...ห้องทำงานรก ๆ ร้าง ๆ ที่เจ้าของทิ้งขว้างไม่สนใจ...


Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
4 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 

[7] Problem things : ปัญหา



...


"นางกำลังจะไปที่ไหนนะ?"


เสียงของฟินวาร์ราดังก้องสะท้อนอยู่ในห้องโถงหลักราวเสียงอสุนีบาต น้ำเสียงที่ทั้งเย็นชาและดุดันทรงพลังราวธารน้ำแข็งที่กำลังแตกกระจายนั้นทำเอาภูตทุกตนต่างเงียบเสียงลงในพริบตา แล้วเหลือบมองไปทางตำแหน่งของบัลลังก์ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง


ชั่ววินาทีนั้นที่ทั้งคฤหาสน์ตกอยู่ในความเงียบงันถึงขีดสุด ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีภูตบราวนี่ส์ตนใดกล้าหายใจ ตัวบัตเตอร์ฮัมไม่กล้าขยับขนปีกสักเส้น และเหล่าเทพธิดาพากันหยุดบินอยู่กลางอากาศ ก่อนจะโปรยตัวลงสู่พื้นเหมือนเกสรดอกแดนดิเลียนนับพัน


ฟินวาร์รายืนนิ่ง ร่างสูงสง่านั้นสั่นน้อย ๆ ด้วยแรงโทสะ มือสองข้างกำเกร็งเป็นก้อนกลมอยู่ข้างกายและริมฝีปากเหยียดออกเป็นเส้นตรงบางเฉียบ เสื้อตัวยาวกรุยกรายที่เขาสวมอยู่แปรสภาพอย่างฉับพลัน จากสีมัวซัวกลายเป็นเฉดสีฉูดฉาดบาดตา จากความร้อนแรงกลายเป็นความเยียบเย็น วงหน้านวลยิ่งซีดลงกว่าที่เคยขาว และสีม่วงของดวงตาเข้มขึ้นจนเกือบดำ แม้ว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวของสายลมในห้องกว้าง แต่ผมยาวสยายกลับสะบัดไหวอยู่บนลาดไหล่ นั่นคือภาพของขุมพลังอันน่ากลัวโดยแท้


ความเงียบงันกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างจนอิ่มตัวและกำลังพองขยายออกจนเต็มเปี่ยม จนกระทั่ง...


ยักษ์โทรลล์ตนหนึ่งผายลมออกมาด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหวปานฟ้าถล่ม


เสียงเหมือนวัวไอโคร่กขึ้นในยามเที่ยงคืนอันสงัดเงียบน่าสยดสยองนั้นดังมาจากด้านหลังรูปปั้นรูปหนึ่งที่ตั้งอยู่ในมุมมืดมุมหนึ่งของห้องโถง


ทุกหัวในห้องหันขวับ ต่างฝ่ายต่างตกใจสุดขีดและนิ่งงันจนทั้งห้องเงียบลงไปกว่าเมื่อก่อนเสียอีก


ในพริบตานั้นฟินวาร์ราก็ก้าวพรวดลงจากยกพื้น เขาข้ามห้องกว้างนั้นด้วยการกระโจนไปเพียงไม่กี่ก้าว


"โอ๊ะโอ๋ ดูซิว่าใครแอบอยู่ตรงนี้?" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มเบาที่ฟังดูน่าขนลุก พร้อมยื่นมือออกไปคว้าคอของเจ้ายักษ์โทรลล์ผู้โชคร้ายไว้แน่น ฟินวาร์รากระชากร่างนั้นออกมาสู่แสงสว่าง ในขณะที่เหล่าภูตในห้องต่างพากันส่งเสียงฟ่ออย่างน่ากลัว


