เที่ยวตลาด
ช่วงนี้เป็นช่วงระหว่าง
การทำสูตรอาหาร
การวางแผน
และการหาแหล่งวัตถุดิบ

มันจึงเป็นที่มาของ
การ "เที่ยวตลาด" ของผมกับแม่

เรื่องเกี่ยวกับอาหาร
ดูจะเป็นเรื่อง
ที่แม่รู้สึกอยากมีส่วนร่วม
มากที่สุดแล้ว
เหมือนให้แม่ได้คิด
ได้ทำงานอีกครั้ง

แต่ก็ยังไม่ทิ้ง concept
ที่ผมกับแม่จะทะเลาะกันนะครับ
แม่ชอบเสนอไอเดียอะไร
ที่ทำให้ผมทำ "ผิดแผน"
และทำให้การทดลองสูตร
ไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง
อย่างระหว่างการเคี่ยวน้ำซุป
ก็แอบเติมน้ำลงไป
เพราะ "กลัวน้ำน้อย" เป็นต้น  

การหาแหล่งวัตถุดิบ
เป็นเรื่องยุ่งเหมือนกัน
อันที่จริงแล้ว
การที่ผมไปสำรวจตลาดสด
หรือบริษัทที่ขายพืชผัก
ด้วยตัวผมเอง "คนเดียว"
ดูจะเป็นการคล่องตัวกว่า
แต่การได้เห็นผู้ใหญ่วัยเกษียณ
อย่าง "แม่" ได้คิดนู่นคิดนี่
ได้ทำอะไรนอกจากการ จัดสวน
ทำความสะอาดบ้าน รีดผ้า
มันก็น่าจะทำให้
แม่ไม่แก่ลงไปตามวัยมากนัก

จริง ๆ ผมก็ไปมาไม่กี่ตลาดหรอกครับ
ใจผมยังหวังว่า
น่าจะมี supplier จากสวน
หรือพวกรับซื้อพืชผลทางการเกษตร
ที่เค้ามีของหลายอย่าง
และสามารถมาส่งของ
ที่บริษัทผมได้
ด้วยราคาที่ถูกกว่าที่เราจะไปซื้อตลาด

"แต่ผมก็ยังหาไม่ได้"

อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีเวลา
การวางแผน และทำสูตร
น่าจะเป็น priority ต้น ๆ
ที่ผมควรจะทำ

น่าอายเหมือนกัน
ที่คนชอบทำอาหารอย่างผม
จะไม่ค่อยได้ "เดินตลาด" นัก
คงเป็นเพราะ
ตลาดที่ใกล้บ้านผม
จะเป็นตลาดนนทบุรี
ใกล้ท่าน้ำนนท็
ซึ่งผมกับแม่ไปทีไร
ก็ไม่ค่อยประทับใจกับผักที่นี่
พรมน้ำแล้วพรมน้ำอีก
เอากลับมาก็เหี่ยวกันง่ายดาย
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ
เราไม่ได้มีโอกาสไปกันตอนเช้า ๆ
เพราะขี้เกียจตื่นกัน (ฮา)
และที่จอดรถก็ต้องเสียตังค์อีก

จริงแล้ว
ถ้าจะเอาผักอยู่ทน ๆ
ก็ซื้อ "เดอะมอลล์" ดีกว่า
ยอมแพง (มากที่เดียว)
แต่เก็บเอาไว้ได้นานดี

ตลาดที่ผมกับแม่ไปเที่ยวกันมา
หนึ่งในนั้นก็มี 
"ตลาดกลางบางใหญ่"
อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี

"มันเป็นตลาดของรถผัก"

ด้วยความที่เป็นครั้งแรก
ของการไปตลาดนี้
และผมมักจะติดกับภาพ
ของตลาดประชานิเวศน์
และตลาดนนทบุรี
ซึ่งที่จอดรถหาได้ยากมาก
มันทำให้ผมซีเรียส
ว่าจะหาที่จอดได้ไหม

