กันยายน 2558

 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
รักร้ายๆของนายจอมหยิ่ง ตอนที่ 11

รักร้ายๆของนายจอมหยิ่ง

ตอนที่11


หลังจากที่เทียนขวัญและเจด้าย้ายเข้ามาพักอยู่ที่บ้านของดวงแก้วปรเมษก็คอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยเทียนขวัญอยู่ไม่ห่างสร้างความแปลกใจให้กับทุกคนแต่ไม่มีใครพูดอะไรทุกคนเฝ้าดูอยู่ห่างๆด้วยความปลื้มปรีติโดยเฉพาะดวงแก้วที่มีความเอ็นดูเทียนขวัญตั้งแต่แรกพบมากอยู่แล้วถ้าได้เทียนขวัญมาเป็นลูกสะไภ้ดวงแก้วเองก็คงมีความสุขไม่น้อย


“ไอเห็นยูนั่งมองหนูเทียนขวัญมาตั้งนานแล้วนะ"ทอมเอ่ยขึ้นกับลูกชายที่นั่งหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างห้องทำงานของเขาตลอดเวลาที่มีเทียนขวัญและทีมงานกำลังทำงานอยู่

“เปล่านะครับพ่อผมแค่มองวิวข้างนอกไปเรื่อยๆแค่นั้นเอง"ปรเมษแก้เก้อยิ้มๆพลางหันมาสบตากับผู้เป็นพ่อ

“ไม่เป็นไรไอเข้าใจ ว่าแต่งานจะเสร็จวันไหนล่ะ"ทอมเอ่ยถามลูกชายขึ้นอีก

“วันนี้ก็เสร็จแล้วครับ"ชายหนุ่มกล่าวตอบผู้เป็นบิดาพลางหันกลับไปมองยังชายหาดอีกครั้ง

“งั้นเราก็จัดงานเลี้ยงขอบคุณพวกเค้าพร้อมทั้งจัดงานวันเกิดให้แม่เราไปด้วยเลยดีไหม"ทอมเสนอความคิดกับลูกชาย

“ก็ดีครับพ่อเพราะเราก็เสียเวลามามากพอแล้ว"ปรเมษตอบเห็นด้วยพลางลุกขึ้น ยืดตัวเต็มความสูงหกฟุตของเขา

“งั้นผมจะดำเนินการเลยนะครับพ่อเอาพรุ่งนี้เลยนะครับ"ชายหนุ่มบอกผู้เป็นบิดาพลางทำท่าจะก้าวออกจากห้องทำงานของบิดา

“เดี๋ยวก่อนไอไม่อยากให้มันเอิกเกริกนะเพราะทางตำรวจยังจับตัวบัญชาไม่ได้ไอเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคน"ทอมเตือนลูกชายด้วยสีหน้ากังวล

“เรื่องนั้นพ่อไม่ต้องห่วงครับผมจะจัดการเอง"ชายหนุ่มบอกกับผู้เป็นบิดาก่อนที่จะเดินออกจากห้องนั้นด้วยท่าทางที่มั่นคง น่าเกรงขาม



“เป็นยังไงกันบ้างครับไกล้เสร็จรึยัง"ปรเมษเอ่ยขึ้นถามเจด้าเมื่อเดินมาพร้อมกับพนักงานของรีสอร์ทที่ยกเครื่องดื่มและของว่างตามมาด้วย

"ไกล้แล้วล่ะค่ะเห็นน้องกุ๊กไก่บอกว่าฉากสุดท้ายแล้วค่ะ"เจด้ากล่าวตอบพลางยิ้มให้กับปรเมษ

"คุณปรเมษมีอะไรรึเปล่าคะ"เจด้าแกล้งถามขึ้น ทั้งที่รู้เหตุผลของการมาของปรเมษอยู่แล้ว

"ผมเอาเครื่องดื่มเย็นๆมาให้น่ะครับกลัวเหนื่อยกันและอีกอย่างผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทุกคนทราบด้วยครับ"ปรเมษตอบกลับพลางหันสายตาไปมองเทียนขวัญที่กำลังตั้งใจทำงานอยู่กับทีมงาน

"อะไรเหรอคะ"เจด้าถามขึ้นอีก

“เอาไว้ผมบอกกับทุกๆคนพร้อมกันเลยดีกว่าครับ"ปรเมษตอบขณะที่มีเสียงปรบมือของทีมงานที่แสดงความดีใจที่งานเสร็จสิ้นลง

“เหนื่อยไหมครับ"ปรเมษเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเทียนขวัญเดินมาถึงพร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้กับหญิงสาว

