Group Blog
 
 
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
"กอฟ-อัครา"ฝึกธรรม รู้จักโลกคือรู้จักตัวเราเอง

อนงค์ จันทร - เรื่อง สมรัก บรรลังก์ - ภาพ

นอกเหนือจากการแสดงที่สร้างสีสันอยู่ในวงการบันเทิง พระเอก "กอฟ" อัครา อมาตยกุล ยังมีมุมชีวิตที่ศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง

ถึงขั้นศึกษาเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ดังหลายท่าน รวมถึงหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ วัดสนามใน จังหวัดนนทบุรี ในแนวทางเจริญสติ


"ผมนั่งสมาธิมาตลอด ถามว่าไปวัดบ่อยไหม ก็ไม่ค่อยบ่อย แต่ทำที่บ้าน นั่งสมาธิที่บ้านครั้งหนึ่งก็ประมาณสองถึงสองชั่วโมงครึ่ง

ผมเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์หลายท่าน ก่อนหน้านี้ผมฝึกสายวิปัสสนากรรมฐาน คือนั่งเข้าฌาน ซึ่งผมทำมาเป็นเวลา 3-4 ปีแล้ว ซึ่งก็ดีเพราะว่าให้พื้นฐานในเรื่องสมาธิเยอะมาก แต่เราไม่ได้ขึ้นไปในเรื่องของวิปัสสนา ยังไม่ได้เอามาปรับให้เป็นปัญญา"

พระเอกหน้าคมเข้มกล่าวถึงที่มาที่ไปถึงความสนใจนี้ว่า มีมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว คุณย่าคุณยายชอบพาเข้าวัด คุยเรื่องธรรมะตั้งแต่เด็ก พาไปใส่บาตร จึงเหมือนกับว่าโตขึ้นมาด้วยพื้นฐานของ พระพุทธศาสนาที่ค่อนข้างซีเรียส นอกจากนี้ยังชอบค้นคว้าด้านปรัชญามาตลอดว่าคนเราเกิดมาทำไม

"ตอนนั้นอายุแค่ 5 ขวบ วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ เสร็จแล้วเราก็หยุดแวบหนึ่งมองขึ้นไปบนฟ้า เหมือนมีคำถามขึ้นมาในใจว่า เราเกิดมาทำไม เหมือนอีกนิดเดียวจะคิดได้แล้ว แต่มันก็หายไป ตอนนั้นเราก็เด็ก เราไม่ได้ใส่ใจอะไร ก็ไปเล่นต่อ พอโตขึ้นมาถึงช่วงที่เราไปเรียนเมืองนอกเรารู้สึกว่าอยากที่จะค้นหาตัวเอง ค้นหาว่ามนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร" พระเอกกอฟกล่าว

ด้วยความสนใจนี้ช่วงที่ไปเรียนต่อต่างประเทศนาน 15 ปี ตั้งแต่ 11 ขวบ ทำให้เลือกเรียนด้านจิตวิทยา ปรัชญาต่างๆ ซึ่งเป็นแนวคิดของตะวันตกที่วิเคราะห์ขึ้น แล้วแต่ว่าจะอ่านของใคร นำเอามาใช้กับชีวิตได้หรือไม่

ช่วงที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศกอฟกล่าวว่า ซึมซับวัฒนธรรมของฝรั่งมาด้วยเช่นกันในด้านความคิด กล้าที่จะค้นหาความเป็นจริง กล้าแสดงความเป็นตัวตนของตัวเองออกมา ไม่กลัวในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อะไรที่ไม่ชอบก็บอกตรงๆ เป็นคนพูดตรง เอาในสิ่งที่ดีๆ ของเขามา

ตอนที่กลับมาเมืองไทยใหม่ๆ จึงปรับตัวเยอะเหมือนกัน แต่ขณะเดียวกันก็ได้เริ่มศึกษาเรื่องของธรรมะด้วย

จากตอนแรกที่ไม่รู้ว่าการนั่งสมาธิ ถือศีล คืออะไร รู้แค่เข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ เหมือนที่คน 90 เปอร์เซ็นต์จะรู้แค่นี้

