--but life goes on, and this old world will keep on turning--
ของขวัญจากดวงดาว

ผมพบกล่องของขวัญกล่องนั้นโดยบังเอิญ เมื่อรื้อลังใส่ข้าวของเก่าๆ สมัยเรียนออกมาปัดกวาดทำความสะอาดครั้งใหญ่...น่าแปลก...ท่ามกลางกองฝุ่นผงสกปรก เศษกระดาษและเอกสารที่เก่าคร่ำไปตามกาลเวลา... ของขวัญกล่องนั้นกลับยังดูสดใส...มีเพียงกระดาษห่อสีม่วงอมชมพูที่หม่นลงเล็กน้อย ผมคลี่ริบบิ้นผ้าฝ้ายอย่างเบามือ...ใจเต้นแรงเหมือนวันที่เปิดมันออกเป็นครั้งแรก..เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว..


ภายในเป็นกรอบรูปไม้สีขาว เขียนลายดอกไม้สีฟ้า มองดูบอบบาง..คล้ายกับคนในรูปที่มองตรงมา.. สาวน้อยวัยสิบเจ็ดปีในชุดนักเรียนมัธยมปลาย..รอยยิ้มใส สวย นั้นติดตาผมมิรู้ลืม.. แม้แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสวยประหลาดคู่นั้นก็แจ่มใสราวกับมีชีวิต ผมแตะมือลง..ยิ้มตอบ..ก่อนจะพลิกด้านหลัง เพื่ออ่านข้อความที่เขียนด้วยลายมือเรียบ กระจ่างตา หมึกสีครามใสจางลงไปบ้างแล้ว หากน่าแปลก..ที่ผมอ่านมันออกทันทีแม้จะอยู่ในแสงสลัว..ราวกับมันจารึกอยู่ในความทรงจำของผมมาแสนนาน..


"ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน..
หากมองขึ้นไปเธอยังมองเห็นฟ้า
แม้ไม่อาจมองเห็นกันด้วยสายตา
ก็ขอให้รู้ว่า-เรายังอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน

และไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน..
มองผ่านดวงดาวขึ้นไป- -เธอจะมองเห็นฉัน
ยังส่งความห่วงใยให้เธออยู่ทุกวัน
หากว่าไม่ได้รับมัน-ก็ขอให้ถามดวงดาว"



ผมแทบจะได้ยินเสียงใสๆนั้นด้วยซ้ำ..อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้ความทรงจำของตัวเองอีกครั้งเมื่อแตะปลายนิ้วลงบนริมฝีปากของสาวน้อยในรูปด้วยความรู้สึกอ่อนโยนในหัวใจ..ก่อนจะปิดห่อของขวัญนั้นลงอย่างเดิม


ดึกแล้ว..ลมเย็นๆโชยชาย..ผมเปิดประตูระเบียง..กลิ่นดอกไม้บางอย่างหอมอวล..บรรยากาศน่าสบายเสียจนผมเปลี่ยนใจยังไม่เข้าบ้าน..หากนั่งลงบนเก้าอี้โยกริมระเบียงนั่นเอง ท้องฟ้ามืด..ไม่มีพระจันทร์..หากแสงดาวพริบพรายนั้นก็สวยนัก..ผมเพ่งมองดวงดาว..ค้นหาใครบางคนที่เคยบอกว่าจะมองหาผมจากดวงดาวเช่นกัน..วันนี้..เธอคงได้อยู่บนดาวดวงใดดวงหนึ่งบนนั้นแล้วกระมัง..เพียงแต่ผมไม่เคยมองเห็นเธอเท่านั้นเอง..

เธอจากไปนานแค่ไหนแล้วนะ..น่าแปลก..ที่จู่ๆผมก็คิดถึงเธอขึ้นมาอย่างประหลาด ของขวัญกล่องนั้นเธอให้ผมในวันจบการศึกษา..เมื่อผมต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ..วันนั้น..เธอยังยิ้มใสให้ผมแทนคำอำลา..โดยที่ผมเองก็ไม่รู้..ว่านั่นคือรอยยิ้มสุดท้าย..เพราะเมื่อผมกลับมา..ก็ได้รู้เพียงว่า..เธอจากไปแล้ว..ชั่วนิรันดร์

ผมไม่ได้เสียใจกับเหตุการณ์ในวันนั้นมากมายอะไรนัก..ทั้งๆที่เราสองคนคบหากันมานานปี..หากในเมื่อยังเป็นวัยรุ่น..และผมก็ไม่เคยเรียกมันว่าความรัก..คงเป็นเพียงความประทับใจ อ่อนไหวแบบเด็กๆ..จนลืมเลือนไปไม่ยากนักในท่ามกลางความเร่งรีบของชีวิตและวันเวลาที่ผ่านไป ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอจากไปเพราะอะไร..นานๆครั้งหรอกที่จะระลึกถึงเธอขึ้นมาได้ยามพบเพื่อนเก่าๆที่เคยเรียนมาด้วยกัน..ผมมีชีวิตที่เป็นสุข..แม้จะเป็นวิถีชีวิตของชาวกรุงที่ต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลา..แต่นั่นก็ทำให้ผมไม่มีเวลาคิดถึงอดีตมากนัก..เรื่องของเธอจึงคล้ายกับภาพสีน้ำที่เลือนลางอยู่ในความทรงจำ..