“นิดหน่อยค่ะขอบคุณค่ะ"หญิงสาวรับแก้วน้ำจากเขามาดื่มพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“อะแฮ่ม...พี่ไม่อยากเป็นก ข ค กลัวบาป ยังไงขอตัวก่อนนะคะคุณน้องเทียนคุณปรเมษ"เจด้ากล่าวล้อทั้งสองคนยิ้มๆพลางทำท่าจะเดินหนี

"กข ค อะไรคะพี่เจด้า พูดให้มันดีๆนะคะ"เทียนขวัญต่อว่าแบบงอนๆขณะที่ปรเมษยืนยิ้มระรื่นอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆที่เห็นอีกฝ่ายเขิน

“เห็นไหมคะคุณปรเมษ เวลาน้องเทียนของพี่เขินน่ะน่ารักขนาดไหน"เจด้าล้อขึ้นอีกเลยโดนเทียนขวัญตีไปที่แขนหนึ่งที

“ครับ"ปรเมษตอบรับยิ้มๆขณะที่สายตาคมยังคงจับอยู่ที่เทียนขวัญตลอดเวลา

“ไม่เอาแล้วเทียนไปดีกว่า ไม่อยากโดนรุม"เทียนขวัญกล่าวอย่างยังไม่หายงอนพลางทำท่าจะเดินหนีไปอีกคน

“เดี๋ยวก่อนสิครับคุณเทียน คุณเจด้า พรุ่งนี้ตอนเย็นผมขอเรียนเชิญร่วมงานเลี้ยงขอบคุณทุกคนและก็งานวันเกิดของคุณแม่ของผมด้วยนะครับที่รีสอร์ทของเรา"ปรเมษบอกพลางยิ้มให้กับทั้งสอง

“ค่ะ"เทียนขวัญและเจด้าตอบรับพร้อมกัน

“งั้นเราสองคนขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะเอาไว้เจอกันที่บ้านนะคะคุณปรเมษ"เจด้าบอกยิ้มๆพลางทำท่าหลิ่วตาให้กับชายหนุ่ม

“ครับแล้วเจอกัน"ปรเมษตอบพร้อมกับส่งสายตาหวานให้กับเทียนขวัญพร้อมกับหันหลังเดินไปหาทีมงานที่กำลังช่วยกันเก็บของอยู่อย่างขมักเขม้น



“พี่เจด้านี่น่าตีจริงๆเลย ไปพูดแบบนั้นได้ไงคะแบบนี้เทียนก็เสียหายสิคะ"เทียนขวัญเอ่ยขึ้นกับผู้จัดการส่วนตัวหลังจากเดินห่างจากปรเมษออกมา

“แหมคุณน้องขา มันจะเป็นไรไปล่ะคะ คุณน้องก็รู้ๆอยู่ ว่าคุณปรเมษน่ะสนคุณน้องขนาดไหนมองคุณน้องแต่ล่ะทีเนี่ยพี่แทบจะละลายแทนหรือว่าคุณน้องดูไม่ออกคะ"เจด้ากล่าวต่อยิ้มๆขณะที่เดินกรีดกรายส่งสายตาให้กับพนักงานผู้ชายของรีสอร์ทที่เดินผ่านมา

“ไม่เอาแล้วเทียนไม่อยากพูดกับพี่เจด้าแล้วเทียนรีบไปอาบน้ำดีกว่า"เทียนขวัญบอกพลางรีบเดินเร็วๆเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอาย

“แน่ะพอเรารู้ทันแล้วทำเป็นเดินหนี"เจด้าพูดกับตัวเองยิ้มๆพลางรีบสาวเท้าเดินตามหญิงสาวไป


“พี่จีน่าเห็นไหมคะ ว่านังเทียนขวัญน่ะมันอ่อยคุณปรเมษขนาดไหน"ชาริดาเอ่ยขึ้นกับจีน่า อย่างหมั่นไส้หลังจากที่เดินมาเห็นและได้ยินที่ทั้งสามคนคุยกัน

“เห็นค่ะคุณน้องขาว่าแต่พวกมันมาทำอะไรกันคะทำไมมีทีมงานถ่ายโฆษณามาด้วยหรือว่า...”จีน่ากล่าวตอบ พลางทำท่าครุ่นคิด

“ก็จะอะไรซะอีกล่ะคะก็งานที่ริดาอยากได้น่ะสิคะโดนนังหน้าจืดนั่นคาบไปแล้วแถมคุณปรเมษก็ทำท่าจะชอบมันซะด้วย"ชาริดากล่าวขึ้นอีกด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยวที่ทุกอย่างดูจะผิดแผนไปหมด