ร่างของยักษ์โทรลล์ที่ยามนี้กำลังถูกยกให้ลอยสูงเหนือศีรษะของเจ้าแห่งภูตคือสัตว์ประหลาดที่ประกอบขึ้นจากโครงกระดูกและเส้นเอ็น แม้ร่างกายจะผอมเกร็งแต่มันกลับมีวงเนื้อห้อยย้อยจากบั้นเอวเหมือนเอาห่วงยางรถยนต์มาสวมไว้ แขนยาวยืดและท่อนขารูปกระสวยผอมกะหร่องต่อกับเท้าที่ถูกหุ้มไว้ด้วยผ้ากำลังเตะถีบอากาศอย่างไร้ประโยชน์ ดวงตาที่คล้ายไข่ถูกต่อยแตกเบิกโพลงปูดโปนอย่างน่ากลัวออกมาจากผิวหน้าที่ทั้งแก่ทั้งเหี่ยวแห้งราวผิวของถั่ววอลนัท ลิ้นสีดำเป็นมันยื่นยาวออกมาจุกอยู่ระหว่างริมฝีปากแบน ๆ ที่แห้งแตก ยักษ์โทรลล์ตนนี้ไม่มีเสื้อผ้าคลุมอวัยวะส่วนอื่นนอกเสียจากบริเวณเท้าที่กำลังเตะถีบรัวยิบ องคชาติยาวย้อยเหมือนลำตัวของงูเต็มไปด้วยปุ่มหูดสะบัดกวัดไกวอยู่บริเวณหว่างขาเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา


ฟินวาร์ราเงยหน้าขึ้นมองยักษ์โทรลล์ที่กำลังดิ้นกระแด่วด้วยสายตารังเกียจเต็มที่ แม้ว่าเจ้ายักษ์จะมีขนาดตัวมหึมาแต่ชายหนุ่มก็สามารถยกมันให้ลอยขึ้นจากพื้นได้อย่างสบาย


"แกมาทำอะไรอยู่ในซอกมืด ๆ แถวนี้?" ฟินวาร์ราถามพร้อมออกแรงเค้นหลอดลมของยักษ์โทรลล์หนักขึ้นอีก


ดวงตาของยักษ์โทรลล์ทำท่าเหมือนจะถลนออกมานอกเบ้า มันพยายามจะคว้าแขนของเจ้าเหนือหัวแห่งภูตที่กำลังบีบลำคอของมันอยู่ แต่ทุกครั้งที่กรงเล็บของมันเฉียดเข้าไปใกล้ก็จะเกิดประกายไฟสีน้ำเงินลั่นเปรียะขึ้นพร้อมกลิ่นฉุนของโอโซน และอุ้งมือของมันก็ถูกปัดออกไปให้พ้นทาง


ฟินวาร์ราบีบคอผู้บุกรุกไว้แน่น


"มาสอดแนมสิท่า"


เขาเปรยออกมาด้วยเสียงทุ้มนุ่มพลางใช้สายตาชนิดพิเศษที่คมกริบราวปลายเข็มหมุดตรึงปีศาจไร้ทางสู้ตนนั้นไว้ พึงพอใจที่ได้ยินเสียงของความหวาดกลัวที่ถูกปลดปล่อยให้หลั่งไหลออกมาจากร่างของยักษ์โทรลล์ตกลงกระทบพื้น มนตร์วิเศษช่วยป้องกันรองเท้าราคาแพงของท่านเจ้าไว้ไม่ให้เปรอะเปื้อนของเสียที่สาดกระจาย


ฟินวาร์รานิ่งไปอึดใจ ก่อนจะส่ายศีรษะด้วยอารมณ์รังเกียจแล้วเอ่ยขึ้น


"กลับไปบอกทู'ลลอชว่าข้ายังไม่สมัครใจสละบัลลังก์ในยามนี้หรอก และหากนางต้องการมาพบเพื่อเจรจาเรื่องนี้กับข้า นางก็รู้ดีว่าจะหาข้าพบได้ที่ไหน เอาล่ะ ไสหัวกลับไปรังเหม็น ๆ ของแกได้แล้ว และหนหน้าหากจะโผล่มาทำตัวเป็นเสนียดในคฤหาสน์ของข้าอีกก็ควรคิดทบทวนดูให้ดี ๆ สักสองสามตลบก่อนนะ"


ฟินวาร์ราเหวี่ยงยักษ์โทรลล์กระแทกเข้ากับผนังเต็มแรง เสียงเนื้อกระทบผนังหินอ่อนดังตุ้บทึบ ๆ และรอยแยกเล็ก ๆ ก็แล่นร้าวขึ้นไปตามกำแพง


ยักษ์โทรลล์โกยอ้าวตั้งแต่เท้าของมันยังไม่สัมผัสพื้น มันโขยกเขยกตรงไปยังประตูโดยมีโขยงของภูตนับร้อยตนไล่กวดตามหลังไปติด ๆ พิกซี่ตัวจ้อยพุ่งตัวลงต่อยแก้มก้นและเหล่าผีกั้มพ์ช่วยกันสหบาทาถีบส่งมันออกไปหาอากาศยามค่ำด้านนอกอย่างพร้อมเพรียง


ฟินวาร์ราเช็ดมือกับเสื้อคลุมของภูตสกั๊ดเติลฟลุ้ตที่ยืนอยู่แถวนั้นก่อนตะโกนเรียก "น็อบดาวเดิ้ล!"