ผมกับแม่จึงตัดสินใจ
ไปตลาดกันในช่วงเช้า
ประมาณ 9.30 น.
ที่คนไปทำงานกัน
เพราะคิดว่า ....
พวกพ่อค้าแม่ค้าคงไปซื้อของก่อนเรา
เส้นทางที่ขับออกนอกเมือง
ในช่วงเวลานี้
ภาวะการจราจรขับคั่ง
ก็น่าจะบรรเทาเบาบางลงแล้ว

เราใช้รถห้าประตูคันเล็ก
กะว่ายังไงก็ต้องมีที่
ให้รถคันน้อยของเราได้จอดบ้าง
ตลาดบางใหญ่ไปไม่ยากเลย
จากคำแนะนำของเพื่อนในพันทิป
และแผนที่ Google 
ก็คือขับตรงไปอย่างเดียว
พอถึงเส้นวงแหวนรอบนอก
มันก็บังคับให้เราเลี้ยวไปทางสุพรรณ
ตามสะพานนั่นแหละ
จากนั้นชิดซ้าย
เล็งป้าย "ตลาดบางใหญ่" เอาไว้ให้ดี
ซึ่งง่ายกว่านั้นคือ
มันจะมี 7-11 ขนาบกับ TOPS
อยู่หน้าซอยทางเข้า

"ตลาดบางใหญ่" ไม่เล็ก
แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตขนาดตลาดไท
มือใหม่อย่างเรา
ก็จอดรถมันหน้าตลาดนี่แหละ
ไม่หวังจะเข้าไปจอดเทียบด้านใน
เพราะไม่รู้ว่าจอดได้ไม่ได้อย่างไร
และจะไปจอดแย่งรถเจ้าถิ่นเค้าหรือเปล่า
เดินไกลหน่อยดีกว่า
พวกเราจอดรถหน้า "ร้านต้มเลือดหมู"
ที่มีลูกค้ามาอุดหนุนกันเนืองแน่น
จนผมกับแม่คิดว่า
เห็นทีวันนี้จะต้องอิ่มท้องไป
กับร้านต้มเลือดหมูนี้

เมื่อรถจอดเทียบ
และเราหันหลังกลับไป
ก็จะเห็นอาคารเหล็กคล้าย ๆ โรงเรือน
หลังคาสูงตามแบบฉบับตลาด
อาคารแรกเป็นอาคารผลไม้
เราเดินเข้าซอยทางซ้ายมือ
ซึ่งจะเจอร้านผลไม้เมืองหนาว
พวกส้ม แอปเปิ้ล และองุ่นสีสวย
วางเรียงรายกันน่ารักเหมือนการ์ตูน

เดินถัดเข้าไป
ซ้ายมือจะเป็น "ร้านมะพร้าวน้ำหอม"
สนนราคาลูกละ 10 บาท
หอมอร่อยกว่าที่รถเอาไปขาย
แถว ๆ ห้างในตัวเมืองเสียอีก
ตรงกันข้ามเป็น "ร้านขายกล้วย"
ที่เห็นส่วนใหญ่นั้น
จะเป็นกล้วยน้ำว้ากับกล้วยหอม
ซึ่งก็คงจะขายดีที่สุด

กลิ่นดอกไม้และมะลิหอม
ลอยอยู่ตรงหน้า
เดินเข้าไปลึกอีกนิด
ก็จะเป็น "ร้านพวงมาลัย"
ผมไม่ได้ทันสังเกต
ว่ามีดอกไม้อย่างอื่นขายไหม
นอกเสียจากดอกไม้สำหรับร้อยมาลัย
มีช่างร้อยมาลัยที่เป็นผู้ชาย
ตั้งอกตั้งใจร้อยมาลัยดาวเรืองอยู่
โดยไม่สนสายตาซ่อกแซก
ที่ผมมองเข้าไปแม้สักนิดเดียว

เดินถัดเข้าไป
จะเป็นร้านขายขนมหวานนานาชนิด
ที่เห็นเด่นจะเป็นขนมตาล ขนมชั้น
และขนมสีเหลืองทอง
ก็คงจะเป็นตระกูลทองหยิบ ทองหยอด
ฝอยทอง นั่นกระมัง

จุดสิ้นสุดของอาคารผลไม้อยู่ตรงนี้
ถัดไปเพียงสามก้าว
ก็จะเป็นอาคารผัก
ตลาดนี้ทำให้ผมแปลกใจ
กับภาพที่คิดไว้ในใจ
ก็คือจะมีเศษผักเน่าเสีย
กองอยู่บนพื้นที่มีน้ำแฉะเต็มไปหมด
แต่ที่ตลาดบางใหญ่นี้
ในส่วนของแผงผัก
ค่อนข้างสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น
และไม่เฉอะแฉะอย่างที่คิด

ทั้งนี้อาจะเป็นเพราะ
การแยกโซนของสินค้าที่ขาย
ส่วนที่เฉอะแฉะและมีกลิ่นคาว
จะเป็นส่วนที่ขายเนื้อสัตว์และของทะเล
ซึ่งต้องโป๊ะน้ำแข็ง พรมน้ำ
ให้ออกซิเจนกันทั้งวันทั้งคืน
ผมจึงคิดได้ว่า
ไอ้ตลาดที่เราไปสมัยที่เรายังเด็ก
มันเป็นตลาดเล็ก ๆ 
ที่เป็น "ตลาดรวม" เสียมาก
คือไม่ได้มีการแยกโซนของที่ขาย
อย่างเป็นกิจจะลักษณะ
นั่นทำให้คนมังสวิรัต
คงต้องทนดู ไก่ หมู วัว
โดนแขวนเชือดกันเลือดแดงฉาน
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้คิดจะซื้อ

ราคาผักที่นี่ถูกจริง ๆ
ถูกจนถึงขนาดเป็นแหล่งซื้อของ
ของบรรดารถผัก
ที่วิ่งขายกันแถวบ้านผมนี่แหละ
ช่วงนี้รถผักไม่มากเท่าไหร่
แต่ช่วงดึก ๆ เที่ยงคืนเป็นต้นไป
จะมีรถผักมากกว่า 30 คัน
จอดรายล้อมอาคารผัก
แน่นตากันไปหมด

ภายในอาคารผัก
ไม่ได้แบ่งส่วน
ตามชนิดของผักที่ขาย
ร้านหนึ่งจะขายหลาย ๆ อย่าง
คื่นช่าย มะเขือเทศ โหระพา
ทุกอย่างมัดเป็นกำใหญ่
ติดราคาขายเป็นกิโล
ซึ่งถ้าคุณเห็นราคาแล้ว
ไอ้ที่มัดเล็ก ๆ ที่เค้าขายกัน
5 บาท 10 บาท
จะกลายเป็นของแพงไปในทันใด

"ขายผักก็กำไรดีนี่หว่า"

มิน่าแถวบ้านผม
จึงมีรถผักวิ่งวัน ๆ นึง
3 คันได้มั๊ง

พวกเราตะลึง
กับราคาผักแสนถูก
และสภาพผักต่าง ๆ
ที่ดูน่ากินกว่าที่เราคิด
และแม่ค้าก็ไม่มัวมานั่งพรมน้ำ
หรือตะโกนเรียกลูกค้า
หากแต่กุลีกุจอ
จัดผักมัดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
ใครจะซื้ออะไรก็เรียกเอา

เวลาน่าจะใกล้สิบโมง
สภาพตลาดตอนนี้
ก็คล้ายจะ "ตลาดวาย" แล้วครับ
เราอาจจะมาไม่ถูกจังหวะเท่าไร
แต่ของที่เหลือ ๆ อยู่
ก็พอให้เราใจชื้นได้ว่า
ยังไงเราก็พึ่งพาตลาดนี้ได้อยู่

แม่ถามแม่ค้าว่า
ตลาดเปิดเมื่อไหร่
คำตอบก็คือเปิดตลอด
แต่ของจะมาลงกัน
ตั้งแต่ 3-4 ทุ่มโน่น
ลูกค้าก็จะมากันราวเที่ยงคืน
โดยเฉพาะบรรดารถผัก
ที่เราเห็นจอดเรียกรายกัน
ตอนดึกจะหนาตากว่านี้

