MY MEMORY
Group Blog
 
 
กันยายน 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
7 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์

ความหมายของการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ หมายถึง สถานการณ์ของการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีการวางแผนการณ์จะให้เกิดขึ้น การไม่มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการคุมกำเนิดการถูกข่มขืนจน ตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์ก่อนการสมรส ตลอดจนความไม่พร้อมในด้านภาวะต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ การไม่รับผิดชอบของบิดาของเด็กในครรภ์ เป็นต้น

พฤติกรรมเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
พฤติกรรมเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ในช่วงชีวิตของวัยรุ่น อันก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
การเปิดโอกาสแก่ตนเองและผู้อื่น
การเปิดโอกาสต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศมีหลายประการ เช่น การเที่ยวกลางคืนในสถานเริงรมย์ต่างๆ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และรับอาหารจากคนแปลกหน้า การเดินทางตามที่เปลี่ยว มืด สถานที่ไม่ปลอดภัย การไว้วางใจเพื่อน คนรัก หรือบุคคลแปลกหน้ามากเกินไปโดยไม่ไตร่ตรอง กระตุ้นอารมณ์ทางเพศตามสื่อต่างๆ ตลอดจนความก้าวหน้าทางวิทยาสตร์และเทคโนโลยี การใช้ยาและสารเสพติด เป็นต้น

การเปิดเผยอารมณ์ทางเพศ
การเปิดเผยอารมณ์ทางเพศ หมายถึง พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศที่ก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศแก่ผู้พบเห็น เช่น การเปิดเผยสัดส่วนร่างกายด้วยการสวมเสื้อผ้ารัดรูป โชว์สัดส่วนจนเป็นที่สะดุดตาและยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ หรือการแสดงพฤติกรรมที่ยั่วยวนด้วยกิริยาวาจาที่แสดงความพึงพอใจ สนใจ เรียกร้อง เชื้อเชิญต่อเพศตรงข้าม ตลอดจนการใช้ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เพื่อแสดงให้ผู้อื่นเห็นความสามารถทางเพศของตน

ความเชื่อทางเพศที่ผิด
ความเชื่อทางเพศที่ผิด มีผลต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ครั้งเดียวไม่อาจตั้งครรภ์ได้ การคุมกำเนิดไม่ควรใช้กับคนรัก ความสามารถในเรื่องเพศเป็นตัววัดความเป็นลูกผู้ชาย การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานเป็นเรื่องธรรมดา ผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิเท่าเทียมกันในเรื่องเพศ ผู้ชายไม่มีความจำเป็นต้องรับผิดชอบภายหลังมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์หลายคู่หลายคน ถือว่าเป็นผู้มีความสามารถ เป็นต้น

สถาบันครอบครัว
ครอบครัวเป็นสังคมแรกที่ปลูกฝังความรัก ความเข้าใจ คุณธรรม จริยธรรมแก่บุคคลในครอบครัว การขาดการอบรมเลี้ยงดูที่ดี ความแตกแยกในครอบครัว การขาดความรัก การดูแลเอาใจใส่ซึงกันและกัน ทำให้วัยรุ่นมักมีปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อครอบครัว และมักจะปลีกตนเอง หรือไปคบเพื่อนซึ่งอาจชักชวนกันไปในทางที่ผิดๆ ได้

ปัญหาและผลกระทบจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ก่อให้เกิดปัญหา และผลกระทบทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะหญิงหรือชายหรือเกิดขึ้นเฉพาะฝ่ายเดียว กรณีเมื่อฝ่ายหญิงถูกข่มขืน หรือฝ่ายชายไม่รับผิดชอบ ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวมีผล ดังนี้

ปัญหาทางด้านร่างกาย
ผู้ที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ส่วนใหญ่พบว่ามีอายุยังน้อย ซึ่งมีสภาพร่างกายที่เจริญเติบโตยังไม่เต็มที่ หรือไม่พร้อมกับสภาพของการตั้งครรภ์ จึงมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และอัตราเสี่ยงต่อการตาย และการเจ็บป่วย เช่น การที่กระดูกเชิงกรานเล็กเกินไปไม่สามารถคลอดโดยวิธีธรรมชาติได้ การขาดความรู้ และความพร้อมต่อการเตรียมตัวเป็นมารดา เป็นต้น ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อย เติบโตช้า พัฒนาการทางสมองหยุดชะงัก การคอลดก่อนกำหนอ เป็นต้น

ปัญหาทางด้านจิต
การตั้งครรภ์ของวัยรุ่นหญิงส่วนใหญ่ เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่มีการวางแผนมาก่อน ทั้งนี้อาจเกิดจากความรักสนุก ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความประมาท หรือการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้สร้างความวิตกกังวล ความเครียด ความอับอาย เสียใจ เศร้าใจ กลัวการถูกประณาม การไม่ยอมรับจากครอบครัว สังคม และฝ่ายชาย ซึ่งมีผลต่อภาวะการตั้งครรภ์ในฝ่ายหญิง ตลอดจนความต้องการที่จะทำแท้งด้วยวิธีการต่างๆ นอกจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว อาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น การตกเลือดหรือเสียชีวิตได้ ส่วนวัยรุ่นชายเช่นกัน มักเกิดความเครียด ความวิตกกังวล ความกลัวว่าผู้อื่นจะทราบเรื่องต่อการทำความผิดของตนจากยาติ เพื่อนฝูง หรือยาติฝ่ายหญิง ถ้าทราบเรื่องแล้วจะเอาผิดตามกฎหมายได้ กลัวภาระการผูกมัดระหว่างกัน การเรียกร้องของฝ่ายหญิง โดยผลกระทบทางจิตใจนี้จะส่งผลต่อการเรียน เช่น หยุดเรียน เสียการเรียน การเรียนตกต่ำ เป็นต้น

