มองภาพแห่งความสำเร็จที่ชัดเจน เดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ ด้วยใจที่สงบ
<<
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
15 มิถุนายน 2555

นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มั่นคงในรายได้และวัตถุ ความสนใจของพวกเขาในแต่ละวันคืออะไร

ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับโต๊ะนี้หรือเปล่า
แต่เป็นคำถามที่คิดว่าคนในโต๊ะนี้น่าจะให้คำปรึกษาได้ครับ

ผมได้รับโจทย์จากที่ทำงานว่าให้ทำเฟซบุ๊กขึ้นมาหนึ่งอัน โดยตั้งใจให้กลุ่มคนเข้ามาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในทางอาชีพ มีชีวิตที่มั่นคงในเชิงรายได้และวัตถุ ประมาณว่าเป็นกลุ่มนักธุรกิจ ที่อาจเป็นเจ้าของกิจการ เล่นหุ้น หรืออาชีพอื่นๆ ที่ให้อารมณ์ผู้บริหาร มีเงินเป็นหลักหลายสิบ - หลายร้อยล้าน

สิ่งที่สงสัยเป็นสิ่งแรกๆ คือ คนกลุ่มนี้จะเล่นเฟซบุ๊กไหมนะ ซึ่งผมเข้าใจว่าโดยส่วนใหญ่คงไม่ได้เล่นกันจริงๆ จังๆ เพราะคงทำงานหนัก และไม่มีเวลามากดก๊อกๆ แก๊กๆ หรือเอาเข้าจริง อาจจะเล่นกันก็ได้ ผมก็ไม่แน่ใจ

เขาอยากให้สร้างเฟซบุ๊กที่มีกลุ่มคนเหล่านี้มากดไลค์ ส่วนใหญ่จะเข้าหรือไม่ก็ตาม ผมคงต้องหาคำตอบต่อไปว่า คนกลุ่มเหล่านี้สนใจเรื่องอะไรในแต่ละวัน

คำถามนะครับ

ถ้าเราตั้งต้นด้วยว่าคนกลุ่มนี้เล่นเฟซบุ๊กกัน เล่นมาก เล่นน้อยก็ว่ากันไป  ผมเลยอยากรู้ว่าคนกลุ่มนี้ ในวันหนึ่งๆ เขาน่าจะสนใจเรื่องอะไรกันบ้าง เช่น สนใจเรื่องหุ้นไหม เรื่องดาราทั่วไปล่ะ บอลยูโรจะสนไหม หรือธรรมะ หรือหนังสือน่าดู ภาพยนตร์น่าชม พวกเขาสนใจกันประมาณไหนเหรอครับ

ผมนึกไม่ออกจริงๆ เพราะชีวิตนี้ก็มีแต่เพื่อนๆ ที่ไม่ได้มีชีวิตประมาณนั้น ขอคำแนะนำทีนะครับ

ขอบคุณครับ  

จากคุณ

: จริงใจ จริงจัง จริงๆ

 

ตอบ... รายได้เยอะไม่จำเป็นต้องทำงานเยอะ หรือทำงานหนักครับ...

ถ้าเป็นนักธุรกิจ... ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจจะต้องมองให้ออกว่าธุรกิจที่ทำไปแล้วจะเป็นยังไงต่อไปในอีก 5 -10 ปีข้างหน้า...

ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย ... สินค้าบางอย่างลดราคาลงทุกๆ ปี ... ปีนี้ขายได้ 10 ชิ้น ได้เงิน 100 บาท ถ้าปีต่อไปราคาลดลงครึ่งหนึ่ง... เราต้องขายเพิ่มขึ้นเป็น 20 ชิ้น จึงจะได้เงิน 100 เหมือนเดิม ... ต้องเหนื่อยขึ้นแต่รายรับกับคงที่...

ธุรกิจบางประเภทยิ่งทำยิ่งเพิ่มมูลค่า แถมลงทุนต่ำ... ปีนี้ขาย 10 ชิ้น กำไร 100 บาท ถ้าปีต่อไปราคาเพิ่มขึ้นเท่าตัว... เราจะขายสินค้าแค่ 5 ชิ้นเพื่อให้ได้เงินเท่าเดิม... (แบบนี้เข้าท่า)...

แต่ถ้าเป็นการลงทุน... เราจะไม่เหนื่อยหากเราวางแผนระยะยาว และเลือกบริษัทได้ดี มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้เราไม่ต้องซื้อๆ ขายๆ หุ้นบ่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าจะขายไปทำไมเมื่อบริษัทยังคงดีอยู่... เก็บกินเงินปันผลอย่างเดียว... แค่เงินปันผลก็กินไม่หมดแล้วครับ...

แบบนี้เรียกว่า "งานสบาย เงินดี" ครับ...

(ไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ทุกคนนะครับ โปรดใช้วิจารณญาน)

:D

จากคุณ : คนไทยไม่ท้อ

แวะชม "ไอเดียแจ่ม... การตลาด.." ได้ที่นี่ครับ...

ตกแต่งบ้าน และสวนสวย...

//homebuyerguides.blogspot.com/2011/09/mdf-index.html

Smiley




Create Date : 15 มิถุนายน 2555
Last Update : 16 มิถุนายน 2555 9:14:10 น. 2 comments
Counter : 3976 Pageviews.  