"ขอรับ ขอรับ มายลอร์ดที่เคารพ ข้าพร้อมรับบัญชา" เจ้าเอลฟ์ตอบรับตะกุกตะกักในขณะที่เร่งฝีเท้ามายืนอยู่ข้างผู้เป็นนาย


ฟินวาร์ราชี้นิ้วไปทางกองของเหลวสีเขียวควันฉุยบนพื้น "จัดการกำจัดไอ้นี่ก่อนที่มันจะส่งกลิ่นไปทั่วคฤหาสน์ แล้วซ่อมกำแพงด้วย"


น็อบดาวเดิ้ลโค้งตัวลงต่ำพลางผงกศีรษะรัวยิบ "ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยตามประสงค์แห่งท่านเจ้าขอรับ"


ฟินวาร์ราถอนหายใจเฮือก "แค่ตอบว่า ได้ขอรับ ก็พอแล้ว"


"โอ ขอรับ ขอรับ ขอรับ ได้เลยขอรับมายลอร์ด"


ฟินวาร์ราเดินกลับไปยังบัลลังก์พร้อมส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ ในขณะที่น็อบดาวเดิ้ลยังคงยืนโค้งส่งจนผู้เป็นนายดำเนินผ่านไปแล้วจึงยืดตัวขึ้นและใช้มือรีดรอยยับบนเสื้อคลุมกำมะหยี่สีแดงจนเรียบ


"เจ้านั่นน่ะ..." เขาหันไปเรียกคนแคระที่ยืนอยู่แถวนั้น "ได้ยินคำสั่งของท่านเจ้าแล้วทำไมไม่รีบจัดการ"


จากนั้นท่านที่ปรึกษาก็หันตัวกลับแล้วย่างกรายไปทางยกพื้นเผื่อว่าผู้เป็นนายเหนือหัวจะเรียกหาอีกครั้ง ในขณะที่คนแคระสบถออกมาเบา ๆ พร้อมชูนิ้วกลางมู่ทู่ไล่หลังน็อบดาวเดิ้ลไป ในใจคิดว่าไอ้เอลฟ์นั่นมันก็เป็นแค่ก้อนขี้เหนียว ๆ ที่เที่ยวคอยเกาะติดอยู่กับเจ้านาย มันก้มลงมองกองของเหลวแล้วส่ายหัวใหักับตัวเองก่อนจะออกไปตามหาไม้ถูพื้น


บรรดาภูตทั้งหลายในโถงต่างพากันกินเลี้ยงยามค่ำคืนต่อกันอย่างสนุกสนานโดยถือว่าการได้เห็นยักษ์โทรลล์กลัวจนฉี่แตกนั้นเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ในขณะที่ฟินวาร์รากลับเดินผ่านบัลลังก์แล้วหายตัวไปหลังประตูบานหนึ่ง โดยมีกู๊ดเฟลโล่ที่ยืนสังเกตการณ์อย่างเงียบ ๆ จากตำแหน่งที่เขามักจะยืนอยู่เป็นประจำเดินตามหลังไปด้วย



...



"กลุ้มใจอยู่ล่ะสิขอรับ"


ฟินวาร์ราหันขวับมามอง วงหน้างดงามยามนี้บูดเบี้ยวด้วยแรงอารมณ์ที่ขุ่นมัว "รู้ดีจริงนะ" เขาย้อนกลับไป


"ฝ่าบาทกลุ้มใจเรื่องไหนมากกว่ากันล่ะ?" กู๊ดเฟลโล่เอ่ยถามพลางเร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินเคียงกับผู้เป็นนายไปตามโถงทางเดินยาวเหยียด


"ทุกเรื่องนั่นแหล่ะ!" ฟินวาร์ราตะโกนพร้อมยกมือทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ และไม่วายส่งสายตาขุ่นเขียวไปให้สหายคนสนิทด้วย


