ความเชื่อมั่นผู้บริโภคทรุดต่อ หอการค้าไทยจี้รัฐบาลฟื้นเศรษฐกิจก่อนสาย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน ส.ค.50 จากการสำรวจประชาชนทั่วประเทศ 2,256 ตัวอย่างว่า ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 69.5 ลดจาก 70.0 ในเดือน ก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ 70.5 ลดจาก 70.8 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 87.1 เพิ่มจาก 86.6 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ส.ค. เท่ากับ 75.7 ลดจากระดับ 75.8 ในเดือนก่อนจนมีค่าต่ำสุดในรอบ 67 เดือน และเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 100 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 38 ซึ่งแสดงว่าผู้บริโภคยังคงไม่มั่นใจสถานการณ์ต่างๆ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ระดับ 71.9 ลดจาก 73.1 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 74.4 จาก 74.0

ปัจจัยลบที่ทำให้ผู้บริโภคกังวลเป็นผลจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ส่งผลต่อการส่งออก และการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในอนาคต ความกังวลเกี่ยวกับการว่างงาน ภาระค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูงจากราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวสูง ความกังวลต่อปัญหาซับไพร์มที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รวมถึงดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงแล้วถึง 46.55 จุด “ผลสำรวจที่ได้มีข้อสังเกต 2 อย่างคือ การปรับลดลงของดัชนีที่เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน แสดงว่า คนยังรับรู้ว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดีขึ้น แต่ก็คาดหวังว่า จะดีขึ้นในไตรมาส 4 ซึ่งเห็นได้จากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับอนาคตเพิ่มขึ้นทุกรายการ เพราะคนคาดหวังว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นปลายปี ซึ่งจะมีเงินสะพัด 30,000-40,000 ล้านบาท จะเป็นตัวกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัว”

ด้านนายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า หากเศรษฐกิจไตรมาส 4 ยังชะเง้อคอขึ้นไม่ได้ ก็น่าเป็นห่วงว่า ปีหน้าคงย่ำแย่แน่ รัฐบาลจึงต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นก่อนส่งต่องานแก่รัฐบาลใหม่ หากไม่ทำ และรอให้รัฐบาลใหม่มา การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจเลื่อนออกไปถึงปลายไตรมาส 1 ปีหน้า ขณะที่นายประสงค์ เอาฬาร ประธานคณะกรรมการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีแรก ลดลงถึง 10% ราคาขายบ้านอยู่ที่ 2.2 ล้านบาท จากช่วงต้นปี 2.8 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนตก 3 ล้านบาท เพราะคนซื้อบ้านที่มีรายได้ 20,000-70,000 บาท/เดือน ซึ่งมีสัดส่วน 70% ชะลอซื้อบ้าน จึงคาดว่า ทั้งปีมูลค่าตลาดรวมจะคงที่ที่ 200,000 ล้านบาท.

Create Date : 14 กันยายน 2550		0 comments
Last Update : 14 กันยายน 2550 15:03:04 น.
Counter : 1047 Pageviews.
Share Tweet