沒 有 guts 。。。 就 不 能 選 擇 去 自 己 的 路 嗎 ?
Something between Us [14]

[ . . * ~ . . . y o U . . a R e . . ? . . . ~ * . . ]


ห้าทุ่มเศษ... ฮยุนจองยืนพิงกรอบกระจกทอดสายตาออกไปยังท้องฟ้าสีดำข้างนอก หลังจากออกมาแถลงข่าวเมื่อเช้า จีน่าก็ออกเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศชั่วขณะก่อนจะเริ่มทำงานชิ้นใหม่อีกหลายเดือนข้างหน้า โชคดีที่เจ้าของงานชิ้นนั้นใจกว้างพอ.. ป่านนี้ "เพื่อน" ของเขาคงกำลังบินฝ่าความมืดของค่ำคืนเพื่อจะพบยามเช้าที่สดใสของท้องฟ้ายุโรป คนของเธอรออยู่ที่นั่นพร้อมกับคำปลอบโยนในอ้อมกอดอุ่น


เขาไม่ได้อิจฉาใครคนนั้นของเธอ ไม่มีความรู้สึกแปลบปลาบที่หัวใจเหมือนทุกครั้ง ความรู้สึกร้อนรนนั้นไม่ต่างกับทุกครั้งที่เพื่อนของเขามีเรื่อง พร้อมจะช่วยเหลือทุกอย่างเพื่อให้เพื่อนผ่านเรื่องเลวร้าย หรือหากช่วยอะไรไม่ได้...การได้อยู่ข้างๆแค่เป็นกำลังใจเขาก็พร้อม ..เมื่อจีน่าเลือกที่จะพัก..เขาก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นเพื่อนคนหนึ่งผ่านจากจุดนั้นไปได้


โล่งใจที่ไม่ต้องคอยระวังตัวแจว่าจะมีใครคอยตาม แล้วใครคนนั้นจะรู้ไหมว่าเขาไปหาจีน่า ...เขาจะทำให้เรื่องราวใหญ่โตขึ้นไปอีกหรือเปล่า จากนี้เขาคงมองสบตาจื้อเหลียงและซวนซวนได้สนิทขึ้น ยิ้มกว้าง หัวเราะได้เสียงดังเหมือนเดิม


เหมือนเดิม... แน่ใจหรือ


ฮยุนจองสลัดศีรษะ... เดินกลับมาทิ้งตัวบนเตียงอ่อนนุ่ม ชั่วแวบที่เหลือบตาไปเห็นโปสการ์ดจาก"เพื่อน"อีกคนที่ทิ้งค้างอยู่ในตู้ไปรษณีย์อยู่หลายวันเพราะเขายุ่งๆจนลืมไปเลย




18 สิงหาคม XX



มองผ่านหน้าต่างบานเดิม... เราจะรู้ได้ยังไงว่าโลกข้างนอกยังเหมือนเดิม


สิ่งที่ตาเห็นอาจเหมือนเดิม


แต่หากเปิดหน้าต่างออกมา.. ลมเย็นอาจทำให้เราเป็นหวัดก็ได้


เพียงแตะกระจกเย็นเฉียบ ฉันก็รู้สึกคัดจมูกแล้ว


ฉันกลัวการเป็นหวัด...เลยเลือกจะอยู่เงียบๆในห้อง...



~~ Zimba ~~





ภาพจากหน้าต่างบานเดิม หลังคาบ้านเรือนทอดตัวเรียงกันเป็นเงาสลัวภายใต้ท้องฟ้าที่ทึบทะมึนดูน่าอึดอัด ดาวบางดวงส่งทอประกายผ่านเมฆหมอกบางๆ หากแต่ละอองฝ้าที่หน้าต่างกระจกก็ให้ความรู้สึกเย็นเยียบถึงข้างในหัวใจ


ฮยุนจองคว่ำภาพนั้นลงกับโต๊ะหัวเตียง ดึงผ้าห่มนวมผืนหนาคลุมหัวจรดเท้า


มีอะไรไม่ถูกต้องสักอย่าง... ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้สึกโหวงๆในอกอย่างนี้หรอก