ทางเดินเส้นนั้นสิ้นสุดลงตรงหน้าประตูคู่บานมหึมาที่แกะสลักเป็นลายคานไขว้ มียักษ์อีกคู่หนึ่งที่เหมือนเป็นฝาแฝดกับคู่ที่เฝ้าประตูหน้าทางเข้าคฤหาสน์ยืนประจำอยู่สองข้าง พวกมันห้อยขวานขนาดใหญ่ไว้ข้างกายดูน่าเกรงขาม และเมื่อฟินวาร์ราพยักหน้าน้อย ๆ พวกมันก็ยื่นแขนออก วางฝ่ามือแบนใหญ่ลงบนบานไม้เก่าแก่แล้วผลักให้เปิดออก


ดินแดนที่ปรากฏอยู่ด้านหลังประตูนั้นวิจิตรงดงาม ตรึงตาน่าชมเป็นที่สุด


ในขณะที่แคว้นกัลเวย์กำลังก้าวเข้าสู่ราตรีกาล หากแต่ดินแดนแห่งนี้กลับยังสว่างกระจ่างใสเหมือนเที่ยงวันแห่งฤดูร้อน แสงเรืองรองลอดผ่านกิ่งก้านขนาดใหญ่ของหมู่ไม้ลงมาคล้ายสายหมอกนุ่มนวล ไม่มีแหล่งต้นกำเนิดแห่งแสงนั้น ไม่มีตะวันดวงกลมที่เริงแรง เสมือนว่าท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใสนั้นเรืองแสงได้ด้วยตัวเอง


นี่คือบ้าน


หากมองเพียงแวบแรกจะเห็นว่าแผ่นดินนั้นแทบไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปจากไอร์แลนด์เลยสักนิด แต่เมื่อพิจารณาดี ๆ แล้วจึงจะเห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่ต่างไป ทั้งสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แทบมองไม่เห็นไปจนถึงสิ่งใหญ่ ๆ


อะไรต่อมิอะไรดูงดงามสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด


ผืนหญ้าชอุ่มนุ่มและหนาเหมือนผืนพรมลาดปูอยู่บนเนินเขาที่ทอดตัวลงไปจากตำแหน่งที่ทั้งสองยืนอยู่นั้นเป็นสีเขียวสดใสเหมือนภาพวาดในหนังสือ หมู่ไม้มหึมาที่ยืดตัวสูงสง่าสู่โค้งฟ้าไร้เมฆเบื้องบนก็งดงามไร้ที่ติ ราวกับเป็นต้นแบบที่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียงในนิยายหรือภาพเขียน สายน้ำใสไหลริน ลัดเลาะอย่างเกียจคร้านไปตามหลืบหินเขียวครึ้มด้วยตะไคร่น้ำที่ดูเก่าแก่เทียบเท่าอายุของกาลเวลา กระแสลมที่โชยเอื่อยผ่านกิ่งไม้สูงและพุ่มไม้ที่เหมือนถูกตัดแต่งด้วยมือจนเข้ารูปนั้นอบอุ่นเหมือนสายลมแห่งเมอร์ดิเตอเรเนียน กรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ป่าที่ขึ้นกระจายอยู่เต็มหุบเขาด้านล่าง


ฝูงนก หรืออะไรบางอย่างที่มองดูคล้ายนกกำลังโบยบินอยู่เหนือศีรษะของทั้งคู่ บรรดาภูตแห่งกลีบดอกไม้ ตัวพิกซี่และมนุษย์นกกระจอกโฉบเฉวียนไล่จับกันอย่างสนุกสนาน พวกมันบินวนขึ้นไปตามกระแสลมร้อนก่อนทิ้งตัวลงเลียบเลาะไปตามยอดไม้ เสียงเพลงครื้นเครงถูกบรรเลงมาจากที่ใดที่หนึ่งในเงาของหมู่พฤกษา ในขณะที่ฟินวาร์ราและภูตพุ้คเดินลัดเลาะไปตามถนนปูหินกาบเก่าแก่ที่ลาดลงไปตามเนินเขาด้วยฝีเท้าเงียบกริบ


"เอางี้ เรามาแก้ปัญหากันทีละเปลาะก่อน"


กู๊ดเฟลโล่สานต่อบทสนทนา วันนี้เขาอยู่ในร่างของหนุ่มน้อยรูปงามในชุดล่าสัตว์เต็มยศโทนสีธรรมชาติ เขายกมือขึ้นแล้วเริ่มนับนิ้วไปในขณะที่พูด


