Pulau Langkawi เกาะแห่งตำนาน (ตอนสุดท้าย)

หลังจากนอนตีพุงจนหายเหนื่อย จริง ๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอกนะคะ แต่อยากไปนอนชิว ๆ อยู่ริมสระน้ำน่ะค่ะ ก็ออกมาทานอาหารเย็นที่รีสอร์ทที่หมายตาไว้ว่าอยากพัก แต่เนื่องจากราคาเกินงบประมาณไปมาก เลยต้องขอบาย แต่ถ้ามีงบฯ เหลือวันหลังจะไปพักค่ะ เพราะเท่าที่อ่ารรีวิวมามีแต่คำชมกับการบริการและคุณภาพของรีสอร์ทนี้ รวมถึงอาหารที่แสนอร่อย ดังนั้น ไปกันเลยที่ Bon Ton resort



ที่นี่นับว่าเป็น boutique resort ที่น่ารักแห่งหนึ่งในลังกาวีเชียว เพราะบ้านนั้นเป็นบ้านสไตล์มาเลย์แท้ (แบบของเก่า) บ้านก็เก่าด้วยนะ แต่ตกแต่งภายในใหม่ ไม่รู้ว่านอน ๆ อยู่จะมีใครมาเยี่ยมหรือเปล่าไม่รู้





รอบ ๆ รีสอร์ทล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี แอบโรแมนติคที่มีวิวพระอาทิตย์ตกที่หลังเขา พนักงานก็บริการดี ใส่ใจลูกค้า พูดจาสุภาพ



อาหารที่สั่งเป็นชุดอาหารมาเลย์และสลัดอะไรซักอย่าง น่าตาน่ากิน แถมอร่อยด้วย เสียอย่างเดียวราคาค่อนข้างสูงไปหน่อยสำหรับมื้อนี้ รวมแล้วประมาณ 130 RM แน่ะ แต่เอาเถอะ ถือว่าชดเชยจากที่กลางวัน ไปกินที่ Kuah ในราคาแค่ 8 RM





ดังนั้นเลยต้องตัดใจกลับไปกินของหวาน (ช็อคโกแลต duty free) ที่โรงแรมแทน ที่นี่มีขายของที่ระลึกด้วย ดูแล้วส่วนใหญ่ก็มาจากไทย น่าภูมิใจจังเลย


ในที่สุด ก็มาถึงวันสุดท้าย วันนี้ก็ไปลอง cable car อีกครั้งหลังจากที่ปิดบริการไปเมื่อวันก่อน แต่เนื่องจากต้องคืนรถภายในเที่ยงวัน เลยไปที่นี่กันตั้งแต่สิบโมงเช้า แต่..ก็ต้องผิดหวังอีกแล้ว ที่นี่ปิดให้บริการชั่วคราวอีกเนื่องจากลมแรง เลยต้องไปเที่ยวรับลมทะเลกับรีสอร์ทที่อยู่ใกล้ๆ นั่นก็คือ Berjaya Beach and Spa resort รีสอร์ทนี้น่าจะเหมาะกับผู้ที่มาเป็นครอบครัว เพราะมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สนามเด็กเล่น และหาดทรายยาวมาก ๆ





หลังจากนั้นก็ไปนั่งกินกาแฟรับลมกันที่เดิม ซึ่งสามารถเห็น cable car ได้ด้วย แต่พอมองขึ้นไปเท่านั้แหละ ก็เห็นว่ามีการเคลื่อนไหวบ้างแล้ว เลยอยากจะขอบอกว่าถ้าจะไปที่นี่ น่าจะไปซักสิบเอ็ดโมงครึ่งเป็นต้นไปค่ะ เพราะถ้าไปตั้งแต่เปิด คงไม่ได้ขึ้นแน่ ๆ

หลังจากนั้นก็ต้องไปคืนรถที่สนามบินค่ะ แต่เป็นการคืนรถที่แปลกมาก เพราะพอโทรเข้าไป เค้าบอกให้เราไปจอดที่ลานจอดรถพร้อมทิ้งกุญแจไว้ในรถได้เลย ไม่ต้องกลัวหาย สงสัยกฏหมายอิสลามที่ว่าด้วยการตัดมือถ้าขโมยของผู้อื่นคงศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ

ถ้าใครสนใจจะพักที่ Helang จริง ๆ โรงแรมนี้ไม่ได้แย่นะคะ คุณภาพสมราคาค่ะ ถึงแม้อยู่ใกล้สนามบินแต่ก็ไม่ได้มีเสียงดังมาก เพราะกลางคืนก็ไม่มีบินอยู่แล้วค่ะ สระว่ายน้ำก็ใหญ่ ที่นี่คงเหมาะจะกับคนที่เที่ยวบินเช้าหรือเลทมาก ๆ ค่ะ เพราะคราวนี้วันกลับมีไฟล์ทตอนห้าโมงครึ่ง ก็มีเรทสำหรับเลทเช็คเอาท์ เวลาปกติคือ ตอนเที่ยง แล้วก็บวกไปตามชั่วโมงค่ะ (ชั่วโมงละ 10 RM) เช่น ถ้าเช็คเอาท์บ่ายสามก็จ่ายเพิ่มอีก 30 RM