แปลกนักที่มันกลับชัดเจนขึ้นมาอีกครั้งในวันนี้..


เสียงประตูระเบียงเปิด ผมเกือบสะดุ้ง ในเมื่อไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากผมคนเดียว ภรรยาพาลูกๆไปค้างที่บ้านเก่าของเธอตั้งแต่เมื่อวาน

หากเมื่อหันกลับไปมอง..ผมก็ชาวาบตลอดร่าง..

'เธอ' ยืนอยู่ตรงนั้น ! เธอ..ในชุดผ้าฝ้ายสีชมพูหวาน..เจนตา

ผมยังไม่ทันได้ขยี้ตาด้วยซ้ำเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ ในมือถือดอกไม้ช่อหนึ่ง..กลิ่นหอมนั้นแสนเคยคุ้น..แต่ผมก็นึกอะไรไม่ออก..จนได้ยินเสียงใสๆถามอย่างประหลาดใจ

"วีร์ ! เป็นอะไรน่ะ ทำหน้าอย่างกับเห็นผี" คนพูดยื่นของในมือให้ ยิ้มแจ่มใส

"เข็มขาว..ตัดมาฝาก"

ใช่แล้ว ! กลิ่นดอกไม้ที่โชยชายมากับสายลมคือกลิ่นดอกเข็มขาว! แต่จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อแถวนี้ไม่มีดอกเข็มขาวอีกแล้ว ดูเหมือนผมจะตัดมันทิ้งหมดตอนที่สร้างเรือนหอต่อเติมจากบ้านเดิมหลังนี้..เข็มขาว..ดอกไม้ที่เราสองคนเคยรักเหลือเกิน..ผมรับมาด้วยกิริยาคล้ายคนถูกมนต์สะกด

ร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวข้างๆ ผมอย่างคนที่เคยคุ้นกับสถานที่ดี..น่าแปลกที่ผมไม่ได้ตกใจ หรือหวาดกลัวอย่างที่ควรจะเป็น..หากกลับอบอุ่นใจอย่างประหลาด..ราวกับได้กลับคืนมาสู่วันเวลาเก่าๆ และได้พบใครคนหนึ่งที่มีความหมายกับหัวใจของผมมากมาย เธอ..ไม่ใช่ 'ผี' แน่นอน..เพราะในแสงสลัวผมยังมองเห็นผิวหน้าซับโลหิตสดใส ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นหวานระยับ..มิต่างจากวันวาน

"วีร์จะเดินทางเมื่อไหร่นะ" เสียงใสเบาลง โดยสีหน้าคนถามก็ขรึมลงเช่นกัน

เดินทาง? เดินทางไปไหน? ในใจผมสับสน งุนงง หาก 'ใครบางคน' ในตัวผมกลับตอบชัดเจน พลางเอื้อมมือไปขยี้ผมคนนั่งใกล้เล่นเบาๆ

"เดือนหน้า..ม่อนจะไปด้วยมั้ยล่ะ" ฝ่ายนั้นยิ้มจนตาหยี เมื่อตอบอ่อยๆ

"ไม่ไปหรอก..แต่จะรอ..ม่อนคงคิดถึงวีร์แย่เลย.."ประโยคสุดท้ายมีรอยเหงา ผมจับมือเธอมากุมไว้ 'ได้ยิน' เสียงตัวเองพูดล้อๆ

"วีร์ก็คงคิดถึงม่อนแย่เลยเหมือนกัน..อยู่ที่โน่นจะมีใครให้วีร์ลอกการบ้านอย่างม่อนมั้ยนะ"

ฝ่ายนั้นหัวเราะ ย่นจมูกนิดๆเมื่อถามรวนๆ

"นี่คิดถึงแค่คนให้ลอกการบ้านใช่มั้ย"

"ไม่หรอก..แต่จะคิดถึงเพื่อนรักแสนสนิทคนนี้ต่างหาก..หรือม่อนอยากให้คิดถึงแบบไหนล่ะ" ผมหลิ่วตาล้อๆ

"แต่เดี๋ยววีร์ก็กลับมาแล้ว..ม่อนรอวีร์ได้ไหม?" คำสุดท้ายจริงจังขึ้น


ในวินาทีนั้นอะไรบางอย่างก็สว่างวาบขึ้นมา..ผมกลับมาเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ด..ที่กำลังจะจากบ้านจากเมืองไปเรียนต่อคนนั้น..เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว..จริงซินะ..