ปัญหาทางด้านครอบครัวและสังคม
การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอาจก่อให้เกิดปัญหาครอบครัวและสังคมได้ เนื่องจากสภาพความไม่พร้อมของบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบทั้งสองฝ่าย หรือการที่ฝ่ายหญิงต้องรับสภาพเพียงฝ่ายเดียว ปัญหาการปรับตัว ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีอันเนื่องจากปัญหาต่างๆ เช่น ฐานะ การอบรมเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน วุฒิภาวะ ความรับผิดชอบ การถูกทอดทิ้ง การทะเลาะเบาะแว้ง ย่อมให้เกิดปัญหาภายในครอบครัวตลอดจนการหมดโอกาสในการเรียนต่อ เพราะต้องรับภาระหน้าที่ความเป็นพ่อหรือแม่ก่อนวัยอันควร ซึ่งมีผลต่อการสร้างรากฐานการดำเนินชีวิตตามสังคมที่ยอมรับได้

การหลีกเลี่ยง การป้องกันตนเองจากพฤติกรรมเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
การหลีกเลี่ยงและป้องกันตนเองจากพฤติกรรมเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ ไม่พึงประสงค์จากปัญหาและผลกระทบดังกล่าว นักเรียนจึงควรปฏิบัติตน ดังนี้

การปิดโอกาสต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
การปิดโอกาสต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ เช่น การไม่เที่ยวเตร่ตามสถานเริงรมย์ต่างๆ การไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์ การไม่คบหาบุคคลแปลกหน้า การไม่เดินในที่เปลี่ยวและมีอันตราย การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นความรู้สึกทางเพศทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ อินเทอร์เน็ต การเลือกคบเพื่อนที่ดีเป็นต้น

การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงของตนเอง
การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงของตนเอง เช่น การแต่งกายรัดรูป การเปิดเผยสัดส่วนในที่สาธารณชน ตลอดจนการแสดงออกทางด้านกิริยา ท่าทางที่ยั่วยวนไม่เหมาะสม เช่น การ๔กเนื้อต้องตัว โดยการโอบ การกอด การจูบ เป็นต้น

รู้จักทักษะการปฏิเสธ
การรู้จักการปฏิเสธ เป็นการช่วยลดความต้องการทางเพศได้ เช่น คำว่า "ไม่ หยุด อย่า" ทั้งนี้ต้องเป็นการปฏิเสธที่มาจากความตั้งใจจริงที่จะหลีกเลี่ยงและป้องกัน ตนเองมากกว่าการเสแสร้งยั่วยวนหรือส่งเสริมอารมณ์ทางเพศมากขึ้น ดังนั้น ทักษะการปฏิเสธจะต้องทำด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ เข้มแข็ง และมีความมั่นคง พร้อมทั้งการแสดงท่าทางในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ขณะนั้น เพื่อเปลี่ยนกิริยาท่าทางการแสดง หรือความรู้สึกทางเพศที่เกิดขึ้นให้ผ่อนคลาย หรือหมดไป

รู้จักทักษะการต่อรอง
การปฏิเสธเพียงอย่างเดียว บางครั้งอาจไม่เกิดผล การรู้จักการสื่อสาร การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีโดยรู้จักการต่อรองด้วยวิธีการต่างๆ อาจจะโดยเสนอกิจกรรมอื่นๆ ที่ดีกว่า เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น การขอไปเปิดโทรทัศน์ขณะที่กำลังถูกเพื่อนชายโอบกอด การหลีกเลี่ยงการอยู่สองคนตามลำพัง โดยการไปออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา เป็นต้น

รู้จักการคุมกำเนิด
การคุมกำเนิดเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ การคุมกำเนิดมีหลายวิธี การรู้จักเลือกวิธีในการควบคุมกำเนิดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมความสะดวกของแต่ ละคน แต่การรู้จักการคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัย เป็นวิธีการที่สะดวกประหยัด ได้ผลดีทั้งการป้องกันการตั้งครรภ์ และการปลอดภัยจากโรคทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์แต่ขณะเดียวกัน การรู้จักวิธีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะถุงยางอนามัยที่หมดอายุ และวิธีการใช้ไม่ถูกต้อง อาจก่อปัญหาขึ้นได้

ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัว
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัว เป็นการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศที่สำคัญอย่างหนึ่งของวัยรุ่น ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลในครอบครัวจะสร้างความรัก ความผูกพัน ความเข้าใจ ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับวัยรุ่น ตลอดจนการยึดมั่นเรื่องการรักนวลสงวนตัวก่อนถึงการแต่งงาน ก็จะช่วยลดพฤติกรรมที่เสี่ยงได้

การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ปัญหาระดับโลก
องค์การอนามัยโลกให้ข้อมูล ว่า ในทุกปีปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ เป็นสาเหตุนำไปสู่การทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยของผู้หญิงอย่างน้อยจำนวน 20 ล้านคน ซึ่งกว่า 100,000 คนต้องเสียชีวิตลงในที่สุดเพราะเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงอีกจำนวนนับล้านต้องประสบปัญหาเรื้อรังทางสุขภาพอันเนื่องมาจากการทำ แท้ง ที่ไม่ปลอดภัยด้วย
เฉพาะในประเทศไทย ผลการสำรวจหลายครั้งระบุว่า ในจำนวนผู้หญิงที่สมรสแล้วและตั้งครรภ์เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ถึง 1 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพิจารณาว่านี่เป็นการสำรวจเฉพาะผู้ที่สมรสแล้วเท่านั้น ยังไม่รวมผู้หญิงอีกจำนวนมากที่ตั้งครรภ์โดยที่ไม่ได้สมรส ซึ่งมีผู้ที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เป็นจำนวนมากที่ตัดสินใจยุติการตั้ง ครรภ์ของตนเอง
การคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินสามารถช่วยลดอัตราการ ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ซึ่งส่งผลให้การทำแท้งมีจำนวนลดลงด้วย และนั่นหมายถึงชีวิตของผู้หญิง จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ไม่ต้องสูญเสียไปเพราะการทำแท้งที่ไม่ถูกหลักการ แพทย์ และชีวิตของเด็กจำนวนมากที่ไม่ต้องเกิดมาโดยที่ครอบครัวไม่พร้อมจะเลี้ยงดู

การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และการทำแท้ง
จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานเกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์จากความประมาท 2 ลักษณะคือ
--ประมาทว่าการอยู่ด้วยกันตามลำพัง ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดมีเพศสัมพันธ์ จึงไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการป้องกัน
--ประมาทว่าตนเองไม่น่าจะตั้งครรภ์ได้ง่ายๆ เพราะเป็นการมีเพศสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียว หรือไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันบ่อยๆ
ส่วนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วสาเหตุของการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ คือการขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการวางแผนครอบครัว ความไม่พร้อมที่จะมีลูกอันเนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ หรือตั้งครรภ์กับชายนอกสมรส
เมื่อเกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ขึ้น ผู้หญิงมักเป็นฝ่ายต้องตัดสินใจแก้ปัญหาแต่เพียงผู้เดียว และภายใต้ความกดดันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเรียน ด้านอายุ ครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจ ผลที่ตามมาคือความเครียดจากความไม่พร้อมที่กล่าวแล้วซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหา ทางด้านสุขภาพจิตได้ และทางแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะเลือกกระทำ คือ การทำแท้ง ทั้งๆ ที่ผู้หญิงเหล่านั้น ร้อยละ 42.7 รู้สึกเสียใจที่ต้องทำแท้ง และร้อยละ 76.6 รู้สึกกลัวอันตราย ที่จะเกิดจากการทำแท้ง ซึ่งได้แก่ การแท้งไม่สมบูรณ์ ตกเลือด มดลูก/ลำไส้ทะลุ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ติดเชื้อ ช็อก หรืออาจเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก และเป็นหมันในภายหลัง ซึ่งล้วนแต่เป็นอันตรายต่อชีวิต และสุขภาพของผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ หากมาคิดกันดีๆ แล้วคงไม่มีใครปฏิเสธว่า หากไม่ท้องคงไม่ต้องทำแท้ง ดังนั้นน่าจะมีสติป้องกันตนเองไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควรน่าจะง่าย ว่ากันเยอะเลยจริงไหม
นอกจากนั้นการทำแท้ง ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายสำหรับประเทศไทยเรา ตามกฎหมายแล้ว การทำแท้งนั้น ไม่ว่าหญิงที่ตั้งครรภ์นั้นจะยอมหรือไม่ยินยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกก็ ตาม ผู้ที่ทำให้หญิงนั้นแท้งลูกมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูก ส่วนตัวผู้หญิงหากทำแท้งเอง หรือยอมให้ผู้อื่นทำแท้งให้ ก็มีความผิดเช่นกัน ซึ่งยกเว้นเพียง 2 กรณีคือ กรณีแรกเนื่องจากมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความผิดปกติของทารกในครรภ์ ทารกในครรภ์เสียชีวิต หรือเมื่อการตั้งครรภ์จะเป็นอันตราย ต่อสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์นั้น มารดามีปัญหาทางสุขภาพ มารดาป่วยด้วยโรคต่อมไร้ท่อ โรคหัวใจ โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย ภาวะปัญญาอ่อน ติดเชื้อหัดเยอรมัน โรคเบาหวานอย่างรุนแรง และมะเร็ง เป็นต้น กรณีที่ 2 คือถูกข่มขืน