จากทริปนี้ได้เรียนรู้ว่า คนมาเลย์ที่นี่ค่อนข้างเป็นคนจริงใจทีเดียวค่ะ เพราะหลายครั้งที่เค้าสามารถโกงเราได้ แต่เค้าก็ไม่ทำ ส่วนเมืองลังกาวีก็ค่อนข้างเงียบสงบ เสาร์ อาทิตย์ไม่ค่อยจะมีร้านค้าเปิด คนที่นี่เหมือนเดินคนละก้าวกับบ้านเรา คือเค้าจะไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ซึ่งถือว่าเหมาะกับการพักผ่อนมาก ๆ

สถานที่ท่องเที่ยวที่นี่แตกต่างกับบ้านเรามาก ๆ ไม่ค่อยมีผับบาร์เปิดทุกชายหาดเหมือนเกาะดัง ๆ ในบ้านเรา ค่อนข้างจะยังเป็นธรรมชาติ ทุ่งน่า ป่าเขา บ้านเรือน ยังคงอนุรักษ์ทุกอย่างไว้ ที่สำคัญไม่มีการเสนอขายบริการให้รกหูรกตา ทุก ๆ ที่จะมีติดป้ายไว้ว่าให้ช่วยรักษาความสะอาด ซึ่งเกาะนี้ก็สะอาดจริง ๆ นะ

อาหารที่นี่ถึงแม้จะแพงกว่าบ้านเรา แต่ก็ไม่ได้ขึ้นราคาซะสูงมาก โดยถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ก็ยังคงเป็นราคาตามปกติของอาหารที่ประเทศมาเลเซีย อีกอย่างไม่มีการเรียกให้ไปซื้อสินค้า หรือตื๊อมาก ๆ ถ้าบอกว่าไม่ก็คือจบ

ถนนหนทางที่นี่ ลาดยางอย่างดีค่ะ รถก็ไม่ติดเลย สามารถขับรถกินลมไปเรื่อย ๆ อย่างมีความสุขที่สุด อากาศก็เย็นสบายตลอดทั้งวัน มีร้อนแดดเปรี้ยงตอนช่วงเที่ยง นอกนั้นก็มีแดด แต่ไม่ได้ร้อนอบอ้าว ช่วงที่ไปก็โชคดีมาก ๆ ที่ฝนไม่ตกเลย แต่ก็แปลกใจมาก ๆ ว่า ไม่เคยเห็นก้อนเมฆเลยนะเออ..

ที่พักอยากให้พักริมหาดค่ะ เพราะหาดที่นี่ไม่แพ้บ้านเราเลย บางหาดอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป หาดทรายขาว สะอาด เม็ดเล็ก ๆ นุ่มเท้ามากค่ะ การท่องเที่ยวคงต้องเช่ารถขับเองสะดวกที่สุดค่ะ เพราะเป็นเกาะเล็ก ๆ ขับไม่กี่ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว แถมยังแวะเที่ยวได้เองไม่ยากเลยค่ะ คนที่นี่ก็พูดภาษาอังกฤษ ไม่ลำบากในการสื่อสารซักเท่าไหร่

ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมือง Duty Free ไม่ต้องตกใจ ไม่มีภาษีเลยทั้งเกาะ ของจริง !!! สวรรค์นักช็อป แต่... หยุดก่อน ไม่ได้มีของทุกอย่างนะ เพราะอย่าลืม เค้าเป็นเกาะเล็ก ๆ Gucci คงไม่มีหรอก (ในอนาคตก็ไม่แน่) แต่ช็อคโกแลต เหล้า บุหรี่ นี่ถูกกว่าเมืองไทยเลยล่ะ และทุก ๆ ร้านก็ขายของแบบเดียวกันนั่นแหละ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบราคามากนักหรอก เหนื่อยเปล่า

สุดท้ายคงต้องขอขอบคุณ แอร์เอเชียที่เปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพ – ลังกาวี ทำให้ลดระยะเวลาขึ้นมาก ตอนนี้คงต้องบ๊าย บาย ลังกาวีแล้วค่ะ แล้วจะกลับไปเยี่ยมใหม่นะจ๊ะ

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2550 Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2550 22:27:20 น. Counter : 1791 Pageviews.		18 comments
Share Tweet