On ne voit bien qu'avec le cœur. L'essentiel est invisible pour les yeux
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
22 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
กัสซี่รำพัน - เรื่องหน่าย ๆ ในแวดวงการศึกษา

นับดู นี่ก็เกือบยี่สิบปีแล้วที่กัสซี่มีงานอดิเรกเป็นผู้ให้ความรู้นอกห้องเรียนแก่บรรดาเด็ก "พิเศษ" กลุ่มหนึ่ง ลูกศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาในชีวิต ให้กัสซี่มีโอกาสลงมือปลูกเมล็ดความรู้ ใช้เวลารดน้ำพรวนดิน และสุดท้าย ได้อิ่มเอมใจ กับความสำเร็จของเด็ก ๆ เหล่านั้น


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กัสซี่ได้ยินเสียงพร่ำบ่น รำพัน จากพวกเด็ก ๆ เหล่านี้อยู่เนือง ๆ ถึงเรื่องที่อึดอัดขัดข้องหัวใจ เกี่ยวกับ ระบบการเรียนการสอน ครูผู้สอน และ เหล่าผู้บริหารของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ รวมไปถึงสภาพแวดล้อม และ สุขอนามัยในโรงอาหารของโรงเรียน ยิ่งนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนที่บังคับให้นักเรียนต้องกินอาหารถาดของโรงเรียนด้วยแล้ว จะมีเรื่องน่าระทึกขวัญปนคลื่นเหียน เกี่ยวกับอาหาร และ ภาชนะ มาเล่าให้ฟังเสมอ ๆ


เด็กตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ ไม่สามารถมีปากมีเสียงในการบอกเล่าเรื่องอึดอัดให้ใครฟังได้ แม้แต่บรรดาผู้ปกครองเอง ถึงทราบเรื่อง แต่ก็เหมือนน้ำท่วมปาก เพราะจะลงมือจัดการร้องเรียนต่อว่าหรือทำอะไรลงไป ก็ดูเหมือนจะเป็นผลร้ายมากกว่าดี เพราะต่อหน้าบรรดาผู้บริหารและเหล่าครู ก็ดูเหมือนจะรับปากรับคำว่าจะแก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ลับหลัง พวกเด็ก ๆ กลับโดนลงโทษโดยความผิดฐานปากสว่างไปบอกผู้ปกครอง ทำให้ครูต้องเดือดร้อน เมื่อมันเป็นเสียอย่างนี้ แล้วจะมีพ่อแม่ที่ไหน จะยอมให้ลูกต้องลำบาก โดนพวกผู้มีอำนาจในโรงเรียนกลั่นแกล้งได้เล่า ครั้งจะบากหน้าไปร้องเรียนถึงกระทรวง ก็ดูเหมือนเรื่องที่ร้องเรียนไปจะถูกซุกไว้กับแฟ้ม เพราะไม่เคยมีความคืบหน้าใด ๆ ปรากฏขึ้นมาเลย


เรื่องราวเหล่านี้ มันวนเวียนเวียนวน เหมือนดูหนังซ้ำเรื่องเดิม ตอนเดิม ตลอด ก็ได้แต่ปลอบใจเด็ก ๆ ไปว่า ทำหน้าที่ "เรียน" ของเราให้ดีที่สุด เต็มกำลังที่สุดดีกว่า เรื่องอื่น ๆ นอกเหนือไปกว่านั้น ให้ "ผู้ใหญ่" ในบ้านเมืองเขาจัดการกันไป .........แต่พูดปลอบใจเด็กไปแล้ว เราเองกลับมานั่งนึกในใจว่า คงจะได้แต่หวัง เท่านั้น ความเป็นจริง มันก็จะเป็นเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา


เด็ก ๆ หลายคน ที่อยู่โรงเรียนในเครือคาทอลิก และโรงเรียนหญิงล้วนละแวกปากคลองตลาด และ บางกระบือ มีเรื่องบ่นทุกปี เกี่ยวกับเรื่อง ที่โรงเรียนไม่สนับสนุน ให้เด็กมีโอกาสไปทดสอบตัวเองด้วยข้อสอบอื่น นอกเหนือจากของโรงเรียนเลย ไม่ว่าจะเป็นการสอบ Pre-มัธยมต้น หรือ Pre-Ent ที่จัดโดยบัณฑิตแนะแนว หรือการสอบวัดผลความสามารถทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของ สสวท หรือ ข้อสอบของสถาบันอื่น ๆ ถ้าเด็ก ๆ อยากทดสอบตัวเอง ก็ต้องติดตามข่าวคราวกันเอาเอง ฝ่ายแนะแนวของโรงเรียนไม่ได้มีบทบาทใด ๆ เลยในเรื่องนี้


พูดรวม ๆ อย่างนี้เดี๋ยวจะหาว่าไม่ Fair กันอีก ที่จริง โรงเรียนก็ส่งเหมือนกัน แต่เลือกส่งเฉพาะเด็กกลุ่มหนึ่งที่โรงเรียนคัดเลือกขึ้นมา จากนักเรียนที่ทางโรงเรียนเห็นว่ามีผลการเรียนเป็นเลิศ เพียงเพื่อหวังให้ผลการสอบที่เกิดจากเด็กกลุ่มนี้ จะทำโรงเรียนได้ชื่อเสียงเกียรติบัตร มาประดับไว้ในตู้ในห้องผู้อำนวยการ ได้มากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนามุ่งหวังให้เด็กกลุ่มอื่น ๆ ได้มีโอกาส ฝึกปรือ หรือทดสอบความรู้ ที่อยู่นอกรั้วโรงเรียนเลย