การทำแท้ง
1. การปรับประจำเดือน เป็นวิธีที่ใช้ในครรภ์ไม่เกิน 6 สัปดาห์ หรือ คิดง่ายๆ แบบชาวบ้าน ก็คือ ทำเมื่อประจำเดือนเกินกำหนดไป 2 สัปดาห์ วิธีนี้ใช้กันมากในกลุ่มของนักวางแผนครอบครัว วิธีนี้กระทำโดยสอดส่องท่อ พลาสติกเล็กขนาดเส้นรอบวง 4-8 มิลลิเมตร เข้าไปในโพรงมดลูก โดยผ่านทางช่องคลอดและปากมดลูกตามลำดับ ต่อปลายท่อพลาสติกด้านนอกเข้ากับกระบอกฉีดยา ชนิดใหญ่พิเศษเมื่อปล่อยล็อค แรงดูดจะดูดเอารกและเด็กออกหมดเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที
2. การขูดมดลูก เป็นวิธีเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ แต่ก็ยังใช้แพร่หลายและได้ผลดี แต่ควรเลือกทำ ในรายที่มดลูกมีขนาดโตไม่เกินอายุครรภ์ 14 สัปดาห์ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือถ่างขยายปากมดลูก ก่อนการขูด ดังนั้นผู้ป่วยจะเจ็บปวดมากถ้าไม่ฉีดยาชา หรือได้รับยาสลบก่อนการขูด
3. การใช้เครื่องดูดสุญญากาศ ใช้ทำแท้งในอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ เป็นที่น่าสังเกต ว่า ขณะที่โรงพยาบาลรัฐบาลหลายแห่งยังไม่มีเครื่องมือทำแท้งชนิดนี้ เครื่องมือนี้กลับไปแพร่หลาย อยู่ตามคลินิกทำแท้งเถื่อนเกือบทุกแห่ง ทั้งนี้เพราะความง่าย สะดวกรวดเร็ว และปราศจากความเจ็บ ปวดนั่นเอง
4. การฉีดน้ำเกลือเข้มข้นเข้าถุงน้ำหล่อเด็ก เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับรายที่มดลูกโต จนคลำ ได้ชัดเจนทางหน้าท้องแล้ว คือเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 16 สัปดาห์ขึ้นไป ใช้น้ำเกลือเข้มข้น 20 เปอร์ เซ็นต์ที่ผลิตใหม่ๆ จำนวนประมาณ 150-200 มิลลิลิตร ฉีดเข้าไปในถุงน้ำหล่อเด็ก โดยใช้เข็มขนาด ใหญ่เจาะผ่านผนังหน้าท้องเด็กก็จะแท้งออกเองภายหลังให้น้ำเกลือ 6-48 ชั่วโมง
5. การผ่าเอาเด็กออกทางหน้าท้อง ปัจจุบันไม่นิยมทำกันเพราะมีวิธีอื่นที่สะดวกและปลอด ภัยกว่าแต่ก็ยังคงมีทำในบางราย เช่น ผู้ป่วยปัญญาอ่อน ที่ต้องการตัดมดลูกออกด้วย เพื่อตัดปัญหา ยุ่งยากขณะมีประจำเดือน หรือในผู้ป่วยบางรายที่ต้องการผ่าตัดทำหมันด้วย
6. การใช้ยาพวกพรอสตาแกลนดินส์ (prostaglandins) ยาประเภทนี้มีฤทธิ์ทำให้มดลูก บีบรัดตัวและเกิดการแท้ง ตัวยามีหลายชนิด คือ ชนิดเหน็บช่องคลอดชนิดรับประทาน ชนิดฉีดเข้า กล้ามเนื้อ ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพทำให้เกิดการแท้งได้แน่นอน โดยเฉพาะในครรภ์อ่อนๆ แต่อาการ แทรกซ้อนของยานี้มีมาก เช่น อาการอาเจียนและท้องเดิน รวมทั้งอาการเจ็บปวดมดลูกอย่างรุนแรง ด้วย ขณะนี้กำลังคันคว้าวิจัยเพื่อสกัดตัวยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะตัวมดลูกเท่านั้น คาดว่าอีกไม่นานวิธีนี้จะ เป็นที่นิยมแพร่หลายเพราะไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วย


อันตรายจากการทำแท้ง
การทำแท้งโดยวิธีที่ถูกต้อง โดยแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ ที่เรียกว่าทำแท้งเพื่อการรักษานั้นมีอันตรายน้อย ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ด้วย ด้วยเหตุที่กฎหมายอนุญาตให้ทำแท้งได้ในวงแคบมาก โดยมารยาททางการแพทย์จึงไม่มีแพทย์คนใดยอมรับทำแท้งให้โดยหวังอามิสสินจ้างที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม อาจจะมีแพทย์ที่กล้าหาญบางคนกระทำโดยไม่คำนึงถึงจรรยาบรรณและกฎหมายบ้านเมือง
การทำแท้งที่นอกเหนือจากการกระทำเพื่อการรักษาแล้วถือว่าผิดกฎหมาย และเป็นความผิดทางอาญาทั้งผู้ทำและผู้ถูกกระทำ สถิติผู้ป่วยทำแท้งผิดกฎหมายที่รับไว้รักษาตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ มีจำนวนมากในแต่ละปี แสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าไม่มีใครเกรงกลัวกฎหมายทำแท้งนัก
คดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการทำแท้งที่ถึงกับต้องขึ้นพิจารณาในศาลนั้นนับว่าน้อยไม่ถึง ๑ ใน ๑,๐๐๐ของจำนวนผู้ป่วยที่ถูกทำแท้ง แม้แต่รายที่เกิดโรคแทรกซ้อนของการทำแท้งจนถึงแก่กรรมในโรงพยาบาล ก็แทบจะไม่มีการดำเนินคดีกันเลย

