กูู่ฉินและสมหายใจ
วันนี้จะพูดเกี่ยวกับกู่ฉินและลมหายใจอย่างคร่าวๆ
หลายคนอาจสงสัยว่ามันเกี่ยวกันยังไง
ก่อนอื่นขอปูพื้นฐานก่อนว่า
โน๊ตกู่ฉินตั้งแต่สมัยโบราณมา ไม่มีจังหวะครับ
ใครเป็นนักดนตรีมาเจอสมการนี้ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า
"งี้ก็เล่นไม่ได้สิ"
แต่ความโดดเด่นของกู่ฉินอยู่ที่อิสระในการใส่จังหวะครับ
แต่ก็ไม่ใช่อิสระร้อยเปอร์เซ็น
เพราะว่าในโน๊ตกู่ฉิน จะประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ลูกน้ำ หรือจุดจบประโยค
เหมือนในบทความภาษาจีนทุกประการ
ดังนั้นสัญลักษณ์เหล่านี้นั่นเองเป็นสิ่งที่บอกให้เรารู้ว่าหยุดตรงไหน
โอเค ทีนี้รู้แล้วว่าแต่ละประโยคเพลงหยุดตรงไหน แล้วในประโยคหล่ะ
จะหาจังหวะให้มันได้อย่างไร
ที่จริงสัญลักษณ์การปฏิบัติบางตัวก็แอบมีจังหวะกำกับไว้แล้ว
ถึงแม้จะเป็นส่วนน้อย แต่ก็ทำให้เราจับจับหวะของเพลงได้ง่ายขึ้น
ส่วนที่เหลือที่ไม่มีจังหวะในตัวมันเองหล่ะทำอย่างไร
ขึ้นตอนนี้ค่อนข้างยากครับ
ก่อนอื่นต้องไปอ่านกวีหรือบทความที่แนบมากับโน้ตเพลง
ว่าเพลงนี้สื่อถึงอะไร ทำความเข้าใจกับลมหายใจของเนื้อหา
ทำความเข้าใจกับลมหายใจของตัวเอง
เมื่อลงมือเล่นจริงๆ ก็ให้จดจ่อกับประโยคเพลงและใส่ลมหายใจเราเข้าไป
ทีนี้ก็จะได้บทเพลงที่เป็นรูปแบบของเราเอง ไม่เหมือนใคร
ซึ่งลมหายใจนี้ ควรจะสม่ำเสมอ ไม่ใช่ขึ้นๆลงๆ
เมื่อเราจดจ่อกับลมหายใจ จดจ่อกับประโยคเพลง
แล้วนำเสนอมาในรูปแบบเรานั้น
เราก็จะได้ความนิ่งในระกับหนึ่ง หรือเป็นการเข้าสู่มาธินั่นเอง
และเมื่อมีความนิ่ง มีการจดจ่อและควบคุมลมหายใจได้ดีแล้ว
ก็จะไกล้เคียงกับการรำไท๊เก๊กมาก
ซึ่งขั้นตอนนี้สำหรับมือใหม่อาจจะยังไม่สามารถรู้สึกได้
ต่อให้เล่นเพลงง่ายๆ สั้นๆ ก้เหงื่อออกได้
จะรู้สึกร้อนออกจากข้างใน
ดังนั้นกู่ฉินจึงไม่เป็นเพียงเครื่องมือพ่มเพาะใจเท่านั้น
แต่กู่ฉินยังเป็นเครื่องมือบ่มเพาะกาย ให้มีสุขภาพดีอีกด้วย
ต่อไปถ้าเห็นว่าปรมาจารณ์กู่ฉินหลายท่าน หนวดยาวผมขาว
แต่ก็ยังดูแข็งแรงมาก ก็คงไม่สงสัยแล้วสิครับว่า
ท่านทั้งหลายมีเคล็ดลับอะไร
ทำความเข้าใจกับลมหายใจของตัวเอง
.
.
.
พี่ก๋าคิดว่านี่คือหัวใจของการฝึกปราณเลยครับ