ซวนซวนเดินเข้ามาในสตูดิโอด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ทำให้ฮยุนจองที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังถ่ายภาพเซ็ทสุดท้ายสำหรับอัลบั้มใหม่เสร็จอดเดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้


“มีอะไรหรือเปล่า ซวนซวน”


“ฉันถูกเรียกประชุมด่วน แต่สัญญากับเฟลอร์ไว้แล้วว่าจะไปส่งเขา"


ซวนซวนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู


"ถ้ารีบหน่อยก็น่าจะทันรถใต้ดินเที่ยวสุดท้าย” เสียงพึมพำเหมือนรำพึงกับตัวเองมากกว่า


“ทำไมไม่ให้แฟนไปส่งล่ะ” ฮยุนจองเปรย


“หา... ว่ายังไงนะ ฉันไม่ทันฟัง”


“เอ่อ... คือ... ผมถามว่า...จะให้ผมไปส่งให้ไหม” ฮยุนจองหลุดปากอาสา


“ได้อย่างนั้นก็ดีน่ะสิ”


ซวนซวนตบบ่าฮยุนจองไม่เบานัก สีหน้าดูโล่งอกขึ้นมาทันที


“ใจจริงฉันก็ไม่อยากให้เขานั่งรถใต้ดินหรอก เพราะกว่าจะถึงสถานีปลายทาง กว่าจะเข้าบ้านก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว งั้นก็เอาตามนี้นะ...”


ว่าแล้วซวนซวนก็เดินฉับฉับเข้าไปหาเด็กสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวลงกล่อง


เฟลอร์หันมองมาทางเขาอย่างลังเล แต่เหมือนซวนซวนจะไม่ยอมให้ปฏิเสธ เพราะท้ายสุดเขาก็เห็นเธอพยักหน้า














“เป็นไง... วันนี้เหนื่อยหรือเปล่า”


ฮยุนจองทำลายความเงียบเมื่อรถออกมาจากบริษัทได้ครู่นึง ที่จริงก็คงไม่ต้องถามหรอก เขาเห็นเธอวิ่งวุ่นไปมาอยู่ทั้งวัน ขนาดตอนที่เขาพักก็ดูเหมือนเธอยังวุ่นกับการทำโน่นหานี่อยู่เลย


เงียบ.....


ฮยุนจองเหลือบมองคนนั่งข้าง เฟลอร์ผล็อยหลับไปแล้ว ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมหยิกยุ่งเอียงซบไปทางประตูอีกด้าน ลมหายใจสม่ำเสมอบอกว่าเจ้าตัวกำลังหลับสนิท


ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก... เขาหรี่เสียงเพลงและขับรถนุ่มนวลขึ้น


.....


ถึงบ้านแล้ว คนที่หลับอยู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น


ฮยุนจองเหลือบมองประตูเหล็กหน้าบ้าน มีเพียงไฟหัวเสาริมรั้วทำหน้าที่ให้ความสว่าง ส่วนตัวบ้านนั้นปิดไฟมืด เหมือนกับเพื่อนบ้านหลังอื่นๆตลอดแนวถนน


ก็แน่ล่ะ...เลยเที่ยงคืนอย่างนี้ควรเป็นเวลาที่คนทำงานมาเหนื่อยๆได้อยู่ในเตียงอันอ่อนนุ่ม สอดตัวใต้ผ้าห่มอุ่นและพักผ่อนให้สมกับที่ทำงานหนักเหนื่อยมาทั้งวัน


ฮยุนจองหันกลับมามองคนที่หลับสนิท มือใหญ่ปัดปอยผมที่ระหน้าให้อย่างอ่อนโยน นิ้วเรียวเผลอไล้ใบหูเล็กลากเรื่อยผ่านผิวแก้มเนียนใส ลงมาจนถึงลำคอขาวผ่อง


ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเอง โน้มตัวไปยังเบาะข้างคนขับ แขนแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเอื้อมไปอีกด้านของเบาะ ปรับระดับของเก้าอี้ให้ต่ำลงอย่างช้าๆ


กลิ่นเคยคุ้นเรียกความทรงจำในคืนนั้นกลับมา ใต้แสงดาว...ร่างที่เบียดซุกหาเขาสั่นไหวด้วยแรงสะอื้น น้ำตาทุกหยดเหมือนจะยังเปียกชื้นอยู่ในอกไม่เหือดจางไปไหน และกลิ่นหอมอ่อนๆจากผมหยักนุ่มยามเมื่อจรดปลายจมูกลงไปยังกรุ่นอยู่ในความรู้สึก....