อันตรายที่เกิดกับผู้ทำแท้ง แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ
1. ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดทันที เป็นอันตรายที่เกิดขึ้นขณะทำแท้งหรือเกิดภายใน 3 ชั่วโมงหลังทำแท้งมีการตกเลือด มดลูกทะลุ ปากมดลูกฉีกขาด อันตรายจากยาชาและยาสลบ ภาวะเลือดไม่แข็งตัวทำให้ตกเลือดมาก ภาวะโซเดียมคั่งในเลือด ภาวะเป็นพิษจากสารน้ำ และหลอดเลือดอุดตันจากฟองอากาศ อุดตันจากลิ่มเลือดหรืออุดตันจากน้ำคร่ำ ภาวะแทรกซ้อนที่กล่าวถึง ทั้งหมดนี้ อาจจะมีความรุนแรง จนทำให้ผู้ป่วยถึงแก่กรรมได้
2. ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดล่า เป็นอันตรายที่เกิดขึ้นหลังการทำแท้ง 3 ชั่วโมงไปจนถึง 28 วันได้แก่ ภาวะแท้งไม่ครบหรือแท้งค้าง และการอักเสบติดเชื้อทั้งสองภาวะนี้เป็นอาการสำคัญที่นำผู้ทำแท้งผิดกฎหมายเข้ารักษาต่อในโรงพยาบาล การอักเสบติดเชื้อนั้นพบเกือบทุกราย รายที่อักเสบรุนแรงอาจจะถูกตัดมดลูกทิ้ง แม้ผู้ป่วยจะยังอายุเพียง 15 - 16 ปีก็ตาม รายที่รุนแรงกว่านั้นอาจจะถึงแก่กรรมก่อนตัดมดลูก หรือแม้แต่ตัดมดลูกออกแล้วก็ช่วยชีวิตไม่ได้
3. ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดในระยะหลัง เป็นอันตรายที่เกิดหลังการทำแท้ง 28 วันไปแล้ว ได้แก่ การอักเสบเรื้อรังในอุ้งเชิงกราน ปวดประจำเดือน ปวดขณะร่วมเพศ หรือบางรายปวดมากจนไม่สามารถจะร่วมเพศได้ บางรายเป็นหมันเพราะโพรงมดลูกติดกันจนตัน หรือเป็นหมันเพราะท่อนำไข่อุดตันจากการอักเสบ และผลของการอักเสบของท่อนำไข่อาจทำให้มีการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ นอกจากนี้ยังพบอุบัติการของการแท้งซ้ำในครรภ์หลังๆค่อนข้างบ่อย


การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ในประเทศไทย
กระแส ข่าวการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรของวัยรุ่น ค่อนข้างมาแรงในระยะนี้ จนอาจทำให้คนทั่วไปคิดว่า มันเพิ่งเป็นปัญหาสำหรับสังคมไทย แต่แท้ที่จริงแล้วปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544
ข้อมูล จากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล รายงานว่า ค่าเฉลี่ยของวัยรุ่น ที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พบว่าอยู่ในระหว่างอายุ 16-18 ปี โดยประมาณ ซึ่งส่วนหนึ่ง มาจากสื่อที่ยั่วยุและเข้าถึงง่าย ซึ่งจะทำให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบจนเกิดการขับเคลื่อนทางเพศในทางที่ไม่ เหมาะสม จนนำไปสู่ปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ โดยไม่พึงประสงค์ และจากสิ่งเร้าดังกล่าว ทำให้เกิดคุณแม่มือใหม่ที่ตั้งครรภ์ขณะไม่พร้อมจำนวนมาก

