沒 有 guts 。。。 就 不 能 選 擇 去 自 己 的 路 嗎 ?
Something between Us [17]

[ . . * ~ . . . I ' L L . . B e . . t H e R e . . . ~ * . . ]


“พี่ฟางคะ งานที่ให้เฟลอร์ทำเรียบร้อยแล้วค่ะ”


เฟลอร์ยื่นแบบเสื้อผ้าที่ขยายใหญ่ ลงสีพร้อมมาวางตรงหน้า


“ส่วนอันนี้ เป็นแบบที่เฟลอร์ลองใช้สีอื่นดูเล่นๆน่ะค่ะ”


มันคืองานชิ้นเดียวกันหากแต่โทนสีร้อนเย็นต่างกันจากที่เหลียนฟางขอให้ทำแต่แรก


“อื้อ... ไม่เลวเลยนะเฟลอร์” เหลียนฟางดูรูปแล้วพยักหน้าหงึกหงัก “ไว้เดี๋ยวพี่ปรึกษากับเจ๊อันดูอีกที ขอบใจมากจ้ะ”


.....


“พี่แพทตี้คะ ทางร้านผ้าที่สั่งไว้บอกว่าวันนี้ของมาแล้ว แต่เขายังมาส่งให้ไม่ได้ เฟลอร์เลยคิดว่าจะออกไปเอาเองค่ะ เราจะได้เริ่มงานได้เลย”


“แล้วเฟลอร์จะออกไปยังไงล่ะ ผ้าไม่ใช่น้อยๆเลยนะ แล้วยังของอื่นอีก”


เฟลอร์ยิ้มกว้าง


“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ขาไปก็ว่าจะรถใต้ดิน ส่วนขากลับก็คงต้องขอเบิกค่าแทกซี่นะคะ”


“เรื่องค่ารถไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จะเบิกทั้งไปทั้งกลับก็ยังได้เลย ว่าแต่จะไปกับใครล่ะ บ่ายนี้พี่มีนัดกับโปรดิวเซอร์ MV ตัวใหม่ของฮยุนจองเสียด้วยสิ”


“เฟลอร์ไปคนเดียวได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”


เฟลอร์ตวัดเป้คล้องไหล่แล้วรีบก้าวเดินออกไปสวนกับอันอันที่เดินเข้าประตูมาพอดี


“อ้าว... เฟลอร์จะออกไปข้างนอกเหรอ”


“ค่ะ... งานที่เจ๊อันให้เฟลอร์แปล เสร็จเรียบร้อย เฟลอร์วางไว้ให้บนโต๊ะแล้วนะคะ”


“ฟละ....เฟลอร์...เฟลอร์....”


อันอันร้องเรียก แต่คนถูกเรียกเดินลิ่วไปไกลแล้ว


“รีบไปไหนของเค้ากันน้า. ~~ -.-" ~~"


“เจ๊..... ที่ว่าลุงยายเฟลอร์ไม่สบายมากเป็นตายเท่ากันน่ะเป็นเรื่องเมาท์กันเฉยๆใช่ป่ะ”


เหลียนฟางมายืนข้างๆมองตามร่างสูงโปร่งด้วยอีกคน


“เมาท์บ้านหล่อนน่ะสิ สนุกนักเหรอยะเมาท์อย่างเนี้ยะน่ะ” เจ๊อันท้าวสะเอวหันมาเม้ง คิ้วขมวด


“แต่เจ๊จะให้พวกเราเข้าใจว่าไงล่ะ ท่าทางยายเฟลอร์มันไม่เห็นทุกข์ร้อนอะไรเลยอ่ะ มิหนำซ้ำ...หนูว่ามันยิ่งบ้างานมากขึ้นไปอีก”


แพทตี้ออกความเห็นบ้าง


“ใช่อย่างที่แพทตี้มันว่าเลยนะ ไม่เชื่อเจ๊ดูนี่สิ”


เหลียนฟางไปคว้างานสองชิ้นที่เฟลอร์เพิ่งวางไว้มาให้อันอันดู


“งานที่หนูให้มันทำก้อเรียบร้อยดี แถมยังมีอันนี้อีก...สีดูน่าสนใจอ่ะ เจ๊ว่าไง”


อันอันรับมาดู พิจารณาทุกรายละเอียด คิ้วเรียวที่วาดไว้อย่างประณีตขมวด


เด็กคนนั้นเอาเวลาไหนไปหลับไปนอนกันเนี่ย.. หรือความเข้มแข็งที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตา


“เจ๊ไม่ชอบเหรอ” คนลุ้นสงสัย


“ชอบสิ...ชอบมากด้วย” อันอันรีบปรับสีหน้า “แล้วหล่อนว่าไงล่ะ”


“แหะ...แหะ...หนูก้อชอบงานของมันมากกว่าอันที่หนูให้ไปง่ะ” เหลียนฟางยิ้มเขินเขิน


“งั้นก้อตกลงเอาอันนี้แหละ” อันอันหยิบชิ้นที่เป็นฝีมือเฟลอร์ออกมา


“แล้วรีบทำออกมาล่ะ เดี๋ยวจะไม่ทัน คอนเสริตเปิดอัลบั้มอีกไม่นานแล้วนะ”


“รับทราบค่าาาาาาาาาาาาา......”