"เรามีเวลาจนถึงสองยามของคืนวันฮาโลวีนที่จะหาคนมารับตำแหน่งเจ้าสาวของท่าน ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทจะโดนท้าทายจากคนที่ต้องการชิงตำแหน่งผู้นำแห่งภูต"


ฟินวาร์ราสบถคำสาปแช่งเอเน่ผู้เป็นภริยาคนก่อนออกมาเบา ๆ พร้อมลมหายใจ นี่ถ้านางไม่ไปสำลักลูกพลัมจนขาดใจตายก็คงไม่เกิดเรื่องยุ่งยากแบบนี้ขึ้นหรอก


การมีคู่ครองเป็นมนุษย์ธรรมดามันวุ่นวายแบบนี้แหล่ะ แม้ว่าการรับพวกนางเข้ามาในคฤหาสน์ในฐานะภริยาจะช่วยหยุดอายุของพวกนางเอาไว้ได้ แต่ก็ยังมีเหตุอีกร้อยแปดพันประการที่จะเกิดขึ้นกับพวกนาง การพลาดพลั้งในระหว่างการใช้ของมีคม การตกบันไดแบบไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้กระทั่งลูกพลัมผลเล็ก ๆ ที่ย่อยไม่ได้เพียงลูกเดียว...


รายการของเหตุประเภทนี้มีนับไม่ถ้วน แต่ก็เถอะนะ บางครั้งบางคราวอุบัติเหตุถึงตายแบบนี้ก็มีประโยชน์เหมือนกันละ...


"ตะนี้" กู๊ดเฟลโล่ว่าต่อ "หากท่านหาเจ้าสาวไม่ได้ ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ทู'ลลอชท้าดวลเพื่อชิงบัลลังก์"


"ขอให้นมยายแร้งทึ้งนั่นเหี่ยวแห้งหลุดลอกออกมาทั้งยวงทีเถอะ" ฟินวาร์ราแทรกพรวดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนา


ภูตพุ้คไอแค่ก "เห็นด้วยขอรับ แต่นอกจากนางแล้วก็ยังอาจมีคู่แข่งที่มาจากคนใต้บังคับบัญชาของฝ่าบาทเองด้วยนะ"


หนนี้ฟินวาร์ราเงยหน้าขึ้นมอง "รู้ตัวไหมว่าเป็นใครบ้าง?" เขาถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล


กู๊ดเฟลโลส่ายศีรษะที่ทุยสวยได้รูปไปมา ลอนผมสีทองหยักสลวยกระเพื่อมไหว "คงไม่มีใครหรอกขอรับ พวกเราอยู่เย็นเป็นสุขกันดีภายใต้การปกครองของท่าน"


คำตอบนั้นมาพร้อมรอยยิ้มจริงใจ หากฟินวาร์รากลับกระแทกลมหายใจหนักหน่วง จริงอยู่ที่ภูตพุ้คตนนี้เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ แต่เขารู้ดีว่าการจะไว้วางใจสหายคนนี้แบบหมดใจนั้นเป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่มาก การที่เขาดำรงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวแห่งภูตมาได้ยาวนานขนาดนี้ไม่ได้อาศัยแค่การไว้เนื้อเชื่อใจคนใกล้ตัวเพียงอย่างเดียว


สองหนุ่มเดินข้ามสะพานโค้งที่ทำจากไม้แล้วตรงไปยังลานดอกไม้ป่าที่สูงถึงบั้นเอว เสียงฝูงนกขับขานบทเพลงในภาษาดั้งเดิมของเหล่าภูตแว่วหวานมาจากแนวต้นไม้ที่ขึ้นเรียงรายอยู่สองข้างทาง และเสียงครวญต่ำ ๆ ของหมู่แมลงดังสม่ำเสมอฟังคล้ายพวกมันกำลังพร่ำรำพันอยู่กับตัวเอง


"ถ้างั้นตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือทู'ลลอช" กู๊ดเฟลโล่สรุป "เผ่าภูตดำของนางเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อนมากขอรับ เพราะนางปล่อยให้พวกนั้นกระทำการตามความพอใจ อยากจะฆ่าคนสักเท่าไหร่ก็ได้ แต่ข้าคิดว่ายังไงเสียนางก็ยังด้อยกว่าท่าน ตอนนั้นเลดี้เอเน่ -ขอให้ดวงวิญญาณแห่งนางได้พบความสุขสงบชั่วนิรันดร์- ปราบพวกนั้นเสียอยู่หมัด แต่ก็ยังไม่เก่งเท่ากับเลดี้ซาร่าห์ที่เคยทำหน้าที่นี้มาก่อน"