จากสถิติของ "องค์การอนามัยโลก" ระบุว่า สัดส่วนผู้หญิงอายุ 15-19 ปีทั่วโลก ใน 1,000 คน จะเป็นแม่แล้ว65 คน โดยค่าเฉลี่ยของทวีปเอเชีย อยู่ที่ 56 ต่อ 1,000 คนขณะที่ประเทศไทยพบว่า มีแม่วัยเด็ก มากถึง 90 ต่อ 1,000 คน เลยทีเดียว
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนัก งานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) นำคณะทำงานเครือข่ายสมัชชาสุขภาพ ลงพื้นที่จ.ลพบุรี เพื่อรับฟังปัญหา "ท้องไม่พร้อมในวัยรุ่น" งานนี้มีการเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ไม่พร้อม
นายวิสุทธิ บุญญะโสภิต ผู้อำนวยการสำนักสมัชชาสุขภาพ แสดงทัศนะว่า การ แก้ปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ไม่พร้อมต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม เริ่มตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน ตลอดจนประชาชนในท้องถิ่นเพื่อนำมากำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา ซึ่งต้องพิจารณาในภาพรวมทั้งระบบ โดยเฉพาะด้านการป้องกัน การเฝ้าระวังการดูแลแก้ไขปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ และทารกเกิดก่อนกำหนดดังนั้นจึงมีการบรรจุ 1 ใน 9 นโยบายสาธารณะ ที่ จะเข้าสู่วาระการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2553 เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายสมัชชาทั่ว ประเทศ นำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ด้าน น.ส.จันทร์ศิริ บัวเต๋า นักวิชาการสาธารณสุขสถานีอนามัย ต.ชอนสมบูรณ์ อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี กล่าวว่า ปัญหาการตั้งท้องในวัยเรียน หรือวัยรุ่น เกิดขึ้นได้ในทุกสังคม ที่ ต.ชอนสมบูรณ์ ก็มีปัญหานี้ แต่คนในตำบลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการนำเอาปัญหามาพูดคุยในเวทีประชาคมตำบล และได้ร่วมกันจัดทำโครงการเฝ้าระวังการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมดำเนินการมา ตั้งแต่ปี 2552 เช่น มีการจัดอบรมให้ความรู้เรื่องเพศ ศึกษาในโรงเรียน การให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิด มีการจัดอบรมแกนนำเยาวชนเพื่อให้ความรู้และขยายเครือข่ายเพื่อป้องกันการ ตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม ซึ่งหน่วยงานในท้องถิ่นได้เข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วม เช่นอบต.ให้งบประมาณ ในจัดฝึกอบรมกลุ่มเยาวชน หรือกลุ่มเสี่ยงโดยที่วัดมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นลดน้อยลง
เธอ บอกว่า ในปี 2551 ก่อนที่จะมีโครงการมีวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ใน ต.ชอนสมบูรณ์ ตั้งครรภ์จำนวน 11 รายเมื่อมีโครงการในปี 2552 มีวัยรุ่นตั้งครรภ์จำนวน 8 ราย และในปี 2553 มีจำนวน 8 ราย หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 23.52 และ 17.22 ตามลำดับ จากจำนวนหญิงตั้งครรภ์ทั้งตำบลเฉลี่ยปีละ 40 ราย
จากการที่ทีมข่าวแนวหน้า ได้ลงพื้นที่ ต.ชอนสมบูรณ์จึงได้มีโอกาสสัมภาษณ์ น้องๆ ที่ท้องก่อนวัยอันควร...
น.ส.โบ ว์ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เปิดเผยช่วงชีวิตที่ก้าวพลั้งพลาดว่า ตั้งครรภ์ขณะเรียนอยู่ชั้น ม. 3 เทอมสุดท้ายตอนนั้นอายุเพียง 14 ปี ส่วนแฟนอายุ 19 ปี เมื่อแม่รู้แม่ก็อยากให้เอาเด็กออก โดยการกินเหล้ายาดอง เพราะเชื่อว่าจะทำให้เด็กหลุดออกมา แต่ตอนนั้นอายุครรภ์มากกว่า 2 เดือนจึงไม่เห็นผล และทั้งตนเองกับแฟนก็ไม่ยากเอาเด็กออกประกอบกับเป็นช่วงใกล้จะปิดเทอมตนจึง ต้องอุ้มท้องไปโรงเรียน แต่ก็ไม่มีใครรู้เพราะเป็นท้องแรก ท้องจึงไม่ใหญ่จนผิดสังเกต จนตัวเองเรียนจนจบม.3 แล้ว ประมาณเดือนพฤษภาคม จึงคลอดลูกออกมา
ด้าน น.ส.น้อย (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี เล่าว่า ตนเองตั้งท้องตอนเรียนอยู่ระดับชั้น ปวช. ปีที่ 3 ที่โรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในจ.ลพบุรี พ่อแม่รู้ว่าตัวเองตั้งท้องเมื่ออายุครรภ์ได้6 เดือนแล้ว แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าและไม่ได้บังคับให้เอาเด็กออกแต่ตนต้องลาหยุดเรียน เพื่อเตรียมตัวคลอด ส่วนแฟนก็เรียนไม่จบชั้นปวส. เพราะต้องลาออกมาทำงานดูแลครอบครัว
"ที่ สำคัญคือครอบครัว พ่อแม่ต้องเข้าใจเด็ก ไม่ใช่ดุด่าหรือขับไล่ หรือบังคับให้ทำแท้ง เพราะอาจเกิดอันตรายเหมือนที่เป็นข่าวได้ ส่วนตัวเองนั้นได้กำลังใจจากเพื่อนๆบางคนก็ซื้อของกินมาให้ ตอนนี้ลูกชายของหนูอายุได้9 เดือนแล้ว ตา ยายก็รักหลาน ทำให้หนูไม่เครียด และตั้งใจว่าเปิดเทอมนี้จะกลับไปเรียนต่อให้จบชั้นปวช. เมื่อจบแล้วก็จะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี" น้องน้อยกล่าว
จาก ข้อมูลโรงพยาบาลของรัฐจำนวน 20 แห่ง ทุกภาคของประเทศ เราพบว่าการตั้งครรภ์และคลอดบุตรของวัยรุ่นนั้นมี "ฤดูกาล" ไม่เหมือนกับฤดูกาลวางไข่ของปลา แต่เป็นฤดูกาลที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ฤดูกาลของการตั้งครรภ์จะเริ่มรอบประมาณช่วงลอยกระทง วันขึ้นปีใหม่ ต่อมาถึงวันวาเลนไทน์ ทำให้การคลอดบุตรของเด็กวัยรุ่น จะมีอัตราชุกมากช่วงตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกับที่สถานสงเคราะห์เด็กต้องรับเด็กถูกทอดทิ้งจำนวนมาก เช่นกัน
การตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ของวัยรุ่น ถือเป็นอีกหนึ่งผลผลิตของสังคมทุนนิยม ที่พัฒนาอย่างไร้ทิศทางและขาดการวางแผน
การ แก้ปัญหาดังกล่าว ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การห้ามวัยรุ่นออกจากบ้านไปเที่ยวเตร่ หากแต่อยู่ที่การให้ความเข้าใจในเรื่องเพศและเรื่องต่างๆ อย่างถูกต้อง และชี้ให้เด็กตระหนักถึงปัญหามากมายที่จะตามมา ข้อมูลเหล่านี้ ควรอยู่ในหัวเด็ก เพื่อให้เกิดการยั้งคิดก่อนที่จะสร้างปัญหาต่ออนาคตตนเองและผู้อื่น

การทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย...ภัยคุกคามสุขภาพหญิงไทย
ในประเทศไทยยังไม่ มีการรวบรวมสถิติจำนวนการบาดเจ็บ พิการและการเสียชีวิตจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย แต่มีการศึกษาเชิงลึกในโรงพยาบาลรัฐจำนวน 5 แห่ง เมื่อปี 2536 พบว่า…
ผู้หญิงจำนวน 968 คน ที่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำแท้งและมารับการรักษาตัว ต้องเผชิญกับอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง เช่น ตกเลือดอย่างหนัก บาดทะยัก การติดเชื้อเข้ากระแสโลหิต การอักเสบของอุ้งเชิงกราน ภาวะแทรกซ้อนในปอด ภาวะไตวาย เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดเป็นต้น
ในจำนวนนี้มีอยู่ 22 คน ต้องตัดมดลูกทิ้งเนื่องจากติดเชื้อร้ายแรงและเต็มไปด้วยบาดแผล จำนวน 104 ราย จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือด และอีก 13 คนเสียชีวิต โรงพยาบาลทั้ง 5 แห่งต้องสูญเสียงบประมาณกว่า 2 ล้านบาทในการรักษาผู้ป่วยเหล่านี้
เมื่อศึกษาเปรียบ เทียบกับผู้หญิงจำนวน 195 คน ที่ได้รับการทำแท้งที่ถูกหลักการแพทย์และถูกกฎหมายที่เข้ารับการรักษาในโรง พยาบาลช่วงเวลาเดียวกัน พบว่าไม่มีผู้ใดเสียชีวิตหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนเลย
ผลการศึกษานี้สอด คล้องกับการศึกษาของสถาบัน The Alan Guttmacher Institute ซึ่งพบว่าในประเทศที่การทำแท้งเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ผู้หญิงมักได้รับบริการทำแท้งตั้งแต่อายุครรภ์ยังน้อย และเป็นบริการที่ถูกหลักการแพทย์ ให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โอกาสที่ผู้หญิงจะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำแท้งหรือเสียชีวิตจากการทำแท้งจะ มีน้อยมาก แต่ในประเทศที่การทำแท้งเป็นสิ่งผิดกฎหมาย การทำแท้งมักให้บริการโดยผู้ไม่มีความรู้ ความชำนาญ เป็นบริการที่ไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามหลักการแพทย์และได้นำไปสู่อัตรา การบาดเจ็บ พิการและเสียชีวิตจากการทำแท้ง
อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของการทำแท้งไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานะทางกฎหมายเท่านั้น เพราะแม้กฎหมายจะอนุญาตให้มีการทำแท้งได้โดยมีเงื่อนไขน้อยที่สุดแล้วก็ตาม ปัจจัยอื่นๆยังคงเข้ามาเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของการทำแท้ง เช่น ไม่มีการจัดบริการทำแท้งที่ปลอดภัยแก่ประชา-ชน การกำหนดให้ต้องมีการเซ็นชื่อยินยอมจากสามีหรือผู้ปกครอง การผ่านคณะกรรมการให้คำปรึกษาก่อนทำแท้ง การกำหนดให้มีผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าสม-ควรได้รับการทำแท้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายของการทำแท้งที่สูงเกินไป ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ผู้หญิงหันไปหาบริการที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผิดกฎหมาย หรือหากผู้หญิงต้องผ่านกระบวนการที่ยุ่งยากในการขอรับบริการทำแท้งที่ถูก กฎหมาย โอกาสที่ผู้หญิงจะได้รับบริการทำแท้งโดยเร็วที่สุด ในช่วงที่อายุครรภ์ไม่มาก ก็จะลดลง ซึ่งจะมีผลกระทบมหาศาลต่อชีวิตและความปลอดภัยของผู้หญิง

สถานการณ์ปัญหาการทำแท้งในปัจจุบัน
อัตราการทำแท้งมี ความเกี่ยวข้องกับอัตราการตั้งท้องที่ไม่ได้วางแผนอย่างมาก ถ้าอัตราการตั้งท้องที่ไม่ได้วางแผนมีสูง อัตราการทำแท้งมักจะสูงตามไปด้วย
การสำรวจระดับ ชุมชนในปี พ.ศ.2544 โดยสภาประชากรพบว่า ในจำนวนท้องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชุมชน มีการตั้งท้องที่ไม่ได้วางแผนอยู่ถึงร้อยละ 45 และมีอัตราการแท้งโดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 8 แต่ถ้าเป็นการตั้งท้องที่ไม่ได้วางแผน อัตราการทำแท้งจะพุ่งสูงอีกเท่าตัว คือร้อยละ 16 และถ้าผู้ที่ตั้งท้องนั้นมีปัญหาเศรษฐกิจด้วยแล้วอัตราการทำแท้งจะสูงถึง ร้อยละ 19

สาเหตุของการทำแท้ง
ผลการสำรวจของกรมอนามัยเมื่อปี 2542 พบว่าการทำแท้งเกิดขึ้นเพราะปัญหาเศรษฐกิจและสังคมร้อยละ 60.2 ตัวอ่อนในครรภ์มีความผิดปกติร้ายแรงร้อยละ 15.4 ทารกตายในครรภ์ร้อยละ13.5 ปัญหาสุขภาพของผู้หญิงร้อยละ 7.8 ที่เหลืออีกร้อยละ 3.1 เป็นเรื่องของการติดเชื้อเอชไอวี ถูกข่มขืน และติดเชื้อหัดเยอรมัน