เหลียนฟางรีบเดินออกไปจัดการต่อ


“ยายเฟลอร์...หล่อนจะทำพวกชั้นตกงานกันมั้ยอ่ะเนี่ยะ”












“ท่าทางดูเหนื่อยๆนะเฟลอร์”


เสียงของอันอันทำให้เด็กสาวที่นั่งเหม่อออกไปในสวนหันกลับมา


“ขากลับเจอรถติดน่ะค่ะ แล้วกว่าจะขนของลงจากรถ เก็บของเข้าที่เข้าทางก้อเล่นเอาหมดแรง”


อันอันจ้องมองลึกลงไปในดวงตาคู่สีน้ำเงินเข้ม


เฟลอร์ยิ้ม...ยิ้มปกติที่ทำให้คำพูด คำถามที่เตรียมมาถูกกลืนหายในลำคอ


“พี่เห็นงานของเฟลอร์แล้ว พี่ชอบนะ เหลียนฟางก้อชอบ เราเลยตกลงว่าจะเอาชิ้นนั้นแหละ”


เด็กสาวยิ้มกว้างขึ้นอีกหน่อย


“...ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสเฟลอร์ ที่เฟลอร์ทำได้อย่างนี้เพราะมีพี่ๆช่วยแนะนำด้วย”


“เป็นเพราะเฟลอร์ทำงานหนักด้วยจ้ะ” อันอันยิ้มตอบ


......


“เฟลอร์....”


อันอันลังเล....


“อาการคุณลุงเป็นยังไงบ้าง” ถามแล้วพยายามจับสังเกตคนตรงหน้า


“คุณลุงเป็นคนแข็งแรงค่ะ คงไม่มีปัญหาอะไร”


ตาคู่สวยไหววูบชั่วแว่บ แว่บเดียวจริงๆ น้ำเสียงที่ตอบมาก็ยังเป็นปกติ


“เฟลอร์....”


อันอันแตะไหล่บาง... ถึงเฟลอร์จะยังคงยิ้มแต่เธอสัมผัสได้ถึงการขืนตัวน้อยๆ


“อย่าโหมงานมากนักนะ ดูแลสุขภาพด้วย”


เฟลอร์พยักหน้ารับ





อันอันหันเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาทางเด็กสาวอีกครั้ง....


“พี่คิดเสมอว่าเฟลอร์เป็นน้องสาวของพี่คนนึง เพราะฉะนั้น....”


อันอันพูดต่อไม่ออก แต่สายตาที่มองตอบกลับมา...


.....คำบางคำไม่จำเป็นต้องพูดออกมาดังๆ....












“หนูล่ะดีใจ๊ ดีใจ ที่เจ๊กลับมาเสียที”


อันอันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโล่งอกทันทีที่ลากซวนซวนออกมาจากกลุ่มสาวเทียมที่กำลังตื่นเต้นกับขนมของฝากจากต่างประเทศ


“หนูน่ะไม่รู้จะทำยังไงดียายเฟลอร์มันดีแล้ว”


“มีอะไรเหรอ” ซวนซวนทำหน้างงงง


“เจ๊....”


อันอันร้องเสียงหลงจนคนฟังตกใจ


“อย่าบอกนะว่ามันไม่บอกเจ๊อ่ะ ...เจ๊เป็นคนที่มันใกล้ชิดที่สุดในหมู่พวกเราเลยน้า”


“คุยอะไรกันจ้ะสาวๆ หน้าตาเครียดเชียว” จื้อเหลียงยื่นหน้ามาร่วมวงสนทนาด้วยกัน


“ไม่ได้เครียดแต่กำลังหงุดหงิด ก็ยายสองอันนี่สิ จะเล่าอะไรก้อไม่เล่าสักที มัวแต่เกริ่นอยู่นั่นแหละ”


ซวนซวนทำเสียงรำคาญ อันอันก้อเลยโพล่งออกมากลางวง


“ลุงของเฟลอร์รถคว่ำ นอนไอซียูมาเกือบอาทิตย์แล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเลย หนูเพิ่งโทรไปเช็คกับทางโรงพยาบาลมา”


“ห๊าาาาา....” คนฟังสองคนร้องพร้อมกัน


ซวนซวนใจหายวาบ รีบหันกลับไปมองหาคนที่ถูกกล่าวถึง


“ไม่อยู่หรอกเจ๊ มันโทรมาลางานเมื่อเช้านี้ น้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก”


“ลุงของเฟลอร์อยู่โรงพยาบาลไหน ห้องอะไร” จื้อเหลียงถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน


ทันทีที่ได้ข้อมูลทั้งสองคนก้อแทบจะวิ่งออกไป ซวนซวนเกือบชนกับร่างใหญ่ที่วิ่งสวนเข้ามา