ฤดูกาลการสอบเข้า ที่ใกล้จะมาถึง เหตุการณ์เดิม ๆ ก็หมุนเวียนมาเกิดขึ้นอีก เด็ก ๆ หลายโรงเรียน ไม่สามารถ ไปทดลองสอบเข้าที่อื่นได้ เพราะทางโรงเรียนเดิมจะจัดให้มีการมอบตัวและลงทะเบียนในวันเดียวกับที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้มีการสอบเข้า ม.1 และ ม.4 ทั่วประเทศ ถ้านักเรียนอยากจะไปสอบที่อื่น ก็ต้องลาออกไปสถานเดียว จะมาให้พ่อแม่มอบตัวลงทะเบียนและจ่ายค่าเทอมทิ้งไว้ก่อน แล้ว ให้เด็กไปลองสอบดูก็ไม่ได้ ทางโรงเรียนกำหนดว่า เด็ก "ต้อง" มาปรากฏตัวในวันมอบตัวพร้อมผู้ปกครอง เท่านั้น


นี่มันเป็นการตัดโอกาสเด็กชัด ๆ (ผิดรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ไหม? ใครรู้ช่วยบอกหน่อย)


โรงเรียนเหล่านี้ มุ่งหวังอะไร ที่ออกกฎระเบียบแบบนี้? ต้องการเงินแป๊ะเจี๊ยะเพิ่มสำหรับนักเรียนที่สอบเข้าไม่ได้ แล้วกลับมาสมัครเข้าโรงเรียนเดิม ? หรือ เกรงว่าจะขาดโอกาสรับนักเรียนใหม่เข้ามาแทนนักเรียนเดิม แล้วขาดโอกาสในการขูดเค้นค่าบำรุงโรงเรียนก้อนโตที่จะได้จากนักเรียนใหม่? หรือเกรงว่าปริมาณนักเรียนของโรงเรียนจะลดลงไป ?


ถามกันตรง ๆ ว่า การที่ปล่อยให้เด็กไปลองสอบเข้าที่อื่น แล้วมีเพียงแต่ผู้ปกครองมาลงทะเบียนจ่ายสตางค์ค่าเทอมให้เด็กสำหรับปีการศึกษาต่อไปไว้ก่อนล่วงหน้า โรงเรียนต้องสูญเสียอะไร ??


แล้วการที่ "ห้าม" เด็กได้มีโอกาสไปทดสอบตัวเอง ด้วยข้อสอบของที่อื่น ๆ ดู เด็ก ๆ สูญเสียอะไร? มองในอนาคตข้างหน้า ประเทศชาติ จะสูญเสียอะไร? แค่ไหน ?


เมื่อไหร่หนอ ที่โรงเรียนเหล่านี้ จะหันกลับมา ให้ความสนใจกับเด็ก ทั้งในส่วนของสุขอนามัย การเรียนการสอน การปลูกฝังจริยธรรม และมุ่งเน้นในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อความก้าวหน้าของเด็ก และโอกาสในอนาคตที่เด็ก ๆ จะได้รับเป็นประการสำคัญ และทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ไฟไหม้ฟาง ยิ่งถ้าเด็กมีความสามารถ ทางโรงเรียนยิ่งต้องส่งเสริมให้เด็กได้ก้าวไปให้ไกลยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของ "ตัวเด็ก" เอง เป็นอย่างแรก อย่ามัวแต่ห่วงผลประโยชน์ที่โรงเรียนจะได้รับแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจสิ่งอื่น


อนาคตของชาติ มันต้องเริ่มฐานรากมาจากการศึกษาที่ดี สุขอนามัยที่ดีของเด็ก และ การปลูกฝังจริยธรรมที่เหมาะสมถูกต้อง ถ้าผู้ใหญ่มัวแต่ทำตัวแบบนี้ ไม่ทุ่มเทตัวเองในการทำงาน ปากอย่างใจอย่าง ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก ให้เด็กเห็นบ่อย ๆ ต่อไปในอนาคตข้างหน้า ผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ลองหลับตานึกดูทีเถิด


สงสัยมันจะมีแต่ ทายาทอสูร เต็มบ้านเต็มเมือง แน่ ๆ




Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2549 14:31:57 น. 2 comments
Counter : 636 Pageviews.

 
ตราบใดที่ระบบการศึกษาของไทยยังสอนให้เด็ก"ท่องจำ"มากกว่าสอนให้เด็ก"เข้าใจ"และ"คิดเป็น" เราก็จะยังคงพบเห็นปัญหาเดิมๆซ้ำซากแบบนี้แหละครับคุณกัส...เฮ้อ...


โดย: ตะเกียงลาน วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:32:16 น.  

 
เห็นด้วยอย่างยิ่งยวดค่ะป้า


โดย: talak1978 IP: 203.156.186.243 วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:19:10:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Guzzie
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




มนุษย์หัวใจอิสระ ปัจจุบันเบื่อหน่ายกรุงเทพขนาดหนักจนต้องย้ายมาอยู่เชียงใหม่ วัน ๆ ไม่ทำอะไรมาก นอกจาก เขียนหนังสือ สอนทำขนม แล้วก็เป็นเชฟปากร้ายใจโหดที่ไม่เคยตามใจคนกิน ใครอยากมากินข้าวด้วยควรนัดหมายล่วงหน้า และขอความกรุณาอย่ากำหนดเมนู !!!
Friends' blogs
[Add Guzzie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.