"คนเราส่วนใหญ่ไปวัดแล้วจะไปขอโน่นขอนี่ ตั้งแต่ผมไปปฏิบัติธรรมและหันมามองตัวเองรู้สึกเลยว่าแต่ก่อนเราเข้าไปก็ขอเยอะมาก เหมือนกับว่าความต้องการมันไม่จบ ถ้าได้ก็ดีใจ แต่พอไม่ได้ก็รู้สึกว่าทำไมไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าความรู้ในเรื่องพระพุทธศาสนาของคนไทยค่อนข้างบิดเบือน ไป รู้กันแบบผิดๆ เหมือนกับว่าเราปลูกฝังกันแบบนี้ ผมไม่ใช่บอกว่าคุณต้องมาเจริญสตินะ แต่ต้องมารู้จักตัวเอง เพราะว่าคนเราจะรู้จักคนอื่นมากกว่าตัวเองอีก"

กอฟจึงเริ่มอ่านหนังสือพระที่เป็นภาษาอังกฤษก่อน รู้สึกว่าเนื้อหาค่อนข้างครอบจักรวาล พูดถึงวิถีของปรัชญา ค้นหาสิ่งที่เป็นตัวเอง พยายามศึกษาตรงนี้ แต่ว่าไม่มีแนวทาง มีแต่แนวคิด

ช่วงที่อ่านหนังสือนี้เริ่มเข้าใจว่าคนเราเกิดมาทำไม แล้วทุกอย่างมีเรื่องของกรรมดีกรรมชั่ว ก็เข้าใจมากขึ้น และระหว่างนี้ยังแลกเปลี่ยนหนังสือธรรมะกับแฟนคลับ ซึ่งมีน้องคนหนึ่งแนะนำหนังสือของ "ศิริพงษ์ อัครศรียุกต์" ชื่อ "ความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้า" ชักชวนให้ไปเข้าคอร์ส อ่านแล้วก็อยากรู้ เลยโทร.ไปจองเข้าคอร์สที่แถวบ้านให้แม่ ให้น้อง ไปเรียนทั้งวัน ตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืน

"คนที่เขาให้ความรู้กับเราเก่ง ไม่เบื่อเลย เป็นสิ่งที่ใหม่ เราอยากรู้ว่ามันมีทางไหนที่ทำให้รู้มากกว่านี้ วันนั้นนั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง ยังรู้สึกว่าไม่ได้อะไร ผมเป็นคนที่ถ้าจะทำอะไรต้องทำจริงจัง ต้องทำให้ได้ เลยกลับไปนั่งเองที่บ้าน วันแรกนั่งได้ครึ่งชั่วโมง วันที่สองชั่วโมงกว่า ก็ยังไม่อะไร จนถึงวันที่สาม ลองนั่งดูซิ เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าลองไปทำแล้วมันไม่เวิร์กก็ไม่เอา นั่งไปชั่วโมงกว่าเกือบสองชั่วโมง จนเหน็บชา ไม่รู้จะ ยังไง พอถึงจุดๆ หนึ่ง มันดับไปเหมือนกับความทุกข์หรือความสุขที่เรามีเกิดขึ้นก็ต้องดับไป เป็นไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้นแล้ว ไม่ได้มีอยู่จริง เดี๋ยวก็หายไป"

จากนั้นกอฟนั่งสมาธิได้นานเป็นชั่วโมง จากเดิมทำไม่ได้เลย เคยแต่สวดมนต์ไหว้พระ และจาก 5 นาทีก็ไม่ไหวเพราะมีเรื่องโน่นนี่เข้ามาในหัว ค่อยๆ เรียนรู้เทคนิคที่ทำให้สู้กับความคิด จนตอนนี้นั่งได้ครั้งละเป็นชั่วโมงกว่า และทุกวันนี้ยังถืออุโบสถ ในวันพระคือศีล 8

"เรื่องนี้ทำให้เราเปลี่ยนความคิด การรู้ในเรื่องของการปฏิบัติ พอเราทำมาได้ 3-4 ปี มันก็โอเคนะ ชีวิตเราก็ดี ทำให้เรารู้ว่าชีวิตพอถึงจุดที่สูงมันก็สูงมาก แต่พอถึงจุดที่ต่ำมันก็ไม่ได้ต่ำมาก ยังดำเนินชีวิตต่อไปได้ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร"

จากนั้นพระเอกคนดังศึกษาในสายสมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน ไปเรียนที่วัดถ้ำขวัญเมืองที่ จ.ชุมพร ตามด้วยการศึกษาสายเจริญสติ วัดป่ามหาปัญโญ ของหลวงตาสุริยา มหาปัญโญ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ไปเข้าคอร์ส 7 วัน

"ผมขึ้นไปที่แม่ริม เมืองกะ ที่นั่นเป็นวัดที่สงบมาก ตอนแรกว่าจะไปแค่ 7 วัน ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะว่าเขามีท่า เป็นการสร้างจังหวะยกมือ 14 ท่า ซึ่งคนที่เป็นสายของหลวงพ่อเทียนจะทราบ ตอนแรกที่เห็นผมงงๆ คนที่ไปเขาก็ยกมือทำท่ากันตลอด พระท่านก็เทศน์ไป วันแรกไปถึงก็ค่ำแล้ว เข้าไปเห็นเขายกมือกัน ผมก็มองว่าเขายกอย่างไร โอเค เขายกซ้ายก่อนแล้วค่อยขวาตาม มันคือการสร้างจังหวะ ให้สมาธิมาอยู่กับกายที่เคลื่อนไหว มีฐานในเรื่องของการรู้สึกตัวก่อน เอาความรู้สึกตัวให้อยู่กับกาย ไม่ว่ากายจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ให้รู้ มันจะได้รู้ถึงจิตของเราว่าเป็นอย่างไร รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นั่นก็คือความคิด"

ในคอร์สครั้งนั้นปรากฏว่ากอฟขยายเวลาอยู่ต่อเป็น 13 วัน แล้ว กลับมาทำงานต่อด้วยความอิ่มเอมใจว่าได้พื้นฐานที่แน่นมาหลังฝึกฝน กับพระอาจารย์ที่เข้ม

"แต่ก่อนเราไม่รู้ นั่งสมาธินิ่งก็จริง มีความสุขมาก สว่างเหมือนนั่งอยู่กลางท้องฟ้า เบา สบาย แต่พอออกมามันก็ยังทุกข์ ไม่ได้ทำให้ความทุกข์หายไปได้ เราไม่รู้วิธีการกำจัดความทุกข์ ความรำคาญใจหรือว่าความวิตกกังวลได้ ถามว่าดีไหม ดีมาก แต่มันก็เป็นพื้นฐานให้เรา เวลาทำงานเรามีสมาธิเยอะมาก เวลาทำอะไรก็เต็มที่ได้ไม่เหนื่อย เป็นคนบ้าพลัง จากเป็นคนที่บ้าพลังอยู่แล้ว พอเรามีสมาธิยิ่งทำให้เราทำงานได้สบายขึ้น ทีนี้พอเรามาเจริญสติในสายของหลวงพ่อเทียนทำให้เราอยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้น"

หลังจากนั้นอีก 3 สัปดาห์เป็นวันครบรอบ 100 ปีของหลวงพ่อเทียน จิตฺต สุโภ วัดสนามใน จังหวัดนนทบุรี มีการจัดคอร์สอีก 7 วัน พระเอกหนุ่มเคลียร์งานทุกอย่างไปเข้าคอร์สอีก โดยเรียนกับหลวงพ่อมหาดิเรก (หลวงพ่อดิเรก พุทธยานันโท)

ท่านทดสอบอารมณ์เราตลอด เป็นปัญหาเชาวน์ ให้รู้รูปนาม หลังจากนั้นได้รู้รูปนามว่ามันคืออะไร กายเราก็เป็นรูป จิตเราก็คือนาม ก็เข้าใจตรงนี้มากขึ้น แยกแยะได้ ทำให้ไม่ยึดติดเรื่องของนาม เข้าใจมากขึ้น

"ความโกรธแค้น อิจฉาริษยา ดีใจ เสียใจ มันคือนามหมด ความคิดต่างๆ เราก็สัมผัสได้ คนส่วนใหญ่ทุกข์เพราะความคิด ถ้าเราไม่คิดเราก็ไม่ทุกข์ ส่วนใหญ่ความคิดของคนเราเกิดจากสันดานของตัวเอง ความคิดของเรามีสองแบบ อย่างแรกความคิดที่เกิดจากสันดาน พอเราไปกระทบหรืออะไรเข้ามากระทบ ความคิดจะขึ้นมาเอง พอคิดก็เป็นความรู้สึก ความคิดอีกอย่างก็คือคิดจากปัญหา ของเราเองว่าถ้าเรามีปัญหาเข้ามาในชีวิตเราจะให้วิธีแก้ปัญหาตรงนั้นอย่างไร ในหน้าที่การงานเราจะทำอย่างไรนั้นคือความคิดที่มาจากปัญญา"

กอฟกล่าวว่า เมื่อได้พื้นฐานในการคิดจึงรู้ทันตัวเอง ไม่อ่อนไหวไปตามข้างนอกที่เข้ามาว่าคนนั้นคนนี้มองเราอย่างนี้ ทำให้อารมณ์เสีย ซึ่งอารมณ์ของเราส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออก ก็จะทำให้เกิดความทุกข์ แต่ถ้าใจเรามาอยู่กับกาย นั่งท่าไหน ขยับอย่างไร เรารู้ตัวเอง

"ก่อนผมได้อ่านหนังสือพระ เขาเขียนว่าให้เรารู้จักโลก เราก็ไม่เข้าใจ คิดว่าเขาบอกให้เราเข้าใจทุกอย่างในโลกใบนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าที่เขาบอกว่าให้รู้จักโลกของเราคือให้รู้จักตัวเราให้ดีที่สุด ส่วนใหญ่คนจะชอบรู้จักคนอื่นดีกว่าตัวเอง แต่ตัวเองไม่ค่อยรู้จัก เวลามีความทุกข์เลยไม่รู้ว่ามาจากไหน ก็ไปโทษคนอื่น ทำให้เกิดปัญหาเรื่องราวมากมาย"

หลักธรรมในสายนี้สอนให้อยู่กับปัจจุบัน อดีตคือเรื่องที่จบไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง ไม่ต้องสนใจ อยู่กับปัจจุบัน แล้วตามปัจจุบันให้ทัน เพราะว่าปัจจุบันมันผ่านไปเหมือนเข็มวินาที เราต้องตามทุกวินาทีนั้นให้ทัน เหมือนกายเราก็ต้องขยับไปตลอด ต้องทำโน่นนี่ เราต้องตามตัวเองให้ทัน เลยทำให้เราไม่ทุกข์

"อย่างผมถามว่าเจอความทุกข์บ้างไหม มีครับ เพราะว่าเราก็ต้องทำงาน ต้องเจอคน เพียงแค่เราทุกข์น้อยลงหรือแทบจะไม่ทุกข์เลย เพราะบางทีเราก็ไม่รับเข้ามาตั้งแต่แรกในเรื่องของความทุกข์ หรือว่าความสุขบางทีเราก็ไม่เอาเลย สุขบางอย่างมันก็เป็นทุกข์ เราต้องไปหาความสุขใส่ตัว บางคนต้องไปเที่ยวหาความสุข มันก็เหนื่อยนะ เพราะว่าเราต้องเดินทาง ต้องแพ็ก กระเป๋า บางคนอยากกินโน่น อยาก กินนี่ ขับรถออกไปเจอรถติดอีก คนที่บอกว่าไปหาความสุขเข้าตัวเองจริงๆ แล้วไม่ เป็นการหาความทุกข์เข้าตัวเอง"

กอฟยังแนะนำให้ผู้สนใจศึกษาธรรมสายนี้ว่า มีอยู่หลายวัด เช่น วัดแพร่แสงเทียน จ.แพร่ วัดป่าโสมพนัส จ.สกลนคร วัดป่ามหาปัญโญ จ.เชียงใหม่ ฯลฯ

เมื่อถามว่าเข้าใจพระพุทธศาสนาขนาดนี้เคยคิดจะบวชไหม กอฟกล่าวว่า "ตอนนี้ก็บวชอยู่แล้ว (หัวเราะ) ผมแฮปปี้กับปัจจุบัน อยู่กับปัจจุบัน ถ้าจะบวชไม่บวชมันอยู่ที่อนาคต แต่ว่าเราอยู่กับปัจจุบัน เรายังมีหน้าที่ในทางโลกอยู่ แต่เราก็หาทางออกที่จะไม่ต้องทุกข์กับมันคือใช้ทางธรรมเดินไปพร้อมๆ กันได้ ใครที่สนใจก็ไปลองเรียนกันดูครับ"

 //www.khaosod.co.th


Create Date : 26 ตุลาคม 2554
Last Update : 13 ธันวาคม 2554 15:52:33 น. 1 comments
Counter : 1532 Pageviews.

 
"ขุนเพชรขุนราม" เจ้าของblogที่มีสาระมากมาย
แวะเข้ามาอ่าน อยู่บ่อย ๆ ค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะและก็
สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ


โดย: Sunitj (sue_nite ) วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:1:20:09 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.