“เฟลอร์ล่ะ” ฮยุนจองจับแขนซวนซวนไว้แต่สายตาชะเง้อชะแง้มองหาเข้าไปในห้องด้วยท่าทางกระวนกระวาย


“ไปคุยกันในรถ” จื้อเหลียงบอกสั้นๆ














“เมื่อคืนคนไข้อาการไม่ค่อยดีค่ะ ชีพจรเต้นช้าลง ความดันลดต่ำลง หลานสาวมานั่งเฝ้า นั่งกุมมือคุณลุงไว้ตลอดเลยค่ะ เดี๋ยวก็เอามือมาทาบแก้ม เดี๋ยวก็ยกขึ้นมาจูบ ไม่

ยอมหลับไม่ยอมนอน พวกเราหลายคนเห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนี ฉันเองยังแอบร้องไห้ แต่เด็กคนนั้นใจแข็งมากเลย ไม่มีน้ำตาสักหยด


จนใกล้รุ่ง... เหมือนมีปาฎิหาริย์นะคะ ชีพจรของลุงเต้นเร็วขึ้น ความดันก็ค่อยเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับปกติ"


......


“แกมาเยี่ยมตอนค่ำทุกวันล่ะค่ะ มาแล้วก็จับมือคุณลุง ทั้งรอยยิ้ม ทั้งการพูดจาเหมือนคุณลุงกำลังฟังอยู่ ไม่ได้เป็นเจ้าชายนิทราอย่างที่เราเห็นนี่ แล้วแกก็ต้องวาดรูปคุณลุง

เก็บไว้ทุกวัน....


เคยขอแกดูนะคะ... ในสมุดมีรูปคุณลุงเยอะมาก ดูก็รู้ว่าท่าทางลุงหลานรักกันเหลือเกิน แกว่า...จะเก็บให้คุณลุงเป็นของขวัญวันคริสต์มาสน่ะค่ะ”


เสียงพยาบาลที่เล่าเครือๆขึ้นมาอีก


.....



“กลับออกไปก่อนหน้าพวกคุณมาสักชั่วโมงเห็นจะได้ค่ะ พวกเราต้องช่วยเตือนสติให้แกกลับไปพักผ่อนบ้าง เพราะยังต้องดูแลคุณลุงต่อไปอีกนาน แกถึงได้ยอมกลับ”















ท้องฟ้าที่ครึ้มมาแต่บ่ายโปรยฝนลงมาหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ ข้างหน้าคือรถติดเป็นแพยาวเหยียด


ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเส้นทางออกนอกเมืองในช่วงเวลาเลิกงานอย่างนี้ และยิ่งฝนตกเข้าด้วยแล้ว....


ภายในรถเงียบสนิทเพราะต่างคนกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง แต่ที่เหมือนกันคือความรู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่ได้รับฟัง


ฮยุนจองที่นั่งอยู่คนเดียวตอนหลังมองกระดาษสามสี่แผ่นเล็กในมือ... โปสการ์ดล่าสุดที่เขาเพิ่งเห็นเมื่อบ่ายนี้





Oct 22, xx



Why this world is always hard on me?
I do ask myself again and again…

...ทำไมโลกนี้โหดร้ายกับฉันอยู่เรื่อย.... ฉันเฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า....



~~ Zimba ~~






Oct 23, xx



Always keeps telling myself,
Tear is forbidden… since it helps nothing and even beat us down deeper.

ฉันเฝ้าบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า....ห้ามมีน้ำตานะ...เพราะมันไม่ช่วยอะไรเลยและยิ่งหวดซ้ำใจจมดิ่งลึกลงไปกว่าเดิม




~~ Zimba ~~





Oct 24, xx



Outside the window, the wind is very strong.
Want to keep myself warm in bedroom,
But there is someone calling me out there.

นอกหน้าต่าง...ลมแรงเหลือเกิน
ฉันอยากเก็บตัวอยู่ภายในห้องนอนที่อบอุ่นนี้ ...แต่ใครบางคนกำลังเรียกหาฉันอยู่ข้างนอกนั่น




~~ Zimba ~~





Oct 25, xx




I know the sun will rise every morning ... but the night seems so long




~~ Zimba ~~




ท้องฟ้ากลางคืนมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงดาว ...มืดดำสนิท ราวกับจะไม่ใช่ท้องฟ้าผืนเดียวที่เคยมีแสงอาทิตย์ทาบทา ...มืดดำสนิท ราวกับพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึง


ฮยุนจองปิดเปลือกตา แนบแก้มกับกระจกสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบ แต่มันคงเทียบไม่ได้กับหัวใจดวงเล็กๆของใครคนหนึ่งที่กำลังฝ่าความมืดอยู่เพียงลำพัง..


เฟลอร์... อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ ...รอก่อน ...รอฉันก่อน











Create Date : 02 เมษายน 2549
Last Update : 2 เมษายน 2549 16:58:03 น. 0 comments
Counter : 685 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gracie Lou Freebush
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2549
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
2 เมษายน 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Gracie Lou Freebush's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.