“แล้วถ้าเป็นแบบนี้คุณน้องจะเอายังไงต่อคะจะเดินหน้าหรือว่าถอยดีคะ"จีน่าถามต่ออย่างอยากรู้

“คนอย่างริดาไม่มีทางยอมแพ้นังเด็กบ้านนอกนั่นหรอกนะคะริดาต้องเอาชนะมันให้ได้พี่จีน่าคอยดูนะคะ"ชาริดาบอกอย่างมุ่งมั่นแล้วรีบเดินตรงไปยังปรเมษที่ยืนสนทนาอยู่กับกุ๊กไก่โดยไม่สนใจจีน่าที่ยืนงงอยู่ข้างหลัง


“แหมคุณเมษขา ริดาดีใจจังเลยค่ะบังเอิญจังเลยนะคะไม่นึกว่าเราจะมาเจอกันที่นี่นะคะเนี่ย"ชาริดากล่าวขึ้นเสียงดังขัดจังหวะในขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันพลางเดินเข้าไปไกล้ปรเมษอย่างสนิทสนม

“อ้าวคุณชาริดา มาเมื่อไหร่เหรอครับ"ปรเมษถามด้วยสีหน้ายิ้มๆพลางหันไปสั่งให้ทีมงานแยกย้ายกันได้

“ก็เพิ่งมาทันได้ยินว่าคุณจะมีปาร์ตี้พรุ่งนี้พอดีน่ะสิคะแหม ถ้าริดาไม่บังเอิญมาได้ยินคุณเมษจะไม่ส่งข่าวกันเลยเหรอคะริดาน้อยใจนะคะเนี่ย"ชาริดาบอกพร้อมกับตัดพ้ออีกฝ่ายอย่างมีแง่งอน

“ผมไม่อยากให้มันเอิกเกริกน่ะครับยังไงก็เชิญคุณทั้งสองคนด้วยนะครับ"ชายหนุ่มกล่าวเชิญทั้งที่ไม่ได้เต็มใจ

“ขอบคุณค่ะคุณปรเมษ ที่ให้เกียรติเราทั้งสองคนแบบนี้ต้องจัดเต็มเลยนะคะจริงมัียคะ คุณน้องขา"จีน่าบอกขึ้นพร้อมทำท่าพะยักพะเยิดให้กับชาริดา

“จริงสิคะคุณเมษริดาถนัดมากเลยนะคะเรื่องปาร์ตี้เนี่ยยังไง ริดาขออาสาดีไซน์รูปแบบงานให้แล้วกันนะคะ"ชาริดาเอ่ยขึ้นพลางเชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ

“ไม่เป็นไรครับผมไม่อยากรบกวน เอาเป็นว่าให้ทางเราจัดการกันเองดีกว่าเดี๋ยวคุณสองคนจะไม่สนุกเอาน่ะครับ"ปรเมษกล่าวเลี่ยงอย่างพยายามรักษามารยาทกับทั้งสอง

“ไม่รบกวนเลยนะคะริดาเต็มใจ จริงมั๊ยคะพี่จีน่าขา"ชาริดายังไม่ยอมแพ้พลางพะยักพะเยิดมายังจีน่าอีก

“แหม...คุณน้องขาอันนี้พี่ขอออกไอเดียนิดนึงนะคะเพราะพี่เห็นด้วยกับคุณปรเมษนะคะพี่ว่าให้ทางรีสอร์ทเค้าจัดการดีกว่านะคะคุณปรเมษอุตส่าห์ให้เกียรติเราขนาดนี้เนอะ...คุณปรเมษเนอะ"จีน่ากล่าวขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยกับชาริดาเพราะจีน่ารู้ดีว่าชาริดาไม่มีความสามารถในด้านการจัดงานเลี้ยงแต่อย่างใดทำเอาอีกฝ่ายทำท่าหงุดหงิดขึ้นมาทันใด

“แต่...”