"หลัง 23.00 น.
เราก็ยังสามารถหาซื้อผักสวย ๆ
ได้จากที่นี่สินะ"

ถึงของจะไม่ได้เยอะอะไรมาก
แต่โดยรวมแล้วจัดว่า 
"ของสวย" อยู่เหมือนกัน
ในระดับของขายในตลาดนะครับ
ราคาถ้าเทียบกับตลาดไทย
ก็พอ ๆ กันนะผมว่า
แต่ขับรถมาที่นี่ใกล้กว่า
และซื้อของสบายกว่ากันเยอะ
ไม่ต้องเดินไกล เดินร้อน 
รถติดกันในซอยตลาด
เหมือนกับที่ตลาดไท

เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว
เราก็จัดการเสียเงิน
ซื้อผักอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ
กันไปทำกินนิดหน่อย
ขากลับผ่านร้านมะพร้ามน้ำหอม
แวะซื้อกลับบ้านสักสองลูก
เผื่อไว้ทำ "บัวลอยกะทิสด"
อยากกินมานานแล้ว
แต่ข้างนอกชอบทำหวานเกิน
และไม่ค่อยหอมกะทิ

ผมเองก็ใช้ "แป้งบัวลอยสำเร็จ"
เพราะมีอดีตฝังใจกับ
การเป็นแรงงานเด็ก "ปั้นบัวลอย"
สมัยคุณย่ายังชีวิตอยู่
มันน่าเบื่อและทารุณมาก
กว่าจะปั้นออกมาได้บัวลอยสักถ้วย

เราปิดท้ายทริป "เที่ยวตลาด"
กันด้วย "ต้มเลือดหมู"
ร้านที่เราจอดรถข้างหน้านี่แหละ
ต้มเลือกหมู 35 บาท
ราคามิตรกะจิตมิตรกะใจ
ให้เยอะพอสมควร
เครื่องในมากันครบ ๆ
ดูเด้งดึ๋งน่าทานเหลือเกิน
น้ำซุปใส ๆ หอม ๆ
ที่มีผัดกาดหอมลอยอยู่
เหนือสิ่งอื่นใด
เค้าทำเครื่องในได้ไม่เหม็นไม่คาวเลย

ผมเคยไปกินโจ๊กเครื่องในที่ฮ่องกง
ยังทำเครื่องในสู้คนไทยไม่ได้นะครับ
จะอร่อยตรงข้าวโจ็กกับซุป
ที่เค้าพิถีพิถันหน่อย
แต่เครื่องในบ้านเราเด็ดกว่า
แม่ติดใจรสต้มเลือกหมูร้าน
จนต้องซื้อกลับมาบ้าน 2 ถุง

พวกเราขับรถกลับบ้าน
เป็นเวลาเกือบ 11 โมง
รถไม่ค่อยติดแล้ว
ถ้ามาตลาดนี้คงต้องมาดึก ๆ
น่าจะเดินซื้อของกันสบายใจ
ไม่ร้อน และไม่ต้องแย่งกันซื้อ
"ตลาด" ไม่ได้เหม็น เฉอะแฉะ
และสกปรกอย่างที่เราคิดแล้ว
เมืองไทยมันพัฒนาขึ้นจริง ๆ แฮะ

ดูอย่าง "ตลาด" ซี่









Create Date : 06 ตุลาคม 2556
Last Update : 6 ตุลาคม 2556 5:50:39 น.
Counter : 3967 Pageviews.

2 comments
  
ตลาดใหญ่ ๆ พัฒนาแล้ว แต่ตลาดเล็ก ๆ ตลาดนัดใกล้ ๆ ชุมชน ยังไม่ยักกะพัฒนา เฉอะแฉะ กระจัดกระจาย มันคงเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง
โดย: yourself วันที่: 8 ตุลาคม 2556 เวลา:6:33:24 น.
  
มันคง abstract มากอ่ะนะครับ -_-'
โดย: Guynes วันที่: 9 ตุลาคม 2556 เวลา:8:21:19 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Guynes
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ
ตุลาคม 2556

 
 
1
2
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
31
 
 
6 ตุลาคม 2556
All Blog