ใครทำแท้ง
มีความเข้าใจกันมานานแล้วว่าผู้หญิงที่ทำแท้งมักเป็นวัยรุ่นหรือไม่ก็ผู้หญิงโสด แต่ข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุดเมื่อปี 2545 พบว่าผู้ที่ทำแท้งอยู่ในกลุ่มอายุ 20-29 ปี ถึงร้อยละ 56 อายุ 30-39 ปี ร้อยละ 22
อายุ 13-19 ปี ร้อยละ 18 และอายุ 40 ปีขึ้นไปร้อยละ 4 โดยส่วนใหญ่เป็นคนมีคู่

ผลกระทบจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย
เนื่องจากการทำ แท้งในสังคมไทยส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากสาเหตุนี้จึงต้องเสี่ยงชีวิตและสุขภาพกับ การบริการทำแท้งที่ไม่แน่ชัดว่าแพทย์หรือใครเป็นผู้ทำให้และใช้วิธีการอะไร
จากการสำรวจ ของกรมอนามัยพบว่าในปี 2542 มีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐเนื่องมาจากการทำแท้งและการทำแท้งที่ไม่ ปลอดภัยมากถึง 45,990 คน มีรายละเอียดดังนี้
***อายุครรภ์เฉลี่ยทำแท้งคือประมาณ 13 สัปดาห์ (การทำแท้งภายใน 12 สัปดาห์แรกจะปลอดภัยมากที่สุด)
***วิธีการทำแท้งที่ใช้ ได้แก่ การสอดอุปกรณ์ของแข็งหรือฉีดของเหลวเข้าทางช่องคลอด ซึ่งพบถึงร้อยละ 46.9 ร้อยละ 13.6 เป็นการเหน็บยาทางช่องคลอด ร้อยละ 11.6 รับประทานยาเม็ด และร้อยละ 11 บีบนวดบริเวณหน้าท้อง ซึ่งล้วนเป็นวิธีที่เสี่ยงต่ออันตรายและการติดเชื้อทั้งสิ้น
***ร้อยละ 28.8 ของผู้ที่ทำแท้งมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้แก่ การติดเชื้อและมดลูกทะลุ
***มีผู้เสียชีวิตจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยร้อยละ 0.3
ข้อมูลนี้เรียกได้ ว่าเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเพราะยังไม่รวมข้อมูลจากสถานพยาบาลของ เอกชน...อาการแทรกซ้อนเล็กน้อยที่ไม่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล ตลอดจนข้อมูลการตายและการบาดเจ็บที่ไม่ได้ถูกจดนับว่ามาจากการทำแท้งที่ไม่ ปลอด-ภัย สรุปได้ว่า จำนวนผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยมีมากกว่าที่เรา ศึกษารวบรวมได้ในปัจจุบัน

ปัจจัยช่วยลดการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย
ผู้หญิงที่ท้องเมื่อไม่พร้อมไม่ได้ต้องการทำแท้งทุกคน มีการวิจัยไปสอบถามผู้หญิงที่เผชิญปัญหาท้องเมื่อไม่พร้อมว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง สรุปได้ดังนี้
*การบริการให้คำ ปรึกษาและให้ข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกต่าง ๆโดยผู้ให้คำปรึกษาต้องผ่านการฝึกฝนให้สามารถอธิบายข้อมูลอย่างรอบด้าน มีจริยธรรมในการให้คำปรึกษาและรักษาความลับและต้องเคารพการตัดสินใจของผู้ ประสบปัญหา
*บ้านพักสำหรับผู้หญิงที่ประสบปัญหาท้องเมื่อไม่พร้อม เพื่อเป็นที่พักพิงระหว่างรอคลอด
*การบริการดูแลเด็กในระหว่างที่แม่ไปทำงาน ในกรณีผู้หญิงเลี้ยงลูกตามลำพัง
*การบริการจัดหาครอบครัวบุญ-ธรรมให้เด็กในกรณีที่แม่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ด้วยตัวเอง
*กำหนด ระเบียบที่ชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงที่ท้องเพราะถูกข่มขืนเพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
*การบริการทำแท้งที่ปลอดภัย การกำหนดให้การทำ แท้งเป็นสิ่งผิดกฎหมายนับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการทำแท้งที่ไม่ ปลอดภัย เพราะแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญไม่สามารถเป็นผู้ให้บริการนี้ได้ ผู้หญิงจึงหาวิธีทำแท้งเอง หรือพึ่งพา “หมอเถื่อน” นอกจากนี้ การบริการทำแท้งที่มีราคาแพงมาก การบริการอยู่ในสถานพยาบาล ที่ต้องเดินทางไกลกว่าจะไปถึง หรือมีระเบียบกฎเกณฑ์ที่ซับซ้อน ต้องกรอกเอกสารต่าง ๆมากมายกว่าจะได้รับการบริการ
ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนมีส่วนทำให้เกิดการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยได้เช่นกัน ในหลายประเทศทั่วโลก ผู้หญิงที่สามารถเข้าถึงการทำแท้งที่ปลอดภัยจึงมักได้แก่ ผู้หญิงที่มีฐานะพอที่จะจ่ายค่าบริการให้แก่แพทย์เอกชนเท่านั้น



Create Date : 07 กันยายน 2554
Last Update : 7 กันยายน 2554 13:49:43 น. 0 comments
Counter : 13914 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

GREENBANGLE
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add GREENBANGLE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.