“ไม่ต้องแต่แล้วล่ะค่ะเอาเป็นว่า เอาตามนี้นะคะคุณปรเมษ เอาไว้เราเจอกันพรุ่งนี้ตอนเย็นนะคะ"จีน่ารีบเอ่ยตัดบทพลางดึงชาริดาถอยห่างออกมาจากอีกฝ่ายเพราะจีน่าเห็นท่าทางอึดอัดของปรเมษ แล้วกลัวชาริดาจะทำเสียเรื่อง

“ครับคุณจีน่า ขอบคุณมากๆเลยนะครับเอาไว้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ"ปรเมษเอ่ยพลางเดินเลี่ยงออกมาโดยไม่ได้มองสบตากับชาริดาเลยทั้งที่อีกฝ่ายพยายามส่งสายตาให้อยู่ตลอดเวลา

“เอ๊ะพี่จีน่าคะ พี่ทำแบบนี้ได้ยังไงคะแทนที่จะช่วยกัน ดันมาขัดขวางกันซะเนี่ยแบบนี้ริดาหักค่าจ้างซะเลยดีกว่ามั้งคะ"ชาริดากล่างขึ้นอย่างโมโหหลังจากที่ปรเมษเดินห่างออกไปแล้ว

“คุณน้องขาฟังพี่ก่อน พี่ไม่ได้ขัดขวางพี่กำลังช่วยคุณน้องต่างหากล่ะคะเรื่องอะไร เราจะต้องมาเหนื่อยรับใช้พวกนังเด็กบ้านนอกนั่นสู้เอาเวลาไปประชิดติดตัวคุณปรเมษไม่ดีกว่าเหรอคะหรือคุณน้องคิดว่าไง"จีน่ากล่าวตอบพลางทำท่าหลิ่วตาให้อีกฝ่ายอย่างรู้สึกเป็นต่อ

“อ้าวพี่ก็ไม่บอก ปล่อยให้ริดาโง่อยู่ตั้งนานป่ะ....งั้นเราไปรีบหาชุดกันเลยริดาจะต้องสวยที่สุดในงานคุณปรเมษจะได้ประทับใจ"ชาริดากล่าวขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีพลางควงแขนผู้ช่วย แล้วเดินกลับไปยังที่พักทันที


บรรยากาศในงานเลี้ยงเป็นไปอย่างเรียบง่ายแขกในงานเริ่มทยอยเข้ามาในงานบ้างแล้ว

รวมทั้งเทียนขวัญกับเจด้าที่มาถึงงานพร้อมกับทางเจ้าภาพได้ซักครู่แล้วโดยมีปรเมษกับทีมงานคอยดูแลอยู่ไม่ห่างและก็มีคนมาขอถ่ายรูปคู่กับเทียนขวัญอยู่ตลอดเวลาโดยมีปรเมษคอยจับตาอยู่ไกล้ๆด้วยความเป็นห่วงในความปลอดภัยจนกระทั่ง ชาริดากับจีน่าปรากฎตัวขึ้นในงานบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป


“ว๊าย...ตายแล้วคุณเมษขา มายืนอยู่ที่นี่ทำไมกันล่ะคะไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยเราไปทางโน้นกันดีกว่านะคะ" ชาริดากล่าวขึ้นขัดจังหวะพร้อมกับดึงแขนของปรเมษไปกอดไว้อย่างสนิทสนมแล้วก็พยายามดึงให้อีกฝ่ายเดินห่างจากเทียนขวัญออกมาพลางหันสายตาเย้ยหยันไปมองที่เทียนขวัญอย่างผู้ชนะโดยไม่สนใจว่าปรเมษกำลังมีสีหน้าตรึงเครียดแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจที่ชาริดาเข้ามาวุ่นวายโดยมีเทียนขวัญแอบมองตามทั้งสองด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“คุณชาริดาปล่อยแขนผมเถอะครับอย่าทำแบบนี้เลย คุณเป็นผู้หญิงมันดูไม่ดีเลยนะครับ"

ปรเมษเอ่ยขึ้นเสียงเรียบขณะที่ถูกดึงให้เดินห่างออกมาจากบริเวณงาน

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะริดาไม่แคร์ ใครจะว่ายังไงก็ช่างก็ริดาอยากอยู่ไกล้ๆคุณเมษนี่คะ" ชาริดากล่าวอย่างไม่ยอมแพ้และก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนจากอีกฝ่าย

“คุณไม่แคร์แต่ผมแคร์ ผมขอตัวนะครับ"ปรเมษบอกด้วยเสียงจริงจังมากขึ้นพร้อมทั้งแกะมือของชาริดาที่เกาะอยู่ออกแล้วรีบเดินสาวเท้ายาวๆหนีชาริดาไปอย่างรวดเร็ว

ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนงงอยู่ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ไม่สามารถทำให้ปรเมษสนใจในตนเองได้

“เป็นอะไรไปล่ะคะคุณน้องขา ทำไมทำหน้ายังงั้นล่ะคะ" จีน่าแกล้งถามชาริดาขึ้นทั้งที่รู้ทุกอย่างดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะจีน่าคอยแอบดูทุกอย่างอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา

“จะอะไรซะอีกล่ะคะก็คุณปรเมษน่ะสิคะ ทำไมถึงโง่ขนาดนี้ริดาไม่เข้าใจเลย ริดาไม่ดีตรงไหนสวยก็สวย แล้วก็รวยด้วยไยเด็กนั่นไม่มีอะไรเทียบกับริดาได้เลยแต่คุณปรเมษก็ยังไปคอยแต่สนใจไยเด็กบ้านนอกนั่นอยู่ได้ริดาชักจะทนไม่ไหวแล้วนะคะอยากจะกริ๊ด เอาให้งานนี้มันกระเจิงไปเลย"ชาริดาเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจและก็หงุดหงิดที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการและวางแผนเอาไว้

“โถๆ คุณน้องขา ใจเย็นๆนะคะอย่างเพิ่งวู่วามเดี๋ยวมันจะดูไม่งามเอานะคะเนี่ยมันงานวันเกิดคุณแม่ของคุณปรเมษเค้าด้วยนะคะเดี๋ยวจะเสียคะแนนเข้าไปอีกนะคะพี่ว่าตอนนี้น่ะ คุณน้องอยู่นิ่งๆอดทนไว้ดีกว่านะคะเดี๋ยวทางโน้นเค้าจะเทคะแนนให้นังเด็กบ้านนอกนั่นหมดทีนี้คุณน้องของพี่ก็จะไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยนะคะ" จีน่าปรามด้วยความหวังดีอย่างคนมีประสบการณ์มากกว่า

“ก็ได้ค่ะริดาจะเชื่อพี่ จะอดทนไว้ก่อนแต่ยังไงริดาก็จะไม่ยอมแพ้ริดาจะต้องทำให้คุณปรเมษหันมาชอบริดาให้ได้พี่จีน่าคอยดูนะคะ" อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้พร้อมทั้งเชิดหน้าขึ้นอย่างมุ่งมั่นที่จะเอาชนะให้ได้

“อย่างนี้ซิคะถึงจะเป็นคุณน้องริดาคนเก่งของพี่ ปะ...เรากลับเข้าไปในงานกันเถอะไปคอยจับตาดูเผื่อจะมีลู่ทางทำอะไรได้บ้างนะคะ" จีน่าบอกอีกพร้องทั้งดึงแขนให้ชาริดาเดินกลับเข้าไปในงานอีกครั้งพร้อมกลับถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่โดนชาริดาวีนใส่อีกแถมยังยอมทำตามคำแนะนำของตนอย่างไม่มีข้อแม้เหมือนอย่างเคย


ทางด้านปรเมษเมื่อเดินกลับเข้ามาในงานอีกครั้งก็ตรงเข้าไปนั่งลงข้างๆกับเทียนขวัญที่โต๊ะเดียวกันกับที่ครอบครัวของเค้านั่งรวมอยู่ด้วยและก็คอยดูแลเทียนขวัญอยู่ไม่ห่าง

จนกระทั่งมีแขกคู่หนึ่งเดินเข้ามาในงานผู้ชายรูปร่างสูงผิวขาวอย่างคนที่มีเชื้อสายจีนหน้าตาหล่อเหลาใส่ชุดลำรองเรียบแต่ดูหรูหราส่วนฝ่ายหญิงหน้าตาสวยแบบอ่อนหวานน่ารัก ผมยาวประบ่าใส่ชุดเดรสสีชมพูอ่อนยาวมาถึงใต้เข่าด้านหน้าพองออกมานิดหน่อยดูก็รู้ทันทีว่าฝ่ายหญิงกำลังตั้งครรภ์อยู่เมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาทำความเคารพแม่แก้วกับทอม ที่โต๊ะอย่างสนิทสนมทำเอาปรเมษถึงกับชะงักตามองค้างอยู่ที่ฝ่ายหญิงอย่างไม่วางตาและก็เงียบอยู่อย่างนั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนเทียนขวัญอดแปลกใจกับท่าทีที่ปรเมษแสดงออกต่อผู้เป็นแขกที่เพิ่งมาใหม่ไม่ได้

“เป็นอะไรไปรึเปล่าคะ"เทียนขวัญเอ่ยถามปรเมษขึ้นด้วยความเป็นห่วงแกมสงสัย

“ไม่เป็นไรครับผมขอตัวซักครู่นะครับ" ปรเมษตอบด้วยเสียงเรียบพลางลุกออกไปอย่างรวดเร็วทำเอาทุกคนมองตามอย่างงงๆรวมทั้งผู้หญิงที่เพิ่งมาถึงด้วยเธอก็คอยแอบมองมาทางปรเมษแต่ด้วยแววตาเศร้าๆเหมือนกันกับแม่แก้วทอมและก็น้าเกื้อ ที่ก็ดูมีอาการอึดอัดเหมือนมีอะไรที่ต้องให้กังวลกันแต่ทุกคนก็แกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเริ่มพูดคุยกันเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ต่างจากปรเมษที่เดินมานั่งหน้าเครียดเหม่อลอยอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นลีลาวดีข้างๆสระน้ำของรีสอร์ทอยู่คนเดียว