ใบหน้ายามหลับดูอ่อนวัยลงไปอีก คิ้วเรียวที่มักขมวดน้อยๆดูผ่อนคลาย เปลือกตาปิดสนิทปิดบังดวงตาสีน้ำเงินจัดคู่สวยที่ฮยุนจองชอบมอง


ชายหนุ่มเผลอยิ้ม... ดวงตาคู่นี้สีจะอ่อนจางลงเป็นประกายสดใสรับกับรอยยิ้มกระจ่าง แต่เขากลับชอบเวลามันเปลี่ยนเป็นสีเข้มวาววับยามเจ้าหล่อนถูกยั่วให้โกรธมากกว่า


เวลาเฟลอร์โกรธ ปลายจมูกโด่งเรียวจะเชิดขึ้นน้อยๆ ปากบางบิดโค้ง... นั่นล่ะยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างขึ้น (พระเอกของเราโรคจิตป่าวอ่ะ ~~~ ^^”)


แต่ตอนนี้เรียวปากสีชมพูจัดเหยียดยิ้มบางๆ ท่าทางเหมือนเจ้าตัวกำลังฝันดี


.....


ฮยุนจองไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขากำลังก้มลงไปหาความนุ่มนวลที่แสนอ่อนหวานนั้น...


.....


แพขนตาหนากระพริบถี่ๆ ก่อนเฟลอร์จะเปิดเปลือกตาช้าๆ


“ตื่นแล้วเหรอ” ฮยุนจองตีหน้าเก้อๆเมื่อปรับเก้าอี้ของเฟลอร์ให้กลับมาในระดับเดิม


ลมหายใจอุ่นจัดที่เป่าอยู่ข้างขมับทำให้คนที่เพิ่งตื่นหน้าร้อนขึ้นมาอีกอย่างช่วยไม่ได้ =.=”


เฟลอร์ไม่กล้าสบตาคนข้างๆเลยเสมองออกนอกตัวรถ มือก็จัดผมให้เข้าที่เข้าทาง @_@"


“มาถึงบ้านแล้วเหรอเนี่ยะ”


“ก็ถ้าเธอยังไม่ย้ายบ้าน ฉันว่า...ฉันก็พาเธอมาส่งถูกแล้วนะ”
(กลับมาเป็นนายหมีจอมกวนคนเก่าอีกแล้ว ~~+o+)


“บ้านปิดมืดเสียขนาดนี้ เธอจะเข้าบ้านยังไงล่ะ”


เฟลอร์ยิ้มเอามือล้วงกระเป๋า แต่แล้ว....O_O


เธอรีบเอามือลงไปความหาในเป้ แต่ของที่กระจัดกระจายทำให้ยากจะเจอ


“กุญแจอยู่ไหนน้า”


“ใจเย็นๆ ค่อยๆหาดูซิ” ฮยุนจองเปิดไฟในรถให้


เฟลอร์หยิบของออกมาจากกระเป๋ามาวางบนคอนโซลหน้าทีละชิ้น มีสมุดสองสามเล่มคละขนาด กระเป๋าเครื่องเขียน สีไม้กล่องใหญ่ สมุดตัวอย่างผ้าเล่มหนา หมวกแก๊ป เครื่องสำอางค์ชิ้นแรก...ลิปมันกลิ่นผลไม้ และท่าทางน่าจะเป็นชิ้นเดียวในเป้ของเธอ เพราะเฟลอร์ยิ้มร่าเมื่อหยิบเจ้าของชิ้นสุดท้ายออกมา


“เฮ้อ...เจอแล้วค่ะ”


“ยายเป๋อนี่”