 
เข้ามาอ่านอีกรอบ...

ผมว่าแนวคิดของ จขกท.เข้าท่าเหมือนกันนะครับ (แอบให้กำลังใจ) แต่ถ้าจะเจาะกลุ่มนี้จริงๆ ควรหาคนที่จะมาไกด์อะไรคนกลุ่มนี้ได้ และต้องน่าเชื่อถือด้วยนะครับ... เพราะธรรมชาติของคนกลุ่มนี้จะเป็นคนเก่ง และถือตัวพอสมควร ... อะไรที่ช่วยสะกิดใจได้บ้างน่าจะมีประโยชน์อยู่ครับ...

ลองนึกภาพน้ำที่เต็มแก้วแ้ล้ว... ก็ไม่มีใครไปสั่งไปสอนพวกเขาได้ครับ...

แต่ก็มีคน "จริง" บางคนเช่นกันที่ทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดเวลา... คอยเปิดรับความคิดเห็นใหม่ๆ และไม่ประมาทในการใช้ชีวิตทางโลกเพียงอย่างเดียว...





ผมเชื่อว่าคนดีย่อมดึงดูดคนดี... ถ้าแนวคิดเราดี ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวครับ...

ลองดูครับ... ผมเอาใจช่วยนะ...

:D


โดย: . IP: 125.24.82.187 วันที่: 16 มิถุนายน 2555 เวลา:9:13:15 น.  

 
การสร้างความสัมพันธ์และการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบครบวงจร IRM ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของการตลาดยุคที่สาม ส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งคือ

พันธมิตรธุรกิจ/ซัพพลายเออร์(Partner/Suppliers) ซึ่งความสำคัญในการสร้างพันธมิตรธุรกิจ สำหรับการตลาดในยุคปัจจุบันเพื่อประโยชน์และวัตถุประสงค์ดังนี้

1. เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจ (value network) ที่สามารถสร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภคคนสุดท้ายได้มากขึ้น หรือสร้างประสบการณ์ให้เกิดขึ้นกับผู้ใช้สินค้าโดยตรง

2. เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้ามาใช้ พัฒนาข้อเสนอที่โดนใจลูกค้ามากขึ้น โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความต้อการสินค้าของผู้ซื้อ จากนั้น ร่วมกันพัฒนามูลค่าใหม่กับคู่ค้า และผู้ผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น ร้านสะดวกซื้อ 7-11 และห้างโลตัส ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยอย่างสูงในปัจจุบัน เนื่องจากความใกล้ชิดของซัพพลายเออร์ และความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรของพนักงานกับลูกค้า ทำให้สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดี กับผู้บริโภคคนสุดท้ายได้เหนือกว่ากลุ่มลูกค้าปลีกดั้งเดิม

3. เพื่อลดต้นทุนด้านการดำเนินงานของธุรกิจลงและสร้างมูลค่าใหม่ ๆ โดยไม่เพิ่มราคาให้ผู้ซื้อ เช่น การร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรธุรกิจถึงขั้นเชื่อมต่อข้อมูลลูกค้ากันตลอดเวลาของห้างค้าปลีกยุคใหม่ โดยให้ผู้ผ่อนสินค้า บริหารสินค้าในห้างให้มีกำไร แทนที่จะขายสินค้าเข้าห้างเพียงอย่างเดียว ทำให้ต้องปรับกระบวนธุรกิจให้เชื่อมต่อในแนวเดียวกับกระบวนการตัดสินใจของลูกค้า

4. เพื่อลดงานซ้ำซ้อนที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างบริษัทต่อบริษัทให้ไปในทิศทางเดียวกัน
พันธมิตรภายในบริษัท คือกาสร้างความร่วมแรงร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งเดียวกันในการให้บริการลูกค้าคนสุดท้าย หัวใจของกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่จะใช้ความสัมพันธ์ลูกค้าเป็นตัวขับเคลื่อน โดยอาศัยข้อมูลพฤติกรรรมของลูกค้า ณ จุดติดต่อ เพื่อสร้างข้อเสนอใหม่รวมเข้าไปในสินค้า และบริการให้ลูกค้าแต่ละรายที่แตกต่างกัน โดยการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างกัน สำหรับลูกค้าแต่ละรายนี้จำเป็นต้องอาศัยทรัพยากรจากภายนอกมาช่วยทำงานมากขึ้น ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ให้บริการจัดส่ง เป็นต้น เพื่อยกระดับความเร็วของธุรกิจให้ทำได้ดีขึ้น เร็วขึ้น หรือแตกต่างเหนือคู่แข่งนั่นเอง



โดย: นายแว่นธรรมดา วันที่: 18 มิถุนายน 2555 เวลา:14:49:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายแว่นธรรมดา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่บล็อกนายแว่นธรรมดา บล็อกที่รวมเอาความคิด ความฝัน ความรู้สึกของนายแว่นธรรมดา เพื่อปะติดปะต่อภาพแห่งความรู้สึกในใจของเราให้เสร็จสมบูรณ์ (ขอสงวนการนำข้อมูลในบล็อกไปใช้ครับ)
Free counters!
New Comments
[Add นายแว่นธรรมดา's blog to your web]