“พี่เมษ ทำไมไม่ทักทายกันบ้างเลยล่ะคะพี่สบายดีรึเปล่า"วิกานดาถามขึ้นทำลายความเงียบขณะที่มายืนอยู่ข้างๆที่ประเมษนั่งอยู่โดยไม่มีฝ่ายชายตามมาด้วย

“พี่ไม่รู้จะพูดอะไรน่ะครับเห็นวิมากับสามีเลยไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ" ปรเมษพูดตอบด้วยเสียงเรียบเฉยพลางเงยหน้ามองสำรวจฝ่ายหญิงอย่างอยากรู้

“วิผอมไปมากนะกำลังจะมีน้องใช่รึเปล่าพี่ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ"ปรเมษบอกพร้องทัั้งยืนขึ้นมองดูผู้หญิงที่เค้าเคยรักด้วยสายตากังวล

“วิไม่เป็นไรค่ะ วิสบายดี แค่แพ้ท้องเยอะไปหน่อยค่ะเพิ่งจะดีขึ้นก็ตอนเดือนที่ห้าเนี่ยล่ะค่ะถึงได้มางานวันเกิดแม่แก้วได้ไงคะ" วิกานดาตอบมาอย่างเนือยๆและยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน

“แล้วคุณธันวา เค้าดีกับวิรึเปล่า " ปรเมษถามอีกด้วยความเป็นห่วงทำเอาอีกฝ่ายก้มหน้างุดไม่ตอบ มีท่าทีเศร้าอย่างเห็นได้ชัดทำเอาปรเมษหัวใจอ่อนยวบสงสารอีกฝ่ายจับใจ

“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ พี่ยินดี เสมอถือซะว่าวิเป็นน้องสาวของพี่" ปรเมษบอกอีกเพราะเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่

“วิขอบคุณพี่เมษนะคะที่ดีกับวิมาตลอด และวิก็ต้องขอโทษด้วย ที่วิแต่งงานโดยที่ไม่ได้บอกวิไม่อยาก...”

“ไม่เป็นไรไม่ต้องขอโทษ พี่เข้าใจไม่เคยโกรธวิเลยวิเป็นเด็กดีต้องเชื่อฟังพ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลนะ พี่ไม่เป็นไรจริงๆ" พอปรเมษกล่าวจบวิกานดาก็ร้องไห้โฮโผเข้าซบอกของอีกฝ่ายสะอื้นขึ้นมาอย่างอัดอั้นตันใจจนอีกฝ่ายต้องรีบกอด ปลอบใจที่เห็นอีกฝ่ายเศร้าเสียใจมาก

“คุณธันวาเค้าระแวงว่าวิไม่ได้รักเค้าคิดว่าวิยังรักพี่อยู่ทั้งที่วิบอกไปแล้วว่าวิรู้สึกกับพี่แค่พี่ชายเท่านั้นเค้าก็ไม่เชื่อ วิก็ไม่รู้จะทำยังไง"หญิงสาวอธิบายด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมทั้งพยายามเช็ดน้ำตาเหมือนเด็กๆ

“ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวพี่จะช่วยพูดกับเค้าเองไม่ต้องห่วงนะ ทำใจให้สบายนึกถึงเจ้าตัวเล็กในท้องไว้ให้มากๆว่าแต่ลุงเมษจะได้หลานสาวหรือหลายชายล่ะเนี่ยจะได้เตรียมของขวัญได้ถูก" ปรเมษบอกพร้อมทั้งเอื้อมมือไปช่วยเช็ดนำ้ตาให้กับอีกฝ่ายอย่างเบามือ

“ยังไม่รู้เลยค่ะเอาไว้วิทราบเมื่อไหร่วิจะบอกพี่ทันทีเลยนะคะ" วิกานตาตอบด้วยเสียงแจ่มใสขึ้นมาทันทีที่พูดถึงลูก

“รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั๊ยงั้นเรากลับเข้างานกันดีกว่านะเดี๋ยวทุกคนจะเป็นห่วงรวมทั้งคุณธันวาด้วย"ทั้งคู่เดินกลับเข้าไปในงานอีกครั้งหลังจากที่ปรเมษพูดจบโดยที่ไม่รู้ว่ามีคนอีกสองคนที่คอยแอบดูทั้งสองอยู่ห่างๆมาซักครู่แล้วเทียนขวัญและชาริดานั่นเอง