“อุ๊ย” เฟลอร์ร้องเพราะถูกฮยุนจองดีดเบาๆที่หน้าผาก


“เธอพกสมุดพวกนี้ไปทำอะไรนักหนา” ฮยุนจองถามด้วยความสงสัย


“อ๋อ.. ก้อไม่มีอะไรมากหรอก เป็นสมุดจดงานแล้วก็ออกแบบงานค่ะ ช่วงนี้ฉันต้องช่วยพี่ๆออกแบบเสื้อผ้าสำหรับคอนเสริตเปิดตัวของคุณน่ะ”


เฟลอร์รีบเก็บของใส่กระเป๋า แต่ยิ่งรีบก็เหมือนยิ่งช้าเพราะเฟลอร์เผลอปัดสมุดสเก็ชหล่นจากคอนโซลมาตรงคันเกียร์ ฮยุนจองจะหยิบส่งให้แต่เฟลอร์คว้าไว้ก่อนด้วยความเร็ว


“ฉันรีบเข้าบ้านก่อนนะคะ ดึกมากแล้ว”


ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเฟลอร์ทำให้ฮยุนจองอดยิ้มอีกไม่ได้ ....ยายนี่ทำยังกับเด็กแอบเข้าบ้านหลังจากหนีออกไปเที่ยวทั้งวัน ^^


เขาเดินตามไป รอจนเฟลอร์เข้าบ้าน


“Good Night นะคะ”


เด็กสาวหันมาบอกลาก่อนปิดประตู


รอจนได้ยินเสียงเปิดปิดประตูบ้าน ฮยุนจองก็เดินหันกลับมาขึ้นรถ ก่อนออกตัวมุ่งหน้ากลับที่พักของตัวเอง








จากบ้านเฟลอร์มาถึงอพาร์ทเมนท์เขาใช้เวลาเพียงสิบนาทีเศษ เพราะถนนค่อนข้างโล่ง


ฮยุนจองเลิกคิ้วเมื่อเห็นกระดาษสีขาวแผ่นเล็กๆตกอยู่ข้างที่นั่งติดกับคนขับ นี่ถ้าเขาไม่ก้มลงเก็บแผ่นซีดีก็คงไม่เห็น




27 สิงหาคม XX



สงสัยช่วงนี้ไข้หวัดกำลังระบาด...


ฉันก้อรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกเหมือนกัน -.-“



~~ HJ ~~




มือใหญ่ที่จับโปสการ์ดสั่นระริก หัวใจเต้นแรง..... ฮยุนจองหลับตา เอนหลังพิงพนักเก้าอี้..... ความรู้สึกหลากหลายในใจเขากำลังตีกันให้วุ่นไปหมด


เพียงครู่เดียว รถสปอร์ตคันหรูก็ถอยออกจากลานจอดรถ มุ่งหน้ากลับสู่เส้นทางเดิมด้วยความเร็วสูงสุด ...หากดูเหมือนใจของคนขับจะไปถึงก่อนหน้านั้นแล้ว


ป้ายบอกชื่อถนนตัวโตย้ำว่าสิ่งที่เขาเข้าใจไม่ผิดพลาดแน่ แล้วนี่...ฮยุนจองไล้มือไปบนตัวเลขเหนือกล่องไปรษณีย์หน้าบ้าน... ตัวเลขที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พุ่มไม้เลื้อย...ที่เขาไม่เคยสังเกต


หน้าต่างชั้นบนยังมีไฟสว่างอยู่ คนที่เพิ่งกลับคงกำลังเตรียมตัวเข้านอน ...มือใหญ่เอื้อมไปที่ออดหน้าบ้าน... แต่ก่อนปลายนิ้วจะสัมผัสปุ่มกลมนั้น ความรู้สึกส่วนหนึ่งก็รั้งไว้... .....ถ้าเจอหน้าเฟลอร์แล้วเขาจะทำยังไงต่อ...


ฮยุนจองหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้...



...ไฟจากห้องเดิมปิดลงอีกครั้ง...



ฮยุนจองลดมือลง ....ไม่ใช่วันนี้...












Create Date : 26 มีนาคม 2549
Last Update : 27 มีนาคม 2549 10:34:54 น. 0 comments
Counter : 543 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gracie Lou Freebush
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Gracie Lou Freebush's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.