพูดว่ามิได้กระหายในเงินทองเหล่านั้น ไม่ได้ให้ความสำคัญ เพราะอยู่เหนือมันแล้ว อยากจะทำงาน อยากจะเปล่งประกายความเป็นช่างวาดรูปของตนมากกว่า





อ.ถวัลย์ ดัชนี กับกลุ่มศิลปิน ณ Thai Art Council USA.
ภาพถ่ายจาก อ.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ ปี ๒๕๔o สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรมและสื่อผสม)



อาจารย์กมล ทัศนาญชลี พูดถึงการใช้ชีวิตแบบพอเพียงของ ถวัลย์ ดัชนี ว่า เป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่ถ่อมตน และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ศิลปินรุ่นน้องได้ดำเนินรอยตามทั้งในการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย กินง่าย ไม่เรื่องมาก ไม่ยึดติดกับโลกสมัยใหม่ ไม่มีโทรศัพท์ใช้ มีของสะสมที่ชื่นชอบคือ หนังสัตว์และเขาสัตว์เท่านั้น แม้อุปกรณ์วาดภาพจะมีเพียงแปรงกับพู่กันไม่กี่อัน แต่การทำงานของท่านถือได้ว่าเป็นอัจฉริยศิลปินแห่งสยาม ปราชญ์แห่งยุคสมัย (ASTV ผู้จัดการ ๕ ก.ย. ๕๗)






ตัวของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี เองได้พูดสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตอยู่แบบพอเพียงตามวิถีธรรมที่อิงหลักพุทธปรัชญาของตนอย่างมีคมคำคมคายว่า


"ทำอะไรได้แค่ไหนก็ทำ... งานทั้งหมดที่ผมสร้างสรรค์มาเป็นเพียงเรือใบไม้ที่เอาไว้พลิ้วคลื่นในโมงยาม ไม่ได้มุ่งสู่จุดหลายปลายทางใด ๆ ทั้งสิ้น มันจะเป็นเพียงแสงหิ่งห้อยส่องก้นตนเอง ผมไม่ได้อหังการต้องเป็นสถาบันศิลปะ ทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ต้องดับไป ผมตั้งใจเพียงว่า ก่อนตายผมจะทำความงามให้ปรากฏแก่แผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม นาฏกรรม...และถึงวันนั้น ผมก็พร้อมจะตายแล้ว" (คำสัมภาษณ์อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี นิตยสาร Secret ฉบับที่ ๑๑o วันที่ ๒๖ ม.ค. ๕๖ คอลัมน์ Secret of Life)






อาจารย์ถวัลย์ จากไปอย่างสงบ หลับสบาย ทิ้งมรดกงดงามล้ำค่าให้วงการศิลปะชาติ เป็นความยิ่งใหญ่ที่จะยืนยาวต่อไปตราบนานเท่านาน นายดอยธิเบศร์ ดัชนี บุตรชายผู้เป็นที่รักยิ่งของพ่อจะสืบสานมูลนิธิถวัลย์ ดัชนี เพื่อสนับสนุนการศึกษาศิลปะเฉพาะด้านทัศนศิลป์และดูแล "บ้านดำ" พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแบบล้านนาอันเป็นตัวแทนของพ่อต่อไป ดังคำบอกกล่าวแก่สังคมว่า "พ่อสร้าง ลูกรักษา"ร่างของปรมาจารย์ด้านศิลปะไทยร่วมสมัยล่วงลับคืนสู่แผ่นดินแผ่นน้ำ จากไปให้คนข้างหลังอาลัย ได้ยืนยันสัจธรรม "ชีวิตสั้น ศิลปะยืนยาว" ของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่ฝากไว้ให้กับศิษย์ในแวดวงศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากรทุกคนแล้ว







ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุคถวัลย์ ดัชนี
siamdara.com
คอลัมน์ "เศรษฐศาสตร์เพื่อชีวิต" นสพ.ไทยโพสต์ ๑o ก.ย. ๒๕๕๗





บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า กรอบจากคุณ somjaidean100

Free TextEditor





Create Date : 25 กันยายน 2557
Last Update : 25 กันยายน 2557 19:49:49 น. 0 comments
Counter : 17167 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.