ฟินวาร์ราขมวดคิ้วนิ่ว ไม่วายสบถคำสาปแช่งเอเน่ออกมาอีกครั้ง ตามปกติแล้วเจ้าเหนือหัวแห่งภูตจะมีหน้าที่ในการควบคุมดูแลภูตขาวในเผ่าให้อยู่ในระเบียบ จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายนายหญิงที่ต้องคอยสอดส่องความเคลื่อนไหวของเผ่าภูตดำที่เป็นฝ่ายตรงข้าม มันคล้ายกับการทำงานของขั้วบวกและขั้วลบ และแม้ว่าตัวเอเน่เองจะไม่มีเวทมนตร์ใดเหนือกว่านางมารทู'ลลอชและเหล่าบริวาร แต่การมีตัวตนอยู่ของนางก็เพียงพอที่จะทำให้เผ่าภูตดำไม่กล้าสร้างปัญหาใด ๆ


ยามใดที่ฟินวาร์ราขาดสตรีข้างกาย เขาจะตกอยู่ในภาวะล่อแหลมที่อันตรายมาก เพราะกฏหมายแห่งภูตที่ถูกตั้งขึ้นโดยราชายูเบอรอนกำหนดไว้ว่า หากภริยาของขุนนางแห่งภูตตายลง ขุนนางผู้นั้นจักต้องหาภริยาคนใหม่มาแทนที่ มิฉะนั้นจะถูกท้าทายอำนาจ


เอเน่เองก็ทราบเรื่องนี้ดีอยู่แก่ใจ แต่นางก็ยังทำเป็นบ่ายเบี่ยงไม่ยอมยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในช่วงที่ทำสัญญาวิวาห์ นางคงหวังไว้ว่าความซวยซ้ำซ้อนของการที่ต้องดิ้นรนค้นหาคู่ครองคนใหม่หลังการตายของนาง ผนวกกับการไม่สามารถแตะต้องที่หมายคนใหม่ได้ภายในเวลาที่กำหนดขึ้นไว้นั้น จะช่วยป้องกันไม่ให้นางต้องประสบกับ... อุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตชนิดใด ๆ ทั้งสิ้น


ด้วยเหตุที่ยูเบอรอนดำรงตำแหน่งกษัตริย์แห่งภูต พระองค์จึงเป็นผู้เดียวที่สามารถมีคู่ครองที่เป็นภูตด้วยกันได้ ซึ่งข้อกำหนดนี้สร้างความพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย เพราะตามทฤษฏีแล้วองค์ราชาจะไม่มีวันถูกท้าดวลเพื่อชิงอำนาจ ในขณะที่องค์ราชินีทิแทนเนียก็ไม่มีวันถูกใครแทนที่


กู๊ดเฟลโล่ถอนต้นหญ้าจากพื้นขึ้นมาเคี้ยวด้วยท่าทีตรึกตรอง "แล้วแม่จิตรกรสาวคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ฝ่าบาทคิดว่านางพอจะรับหน้าที่นี้ได้หรือเปล่า?"


ฟินวาร์ราหันขวับมาทันที วงหน้าสดใส


"ทำได้หรือเปล่างั้นเรอะ? นางเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่ข้าเคยพบมาในรอบศตวรรษนี้เลยเชียวนะ นางไม่เพียงทำให้เอเน่ -ขอให้วิญญาณแห่งนางพักผ่อนอยู่บนดอกไม้ตลอดกาล- กลายเป็นยายแก่แร้งทึ้งไปทันตา แต่นางยังมีเวทมนตร์ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดด้วย เจ้ารู้ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร? ด้วยพลังแห่งนางรวมกับข้า ข้าอาจจะพอมีทางกำจัดทู'ลลอชกับบริวารของนางได้อย่างเด็ดขาดเสียที"


ชายหนุ่มลดเสียงลงพลางเหลียวมองซ้ายขวา "และด้วยพลังของนางอาจทำให้ข้าท้าทายราชอำนาจแห่งราชายูเบอรอนได้ด้วยซ้ำ"


กู๊ดเฟลโล่ไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ต่อแผนการอันมุ่งมั่นที่ฟินวาร์ราเผยออกมา พวกภูตมีความมักใหญ่ใฝ่สูงเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว และหากฟินวาร์รามีช่องทางท้าทายอำนาจของกษัตริย์ยูเบอรอนได้จริง ๆ ละก็ เขาก็จะให้ความสนับสนุนเต็มความสามารถ


"ข้าได้ยินข่าวมา" เขาเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ "ว่าพวกภูตก็ชื่นชมนางอยู่เหมือนกัน"


"นางเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด" ฟินวาร์ราย้ำคำหนักแน่น


"แล้วฝ่าบาทจีบนางไปถึงไหนแล้ว?"


