โรคชัตเตอร์ และนางงามมิตรภาพ
อยู่ดีดีก็ "คอเคล็ด" ซะงั้น
มันช่างทรมานเสียจริง

มันทำให้ผมคิดถึงหนังเรื่อง
"ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ"
และที่จะลืมเสียมิได้
คือสองมือประนมอย่างสวยงาม
แล้วพูดในใจว่า

"ผีตนใดที่ขี่คอผมอยู่
ลงมาซะเถิด แล้วจะอุทิศส่วนกุศลไปให้"

และ

"หากทำผิดพลาดประการใด
ต่อเจ้าที่เจ้าทาง ...
ให้อภัยลูกช้างด้วย"

จากนั้นก็ตรวจสอบ
ด้วยการขึ้นชั่งน้ำหนัก
ว่ายังหนักเท่าเดิมหรือไม่

(ในหนังฯ เวลาโดนผีขี่คอ
นอกจากจะปวดคอแล้ว
ยังทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น)

ว่าไปนั่น ...

สุดท้ายก็ต้องพึ่งยาหมอ
ยาก็ดี๊ดี ... ผีบอกมากมาย
กินเม็ดแรกหายเป็นปลิดทิ้ง
แต่ก็มาปวดอีกตอนกลางคืน
ตอนยาหมดฤทธิ์

เช้านี้ก็เลยอดซ่า
พยายามอยู่นิ่ง ๆ ให้มากที่สุด
และหวังว่าคอของผม
จะหายจากอาการปวดโดยเร็ว

วันนี้ต้องมาดูช่างทำบ้าน
เขากำลังจะเปลี่ยน "ฝ้า"
ซึ่งไม่มีใครได้บอกกล่าวล่วงหน้า
รวมถึง "แม่" ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า
จะเม้าท์อะไรกับคนงานกันนักกันหนา
โดยที่ไม่ได้ดูเลยว่า
เศษฝ้ามันหกเลอะ "ลู่วิ่งไฟฟ้า"
ที่ได้ตัดใจซื้อมาใหม่ ๆ หมาด ๆ

ผมละไม่เข้าใจแม่จริง ๆ

แม่เป็นหนึ่งใน "นางงามมิตรภาพ"
ที่ผมเคยสัมผัสมา
ก็ไม่อยากนินทาแม่นะ
แต่ขอนิดนึง ... ก็มันไม่รู้จะพูดกับใคร

ไม่มีคนงานที่ไหนโชคดีกว่านี้อีกแล้ว
ตอนเช้า ... ทำน้ำแข็งใส่กระติกใส่น้ำ
พร้อมแก้วไว้ให้คนงาน
ชงกาแฟเลี้ยงทุกคน
พร้อมพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบ
กลางวันถ้าเดินไปซื้ออะไร
ก็จะซื้อเผื่อคนงาน

เสื้อผ้าของใช้
ก็โล๊ะไปให้คนงาน
ที่ทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจโล๊ะ
คือ ... แม่จะคิดเอาเองว่า
เราไม่ได้ใช้แล้ว
ซึ่งจริง ๆ ก็มีบางอย่างที่อยากเก็บไว้


ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่ทำให้หงุดหงิด
หากงานออกมาดี
หรือแม่ดูแลการทำงาน
หรืองบประมาณของการทำบ้านบ้าง

แต่ก็ได้แค่ "บ่น" ละครับ
ก็รู้ว่าแม่แก่แล้ว
และแม่ก็ใจดี
แต่การ service ของแม่
ทำให้คนงานพวกนี้เคยตัว
ทำงานไม่ละเอียด
และทำให้ผม ...
กลายเป็น "ยักษ์เป็นมาร" ในสายตาเขา

วันแรก ๆ ผมจะตื่นค่อนข้างสาย
คนงานพวกที่ก็แอบค่อนแคะ
ว่าตรูนี่สบายจริง ๆ
ตื่นตะวันโด่งมาทำงาน
ไม่เหมือนพวกมันต้องทำงานแต่เช้า

แต่หารู้ไม่ว่า ที่กูมาดูพวกมึงทำงาน
มันเสียสมาธิในการดู
มันปวดหูกับเสียงงานก่อสร้าง
เสียงพวกมึงคุยกัน
และเสียงเพลงลูกทุ่งที่เปิดกันไม่เกรงใจ

ผมจึงเลือกที่จะทำงานตอนดึก
ที่พวกคนงานกลับกันไปแล้ว

วันหลัง ๆ ผมพอปรับตัวได้
แต่ก็จะได้ยินเสียงนินทาว่า
ทำไมผมทำงานคอมฯ
แล้วต้องทำหน้าเครียดด้วย

ส่วนหนึ่งก็ต้องดูพวกมึงทำงานนี่แหละ
ส่วนที่สองกูก็ต้องทำงานของกู
และส่วนที่สาม กูต้องฟังพวกมึงนินทา
ซึ่งจริง ๆ กูก็ไม่ได้อะไรกับมึงเลย
ไม่เคยทำให้พวกมึงชอกช้ำระกำใจ
จะอู้ก็ให้อู้ เพราะคิดว่า จ้างเหมา
จะทำอะไรก็ได้แต่ตัวมึงเอง

คุณผู้อ่านคิดว่า ...
พวกนี้ควรได้รับการ service ขนาดนี้ไหม
ผมว่าลดลงสักหน่อย
แล้วแม่ไปจี้เรื่องงานดีกว่า
แต่พูดไปก็เท่านั้นละครับ
ตั้งแต่พ่อเสีย
ผมก็ไม่อยากจะไปกดดันอะไรแม่
ทั้ง ๆ ที่ก็อยากทำบ้างนะ
เพราะแม่ดื้อเหลือเกิน

ต้องทำงานต่อแล้วครับ




Create Date : 20 มกราคม 2554
Last Update : 20 มกราคม 2554 10:03:19 น.
Counter : 754 Pageviews.

1 comments
  
ชอบคำนี้มาก "แม่ดื้อเหลือเกิน" น่ารักดี ๆ
โดย: yourself วันที่: 23 มีนาคม 2556 เวลา:16:20:29 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Guynes
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ
มกราคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog