ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว (Au Pair)
สมัยมัธยม เราเลือกเรียนศิลป์ภาษาอังกฤษ-ฝรั่งเศส เพราะตอนนั้นไม่ชอบเรียนเลข แต่หารู้ไม่ว่าพอเลือกเรียนภาษาก็ยังต้องเรียนเลขอยู่ดี สมัยมหาวิยาลัย เราได้เข้าเรียนคณะอักษรศาสตร์ วิชาเอกของเราคือภาษาฝรั่งเศส ส่วนวิชาโทก็คือภาษาอังกฤษ ดูๆแล้วเราน่าจะมีความรู้เป็นเลิศด้านภาษาต่างประเทศ แต่เนื่องจากเราขยันไม่พอ การเรียนของเราจึงอยู่ระดับปานกลาง เรียกว่าพอเอาตัวรอดได้ ส่วนเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสก็ไม่ได้ดีเด่นสักเท่าไหร่ จะถนัดด้านการอ่าน การเขียนมากกว่าการพูดและการฟัง จริงๆแล้วระบบการสอนภาษาต่างประเทศในเมืองไทย เน้นการท่องจำ เน้นไวยกรณ์ ทำให้เราถนัดแบบนี้ เราเชื่อว่าหลายๆคนก็คงเป็นเหมือนเรา ด้วยความที่เป็นเอกภาษาฝรั่งเศส อะไรๆก็ต้องเป็นฝรั่งเศส แม้กระทั่งงานที่ได้ทำก็ทำกับคนฝรั่งเศส จำได้ว่าวันๆพูดแต่ภาษาฝรั่งเศส ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย จนกระทั่งตัดสินใจมาเป็น Au Pair นี่แหละ เราก็เริ่มรื้อฟื้นความทรงจำด้านภาษาอังกฤษขึ้นมาอีกครั้ง การเดินทางมาเป็น Au Pair เราไม่กลัวเรื่องภาษาอังกฤษเลย เพราะเราคุ้นชินกับการพูดคุยกับคนต่างชาติอยู่แล้ว และบวกกับที่เราพอมีพื้นฐานที่ดีอยู่บ้าง เรื่องที่กังวลมากกว่าก็คือเราจะเข้าใจและสื่อสารได้มากน้อยแค่ไหน ตอนมาอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์แรกๆ เวลาโฮสท์มัมกับโฮสท์แด๊ดคุยกันสองคน เราแทบจับใจความไม่ได้เลย เพราะเค้าพูดกันเร็วมากๆ แต่เราก็พยายามจำศัพท์ใหม่ๆ ส่วนเด็กๆ ยังพูดไม่ค่อยชัด ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ โชคดีที่เด็กยังฟังเราพูดรู้เรื่อง ว่ากันว่าถ้าพูดภาษาอังกฤษให้เด็กฟังและเด็กเข้าใจเรา ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่ง ตอนนั้นเวลาเราจะพูดภาษาอังกฤษ เรายังต้องคิดในใจก่อนเป็นภาษาไทย แล้วจึงแปลเป็นอังกฤษ ก่อนที่จะเอ่ยคำพูดออกมา ช่วงนั้นยอมรับว่าฟังรู้บ้างไม่รู้บ้าง ยิ่งตอนที่เจอสำเนียงพี่มืดพูด ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่เลย เป็นโชคดีของเราที่ระแวกบ้านที่เราอยู่ไม่มีคนไทยเลย ทำให้วันทั้งวันและทุกวันต้องใช้ชีวิตอยู่กับภาษาอังกฤษ ดูหนัง ฟังเพลง ไปจ่ายตลาด ซื้อของ ทุกอย่าง จนกระทั่งได้รู้จักเพื่อนแถวบ้าน ก็ยังไม่ใช่คนไทยอีก ไม่ได้พูดภาษาไทยเลย ยกเว้นโทรกลับเมืองไทย หรือเจอฝนกับสุในบางครั้งบางคราว หลังจากเวลาผ่านไปสามเดือน วันหนึ่งเรากับ Daggieเพื่อนจากบราซิล พาเด็กๆไปที่สนามเด็กเล่น ช่วงที่เรานั่งคุยกันอยู่นั้น จู่ๆก็คิดได้ว่า เอ่ะ ทำไมเราพูดภาษาอังกฤษออกมาโดยไม่ต้องนึกเป็นภาษาไทยอีกต่อไปแล้วหว่า เราสามารถโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ทันที เราหันไปบอกDaggie และเค้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เราทั้งคู่ดีใจกันใหญ่ที่ภาษาอังกฤษของเราสองคนพัฒนาไปแบบไม่รู้ตัว จากวันนั้นถึงวันนี้ ภาษาอังกฤษก็เหมือนเป็นภาษาที่สองของเราไปซะแล้ว น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาฝรั่งเศสเลย เคยลองกลับไปทบทวนและคุยกับเพื่อนชาวฝรั่งเศส ก็รู้สึกว่าไม่ถนัดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยังฟังรู้เรื่อง การอ่านและการเขียนยังไม่ลบเลือน แต่เวลาพูด ลิ้นมันเริ่มแข็งแล้วซิ แต่ก็คิดว่าคงจะไม่ลืมไปเลยทีเดียว ภาษาอังกฤษไม่ยากอย่างที่คิด เราเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้ได้เหมือนกัน การฝึกฝนแบบง่ายๆก็คือพยายามจำศัพท์เยอะๆ ดูหนังที่เป็นซาวน์แทรคบ่อยๆ ฟังเพลงภาษาอังกฤษและพยายามจับคำ ร้องตาม ฝึกออกเสียงหน้ากระจก อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ หรือเขียนบันทึกเรื่องราวเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่ทำให้ภาษาอังกฤษของเราพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เพราะเราทดลองทำมาหมดแล้ว ได้ผลจริงๆ
Free TextEditor
Create Date : 20 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 20 มิถุนายน 2554 7:00:00 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1175 Pageviews. |
|
|
บลอก น่ารักมาก ๆเลยค่ะ
แล้วจะแวะมาใหม่ อิอิ