“เป็นไงล่ะยะหล่อนคุณเมษ เค้ามีตัวจริงอยู่แล้วถึงเค้าจะมีสามีแล้วแต่ท่าทางคุณเมษคงรักไยนั่นมากถึงขนาดกอดกันกลมไม่แคร์สายตาคนอื่นและสามีเค้าขนาดนี้หล่อนจะอยู่ในฐานะอะไรไม่ทราบ" ชาริดาเอ่ยถามเทียนขวัญขึ้นอย่างเยาะหยันทันทีที่ปรเมษกับวิกานดาเดินห่างลับตาไป

“ฉันจะอยู่ในฐานะอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องของใคร อีกอย่างฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณปรเมษฉันจะเดือดร้อนทำไม" เทียนขวัญกล่าวขึ้นหลังจากหายงงกับสิ่งที่ได้เห็นและพยายามกลบเกลื่อนทั้งที่กำลังรู้สึกโมโหจนมือสั่นไปหมด รุ้สึกชาวูบที่ใบหน้า ที่ปรเมษมีท่าทีห่วงใยผู้หญิงคนนั้นจนเกินไป

“ขอให้มันจริงเถอะไม่งั้นชั้นนี่แหละจะคอยสมน้ำหน้าเธอเป็นคนแรก...เชอะ" ชาริดาพูดเย้ยหยันต่อพร้อมทั้งสะบัดหน้าเดินหนีปล่อยให้เที่ยนขวัญยืนอยู่อย่างใช้ความคิดโดยลำพังทั้งสับสน ทั้งโกรธที่ปรเมษแกล้งทำเป็นสนใจเธอทั้งที่ปรเมษมีผู้หญิงที่เค้ารักอยู่แล้ว เทียนขวัญได้แต่พยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้แสดงความโกรธออกมาต่อหน้าคนอื่นทั้งๆที่ข้างในมันร้อนรนจนพาลน้ำตาจะไหลให้ได้ แล้วเทียนขวัญก็เข้าไปบอกให้เจด้าพากลับที่พักก่อนโดยแกล้งบอกว่าเธอไม่สบายอยากพักผ่อนโดยที่ไม่รู้ว่าทางฝ่ายปรเมษคอยสอดส่ายสายตาหาเธอในงานเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา


“น้องเทียนเป็นอะไรรึเปล่าคะทำไมหน้าแดงๆเหมือนจะร้องไห้เลยมีใครทำอะไรรึเปล่าคะบอกพี่มานะ" เจด้าถามอย่างเป็นห่วงขณะที่มาถึงบ้านพักของแม่ปรเมษแล้ว

“เทียนไม่เป็นไรค่ะเทียนปวดหัว อยากนอนพักพรุ่งนี้เรากลับกรุงเทพฯกันเลยนะคะเทียนไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วพี่เจด้าช่วยจัดการให้ทีนะคะเลื่อนไฟล้ท์มาให้เร็วที่สุดเลยนะคะ" เทียนขวัญบอกมาอีกพร้อมทั้งหมุนตัวเข้าห้องพักไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้อีกฝ่ายยืนอ้าปากค้างด้วยความสงสัย

“เอ้า...นี่มันอะไรกันตอนเย็นยังดีๆอยู่เลยแล้วนี่เป็นอะไรกันอีกเนี่ย" เจด้าบ่นด้วยความหงุดหงิดอีกคนแล้วก็สะบัดหน้าเดินหายเข้าไปห้องพักเช่นกัน


“หนูเทียนกับเมษมีปัญหาอะไรกันรึเปล่าลูก"ดวงแก้วเอ่ยถามลูกชายขึ้นเมื่อเห็นลูกชายเดินออกมาจากห้องนอนด้วยท่าทีเหนื่อยๆหลังจากที่เจด้ากับเทียนขวัญมาขอลาเดินทางกลับไปตั้งแต่เช้า

“ห๊ะ...แม่ว่าไงนะครับคุณเทียนกลับไปแล้วเหรอครับตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นบอกผมเลย" ปรเมษเอ่ยถามแม่ด้วยเสียงสูง อย่างสงสัย

“นี่ลูกไม่รู้เหรอเห็นเค้าออกไปกันตั้งแต่เช้า" ดวงแก้วย้อนถามลูกชายกลับอย่างสงสัยเช่นกัน