"ม่อนรอวีร์นะ"เสียงผมย้ำ และดวงหน้าขาว ใส ของคนใกล้ตัวก็ปรากฎรอยยิ้มงามละมุน..เฉกเคย ผมมองลึกลงไปใจดวงตาคู่สวย..ซึ่งบัดนี้วาววับด้วยน้ำตา..หากเจ้าตัวยังพยายามยิ้ม

"รอซิ..ถ้าวีร์คิดถึงม่อนก็มองดาวนะ..ม่อนจะมองหาวีร์ผ่านดวงดาวทุกวัน..แล้ววีร์จะได้พบม่อน.."น้ำเสียงสุดท้ายกังวานเศร้า..ผมหลับตาลง..รู้สึกถึงหยดน้ำอุ่นๆที่ไหลรินจากดวงตาตัวเองเช่นกัน

นี่คงเป็นคำสัญญาจากเธอ..รอยยิ้มหวานเศร้านั้นยังติดตา..


นานเท่านาน..กว่าผมจะลืมตาขึ้น..ทั่วบริเวณเงียบ..มีเพียงเสียงลมวู่หวิว..ผมยังนั่งอยู่เดียวที่ริมระเบียง..น้ำค้างเย็นๆพร่างพรม..ที่ริมฟ้าเริ่มปรากฎแสงสีกุหลาบเรื่อเรือง..หากดาวอีกหลายดวงยังส่องประกายวะวับ งดงาม เฉกดวงตาของใครคนหนึ่งในความทรงจำที่แสนไกล..

ผมอาจจะฝัน..หรือได้พบกับวิญญาณของเธอ..หรือได้กลับไป ณ วันเวลานั้นจริงๆ..ผมไม่รู้..แต่ผมก็ไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว..จะอะไรก็ช่างเถิด..

ในเมื่อผมเป็นสุข..และอบอุ่นนัก..ที่ได้กลับคืนสู่ความทรงจำแสนสุขของวันวาน..อันเป็นของขวัญแสนวิเศษที่ 'ใครคนหนึ่ง' คงจะส่งผ่านดวงดาวมาให้ผม..อย่างน้อยผมก็เชื่อเช่นนั้น..


ผมยิ้มกับช่อดอกเข็มขาวในมือ..ก่อนจะยิ้มให้ดาวดวงสุดท้ายที่ริมฟ้า

ก่อนที่ดาวดวงนั้นจะหรุบแสงลง..





Create Date : 25 มิถุนายน 2551
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 22:35:06 น. 2 comments
Counter : 351 Pageviews.

 
อ่านแล้วเศร้าอยู่ลึกๆ ครับ ขนลุกขึ้นมาเมื่อถึงตอนที่ม่อนเอ่ยคำสัญญาฝากไว้

ชีวิตยังคงดำเนินไป ดอกเข็มขาวในมือวีร์คงจะต้องเหี่ยวแห้งไปสักวัน แต่คำสัญญานั้นจะยังคงอยู่กับดวงดาวใช่มั้ยครับ

ในความเศร้าลึกๆ ผมรู้สึกเหมือนมีร่องรอยอุ่นๆ แฝงอยู่

(แง้...)


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:20:46:18 น.  

 
ว้าว เพิ่งได้มาอ่าน หลังจากคุณเจ้าของบ้านโพสไป 1 เดือนเต็มโดยมิได้นัดหมาย บังเอิญจัง ^^
ซึ้งค่ะ แต่ก็อบอุ่นใจดี แต่สั้นจัง 55 สงสัยชินกะเรื่องสั้นแบบยาวๆของคุณคนเขียน


โดย: Life's for Rent วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:50:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โยษิตา
Location :
Kobe Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนไทย แต่ระหกระเหินมาใช้ชีวิตตัวคนเดียวที่ประเทศหมู่เกาะประเทศหนึ่ง กินเวลาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่รู้จะได้กลับเมื่อไหร่ (โถ่)

เป็นคนจับจดมาก อยากทำไปทุกอย่าง แต่ทำไม่ได้ดีซักอย่าง รู้น้อยกว่าเป็ด ควรจะเรียกว่ารู้อย่างลูกเป็ด หรือไข่เป็ด

ที่แน่ๆ ชอบอ่านกระทู้พันทิป มากถึงมากที่สุด



Longer - Dan Fogelberg
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
25 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add โยษิตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.