"ก็ก้าวหน้าขึ้น" เจ้าแห่งภูตตอบคำในขณะที่หยุดยืนอยู่ริมบ่อน้ำเล็ก ๆ อันเงียบสงบ "เมื่อคืนนี้ข้าเกือบจะจูบนางได้แล้ว แต่มีอะไรบางอย่างดึงนางออกไปจากความฝัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ จิตของนางแข็งแกร่งก็จริงแต่บางคราวก็รวนเรไร้ทิศทาง"


เขาลงนั่งบนก้อนหินเตี้ย ใช้ฝ่ามือลูบไปตามด้านหน้าของเสื้อตัวยาว


"เจ้ารู้ไหมว่าการรักษามาดให้เท่อยู่ตลอดเวลาต่อหน้านางน่ะมันยากเย็นขนาดไหน? ข้าต้องทำเป็นเดินเข้าไปหานางแบบไม่ได้ตั้งใจ แล้วค่อย ๆ เร้าอารมณ์ของนางอย่างช้า ๆ ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดเพื่อไม่ให้ดูเหมือนถูกวางแผนมาก่อน แต่ที่ผ่าน ๆ มาโชคยังไม่ยอมเข้าข้างข้าสักครั้ง ข้าทำให้นางเคลิบเคลิ้มได้ แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ระเบิดออกแล้วนางก็หนีจากไป คืนที่ข้าใช้ร่างแปลงของอัศวินนั่นเหลวไม่เป็นท่าเลย แต่เวทมนตร์ของนางที่หลั่งไหลเข้าสู่กายของข้านี่สิ! ในร่างของอัศวิน ข้าพานางไปจนถึงปลายขอบของอารมณ์ได้ และด้วยแรงแห่งความรู้สึกลึกล้ำของนางที่ถูกปลดปล่อยออกมาทำเอาข้าถึงกับตะลึงและโหยหาพลังนั่นมาตลอด!"


ฟินวาร์ราจ้องมองผู้เป็นสหายด้วยดวงตาสุกใสและเต็มไปด้วยประกายของความตื่นเต้น "ข้านึกภาพไม่ออกเลยว่าหากข้าได้ตัวนางมาจริง ๆ แล้วพลังนั้นจะยิ่งใหญ่เพียงใด!"


กู๊ดเฟลโล่ขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน "แล้วตอนนี้นางกำลังจะจากไป"


ฟินวาร์ราพยักหน้าน้อย ๆ ความกระตือรือล้นเหือดหายไป "ออสเตรเลีย นั่นมันอยู่อีกซีกโลกนึงเลยนะ"


"ข้อนั้นข้าทราบดี แต่พวกเราไม่สามารถเดินทางข้ามแดนได้โดยไม่มีคำอนุญาตนะขอรับ"


"งั้นก็ไปขออนุญาตซะสิ" ท่านเจ้าตอบเสียงเข้ม "บินไปที่โน่นคืนนี้เลย แล้วจัดการติดต่อกับคนทางโน้นให้เรียบร้อย"


กู๊ดเฟลโล่ปั้นหน้ายุ่ง "จะให้ทำอย่างไรล่ะขอรับ มายลอร์ด? พวกภูตเมืองใต้น่ะแตกต่างจากพวกเรามากนะขอรับ พวกนั้นมัน... ป่าเถื่อน ชอบล่าอาณานิคม แถมพวกมันยังไม่ค่อยชอบขี้หน้าพวกเราด้วย"


เจ้าแห่งภูตคว้าเสื้อสีน้ำตาลของภูตพุ้คไว้เต็มมือแล้วกระชากร่างของเขาเข้ามาใกล้


"ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนั้น" ชายหนุ่มกระซิบด้วยเสียงน่ากลัว "นางจะหนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำ พูดในสิ่งที่ต้องพูด ต่อรองกับพวกมัน เราต้องตามนางไปให้ได้ เข้าใจไหม! จะทำอะไรก็ทำ!"


"ข้าจะพยายามขอรับ มายลอร์ด" กู๊ดเฟลโล่รับปากพร้อมกลืนน้ำลายลงคอ


"งั้นก็รีบไปจัดการเสียสิ! ข้าต้องการคำตอบภายในวันพรุ่งนี้" เจ้าเหนือหัวแห่งภูตคลายกำมือออก


ภูตพุ้คลุกขึ้นยืนหลังตรง เขาค่อย ๆ รีดรอยยับของเสื้อตัวเองอย่างระมัดระวังก่อนโค้งตัวลงต่ำให้ผู้เป็นนาย


"ตามแต่ประสงค์ของท่านเจ้าขอรับ"


เขาตอบรับก่อนกระโดดสูงขึ้นสู่อากาศ ใช้เวลาช่วงหนึ่งในการบินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือหุบเขาเหมือนดาวตกที่ส่องประกายระยับผ่านโค้งฟ้าสีสด คล้ายปลายนิ้วที่จุ่มลงในผงชอร์คแล้วลากพาดผ่านท้องฟ้า และในพริบตาเขาก็พุ่งตัวลิ่วจนลับสายตาไป


ฟินวาร์รานั่งนิ่งเงียบอยู่กลางหุบเขาแสนสวยอย่างเดียวดาย มีเพียงสตรีผมสีน้ำตาลเข้มผู้งดงามเต้นรำอยู่ในห้วงคำนึง ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วงด้วยความหดหู่สุดหัวใจ


นางเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด เขาย้ำกับตัวเอง แต่เจ้าสาวต้องยินยอมพร้อมใจ ไม่ว่านางจะมีเวทมนตร์หรือไม่ก็ตาม


เจ้าเหนือหัวแห่งภูตก้มลงมองเงาสะท้อนของตัวเองในผืนน้ำนิ่ง วงหน้าเล็กจ้อยมากมายจ้องตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม แถมโบกมือทักทายจากใต้ผิวน้ำ ชายหนุ่มขมวดคิ้วใส่ ทำเอาใบหน้าเหล่านั้นแตกกระเจิงเหมือนฝูงปลาที่ตื่นตกใจ


ฟินวาร์ราขังตัวเองอยู่ในความสงบสุขแห่งบ้านต่อไปอีกไม่นาน ยังมีงานอีกหลายอย่างที่เขาต้องจัดการ และจากการทำงานของเจ้าเครื่องกลในห้องนาฬิกานั่นบอกได้ว่า เวลากำลังหมดลงไปเรื่อย ๆ แล้ว






******************************




ต้นฉบับ : The Wild Reel โดย Paul Brandon (1st Edition)




******************************




หมายเหตุ :


ขออนุญาตอธิบายคำว่า ภูตขาวกับ ภูตดำ สักหน่อยค่ะ


ในต้นฉบับนั้น คุณ Brandon ใช้คำว่า Seelie Court และ Unseelie Court ค่ะ


ภูตที่อยู่ใน Seelie Court นั้นเป็นภูตที่นิสัยดี เป็นมิตรกับมนุษย์ แม้จะยังคอยกลั่นแกล้งคนเราบ้างแต่ก็ไม่สร้างความเดือดร้อนมากนักค่ะ

ในขณะที่ภูตที่อยู่ใน Unseelie Court นั้นถือเป็นปีศาจค่ะ พวกนี้ล่ามนุษย์และสร้างความเดือดร้อนให้อย่างมากมายทีเดียว


ผู้แปลเองยังแน่ใจเหมือนกันค่ะว่าควรจะใช้คำใดมาแทนศัพท์เฉพาะทั้งสองคำนี้ จึงใช้คำว่า ภูตขาว กับ ภูตดำ ไปก่อน หากผู้อ่านท่านใดมีข้อเสนอแนะก็สามารถบอกเล่าเก้าสิบมาได้นะคะ จะรับฟังทุกข้อเสนอค่ะ ^____^


ไว้วันหน้าจะลองเอาเรื่องเกี่ยวกับภูตมาลงให้อ่านเล่นกันค่ะ






 

Create Date : 04 มิถุนายน 2548
0 comments
Last Update : 4 มิถุนายน 2548 22:53:27 น.
Counter : 572 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Poceille
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





.
.
.

Busy Woman
but
Non-productive

.
.
.


Friends' blogs
[Add Poceille's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.