“ผมไม่ทราบเลยครับแม่หลังจากเมื่อคืนก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยแล้วเมื่อคืนผมต้องคอยดูแลงานจนดึกเลยเพิ่งตื่นมาเนี่ย"ปรเมษกล่าวตอบพร้อมทั้งพยายามเอามีบีบที่ขมับตัวเองเบาๆเพื่อช่วยคลายความเมื่อล้า และลากเท้ายาวๆเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวข้างหน้าต่างพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดต่อสายหาอีกฝ่ายที่กำลังพูดถึงทันที

“คุณเทียนไม่รับสายผมเลยครับแม่ไม่รู้โกรธอะไรผมอีกโอย...จะบ้าตายเค้าเป็นอะไรของเค้าครับแม่ผมไม่เข้าใจผู้หญิงเลยให้ตายเถอะ" ปรเมษบอกมารดาขึ้นอีกหลังจากวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้านหน้าอย่างช้าๆพลางเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้ากังวล

“เอ้า...นี่แม่จะไปรู้มั๊ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วเมษไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจรึเปล่าล่ะลูก" ดวงแก้วเอ่ยถามลูกชายด้วยเสียงเรียบพลางเดินไปนั่งลงข้างๆลูกชาย

“เปล่านะครับแม่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยเมื่อคืนหลังจากที่ผมแยกตัวออกจากโต๊ะมาผมก็ไม่ได้เจอคุณเทียนเค้าอีกเลย" ปรเมษกล่าวตอบแม่ด้วยท่าทางครุ่นคิดพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันที

“งั้นผมรีบกลับกรุงเทพฯก่อนดีกว่านะครับงานที่นี่ก็เสร็จแล้วเอาไว้ผมค่อยจะหาเวลากลับมาเยี่ยมแม่อีกนะครับ" ปรเมษบอกมารดาขึ้นอีกอย่างร้อนรนพลางรีบสาวเท้ายาวๆเดินกลับเข้าห้องไปทันที

“ทำไมรีบร้อนปุบปับจังเลยล่ะลูกจะไม่อยู่ทานข้าวกับแม่ก่อนเหรอ" ดวงแก้วเอ่ยถามลูกชายขึ้นอีก หลังจากที่เธอเดินตามเข้ามาในห้องพักของลูกชายขณะที่อีกฝ่ายกำลังสาละวนอยู่กับการเก็บข้าวของ เครื่องใช้

“ไม่ล่ะครับแม่ผมรีบ เอาไว้ไปทานบนเครื่องก็ได้ครับ" ปรเมษตอบแม่ด้วยท่าทางรีบร้อนเช่นเดิมพลางลากกระเป๋าเดินออกจากห้องแล้วก็หยิบโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาเพื่อนไปด้วย

“เอ้า...นั่นเมษจะรีบไปไหนกันล่ะพี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย ไม่ใช่เหรอ" เกื้อเอ่ยถามผู้เป็นพี่สาวขึ้นอย่างสงสัยขณะที่เดินสวนกันกับหลานชายที่รีบเดินออกไปจากบ้านอย่างรีบร้อน

“ก็จะมีเรื่องอะไรซะอีกล่ะก็เรื่องหนูเทียนขวัญน่ะสิคงจะรีบตามกันไปตามประสาหนุ่มๆสาวๆน่ะแหละเกื้อคงจะได้หลานสะไภ้จริงๆก็คราวนี้ล่ะ" ดวงแก้วกล่าวตอบผู้เป็นน้องสาวด้วยสีหน้ายิ้มๆแล้วก็หันไปไปมองน้องสาวที่ก็กำลังยืนมองตามหลังหลานชายไป ด้วยสีหน้ายิ้มๆอยู่เช่นเดียวกัน



จบตอนค่ะ


จขบ ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ที่มีให้เสมอมานะคะ






Create Date : 04 กันยายน 2558
Last Update : 4 กันยายน 2558 22:58:07 น.
Counter : 1000 Pageviews.

2 comments
  
คุณเมษกะหนูเทียนจะปรับความเข้าใจกันได้ป่าวน๊า...รอลุ้น
โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.78.248 วันที่: 5 กันยายน 2558 เวลา:14:13:01 น.
  
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:18:27:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เรไรไอด้า
Location :
ยโสธร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



บ้านเกิด ยโสธร ส่วนเมืองนอน อเมริกา
งานประจำคือแม่ของลูก


คติประจำใจ :

ขาดเธอ ใช่ว่าฉันจะอยู่ไม่ได้
ขาดเธอ ใช่ว่าฉันจะตาย
ก็แค่ "เสียดาย" เวลา